คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
คุณน่ารักจังค่ะ... ที่ถามคำถามแบบนี้ ที่รู้ตัวว่าพลาด แล้วอยากรีบแก้ไข 
เราเป็นตรงข้ามกับคุณค่ะ สมัยให้คำปรึกษาใหม่ๆ ใครมีเรื่องเศร้าหนักๆมาให้ช่วย เราอินมาก เศร้าไปด้วยทั้งวัน
กว่าจะหาทางออกเจอ โดยเปลี่ยนความเศร้ามาเป็นเห็นธรรมสังเวช ก็ใช้เวลามากโขในการฝึกฝนค่ะ..
แต่เรารับมือกับคนโกรธ/ความโกรธของพวกเขาได้สบาย
เราใช้หลัก "อยากดับไฟ อย่าใส่น้ำมัน" มาตลอดเลยค่ะ
ถ้าเราไปมีอารมณ์ร่วม เราจะช่วยอะไรเขาไม่ได้ หนำซ้ำไฟโทสะของเขายังลามมาไหม้ใจเราได้อีก
หากเขาหาแนวร่วม เราจะไม่ขัดเขาในทันที ปล่อยให้เขาพูดไปก่อน แล้วหาช่อง ค่อยๆแทรกข้อเท็จจริงลงไป
พอเขาได้ระบาย พออารมณ์เบา พอใจเย็น ถึงจะยอมฟังเหตุผลค่ะ
หากคู่กรณีของเขาผิดจริงๆ เราจะแสดงความเห็นใจเขา
ปล่อยให้เขาระบายพักใหญ่ๆ แล้วค่อยๆเปลี่ยนเรื่อง ให้เขามานึกถึงเรื่องที่เขามีความสุข
เช่น ทำเป็นนึกขึ้นได้ว่า ลูกสาวเขาเพิ่งประกวดได้รางวัลอะไรมา แล้วถามรายละเอียดจากเขา
คนเราจะมีอารมณ์ได้ทีละอย่างค่ะ พอเขานึกถึงลูกสาว ใจอยากจะเล่าถึง จะเต็มไปด้วยเมตตา
โทสะต่อศัตรูจะเบาบางลงได้แทบจะทันทีเพราะเขาเลิกโฟกัสอารมณ์นั้นค่ะ

เราเป็นตรงข้ามกับคุณค่ะ สมัยให้คำปรึกษาใหม่ๆ ใครมีเรื่องเศร้าหนักๆมาให้ช่วย เราอินมาก เศร้าไปด้วยทั้งวัน
กว่าจะหาทางออกเจอ โดยเปลี่ยนความเศร้ามาเป็นเห็นธรรมสังเวช ก็ใช้เวลามากโขในการฝึกฝนค่ะ..
แต่เรารับมือกับคนโกรธ/ความโกรธของพวกเขาได้สบาย
เราใช้หลัก "อยากดับไฟ อย่าใส่น้ำมัน" มาตลอดเลยค่ะ
ถ้าเราไปมีอารมณ์ร่วม เราจะช่วยอะไรเขาไม่ได้ หนำซ้ำไฟโทสะของเขายังลามมาไหม้ใจเราได้อีก
หากเขาหาแนวร่วม เราจะไม่ขัดเขาในทันที ปล่อยให้เขาพูดไปก่อน แล้วหาช่อง ค่อยๆแทรกข้อเท็จจริงลงไป
พอเขาได้ระบาย พออารมณ์เบา พอใจเย็น ถึงจะยอมฟังเหตุผลค่ะ
หากคู่กรณีของเขาผิดจริงๆ เราจะแสดงความเห็นใจเขา
ปล่อยให้เขาระบายพักใหญ่ๆ แล้วค่อยๆเปลี่ยนเรื่อง ให้เขามานึกถึงเรื่องที่เขามีความสุข
เช่น ทำเป็นนึกขึ้นได้ว่า ลูกสาวเขาเพิ่งประกวดได้รางวัลอะไรมา แล้วถามรายละเอียดจากเขา
คนเราจะมีอารมณ์ได้ทีละอย่างค่ะ พอเขานึกถึงลูกสาว ใจอยากจะเล่าถึง จะเต็มไปด้วยเมตตา
โทสะต่อศัตรูจะเบาบางลงได้แทบจะทันทีเพราะเขาเลิกโฟกัสอารมณ์นั้นค่ะ

แสดงความคิดเห็น
จะให้คำปรึกษาอย่างไรโดยที่เราไม่ผสมโรงไปกับอารมณ์ของเขา
ถ้าเพื่อนมาด้วยอารมณ์เศร้า เรายังรักษาใจเราให้เป็นปกติได้นะคะ คือไม่เศร้าตามเขาได้ และดึงสติเขากลับมาได้
แต่เวลาที่เพื่อนมาปรึกษาด้วยอารมณ์โกรธหรือเกลียด เรารู้สึกว่า บางครั้งเราดันไปผสมโรงกับเขาด้วย เรากำลังเอาปัญหาของเขามาเป็นของเราอยู่รึเปล่า เรากำลังร่วมโกรธไปกับเขา ซึ่งเราไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย (เราอยากให้เพื่อนสบายใจขึ้นโดยที่เราไม่ต้องร่วมพูดถึงในสิ่งที่ไม่ดีของคนอื่น หรือไปสนับสนุนหรือแสดงความเห็นด้วยกับอารมณ์ทางลบของเขาอ่ะค่ะ)
มีวิธีคิดหรือวิธีฝึกตัวเองยังไงบ้างคะ ในการรักษาใจตัวเองให้เป็นปกติ และอยู่ในฐานะผู้ฟังอย่างเป็นกลาง ไม่หลุดเข้าไปในอารมณ์ทั้งหลายของคนที่เข้ามาปรึกษาอ่ะค่ะ
หรือเราควรไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยาในการให้คำปรึกษาเพิ่มดี
ขอบคุณมากค่ะ
#แท็กศาสนาพุทธด้วย เพราะคิดว่าน่าจะมีวิธีฝึกให้รู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองค่ะ