สวัสดีครับ เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ยังคงเป็นเรื่องราวของความเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่อาจเอามาพิสูจน์หรือมาตีแผ่ให้ได้เห็นกันได้อย่างชัดเจนสำหรับผู้อ่านทุกท่าน เพราะคงจะมีเพียง ผม กับ เจ้าของเรื่อง ที่รับรู้และฝังมันลงไว้ในส่วนของความทรงจำอย่างไม่มีวันลืมเลือน
ปล.โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านเนื่องจากเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล อย่างไรก็ขอให้อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมได้มีโอกาสเข้าไปรับรู้และร่วมอยู่ในเหตุการณ์บางส่วนในช่วงที่เกินจะแก้ไขไปแล้วส่วนจุดเริ่มต้นของเรื่องราวนี้ผมจะเล่าให้ฟังด้วยคำพูดของผมซึ่งได้ฟังมาจากเจ้าตัวเขาอีกทีหนึ่ง โดยการพูดคุยครั้งนี้ก็กินเวลาไปสองสามเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวของ พี่ปลา มันเยอะเหลือเกิน
ย้อนกลับไปช่วงกลางๆของชีวิตในมหาวิทยาลัยช่วงที่เรื่องการเรียนยังไม่เข้มข้นเท่ากิจกรรมที่ยังไม่หมดไป ผมได้ยินเรื่องราวเรื่องหนึ่งผ่านหูเข้ามาจากคนรอบข้างโดยไม่มีรายละเอียด เรียกได้ว่าคงจะเป็น เรื่องเมาท์ มากกว่าเรื่องจริง
ในตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายก็แค่ฟังๆไปเหมือนกับเรื่องอื่นๆทั่วๆไปจนวันหนึ่งได้รู้ว่าเรื่องที่ว่านั้นมันเป็น เรื่องจริง แล้วมันก็มาถึงตัวผมในที่สุด
ปากต่อปากทำให้ พี่ปลา ได้ยินเรื่องของผมมาบ้างเหมือนกับที่ผมได้ยินเรื่องของเธอ เพื่อนที่ไม่ได้สนิทกันมากนักแต่ก็รู้จักกันมาถามผมอีกทีแต่ก็เหมือนแค่บอกไม่ได้มีรายละเอียดอะไร แต่ไม่รู้ไปมาอย่างไรสุดท้ายคนที่เข้ามาคุยกับผมเป็น พี่ที่รู้จักกันคนหนึ่ง พี่ทีไม่ได้ติดต่อกันมานานพอสมควรแต่ความสนิทสนมมันไม่เคยจางไป
ผมรับปากพี่เขาไว้ว่าจะลองคุยดูแต่ก็ไม่รับรองว่าจะได้ความอะไรมากมายเพราะส่วนมากแล้วเรื่องที่เข้ามาหาผมมักจะเป็นเรื่องราวของ ผู้เสียหาย หรือผู้ถูกกระทำ แต่จากข่าวเมาท์ที่ได้ยินได้ฟังมารายนี้เป็น ผู้กระทำ
เหมือนอย่างเคยในทุกๆครั้งผมนั่งรอ พี่ปลา อยู่ที่ตึกหนึ่งในมหาวิทยาลัย ไม่นานนักเธอก็เดินมาพร้อมกับเพื่อนอีกคน
เราแนะนำตัวกันไม่มากนักแล้วก็เข้าเรื่องต่อเลยเพราะผมก็มีธุระต่อเช่นกัน เธอเหมือนไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่าอย่างไรดี ผมคิดว่าคงเพราะ อาย น่าจะเป็นอย่างนั้น
สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นส่วนที่ผมได้ฟังมา แต่ก็จะขอเล่าในแบบของตัวเองแล้วกันนะครับ
เธอออกตัวกับผมก่อนว่าตัวเองเกิดมาในครอบครัวที่ ไม่อบอุ่น เหมือนอยากจะให้เราทำความเข้าใจเผื่อว่าอะไรๆมันจะดีขึ้น เธอโตมาเรียกได้ว่าแทบจะตัวคนเดียว มีญาติดูแลอยู่ด้วยก็จริงแต่พ่อแม่นั้นไม่ได้อยู่ด้วย
ทั้งสองคนไม่ได้แยกทางและไม่ได้ทิ้งเธอไปไหนเพียงแต่ว่ามีงานการที่ดีอยู่เมืองนอกก็เลยไม่ได้เลี้ยงลูกเอง ตรงนี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่เอาไปอยู่ด้วยกันและเหมือนเธอก็ไม่อยากจะบอก
เธอไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินทองเพราะพ่อแม่ส่งมาให้มากกว่าที่จะต้องใช้เสียด้วยซ้ำ พอพูดอย่างนี้ก็เลยเผลอมองไปที่การแต่งตัวกับข้าวของเครื่องใช้ก็คงจริงอย่างที่ว่า ส่วนใหญ่ก็เป็นของมีราคา
เธอเป็นคนสวยในระดับหนึ่งเลยอาจจะไม่โดดเด่นมากนักแต่ก็เรียกได้ว่าเป็นคน หน้าตาดี แต่ทำไมเรื่องที่ได้ยินมามันดูไม่เข้ากันเสียเลย
เธอวนเข้าเรื่องด้วยคำถามที่เอาผมตอบไม่ถูกเช่นกัน ‘คงเคยได้ยินมาบ้างแล้วใช่ไหมคะ’ ผมก็ได้แต่พยักหน้าเบาๆไม่กล้าทวนถามคำถามนั้น
พี่ปลายอมรับกับผมว่าเรื่องที่ได้ยินมานั้นเป็น เรื่องจริง เธอทำอย่างนั้นจริงๆ เธอบอกกับผมว่าเธอขาดความอบอุ่นและโหยหาความรักอย่างรุนแรงตั้งแต่ช่วงเริ่มโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่น มันมากขึ้นช่วงที่เรียน ม.ปลาย
เธอไม่ได้แค่อยากมีแฟนมีความรักเหมือนคนทั่วๆไป แต่เธออยากครอบครองและถูกครอบครองจากคนข้างๆ เธอข้ามเส้นของความสัมพันธ์ไปไกลตั้งแต่ยังอยู่ ม.ปลาย มันเป็นอย่างนั้นเรื่อยมา และทุกครั้งมันก็จบลงที่ เธอถูกทิ้งอยู่เป็นประจำ
หลายครั้งที่ทุ่มเทลงไปทั้งเงินทั้งร่างกาย แต่มันก็ซ้ำรอยทุกทีเธอว่าอย่างนั้น และเธอก็บอกต่ออีกว่าเธออยู่คนเดียวไม่ได้ พอคนนี้จากไปก็ต้องรีบหาคนใหม่เข้ามา
ฟังมาตั้งนานก็ยังคงไม่เข้าเรื่องเสียทีจนผมต้องเสียมารยาทขอให้เธอวนเข้าประเด็นโดยเร็วเพราะกลัวว่าจะไม่ทันเวลา เธออึกอักเล็กน้อยสูดหายใจเข้าลึกๆพร้อมฉายแววความกลัวให้เห็น
เรื่องทั้งหมดมันเริ่มต้นขึ้นจริงๆตอนที่เธอเรียนอยู่ปีหนึ่งปลายๆตอนนั้นเธอก็เหมือนกับทุกๆครั้ง เธอพยายามมองหาใครสักคนเข้ามาในชีวิต แล้วในที่สุดเธอก็ไปถูกใจ ผู้ชายคนหนึ่ง
เธอใช้เวลาอยู่ไม่นานนักก็ได้ใกล้ชิดและคบกันเป็นแฟนกับคนที่เธอชอบ แต่คนนั้นก็หน้าตาดีพอสมควรไม่แปลกนักที่จะมีคนวนเข้ามาแวะเวียนหว่านเสน่ห์ใส่แล้วคนของเธอก็มีความเจ้าชู้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
หลายครั้งที่เธอจับได้ถึงการนอกใจน้อยบ้างมากบ้างแต่ก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่เธอจะยอม เลิก ได้แต่ทะเลาะกันไปเป็นครั้งๆ
และเหมือนผู้ชายจะเริ่ม เบื่อ จนมีอาการออกห่างให้รู้สึกได้เธอที่ไวต่อเรื่องพวกนี้ก็เริ่มเอะใจแล้วก็เริ่มกังวล
จากกังวลมันก็กลายเป็นระแวงเธอทำหลายๆอย่างเพื่อให้เขาไม่จากไป แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้อะไรขึ้นมา จนสุดท้ายเธอก็หันไปพึ่ง ไสยศาสตร์
พี่ปลาหันไปมองเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ ทั้งสองคนมีความรู้สึกผิดอยู่บ้าง เธอบอกว่าเพื่อนมาแนะนำเพราะได้ยินมาว่ามีคนเขารับทำเสน่ห์อยู่ไม่ไกลนักแถมยังดูจะขลังอีกด้วย
ใจหนึ่งกลัวแต่ก็ไม่เท่าความกลัวว่าจะโดนทิ้งสุดท้ายเธอก็ไปตามคำแนะนำของเพื่อนสาว
ที่บ้านหลังนั้นเป็นบ้านเก่าๆอยู่ไปทางนอกเมืองแต่สำหรับคนมีรถยนต์มันก็ไม่ได้ไกลมากนัก ในครั้งแรกที่เธอไป หมอคนนั้นทายทักเธอถูกไปเสียทุกเรื่องจนเริ่มเกิดความศรัทธาในคนแปลกหน้าคนนี้ แล้วเธอก็เสียเงินบูชา น้ำมันพราย กลับมาหนึ่งขวด
บางคนคงคิดว่าน้ำมันพรายมีไว้ให้สำหรับผู้ชายใช้ แต่เปล่าเลย ผู้หญิงก็สามารถใช้ได้เช่นกันแต่บางครั้งก็ไม่เข้มขลังเท่าชายเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นมันจึงมีวิธีการที่เพิ่มเข้ามาเพื่อเสริมความขลัง
เธอบอกว่าน้ำมันพรายนั้นขวดไม่ใหญ่มากและก็ใช้ได้นานเพราะใช้ครั้งละน้อยๆ เธอพยายามเก็บมันไว้ให้ดีที่สุดเพราะกลิ่นของมันมักจะเล็ดลอดออกมาอยู่บ่อยๆ
เธอแอบผสมน้ำมันพรายลงในอาหารทุกครั้งที่เธอมีโอกาส และมันก็ได้ผลอย่างที่คิดจริงๆ แฟนของเธอกลับมาดีด้วยเอาใจใส่เหมือนอย่างเคย และที่แน่ๆคือ เขาไม่ไปยุ่งกับคนอื่นๆอีกแล้ว
เรื่องราวเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดีจนวันหนึ่งที่เธอเพิ่งรู้สึกตัวว่าน้ำมันพรายที่บูชามามันกำลังจะหมด ด้วยความร้อนใจเธอโทรหาหมอคนเดิมเพื่อจะไปบูชามาอีกครั้ง
ครั้งนี้ก็คงเหมือนครั้งที่แล้วเธอคิดแบบนั้น แค่ซื้อ แล้วก็ กลับ เพราะเธอจดจำวิธีใช้ได้อย่างขึ้นใจ ในตอนที่นั่งรอรับของนั้นหมอก็ถามถึงผลลัพธ์ของสินค้าที่ตัวเองทำขึ้น เธอตอบแบบขอไปทีเพราะไม่อยากคุยอะไรมากนักจนสะดุดในประโยคของเจ้าของวิชา
‘หมอมีอีกวิชาหนึ่งที่ได้ผลมากกว่าสนใจไหม’
บอกตามตรงว่าคำเชิญชวนนั้นน่าสนใจอย่างมากสำหรับเธอ แต่เธอยังคงกลัวในเรื่องของสิ่งที่ตัวเอง ยังไม่รู้จักดีนัก จึงปฏิเสธไป ด้วยเห็นว่าวิธีเดิมมันก็ได้ผลดีอยู่แล้ว อีกอย่างอยู่กันมานานความสัมพันธ์ที่มีคงจะช่วยสร้างความผูกพันทางจิตใจไว้บ้างแล้ว
และแน่นอนว่าเหมือนกับเรื่องตลกแกล้งกัน น้ำมันพรายที่เธอบูชามาใหม่ในคราวนี้กลับไม่ได้ผล ชายหนุ่มเริ่มไม่สนใจและออกห่างเธอ บ่อยครั้งที่มีปากเสียงกันจากเรื่องไม่เป็นเรื่องและฝ่ายชายก็เริ่มที่จะไม่เป็นตัวของตัวเอง จากคนอารมณ์ดีกลับอารมณ์ร้อนไร้เหตุผล ในที่สุดทั้งสองคนก็แยกทางกัน
เธอพยายามง้ออยู่นานก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลแต่มันยังพอทนเพราะฝ่ายชายไม่ได้ถึงขั้นตัดขาดความสัมพันธ์ยังคงมีการพูดคุยกันอยู่บ้าง แต่แล้วความอดทนก็หมดไปเมื่อพี่ปลาได้ข่าวว่าชายหนุ่มของเธอกำลัง มีคนใหม่
จริงเท็จแค่ไหนเธอไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยหลับหูหลับตาเชื่อ และโกรธ ทางออกของเธอคือ กลับไปหาหมอคนนั้นอีกครั้งโดยที่โทรนัดไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว และในวันที่จะไปพบนั้นให้นำข้าวของของฝ่ายชายติดตัวมาด้วย
เธอหยิบเอาเสื้อยืดตัวหนึ่งที่เหลืออยู่ในห้องของเธอไปพบหมอตามคำสั่ง เมื่อไปถึงหมอก็นั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอร้อนใจจนไม่รู้จะกล่าวทักทายอะไร หมอจึงเป็นฝ่ายเอ่ยทักก่อน
‘เอาแน่นะ คราวนี้ของแรงนะ’
เธอไม่สนใจอะไรแล้วจึงตอบตกลงอย่างรีบร้อน ในที่สุดเสื้อผ้าของฝ่ายชายก็ถูกตัดออกมาเป็นชิ้นเล็กชื้นหนึ่งวางแยกไว้จากนั้นนำเสื้อที่เหลือทั้งตัวไปเผาในอ่างดินจนไหม้หมดไม่เหลือ มีเพียงเศษขี้เถ้าดำๆภายในอ่าง
เศษซากพวกนั้นถูกนำมาปั้นรวมกับวัตถุดิบอื่นที่เตรียมไว้อย่างพร้อมเพรียง ไม่นานก็ได้หุ่นดินปั้นตัวหนึ่ง เธอบอกกับผมว่าเธอคิดว่าคงจะเหมือนที่เคยได้ยินคือปั้นหุ่นผู้หญิงอีกตัวแล้วมัดไว้คู่กันด้วยสายสิญจน์
แต่คราวนี้กลับไม่ใช่ หมอหยิบเอาขวดน้ำมันพรายเล็กๆที่เหมือนอันที่เธอมีหยดลงไปบนตัวหุ่นพร้อมกำกับด้วยวิชาที่เธอฟังไม่เข้าใจ หมอขอให้เธอเขียนชื่อกับวันเดือนปีเกิดของทั้งสองคนใส่กระดาษใบเล็กๆที่ยื่นให้
หลังจากเขียนเสร็จเข้าก็ยัดมันลงไปกลางตัวหุ่นดินปั้นจบพิธีด้วยการนำเส้นผมยาวๆที่เกาะกันเป็นก้อนออกมาจากบาตรพระเก่าๆใต้โต๊ะหมู่บูชาแล้วมัดปมไว้รอบคอของหุ่นดินปั้น
‘ยังไม่เสร็จ หลังจากแฟนกลับมาอยู่ด้วยแล้วต้องมาหาอีกครั้ง’
หมอสั่งเสียด้วยคำนี้ทำให้เธอไม่สบายใจนักแต่ก็คงต้องทำตามเพราะไม่สามารถหันหลังกลับได้แล้ว และในที่สุดเธอก็ได้แฟนคืนมาในเวลาเพียงสองสามวัน เธอมัวแต่มีความสุขจนลืมไปแล้วว่า เธอต้องกลับไปอีกครั้ง
ในคืนก่อนที่เธอจะกลับไปนั้นเธอฝันเห็นใครบางคนที่มานั่งอยู่ใกล้ๆเธอตอนที่เธอหลับ เธอแน่ใจว่ามันคือฝันแต่มันก็เหมือนจริงเสียเหลือเกิน
กลิ่นคาวๆที่เธอได้กลิ่นเป็นประจำทุกเดือนวันนี้มันรุนแรงผิดปกติและตัวเองก็รู้ตัวว่าคืนนั้นประจำเดือนยังไม่มา กลิ่นนั้นแรงจนคนนอนหลับต้องลืมตามาดูรอบๆตัว ภาพฝันนั้นเหมือนจริงราวกับตื่นอยู่
ในความฝันนั้นตรงข้างๆคนของเธอที่ตอนนี้หลับสนิทอยู่มีเงาร่างของใครบางคนนั่งจ้องอย่างไม่วางตา ร่างนั้นมองอยู่นานสองนานก็ไม่มีทีท่าจะขยับมีแต่เธอที่กลัวจนตัวแข็งไปหมด เงานั้นรู้ว่ามีคนมองอยู่จึงเงยหน้ามามองและยิ้มให้ด้วยความน่าขนลุก
เธอตื่นมาในตอนสายของวันหยุดที่แฟนเธอนั่งเล่นเกมอยู่ไม่ไกลจากเตียงเท่าใดนัก แฟนหนุ่มเดินเข้ามาหยอกล้อเหมือนทุกๆทีพร้อมหยิบเอาเส้นผมที่ร่วงอยู่บนเตียงมาแกล้งเธอ
‘อีกหน่อยหัวล้านซะมั้งเธอเนี่ย’
คนพูดหยอกล้อยิ้มอย่างมีความสุขแต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเพราะคนตรงหน้าไม่เล่นด้วย ชายหนุ่มนึกว่าแฟนสาวงอนเขาเสียแล้วเขาได้แต่กอดง้อด้วยความน่ารัก แต่จริงๆแล้วที่ปลานิ่งไปไม่ได้เป็นเพราะงอน แต่มันเป็นเพราะเส้นผมนั้นไม่ใช่ของเธอ
พี่ปลาบอกกับผมอย่างมั่นใจว่ามันไม่ใช่เส้นผมของเธอ ผู้หญิงมักจะแยกออกว่าผมตัวเองเป็นอย่างไร สองสามวันต่อมาเธอนอนไม่ค่อยหลับแต่ก็ไม่เคยฝันถึงเรื่องนั้นอีก
จนเธอมีเวลาว่างมากพอเธอรีบกลับมาหาหมอคนเดิมแล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง หมอหัวเราะ
ประสบการณ์ 'คนทำของ'
ปล.โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านเนื่องจากเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล อย่างไรก็ขอให้อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมได้มีโอกาสเข้าไปรับรู้และร่วมอยู่ในเหตุการณ์บางส่วนในช่วงที่เกินจะแก้ไขไปแล้วส่วนจุดเริ่มต้นของเรื่องราวนี้ผมจะเล่าให้ฟังด้วยคำพูดของผมซึ่งได้ฟังมาจากเจ้าตัวเขาอีกทีหนึ่ง โดยการพูดคุยครั้งนี้ก็กินเวลาไปสองสามเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวของ พี่ปลา มันเยอะเหลือเกิน
ย้อนกลับไปช่วงกลางๆของชีวิตในมหาวิทยาลัยช่วงที่เรื่องการเรียนยังไม่เข้มข้นเท่ากิจกรรมที่ยังไม่หมดไป ผมได้ยินเรื่องราวเรื่องหนึ่งผ่านหูเข้ามาจากคนรอบข้างโดยไม่มีรายละเอียด เรียกได้ว่าคงจะเป็น เรื่องเมาท์ มากกว่าเรื่องจริง
ในตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายก็แค่ฟังๆไปเหมือนกับเรื่องอื่นๆทั่วๆไปจนวันหนึ่งได้รู้ว่าเรื่องที่ว่านั้นมันเป็น เรื่องจริง แล้วมันก็มาถึงตัวผมในที่สุด
ปากต่อปากทำให้ พี่ปลา ได้ยินเรื่องของผมมาบ้างเหมือนกับที่ผมได้ยินเรื่องของเธอ เพื่อนที่ไม่ได้สนิทกันมากนักแต่ก็รู้จักกันมาถามผมอีกทีแต่ก็เหมือนแค่บอกไม่ได้มีรายละเอียดอะไร แต่ไม่รู้ไปมาอย่างไรสุดท้ายคนที่เข้ามาคุยกับผมเป็น พี่ที่รู้จักกันคนหนึ่ง พี่ทีไม่ได้ติดต่อกันมานานพอสมควรแต่ความสนิทสนมมันไม่เคยจางไป
ผมรับปากพี่เขาไว้ว่าจะลองคุยดูแต่ก็ไม่รับรองว่าจะได้ความอะไรมากมายเพราะส่วนมากแล้วเรื่องที่เข้ามาหาผมมักจะเป็นเรื่องราวของ ผู้เสียหาย หรือผู้ถูกกระทำ แต่จากข่าวเมาท์ที่ได้ยินได้ฟังมารายนี้เป็น ผู้กระทำ
เหมือนอย่างเคยในทุกๆครั้งผมนั่งรอ พี่ปลา อยู่ที่ตึกหนึ่งในมหาวิทยาลัย ไม่นานนักเธอก็เดินมาพร้อมกับเพื่อนอีกคน
เราแนะนำตัวกันไม่มากนักแล้วก็เข้าเรื่องต่อเลยเพราะผมก็มีธุระต่อเช่นกัน เธอเหมือนไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่าอย่างไรดี ผมคิดว่าคงเพราะ อาย น่าจะเป็นอย่างนั้น
สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นส่วนที่ผมได้ฟังมา แต่ก็จะขอเล่าในแบบของตัวเองแล้วกันนะครับ
เธอออกตัวกับผมก่อนว่าตัวเองเกิดมาในครอบครัวที่ ไม่อบอุ่น เหมือนอยากจะให้เราทำความเข้าใจเผื่อว่าอะไรๆมันจะดีขึ้น เธอโตมาเรียกได้ว่าแทบจะตัวคนเดียว มีญาติดูแลอยู่ด้วยก็จริงแต่พ่อแม่นั้นไม่ได้อยู่ด้วย
ทั้งสองคนไม่ได้แยกทางและไม่ได้ทิ้งเธอไปไหนเพียงแต่ว่ามีงานการที่ดีอยู่เมืองนอกก็เลยไม่ได้เลี้ยงลูกเอง ตรงนี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่เอาไปอยู่ด้วยกันและเหมือนเธอก็ไม่อยากจะบอก
เธอไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินทองเพราะพ่อแม่ส่งมาให้มากกว่าที่จะต้องใช้เสียด้วยซ้ำ พอพูดอย่างนี้ก็เลยเผลอมองไปที่การแต่งตัวกับข้าวของเครื่องใช้ก็คงจริงอย่างที่ว่า ส่วนใหญ่ก็เป็นของมีราคา
เธอเป็นคนสวยในระดับหนึ่งเลยอาจจะไม่โดดเด่นมากนักแต่ก็เรียกได้ว่าเป็นคน หน้าตาดี แต่ทำไมเรื่องที่ได้ยินมามันดูไม่เข้ากันเสียเลย
เธอวนเข้าเรื่องด้วยคำถามที่เอาผมตอบไม่ถูกเช่นกัน ‘คงเคยได้ยินมาบ้างแล้วใช่ไหมคะ’ ผมก็ได้แต่พยักหน้าเบาๆไม่กล้าทวนถามคำถามนั้น
พี่ปลายอมรับกับผมว่าเรื่องที่ได้ยินมานั้นเป็น เรื่องจริง เธอทำอย่างนั้นจริงๆ เธอบอกกับผมว่าเธอขาดความอบอุ่นและโหยหาความรักอย่างรุนแรงตั้งแต่ช่วงเริ่มโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่น มันมากขึ้นช่วงที่เรียน ม.ปลาย
เธอไม่ได้แค่อยากมีแฟนมีความรักเหมือนคนทั่วๆไป แต่เธออยากครอบครองและถูกครอบครองจากคนข้างๆ เธอข้ามเส้นของความสัมพันธ์ไปไกลตั้งแต่ยังอยู่ ม.ปลาย มันเป็นอย่างนั้นเรื่อยมา และทุกครั้งมันก็จบลงที่ เธอถูกทิ้งอยู่เป็นประจำ
หลายครั้งที่ทุ่มเทลงไปทั้งเงินทั้งร่างกาย แต่มันก็ซ้ำรอยทุกทีเธอว่าอย่างนั้น และเธอก็บอกต่ออีกว่าเธออยู่คนเดียวไม่ได้ พอคนนี้จากไปก็ต้องรีบหาคนใหม่เข้ามา
ฟังมาตั้งนานก็ยังคงไม่เข้าเรื่องเสียทีจนผมต้องเสียมารยาทขอให้เธอวนเข้าประเด็นโดยเร็วเพราะกลัวว่าจะไม่ทันเวลา เธออึกอักเล็กน้อยสูดหายใจเข้าลึกๆพร้อมฉายแววความกลัวให้เห็น
เรื่องทั้งหมดมันเริ่มต้นขึ้นจริงๆตอนที่เธอเรียนอยู่ปีหนึ่งปลายๆตอนนั้นเธอก็เหมือนกับทุกๆครั้ง เธอพยายามมองหาใครสักคนเข้ามาในชีวิต แล้วในที่สุดเธอก็ไปถูกใจ ผู้ชายคนหนึ่ง
เธอใช้เวลาอยู่ไม่นานนักก็ได้ใกล้ชิดและคบกันเป็นแฟนกับคนที่เธอชอบ แต่คนนั้นก็หน้าตาดีพอสมควรไม่แปลกนักที่จะมีคนวนเข้ามาแวะเวียนหว่านเสน่ห์ใส่แล้วคนของเธอก็มีความเจ้าชู้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
หลายครั้งที่เธอจับได้ถึงการนอกใจน้อยบ้างมากบ้างแต่ก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่เธอจะยอม เลิก ได้แต่ทะเลาะกันไปเป็นครั้งๆ
และเหมือนผู้ชายจะเริ่ม เบื่อ จนมีอาการออกห่างให้รู้สึกได้เธอที่ไวต่อเรื่องพวกนี้ก็เริ่มเอะใจแล้วก็เริ่มกังวล
จากกังวลมันก็กลายเป็นระแวงเธอทำหลายๆอย่างเพื่อให้เขาไม่จากไป แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้อะไรขึ้นมา จนสุดท้ายเธอก็หันไปพึ่ง ไสยศาสตร์
พี่ปลาหันไปมองเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ ทั้งสองคนมีความรู้สึกผิดอยู่บ้าง เธอบอกว่าเพื่อนมาแนะนำเพราะได้ยินมาว่ามีคนเขารับทำเสน่ห์อยู่ไม่ไกลนักแถมยังดูจะขลังอีกด้วย
ใจหนึ่งกลัวแต่ก็ไม่เท่าความกลัวว่าจะโดนทิ้งสุดท้ายเธอก็ไปตามคำแนะนำของเพื่อนสาว
ที่บ้านหลังนั้นเป็นบ้านเก่าๆอยู่ไปทางนอกเมืองแต่สำหรับคนมีรถยนต์มันก็ไม่ได้ไกลมากนัก ในครั้งแรกที่เธอไป หมอคนนั้นทายทักเธอถูกไปเสียทุกเรื่องจนเริ่มเกิดความศรัทธาในคนแปลกหน้าคนนี้ แล้วเธอก็เสียเงินบูชา น้ำมันพราย กลับมาหนึ่งขวด
บางคนคงคิดว่าน้ำมันพรายมีไว้ให้สำหรับผู้ชายใช้ แต่เปล่าเลย ผู้หญิงก็สามารถใช้ได้เช่นกันแต่บางครั้งก็ไม่เข้มขลังเท่าชายเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นมันจึงมีวิธีการที่เพิ่มเข้ามาเพื่อเสริมความขลัง
เธอบอกว่าน้ำมันพรายนั้นขวดไม่ใหญ่มากและก็ใช้ได้นานเพราะใช้ครั้งละน้อยๆ เธอพยายามเก็บมันไว้ให้ดีที่สุดเพราะกลิ่นของมันมักจะเล็ดลอดออกมาอยู่บ่อยๆ
เธอแอบผสมน้ำมันพรายลงในอาหารทุกครั้งที่เธอมีโอกาส และมันก็ได้ผลอย่างที่คิดจริงๆ แฟนของเธอกลับมาดีด้วยเอาใจใส่เหมือนอย่างเคย และที่แน่ๆคือ เขาไม่ไปยุ่งกับคนอื่นๆอีกแล้ว
เรื่องราวเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดีจนวันหนึ่งที่เธอเพิ่งรู้สึกตัวว่าน้ำมันพรายที่บูชามามันกำลังจะหมด ด้วยความร้อนใจเธอโทรหาหมอคนเดิมเพื่อจะไปบูชามาอีกครั้ง
ครั้งนี้ก็คงเหมือนครั้งที่แล้วเธอคิดแบบนั้น แค่ซื้อ แล้วก็ กลับ เพราะเธอจดจำวิธีใช้ได้อย่างขึ้นใจ ในตอนที่นั่งรอรับของนั้นหมอก็ถามถึงผลลัพธ์ของสินค้าที่ตัวเองทำขึ้น เธอตอบแบบขอไปทีเพราะไม่อยากคุยอะไรมากนักจนสะดุดในประโยคของเจ้าของวิชา
‘หมอมีอีกวิชาหนึ่งที่ได้ผลมากกว่าสนใจไหม’
บอกตามตรงว่าคำเชิญชวนนั้นน่าสนใจอย่างมากสำหรับเธอ แต่เธอยังคงกลัวในเรื่องของสิ่งที่ตัวเอง ยังไม่รู้จักดีนัก จึงปฏิเสธไป ด้วยเห็นว่าวิธีเดิมมันก็ได้ผลดีอยู่แล้ว อีกอย่างอยู่กันมานานความสัมพันธ์ที่มีคงจะช่วยสร้างความผูกพันทางจิตใจไว้บ้างแล้ว
และแน่นอนว่าเหมือนกับเรื่องตลกแกล้งกัน น้ำมันพรายที่เธอบูชามาใหม่ในคราวนี้กลับไม่ได้ผล ชายหนุ่มเริ่มไม่สนใจและออกห่างเธอ บ่อยครั้งที่มีปากเสียงกันจากเรื่องไม่เป็นเรื่องและฝ่ายชายก็เริ่มที่จะไม่เป็นตัวของตัวเอง จากคนอารมณ์ดีกลับอารมณ์ร้อนไร้เหตุผล ในที่สุดทั้งสองคนก็แยกทางกัน
เธอพยายามง้ออยู่นานก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลแต่มันยังพอทนเพราะฝ่ายชายไม่ได้ถึงขั้นตัดขาดความสัมพันธ์ยังคงมีการพูดคุยกันอยู่บ้าง แต่แล้วความอดทนก็หมดไปเมื่อพี่ปลาได้ข่าวว่าชายหนุ่มของเธอกำลัง มีคนใหม่
จริงเท็จแค่ไหนเธอไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยหลับหูหลับตาเชื่อ และโกรธ ทางออกของเธอคือ กลับไปหาหมอคนนั้นอีกครั้งโดยที่โทรนัดไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว และในวันที่จะไปพบนั้นให้นำข้าวของของฝ่ายชายติดตัวมาด้วย
เธอหยิบเอาเสื้อยืดตัวหนึ่งที่เหลืออยู่ในห้องของเธอไปพบหมอตามคำสั่ง เมื่อไปถึงหมอก็นั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอร้อนใจจนไม่รู้จะกล่าวทักทายอะไร หมอจึงเป็นฝ่ายเอ่ยทักก่อน
‘เอาแน่นะ คราวนี้ของแรงนะ’
เธอไม่สนใจอะไรแล้วจึงตอบตกลงอย่างรีบร้อน ในที่สุดเสื้อผ้าของฝ่ายชายก็ถูกตัดออกมาเป็นชิ้นเล็กชื้นหนึ่งวางแยกไว้จากนั้นนำเสื้อที่เหลือทั้งตัวไปเผาในอ่างดินจนไหม้หมดไม่เหลือ มีเพียงเศษขี้เถ้าดำๆภายในอ่าง
เศษซากพวกนั้นถูกนำมาปั้นรวมกับวัตถุดิบอื่นที่เตรียมไว้อย่างพร้อมเพรียง ไม่นานก็ได้หุ่นดินปั้นตัวหนึ่ง เธอบอกกับผมว่าเธอคิดว่าคงจะเหมือนที่เคยได้ยินคือปั้นหุ่นผู้หญิงอีกตัวแล้วมัดไว้คู่กันด้วยสายสิญจน์
แต่คราวนี้กลับไม่ใช่ หมอหยิบเอาขวดน้ำมันพรายเล็กๆที่เหมือนอันที่เธอมีหยดลงไปบนตัวหุ่นพร้อมกำกับด้วยวิชาที่เธอฟังไม่เข้าใจ หมอขอให้เธอเขียนชื่อกับวันเดือนปีเกิดของทั้งสองคนใส่กระดาษใบเล็กๆที่ยื่นให้
หลังจากเขียนเสร็จเข้าก็ยัดมันลงไปกลางตัวหุ่นดินปั้นจบพิธีด้วยการนำเส้นผมยาวๆที่เกาะกันเป็นก้อนออกมาจากบาตรพระเก่าๆใต้โต๊ะหมู่บูชาแล้วมัดปมไว้รอบคอของหุ่นดินปั้น
‘ยังไม่เสร็จ หลังจากแฟนกลับมาอยู่ด้วยแล้วต้องมาหาอีกครั้ง’
หมอสั่งเสียด้วยคำนี้ทำให้เธอไม่สบายใจนักแต่ก็คงต้องทำตามเพราะไม่สามารถหันหลังกลับได้แล้ว และในที่สุดเธอก็ได้แฟนคืนมาในเวลาเพียงสองสามวัน เธอมัวแต่มีความสุขจนลืมไปแล้วว่า เธอต้องกลับไปอีกครั้ง
ในคืนก่อนที่เธอจะกลับไปนั้นเธอฝันเห็นใครบางคนที่มานั่งอยู่ใกล้ๆเธอตอนที่เธอหลับ เธอแน่ใจว่ามันคือฝันแต่มันก็เหมือนจริงเสียเหลือเกิน
กลิ่นคาวๆที่เธอได้กลิ่นเป็นประจำทุกเดือนวันนี้มันรุนแรงผิดปกติและตัวเองก็รู้ตัวว่าคืนนั้นประจำเดือนยังไม่มา กลิ่นนั้นแรงจนคนนอนหลับต้องลืมตามาดูรอบๆตัว ภาพฝันนั้นเหมือนจริงราวกับตื่นอยู่
ในความฝันนั้นตรงข้างๆคนของเธอที่ตอนนี้หลับสนิทอยู่มีเงาร่างของใครบางคนนั่งจ้องอย่างไม่วางตา ร่างนั้นมองอยู่นานสองนานก็ไม่มีทีท่าจะขยับมีแต่เธอที่กลัวจนตัวแข็งไปหมด เงานั้นรู้ว่ามีคนมองอยู่จึงเงยหน้ามามองและยิ้มให้ด้วยความน่าขนลุก
เธอตื่นมาในตอนสายของวันหยุดที่แฟนเธอนั่งเล่นเกมอยู่ไม่ไกลจากเตียงเท่าใดนัก แฟนหนุ่มเดินเข้ามาหยอกล้อเหมือนทุกๆทีพร้อมหยิบเอาเส้นผมที่ร่วงอยู่บนเตียงมาแกล้งเธอ
‘อีกหน่อยหัวล้านซะมั้งเธอเนี่ย’
คนพูดหยอกล้อยิ้มอย่างมีความสุขแต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเพราะคนตรงหน้าไม่เล่นด้วย ชายหนุ่มนึกว่าแฟนสาวงอนเขาเสียแล้วเขาได้แต่กอดง้อด้วยความน่ารัก แต่จริงๆแล้วที่ปลานิ่งไปไม่ได้เป็นเพราะงอน แต่มันเป็นเพราะเส้นผมนั้นไม่ใช่ของเธอ
พี่ปลาบอกกับผมอย่างมั่นใจว่ามันไม่ใช่เส้นผมของเธอ ผู้หญิงมักจะแยกออกว่าผมตัวเองเป็นอย่างไร สองสามวันต่อมาเธอนอนไม่ค่อยหลับแต่ก็ไม่เคยฝันถึงเรื่องนั้นอีก
จนเธอมีเวลาว่างมากพอเธอรีบกลับมาหาหมอคนเดิมแล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง หมอหัวเราะ