เผื่อว่าเรื่องราวประสบการณ์ของเรา จะเป็นประโยชน์แก่เด็กที่กำลังเรียนอยู่ เด็กจบใหม่ หรือคนอื่นๆ เราขออนุญาติใช้พื้นที่ของ เว็บ Pantip เป็นสื่อในการแชร์ครั้งนี้
เราไม่ท้าวความมาก คร่าวๆ คือ ครอบครัวเรามี 4 คน พ่อ แม่ เรา และน้องสาว มีฐานะยากจน พ่อหาเลี้ยงคนเดียว เราทำงานเล็กๆน้อยๆตั้งแต่มัธยมปีที่สาม (ตอนประถมเรียนฟรี) มัธยมเรียนถูก มหาลัยเสียเงิน แต่ว่ากู้เงินเรียน ส่วนรายเดือน ทำงานหาเงินใช้เองช่วงมหาลัย รับจ็อบไปเรื่อยๆ
.
ตอนเรียนมอหก เราได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Happy Birth Day ที่อนันดาเล่น เราชอบพอตเรื่องนี้ เราอินกับนางเอก ในเรื่องนางเอกเป็นไกด์ ทำงานในบริษัททัวร์ เราก็อยากทำบ้าง
.
ช่วงมหาลัย เรามีโอกาสสอบได้เรียน ในคณะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว (ไม่ลงรายละเอียด เอาเป็นว่าเราชอบมาก ยิ่งชอบ ก็ยิ่งตั้งใจ ครูโหด เรียนยาก เรียนหนัก แต่ก็รัก สนุกจริงๆ )
.
เมื่อปี 3 ฝึกงานในบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง เราได้รับการกระทำที่ไม่ค่อยดี จากพี่ๆในที่ทำงาน ไม่ค่อยมีใครอยากสอนงานเรา เราใหม่ เราอยากรู้ไปหมด ฝึกอยู่ 3 เดือน เราต้องเรียนรู้เอง เค้าไม่สอน แต่จะชอบตะค่อกเสียงใส่เรา เรารู้สึกแย่มาก จนไม่อยากจะตื่นไปฝึกงานเลยจริงๆ แต่เราเป็นคนอยากรู้อยากเห็นไปหมด เราเริ่มเก็บ และศึกษามันด้วยตัวเอง เราก็พอรู้บ้างแล้ว
.
ในช่วงปี 4 เราเลือกที่จะฝึกงานโรงแรม เพราะช่วงนั้นใกล้จบ เราต้องทำงานนอกเพิ่มขึ้น เราต้องหาเงิน จึงอยากทำงานที่ได้ฝึกใช้ภาษา และงานเบาๆ และอยากได้ คอนเนคชั่น ( สำคัญคือ อยากลองทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวทั้งหมด เพราะเทอมสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวไม่ได้ลอง )
.
*** เมื่อฝึกงานเสร็จ ทำเรื่องเรียนจบเรียบร้อย ก็เข้าสู่ช่วงปลาทอง โหลแตก !! ไป..ทาง..ไหน..ดี ? ***
.
ที่ทำงานที่แรก >> เป็นบริษัททัวร์ที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง เราต้องนั่งรถไฟใต้ดินต่อเรือ ไปทำงานทุกวัน ตื่นเต้นตามประสาเด็ก กับที่ทำงานที่แรก ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตแบบสาวออฟฟิศ ตื่นเต้นที่มีโต๊ะทำงานตัวใหญ่เป็นของตัวเอง ราคาค่าตัวตอนนั้นอยู่ที่ 14,000 บาท นับว่า start น้อยที่สุดในบรรดาเพื่อนเราที่จบใหม่ๆ บริษัทนี้เป็นบริษัทที่ทำทัวร์แบบกรุ๊ปเหมาองค์กรเท่านั้น ไม่รับลูกค้าขาจร ทำเฉพาะทริป Private VIP เจ้านายมี 2 คน อีกคนใจดีเป็นเหมือนอาจารย์ สอนแบบดุๆ อีกคนเชิงคุณนายๆ ไม่สอนแต่ด่า - -‘’ เราทำงานได้ ประมาณ 6 เดือน เราก็ขอลาออก เพราะว่าเจ้านาย อีกคนที่คุณนายๆ คนนั้นอ่ะ เค้าด่าเราแบบไม่มีเหตุผล เรารู้สึกว่า ....
.... เวลาเรามีค่ามากกว่านั้น
.....เราไม่อยากทำงาน ไม่อยากพัฒนาองค์กรให้คนๆนี้
ประโยคที่ได้จากการทำงานที่แรกคือ “ นี่เธอ จบปริญญาตรีหรอ ? ถ้าไม่บอกชั้นนึกว่าเธอ จบแค่ มอหกซะอีกนะ ”
แชร์ประสบการณ์เรียนจบ ภายใน 3 ปี ทำงาน 4 บริษัท จากเด็ก จนๆ กู้ กยศ.เรียน สู่ เจ้าของธุรกิจ (เขาหาว่าเราไม่ทนงาน)
เราไม่ท้าวความมาก คร่าวๆ คือ ครอบครัวเรามี 4 คน พ่อ แม่ เรา และน้องสาว มีฐานะยากจน พ่อหาเลี้ยงคนเดียว เราทำงานเล็กๆน้อยๆตั้งแต่มัธยมปีที่สาม (ตอนประถมเรียนฟรี) มัธยมเรียนถูก มหาลัยเสียเงิน แต่ว่ากู้เงินเรียน ส่วนรายเดือน ทำงานหาเงินใช้เองช่วงมหาลัย รับจ็อบไปเรื่อยๆ
.
ตอนเรียนมอหก เราได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Happy Birth Day ที่อนันดาเล่น เราชอบพอตเรื่องนี้ เราอินกับนางเอก ในเรื่องนางเอกเป็นไกด์ ทำงานในบริษัททัวร์ เราก็อยากทำบ้าง
.
ช่วงมหาลัย เรามีโอกาสสอบได้เรียน ในคณะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว (ไม่ลงรายละเอียด เอาเป็นว่าเราชอบมาก ยิ่งชอบ ก็ยิ่งตั้งใจ ครูโหด เรียนยาก เรียนหนัก แต่ก็รัก สนุกจริงๆ )
.
เมื่อปี 3 ฝึกงานในบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง เราได้รับการกระทำที่ไม่ค่อยดี จากพี่ๆในที่ทำงาน ไม่ค่อยมีใครอยากสอนงานเรา เราใหม่ เราอยากรู้ไปหมด ฝึกอยู่ 3 เดือน เราต้องเรียนรู้เอง เค้าไม่สอน แต่จะชอบตะค่อกเสียงใส่เรา เรารู้สึกแย่มาก จนไม่อยากจะตื่นไปฝึกงานเลยจริงๆ แต่เราเป็นคนอยากรู้อยากเห็นไปหมด เราเริ่มเก็บ และศึกษามันด้วยตัวเอง เราก็พอรู้บ้างแล้ว
.
ในช่วงปี 4 เราเลือกที่จะฝึกงานโรงแรม เพราะช่วงนั้นใกล้จบ เราต้องทำงานนอกเพิ่มขึ้น เราต้องหาเงิน จึงอยากทำงานที่ได้ฝึกใช้ภาษา และงานเบาๆ และอยากได้ คอนเนคชั่น ( สำคัญคือ อยากลองทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวทั้งหมด เพราะเทอมสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวไม่ได้ลอง )
.
.
ที่ทำงานที่แรก >> เป็นบริษัททัวร์ที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง เราต้องนั่งรถไฟใต้ดินต่อเรือ ไปทำงานทุกวัน ตื่นเต้นตามประสาเด็ก กับที่ทำงานที่แรก ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตแบบสาวออฟฟิศ ตื่นเต้นที่มีโต๊ะทำงานตัวใหญ่เป็นของตัวเอง ราคาค่าตัวตอนนั้นอยู่ที่ 14,000 บาท นับว่า start น้อยที่สุดในบรรดาเพื่อนเราที่จบใหม่ๆ บริษัทนี้เป็นบริษัทที่ทำทัวร์แบบกรุ๊ปเหมาองค์กรเท่านั้น ไม่รับลูกค้าขาจร ทำเฉพาะทริป Private VIP เจ้านายมี 2 คน อีกคนใจดีเป็นเหมือนอาจารย์ สอนแบบดุๆ อีกคนเชิงคุณนายๆ ไม่สอนแต่ด่า - -‘’ เราทำงานได้ ประมาณ 6 เดือน เราก็ขอลาออก เพราะว่าเจ้านาย อีกคนที่คุณนายๆ คนนั้นอ่ะ เค้าด่าเราแบบไม่มีเหตุผล เรารู้สึกว่า ....
.... เวลาเรามีค่ามากกว่านั้น
.....เราไม่อยากทำงาน ไม่อยากพัฒนาองค์กรให้คนๆนี้
ประโยคที่ได้จากการทำงานที่แรกคือ “ นี่เธอ จบปริญญาตรีหรอ ? ถ้าไม่บอกชั้นนึกว่าเธอ จบแค่ มอหกซะอีกนะ ”