
มหกรรมการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เป็นการแข่งขันที่รวมเอาทุกชาติทั่วโลกมาแข่งขันกันถึง 206 ประเทศ และจัดขึ้นทุกๆ4ปี นั้นก็คือ การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกหรือโอลิมปิกฤดูร้อน ซึ่งในปี2020 กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพในการจัดแข่งขันและแน่นอนประเทศญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร การคมนาคมขนส่งที่ครบครัน และสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย อีกทั้งยังมีมากมายสายการบินที่เดินทางจากประเทศไทยไปเพียงแค่ 6 ชั่วโมง ใครหละจะไม่สนใจมหกรรมกีฬาครั้งนี้
เราได้รวบรวมข้อมูลที่สำคัญเพื่อเตรียมตัววางแผนให้ได้ไปโตเกียวโอลิมปิก2020 ให้สมดั่งใจหวัง

1. ตั๋วเครื่องบิน
การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก โตเกียว2020 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม - 9 สิงหาคม 2020 รวมทั้งหมด17วัน เราต้องกำหนดวันที่เราจะไปให้แน่นอนก่อนจองตั๋วเครื่องบิน สมมุติ จะไปทั้ง17วัน ตลอดการแข่งขัน การเดินทางไปเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีสนามบินหลักๆอยู่ 2 สนามบิน คือสนามบิน Narita (NRT)และสนามบิน Haneda (HND) มีสายการบินมากมาย ทั้งโลว์คอสต์ และฟลูเซอร์วิส ทั้งบินตรงและ เปลี่ยนเครื่องลงจอดทุกวัน ถือว่าสะดวกสบายมากๆ มารู้จักประเภทของสายการบินกันก่อน จะได้เลือกกันได้ถูกใจ
สายการบิน Low Cost (โลว์คอสต์) คือสายการบินต้นทุนต่ำ ราคาตั๋วจะถูกและมีโปรโมชั่นออกมาบ่อยครั้ง แต่ราคาที่ถูก จะไม่รวม ค่าที่นั่ง ค่าอาหารและน้ำหนักกระเป๋า(สามารถถือขึ้นเครื่องได้ 7 กิโลกรัมฟรี) เอาง่ายๆคือต้องซื้อเพิ่มตามความสมัครใจของเรานั้นเอง สายการบินโลว์คอสต์ได้แก่ ThaiAirasia X ,Scoot ซึ่งจะบินตรงและ Tigerair (เปลี่ยนเครื่องที่ใต้หวัน) ราคาประมาณ 7,000-10,000 บาท
สายการบิน Full Service (ฟลูเซอร์วิส) คือสายการบิน ที่ราคาจะรวมทุกอย่างแล้ว ที่นั่ง อาหาร เครื่องดื่มต่างๆรวมแอลกอฮอล์ขอได้ไม่อั้น น้ำหนักระเป๋าและมีจอส่วนตัวเอาไว้ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์แก้เบื่อ สรุปคือไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มแล้ว และแน่นอนราคาจะสูงกว่า สายการบินโลว์คอสต์ สายการบินฟลูเซอร์วิสจะมีทั้งแบบบินตรง และเปลี่ยนเครื่องตามประเทศต่างๆของสายการบินแต่ละประเทศนั้นๆ บินตรงได้แก่ Thai Airways(TG) ,All Nippon Airways(ANA),Japan Airlines (JAL)สายการบินฟลูเซอร์วิสแบบเปลี่ยนเครื่อง ได้แก่ Singapore Airlines(SQ) , Vietnam Airlines,Cathay Pacific, Eva Airways,Malaysia Airlines,Philippine Airlines,China Airlines,Korean Air ราคาประมาณ 9,000-25,000 บาท
และแน่นอนว่า ช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ราคาตั๋วมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นซึ่งไม่อาจคาดเดาได้ ต้องค่อยเช็คราคาตั๋วและรอโปรโมชั่นอยู่เสมอๆ

2. ที่พักในโตเกียว
เรามาทำความรู้จัก เมืองโตเกียว กันก่อน โตเกียวเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ตรงกึ่งกลางของเกาะญี่ปุ่น ในปัจจุบันมีประชากรราว 13 ล้านคนทำให้โตเกียวเป็นจังหวัดใหญ่ที่สุดในจำนวน 47 จังหวัดของญี่ปุ่นและยังเป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โตเกียวเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมต่างๆ ในญี่ปุ่นทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และย่านท่องเที่ยวมากมาย ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ปีละหลายสิบล้านคนทั่วโลก
โตเกียวมีที่พักมากมายหลายสไตล์ หลายรูปแบบหลายราคาให้เลือกสรรค์ตามความชอบ ย่านสำคัญปลอดภัยเดินทางสะดวก และหาของรับประทานได้ง่ายคือ Ueno,Asakusa,Shinjuku,Shibuya,Ikebukuro,Ginza,Odiba,Tokyo มักจะเป็นตัวเลือกแรกๆที่นักท่องเที่ยวจะเลือกเข้าพัก
มีที่พักแบบไหนบ้าง
ในทุกๆย่านของโตเกียว จะมีที่พักหลายแบบประเภท โรงแรม มีตั้งแต่ 1ดาว จนถึง6ดาว ราคาก็ขึ้นอยู่ตามจำนวนของดาวและความหรูหรา มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันรวมถึงอาหารเช้า บางแห่งมีสระว่ายน้ำ ซาวน่า ให้บริการ ทำให้มีความสะดวกสบายและเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง ราคาต่อห้อง 2ท่าน ประมาณ 1500-10000 บาทต่อคืน
โฮสเทล คือ ที่พักนักท่องเที่ยวราคาประหยัดที่มีเพียงสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน เช่น เตียงนอน และที่เก็บของ ส่วนมากจะมีลักษณะคล้ายหอพัก มีเตียงสองชั้นหลายๆเตียงในห้องเดียวกัน สามารถรองรับผู้เข้าพักได้ตั้งแต่ 4,6,8 ไปจนถึง 12 คนต่อ ห้องบางแห่งจะแยกห้องพักสำหรับผู้หญิงไว้คนละส่วนเพื่อความปลอดภัยและสบายใจระหว่างเข้าพัก ใช้ห้องน้ำร่วมกันแต่ก็มีบางส่วนที่อาจเป็นห้องพักเดี่ยว ข้อเสีย เราต้องนอนรวมกับนักท่องเที่ยวคนอื่น อาจส่งเสียงดังและไม่เป็นส่วนตัวเท่าที่ควร ราคาต่อคนประมาณ 500-1000 บาทต่อคืน
โรงแรมแคปซูล เป็นโรงแรมราคาถูก ต้องการเพียงอาศัยหลับนอนชั่วข้ามคืน เน้นห้องพักขนาดเล็กมีพื้นที่สำหรับนอนเท่านั้น ห้องภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกคือ ฟูก หมอน ผ้าห่ม ทีวี เครื่องปรัปอากาศ ห้องน้ำเป็นแบบรวม มีออนเซน ซาวน่าและห้องอาบน้ำ ข้อเสีย การนอนโรงแรมแคปซูน จะมีกฎคือ ไม่ว่าจะพักกี่คืน ต้องเช็คเอาท์ทุก10โมง และเช็คอิน16.00 น. เพื่อจะได้ทำความสะอาดแคปซูนนั้นเอง
ราคาต่อคนประมาณ 750-1250 บาทต่อคืน
Airbnb คือการเช่าอพาร์ทเมนท์หรือห้องพักโดยตรงจากเจ้าของบ้าน วิธีการจองคล้ายๆกับจองโรงแรม แต่ Airbnb จะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า นอกจากนี้ยังสามารถทำอาหารกินเองหรือชวนเพื่อนมาได้อีกด้วย แต่ถ้าเช่าห้องแบบอยู่ในบ้านโฮสท์ ก็อาจจจะได้ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวหรือร้านอาหารดีๆจากโฮสท์อีกด้วย ข้อเสียคือเราต้องทำความสะอาดเองเนื่องจากไม่มีพนักงานทำความสะอาด และต้องทำตามกฏที่เจ้าของห้องตั้งไว้อีกด้วย ราคา500-1,000บาท หรือขึ้นอยู่กับเจ้าบ้าน
อย่าลืมคำนึงถึงความปลอดภัยกันด้วยนะ อย่าเน้นแต่ของถูกอย่างเดียว

3. บัตรเข้าชมการแข่งขันกีฬาต่างๆ
เป็นที่แน่นอนในการมาโอลิมปิกโตเกียวครั้งนี้ คือเราจะมาดูการแข่งขันกีฬาและมาเชียร์ทีมชาติไทย เราก็จะต้องซื้อบัตรเข้าชมกีฬา เราต้องวางแผนว่าจะไปชมพิธีเปิดไหม ไปเชียร์กีฬาอะไรบ้าง เพราะการแข่งขันมีทั้งหมด 33 กีฬา โดยมีรายการทั้งหมด 324 รายการ ราคาตั๋วของพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก 2020 ตั้งราคาไว้ระหว่าง 25,000 - 150,000 เยน หรือประมาณ 8,600-52,000บาทเลยทีเดียว ส่วนบัตรเข้าชมกีฬาต่างๆ จะอยู่ที่ 7,700 เยน หรือประมาณ 2,400 บาท แต่ถ้าเป็นกีฬายอดนิยมเช่น กรีฑาและว่ายน้ำ ยิ่งรอบชิงชนะเลิศ ราคาตั๋วจะยิ่งสูงขึ้นอีก ตั๋วในกีฬาโอลิมปิก 2020 จะจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อทั้งหมด 40,000 สาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น และจำหน่ายในอินเทอร์เน็ตก่อนหน้าการแข่งขัน 18 เดือน

4. ค่าเดินทางและค่าอาหารใช้ในแต่ละวัน
การเดินทางในโตเกียวส่วนใหญ่ จะโดยสารโดยรถไฟเป็นหลัก เพราะครอบคลุมและสะดวกสบาย รถไฟในโตเกียวจะมีหลายสายและหลายบริษัท คือ
- Japan Railways (JR) รถไฟบนดิน เป็นของรัฐบาล ซึ่งมีทั้งหมด10สาย สัญลักษณ์ เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตัวพิมพ์ใหญ่ JR
- Tokyo Metro (Subway) รถไฟใต้ดิน เป็นของบริษัทเอกชน มีสัญลักษณ์เป็นรูปตัว M ในกรอบสีฟ้า รถไฟใต้ดินประเภทนี้มีทั้งหมด 9 สาย
- Toei Subway รถไฟใต้ดิน มีสัญลักษณ์คล้ายพัดสีเขียว ดำเนินการก่อสร้างโดยรัฐบาลโตเกียว เป็นระบบรถไฟใต้ดินที่ดำเนินควบคู่กันไปกับรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro โดยมีเส้นทางทั้งหมด 4 สายด้วยกัน
นอกจากนี้ยังมีรถไฟใต้ดินของบริษัทเอกชนอื่นๆอีก7 สาย แต่จะวิ่งออกนอกเมือง Rinkai Line, Keikyu Line, Tokyu Line, Odakyu Line ,Seibu Line ,Tobu Line, Keisei Line ต้องยอมรับว่าโตเกียว มีรถไฟที่ครอบคลุมทุกพื้นที่หลายสายพันกันไปหมดชวนให้หลงได้ แต่ในความยากก็มีความง่ายซ่อนอยู่ คือจะมีบัตรรถไฟแบบเหมาจ่าย เรียกว่า Tokyo Subway Ticket (24-hour, 48-hour, 72-hour)สามารถใช้ได้กับโตเกียวเมโทรทุกสายและรถไฟใต้ดิน Toei แบบ 24 ชั่วโมง 800 เยน , 48 ชั่วโมง 1,200 เยน หรือ 72 ชั่วโมง 1,500 เยน นับจากเวลาเริ่มเดินทาง
นับได้ว่า รถไฟใต้ดินทั้งสองบริษัท ก็ครอบคลุมเมืองโตเกียวแล้ว แต่ไม่สามารถใช้กับรถไฟJR ,Rinkai Line,Keikyu Line ,Tokyu Line Odakyu Line ,Seibu Line Tobu Line ,Keisei Line ได้นะ แต่อย่ากังวลไป เพราะยังมีบัตรอีกประเภท ชื่อ Suica (ของ JR) กับ Pasmo (ของ metro) คือบัตรเดินทางแบบเติมเงิน(IC) ที่สามารถใช้ได้กับรถไฟเกือบทุกสายในโตเกียว รวมถึงรถบัส อีกทั้งยังสามารถใช้แทนเงินสดในการซื้อของตามร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารหรือตู้ขายสินค้าแบบหยอดเหรียญได้ด้วย ถือได้ว่ามีบัตรเดียว เดินทางเที่ยวได้ครบเลย
ได้บัตรรถไฟแล้วพอจะคำนวณค่าใช้จ่ายกันได้บ้างหรือยังและกองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราจะมาต่อกันที่เรื่องกินในโตเกียว อาหารญี่ปุ่นถือว่าเป็นที่นิยม
ในไทยมากๆ มีการทำรีวิวร้านอาหารมากมาย อย่ามัวรอช้า มาถึงประเทศต้นตำรับทั้งทีเราต้องลุยย!! ไม่ว่าจะเป็นซูชิ ซาซึมิ ราเมง เนื้อย่าง ข้าวหน้าเนื้อ หมูทงคัสสึ ข้าวหน้าปลาไหล ข้าวแกงกระหรี่ แม้กระทั้ง เครื่องดื่มและแอลกอฮอล์ ที่เรียงรายให้เลือกมากมาย ใครหละจะอดใจไหว ไหนจะขนม ไอศกรีม ซอฟครีมอีก อย่าเพิ่งคิดเรื่องน้ำหนักตอนนี้เลยฮ่าๆ ส่วนราคาอาหารมีตั้งแต่ร้านข้างทางราคาถูกไปถึงแพงระดับโรงแรม และมีหลายร้านที่เปิดตลอด24ชั่วโมง ถ้ากินแบบธรรมดา แต่อร่อยมีคุณภาพ จะตกมื้อละ 1,000 เยน 1วัน กิน 3มื้อ =3000 เยน เฉลี่ยแล้วถ้าคิดเป็นเงินไทยแบบกลางๆ อาจจะอยู่ที่ 1,000 บาทต่อวัน

5. ประกันการเดินทาง
ข้อนี้สำคัญมากๆสำหรับนักเดินทาง เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต อุบัติเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ถ้าเกิดขึ้นแล้ว เราจะต้องทำยังไง เพราะเป็นที่รู้ๆกันว่าการรักษาพยาบาลในประเทศญี่ปุ่นแพงมาก ไหนจะสื่อสารกันไม่เข้าใจ แล้วถ้าเกิดเหตุระหว่างเดินทางหละ เช่น ไฟลท์บินยกเลิก เครื่องดีเลย์ กระเป๋าล่าช้าหรืออาจหาย ปัญหาเหล่านี้จะทำให้เราหมดสนุกแน่นอน ดังนั้น ประกันการเดินทางจึงสำคัญมากๆ กันไว้ดีกว่าแก้ คงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดใช่ไหม แนะนำให้เลือกซื้อประกันภัยการเดินทางแบบไม่ต้องสำรองจ่ายนะ แบบที่เข้าไปรักษาได้ฟรีเลย มีหลายบริษัทให้เลือกครับ

6. เตรียมตัวเก็บเงิน
หลังจากที่เราได้รู้ข้อมูลประมาณการณ์ค่าใช้จ่ายต่างๆแล้ว เราจะต้องเก็บเงิน เดือนละเท่าไหร่ เรามาสรุปกัน สมมุติเราจะไปทั้งหมด17วันตลอดการแข่งขันโอลิมปิก
ค่าเครื่องบิน ไปกลับ 17,000 บาท
ค่าที่พัก นอนโรงแรม3ดาว รวมภาษี ประมาณคืนละ 3,000 บาท ต่อ2คน สรุปจะตกคนละ1,500 ต่อคืน พัก16 คืน = 24,000 บาท
บัตรค่าเข้าชมพิธีเปิด คิดในราคาที่ต่ำที่สุด = 8,600 บาท
บัตรเข้าชมกีฬาต่างๆ สมมุติไปชม 12วัน = 28,800 บาท
บัตรรถไฟ = 3,000บาท
ค่าอาหาร คิดวันละ1,000บาท 17วัน = 17,000บาท
ประกันการเดินทาง 17วัน = 1,650 บาท
ค่าใช้จ่ายจิปาถะ = 15,000 บาท
จำนวนเงินโดยประมาณ 115,050 บาท
สรุปแล้วต้องเก็บเงินวันละเท่าไหร่
ราคาค่าใช้จ่ายทั้งหมด 17 วัน =115,050 บาท
1ปีมี 12เดือน เหลือเวลาอีก 3ปี = 3,195 บาทต่อเดือน
1เดือน มี 30 วัน = 107 บาทต่อวัน
สรุป เก็บเงินเพียงวันละ 107 บาท เป็นเวลา 3 ปี ก็จะได้ไปมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว เรามาเริ่มเก็บเงินเพื่อไปเชียร์ทีมชาติไทยกันเถอะ ไทยแลนด์ๆๆ
ผมเป็นคนนึงที่อยากไปโอลิมปิกสักครั้งในชีวิต และครั้งนี้น่าจะมีโอกาสที่สุดที่จะได้ไป จึงได้ทำเพจเล็กๆขึ้นมาเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ วางแผน แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ใครมีแนวคิดคล้ายๆกัน มาคุยมาแชร์กันครับ
https://www.facebook.com/Wegotokyo2020/
ขอบคุณครับผม
อีก 3ปี ฉันจะไปโอลิมปิกกกกโตเกียว2020 กับวิธีเตรียมตัวเพื่อไปเชียร์ทีมชาติไทย
เราได้รวบรวมข้อมูลที่สำคัญเพื่อเตรียมตัววางแผนให้ได้ไปโตเกียวโอลิมปิก2020 ให้สมดั่งใจหวัง
1. ตั๋วเครื่องบิน
การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก โตเกียว2020 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม - 9 สิงหาคม 2020 รวมทั้งหมด17วัน เราต้องกำหนดวันที่เราจะไปให้แน่นอนก่อนจองตั๋วเครื่องบิน สมมุติ จะไปทั้ง17วัน ตลอดการแข่งขัน การเดินทางไปเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีสนามบินหลักๆอยู่ 2 สนามบิน คือสนามบิน Narita (NRT)และสนามบิน Haneda (HND) มีสายการบินมากมาย ทั้งโลว์คอสต์ และฟลูเซอร์วิส ทั้งบินตรงและ เปลี่ยนเครื่องลงจอดทุกวัน ถือว่าสะดวกสบายมากๆ มารู้จักประเภทของสายการบินกันก่อน จะได้เลือกกันได้ถูกใจ
สายการบิน Low Cost (โลว์คอสต์) คือสายการบินต้นทุนต่ำ ราคาตั๋วจะถูกและมีโปรโมชั่นออกมาบ่อยครั้ง แต่ราคาที่ถูก จะไม่รวม ค่าที่นั่ง ค่าอาหารและน้ำหนักกระเป๋า(สามารถถือขึ้นเครื่องได้ 7 กิโลกรัมฟรี) เอาง่ายๆคือต้องซื้อเพิ่มตามความสมัครใจของเรานั้นเอง สายการบินโลว์คอสต์ได้แก่ ThaiAirasia X ,Scoot ซึ่งจะบินตรงและ Tigerair (เปลี่ยนเครื่องที่ใต้หวัน) ราคาประมาณ 7,000-10,000 บาท
สายการบิน Full Service (ฟลูเซอร์วิส) คือสายการบิน ที่ราคาจะรวมทุกอย่างแล้ว ที่นั่ง อาหาร เครื่องดื่มต่างๆรวมแอลกอฮอล์ขอได้ไม่อั้น น้ำหนักระเป๋าและมีจอส่วนตัวเอาไว้ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์แก้เบื่อ สรุปคือไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มแล้ว และแน่นอนราคาจะสูงกว่า สายการบินโลว์คอสต์ สายการบินฟลูเซอร์วิสจะมีทั้งแบบบินตรง และเปลี่ยนเครื่องตามประเทศต่างๆของสายการบินแต่ละประเทศนั้นๆ บินตรงได้แก่ Thai Airways(TG) ,All Nippon Airways(ANA),Japan Airlines (JAL)สายการบินฟลูเซอร์วิสแบบเปลี่ยนเครื่อง ได้แก่ Singapore Airlines(SQ) , Vietnam Airlines,Cathay Pacific, Eva Airways,Malaysia Airlines,Philippine Airlines,China Airlines,Korean Air ราคาประมาณ 9,000-25,000 บาท
และแน่นอนว่า ช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ราคาตั๋วมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นซึ่งไม่อาจคาดเดาได้ ต้องค่อยเช็คราคาตั๋วและรอโปรโมชั่นอยู่เสมอๆ
2. ที่พักในโตเกียว
เรามาทำความรู้จัก เมืองโตเกียว กันก่อน โตเกียวเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ตรงกึ่งกลางของเกาะญี่ปุ่น ในปัจจุบันมีประชากรราว 13 ล้านคนทำให้โตเกียวเป็นจังหวัดใหญ่ที่สุดในจำนวน 47 จังหวัดของญี่ปุ่นและยังเป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โตเกียวเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมต่างๆ ในญี่ปุ่นทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และย่านท่องเที่ยวมากมาย ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ปีละหลายสิบล้านคนทั่วโลก
โตเกียวมีที่พักมากมายหลายสไตล์ หลายรูปแบบหลายราคาให้เลือกสรรค์ตามความชอบ ย่านสำคัญปลอดภัยเดินทางสะดวก และหาของรับประทานได้ง่ายคือ Ueno,Asakusa,Shinjuku,Shibuya,Ikebukuro,Ginza,Odiba,Tokyo มักจะเป็นตัวเลือกแรกๆที่นักท่องเที่ยวจะเลือกเข้าพัก
มีที่พักแบบไหนบ้าง
ในทุกๆย่านของโตเกียว จะมีที่พักหลายแบบประเภท โรงแรม มีตั้งแต่ 1ดาว จนถึง6ดาว ราคาก็ขึ้นอยู่ตามจำนวนของดาวและความหรูหรา มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันรวมถึงอาหารเช้า บางแห่งมีสระว่ายน้ำ ซาวน่า ให้บริการ ทำให้มีความสะดวกสบายและเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง ราคาต่อห้อง 2ท่าน ประมาณ 1500-10000 บาทต่อคืน
โฮสเทล คือ ที่พักนักท่องเที่ยวราคาประหยัดที่มีเพียงสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน เช่น เตียงนอน และที่เก็บของ ส่วนมากจะมีลักษณะคล้ายหอพัก มีเตียงสองชั้นหลายๆเตียงในห้องเดียวกัน สามารถรองรับผู้เข้าพักได้ตั้งแต่ 4,6,8 ไปจนถึง 12 คนต่อ ห้องบางแห่งจะแยกห้องพักสำหรับผู้หญิงไว้คนละส่วนเพื่อความปลอดภัยและสบายใจระหว่างเข้าพัก ใช้ห้องน้ำร่วมกันแต่ก็มีบางส่วนที่อาจเป็นห้องพักเดี่ยว ข้อเสีย เราต้องนอนรวมกับนักท่องเที่ยวคนอื่น อาจส่งเสียงดังและไม่เป็นส่วนตัวเท่าที่ควร ราคาต่อคนประมาณ 500-1000 บาทต่อคืน
โรงแรมแคปซูล เป็นโรงแรมราคาถูก ต้องการเพียงอาศัยหลับนอนชั่วข้ามคืน เน้นห้องพักขนาดเล็กมีพื้นที่สำหรับนอนเท่านั้น ห้องภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกคือ ฟูก หมอน ผ้าห่ม ทีวี เครื่องปรัปอากาศ ห้องน้ำเป็นแบบรวม มีออนเซน ซาวน่าและห้องอาบน้ำ ข้อเสีย การนอนโรงแรมแคปซูน จะมีกฎคือ ไม่ว่าจะพักกี่คืน ต้องเช็คเอาท์ทุก10โมง และเช็คอิน16.00 น. เพื่อจะได้ทำความสะอาดแคปซูนนั้นเอง
ราคาต่อคนประมาณ 750-1250 บาทต่อคืน
Airbnb คือการเช่าอพาร์ทเมนท์หรือห้องพักโดยตรงจากเจ้าของบ้าน วิธีการจองคล้ายๆกับจองโรงแรม แต่ Airbnb จะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า นอกจากนี้ยังสามารถทำอาหารกินเองหรือชวนเพื่อนมาได้อีกด้วย แต่ถ้าเช่าห้องแบบอยู่ในบ้านโฮสท์ ก็อาจจจะได้ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวหรือร้านอาหารดีๆจากโฮสท์อีกด้วย ข้อเสียคือเราต้องทำความสะอาดเองเนื่องจากไม่มีพนักงานทำความสะอาด และต้องทำตามกฏที่เจ้าของห้องตั้งไว้อีกด้วย ราคา500-1,000บาท หรือขึ้นอยู่กับเจ้าบ้าน
อย่าลืมคำนึงถึงความปลอดภัยกันด้วยนะ อย่าเน้นแต่ของถูกอย่างเดียว
3. บัตรเข้าชมการแข่งขันกีฬาต่างๆ
เป็นที่แน่นอนในการมาโอลิมปิกโตเกียวครั้งนี้ คือเราจะมาดูการแข่งขันกีฬาและมาเชียร์ทีมชาติไทย เราก็จะต้องซื้อบัตรเข้าชมกีฬา เราต้องวางแผนว่าจะไปชมพิธีเปิดไหม ไปเชียร์กีฬาอะไรบ้าง เพราะการแข่งขันมีทั้งหมด 33 กีฬา โดยมีรายการทั้งหมด 324 รายการ ราคาตั๋วของพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก 2020 ตั้งราคาไว้ระหว่าง 25,000 - 150,000 เยน หรือประมาณ 8,600-52,000บาทเลยทีเดียว ส่วนบัตรเข้าชมกีฬาต่างๆ จะอยู่ที่ 7,700 เยน หรือประมาณ 2,400 บาท แต่ถ้าเป็นกีฬายอดนิยมเช่น กรีฑาและว่ายน้ำ ยิ่งรอบชิงชนะเลิศ ราคาตั๋วจะยิ่งสูงขึ้นอีก ตั๋วในกีฬาโอลิมปิก 2020 จะจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อทั้งหมด 40,000 สาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น และจำหน่ายในอินเทอร์เน็ตก่อนหน้าการแข่งขัน 18 เดือน
4. ค่าเดินทางและค่าอาหารใช้ในแต่ละวัน
การเดินทางในโตเกียวส่วนใหญ่ จะโดยสารโดยรถไฟเป็นหลัก เพราะครอบคลุมและสะดวกสบาย รถไฟในโตเกียวจะมีหลายสายและหลายบริษัท คือ
- Japan Railways (JR) รถไฟบนดิน เป็นของรัฐบาล ซึ่งมีทั้งหมด10สาย สัญลักษณ์ เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตัวพิมพ์ใหญ่ JR
- Tokyo Metro (Subway) รถไฟใต้ดิน เป็นของบริษัทเอกชน มีสัญลักษณ์เป็นรูปตัว M ในกรอบสีฟ้า รถไฟใต้ดินประเภทนี้มีทั้งหมด 9 สาย
- Toei Subway รถไฟใต้ดิน มีสัญลักษณ์คล้ายพัดสีเขียว ดำเนินการก่อสร้างโดยรัฐบาลโตเกียว เป็นระบบรถไฟใต้ดินที่ดำเนินควบคู่กันไปกับรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro โดยมีเส้นทางทั้งหมด 4 สายด้วยกัน
นอกจากนี้ยังมีรถไฟใต้ดินของบริษัทเอกชนอื่นๆอีก7 สาย แต่จะวิ่งออกนอกเมือง Rinkai Line, Keikyu Line, Tokyu Line, Odakyu Line ,Seibu Line ,Tobu Line, Keisei Line ต้องยอมรับว่าโตเกียว มีรถไฟที่ครอบคลุมทุกพื้นที่หลายสายพันกันไปหมดชวนให้หลงได้ แต่ในความยากก็มีความง่ายซ่อนอยู่ คือจะมีบัตรรถไฟแบบเหมาจ่าย เรียกว่า Tokyo Subway Ticket (24-hour, 48-hour, 72-hour)สามารถใช้ได้กับโตเกียวเมโทรทุกสายและรถไฟใต้ดิน Toei แบบ 24 ชั่วโมง 800 เยน , 48 ชั่วโมง 1,200 เยน หรือ 72 ชั่วโมง 1,500 เยน นับจากเวลาเริ่มเดินทาง
นับได้ว่า รถไฟใต้ดินทั้งสองบริษัท ก็ครอบคลุมเมืองโตเกียวแล้ว แต่ไม่สามารถใช้กับรถไฟJR ,Rinkai Line,Keikyu Line ,Tokyu Line Odakyu Line ,Seibu Line Tobu Line ,Keisei Line ได้นะ แต่อย่ากังวลไป เพราะยังมีบัตรอีกประเภท ชื่อ Suica (ของ JR) กับ Pasmo (ของ metro) คือบัตรเดินทางแบบเติมเงิน(IC) ที่สามารถใช้ได้กับรถไฟเกือบทุกสายในโตเกียว รวมถึงรถบัส อีกทั้งยังสามารถใช้แทนเงินสดในการซื้อของตามร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารหรือตู้ขายสินค้าแบบหยอดเหรียญได้ด้วย ถือได้ว่ามีบัตรเดียว เดินทางเที่ยวได้ครบเลย
ได้บัตรรถไฟแล้วพอจะคำนวณค่าใช้จ่ายกันได้บ้างหรือยังและกองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราจะมาต่อกันที่เรื่องกินในโตเกียว อาหารญี่ปุ่นถือว่าเป็นที่นิยม
ในไทยมากๆ มีการทำรีวิวร้านอาหารมากมาย อย่ามัวรอช้า มาถึงประเทศต้นตำรับทั้งทีเราต้องลุยย!! ไม่ว่าจะเป็นซูชิ ซาซึมิ ราเมง เนื้อย่าง ข้าวหน้าเนื้อ หมูทงคัสสึ ข้าวหน้าปลาไหล ข้าวแกงกระหรี่ แม้กระทั้ง เครื่องดื่มและแอลกอฮอล์ ที่เรียงรายให้เลือกมากมาย ใครหละจะอดใจไหว ไหนจะขนม ไอศกรีม ซอฟครีมอีก อย่าเพิ่งคิดเรื่องน้ำหนักตอนนี้เลยฮ่าๆ ส่วนราคาอาหารมีตั้งแต่ร้านข้างทางราคาถูกไปถึงแพงระดับโรงแรม และมีหลายร้านที่เปิดตลอด24ชั่วโมง ถ้ากินแบบธรรมดา แต่อร่อยมีคุณภาพ จะตกมื้อละ 1,000 เยน 1วัน กิน 3มื้อ =3000 เยน เฉลี่ยแล้วถ้าคิดเป็นเงินไทยแบบกลางๆ อาจจะอยู่ที่ 1,000 บาทต่อวัน
5. ประกันการเดินทาง
ข้อนี้สำคัญมากๆสำหรับนักเดินทาง เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต อุบัติเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ถ้าเกิดขึ้นแล้ว เราจะต้องทำยังไง เพราะเป็นที่รู้ๆกันว่าการรักษาพยาบาลในประเทศญี่ปุ่นแพงมาก ไหนจะสื่อสารกันไม่เข้าใจ แล้วถ้าเกิดเหตุระหว่างเดินทางหละ เช่น ไฟลท์บินยกเลิก เครื่องดีเลย์ กระเป๋าล่าช้าหรืออาจหาย ปัญหาเหล่านี้จะทำให้เราหมดสนุกแน่นอน ดังนั้น ประกันการเดินทางจึงสำคัญมากๆ กันไว้ดีกว่าแก้ คงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดใช่ไหม แนะนำให้เลือกซื้อประกันภัยการเดินทางแบบไม่ต้องสำรองจ่ายนะ แบบที่เข้าไปรักษาได้ฟรีเลย มีหลายบริษัทให้เลือกครับ
6. เตรียมตัวเก็บเงิน
หลังจากที่เราได้รู้ข้อมูลประมาณการณ์ค่าใช้จ่ายต่างๆแล้ว เราจะต้องเก็บเงิน เดือนละเท่าไหร่ เรามาสรุปกัน สมมุติเราจะไปทั้งหมด17วันตลอดการแข่งขันโอลิมปิก
ค่าเครื่องบิน ไปกลับ 17,000 บาท
ค่าที่พัก นอนโรงแรม3ดาว รวมภาษี ประมาณคืนละ 3,000 บาท ต่อ2คน สรุปจะตกคนละ1,500 ต่อคืน พัก16 คืน = 24,000 บาท
บัตรค่าเข้าชมพิธีเปิด คิดในราคาที่ต่ำที่สุด = 8,600 บาท
บัตรเข้าชมกีฬาต่างๆ สมมุติไปชม 12วัน = 28,800 บาท
บัตรรถไฟ = 3,000บาท
ค่าอาหาร คิดวันละ1,000บาท 17วัน = 17,000บาท
ประกันการเดินทาง 17วัน = 1,650 บาท
ค่าใช้จ่ายจิปาถะ = 15,000 บาท
จำนวนเงินโดยประมาณ 115,050 บาท
สรุปแล้วต้องเก็บเงินวันละเท่าไหร่
ราคาค่าใช้จ่ายทั้งหมด 17 วัน =115,050 บาท
1ปีมี 12เดือน เหลือเวลาอีก 3ปี = 3,195 บาทต่อเดือน
1เดือน มี 30 วัน = 107 บาทต่อวัน
สรุป เก็บเงินเพียงวันละ 107 บาท เป็นเวลา 3 ปี ก็จะได้ไปมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว เรามาเริ่มเก็บเงินเพื่อไปเชียร์ทีมชาติไทยกันเถอะ ไทยแลนด์ๆๆ
ผมเป็นคนนึงที่อยากไปโอลิมปิกสักครั้งในชีวิต และครั้งนี้น่าจะมีโอกาสที่สุดที่จะได้ไป จึงได้ทำเพจเล็กๆขึ้นมาเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ วางแผน แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ใครมีแนวคิดคล้ายๆกัน มาคุยมาแชร์กันครับ https://www.facebook.com/Wegotokyo2020/
ขอบคุณครับผม