กระทู้นี้ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อเหยียดเชื้อชาติใครนะครับ แค่อยากแชร์ความน่าอัศจรรย์เกี่ยวกับจมูกของคนอินเดียเท่านั้น
คือผมมีรุ่นน้องคนนึงที่เคยไปเรียนอยู่อินเดีย แกบอกว่าอินเดียเป็นประเทศที่สกปรกมาก ทุกพื้นที่มีแต่กลิ่นเน่าเหม็นคลุ้งไปหมด โดยเฉพาะตัวคนนั้นมีกลิ่นสาปที่รุนแรงแสบจมูก สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะคนอินเดียไม่ชอบอาบน้ำ บวกกับอาหารการกินที่คนอินเดียนิยมกินเครื่องเทศรสจัด ทำให้สิ่งเหล่านั้นถูกขับออกมาตามร่างกาย
ผมเลยอดสงสัยไม่ได้ว่าคนที่นั่นเค้าอาศัยกันอยู่ยังไง เค้าทนได้ยังไงกับการที่ต้องอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลเน่าเหม็น ไหนจะผู้คนที่เบียดเสียดกันที่ต้องทนดมกลิ่นเต่ากันอยู่ตลอดเวลา
แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผมพอรู้มาบ้างจากประสบการณ์ที่เคยเดินสวนกับคนอินเดียแถวพหุรัส แต่มันมีเรื่องนึงที่ทำให้ผมตกตะลึงยิ่งกว่า เกี่ยวกับความสามารถด้านจมูกของคนอินเดีย
คือเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ ประเทศอินเดียมีการปราบจลาจลในแคว้นแคชเมียร์ ซึ่งจากอดีตที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียได้ปราบกลุ่มผู้ชุมนุมโดยการใช้ปืน และแก๊สน้ำตามาโดยตลอด ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
เพื่อป้องกันการสูญเสีย รัฐบาลอินเดียจึงนำเข้าอาวุธชนิดใหม่ นั่นคือ STINK BOMB หรือระเบิดเหม็นนั่นเอง เป็นอาวุธที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากประเทศอิสราเอล เพื่อใช้ในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมโดยเฉพาะ
จุดเด่นของระเบิดชนิดนี้ก็คือ การสร้างกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง เมื่อหัวระเบิดของมันตกกระทบกับสิ่งของ มันจะปล่อยกลิ่นเหม็นคล้ายกับกลิ่นอุจจาระและซากศพเน่า คลุ้งกระจายออกไปทั่วบริเวณ ใครที่โดนเข้าไปละก็กลิ่นขี้จะอยู่ติดตัวไปอีกหลายวัน ล้างยังไงก็ล้างไม่ออก ต้องปล่อยให้กลิ่นหายไปเองตามเวลา
อาวุธชนิดนี้ เป็นความภาคภูมิใจของประเทศอิสราเอลมากครับ เนื่องจากประสิทธิภาพที่สุดยอดของมัน ทำให้หลายประเทศทั่วโลกต่างนำเข้าอาวุธชนิดนี้ไปใช้ และไม่เคยมีกลุ่มจลาจลไหนทนความเหม็นของมันได้เลย มันสามารถสลายกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทุกครั้งโดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือล้มตาย
แต่ปรากฎว่า เหตุการณ์ในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมในแคว้นแคชเมียร์เมื่อต้นปีที่ผ่านมานั้น ไอเจ้า Stink Bomb กลับทำอะไรกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้เลย มันเหมือนของเล่นเด็กสำหรับคนอินเดียซะงั้น
โดยครั้งแรกที่มีการยิงหัวระเบิดออกไป กลุ่มผู้ชุมนุมก็แตกตื่นแหละครับ เพราะไม่รู้ว่าไอเจ้าสิ่งนี้คืออะไร ต่างคนต่างก็วิ่งกันไปคนละทิศคนละทาง แต่หลังจากนั้น5นาที เมื่อดูแล้วว่าอาวุธชนิดนี้ไม่มีพิษสงอะไร กลุ่มผู้ชุมนุมก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ทำเหมือนกับว่าสิ่งนี้เป็นเพียงแค่ธาตุอากาศสำหรับพวกเค้า สร้างความตกตะลึงให้กับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมา สุดท้ายรัฐบาลอินเดีย ก็ต้องยกเลิกการนำเข้า Stink Bomb ในที่สุด
ต่อให้ Stink Bomb เป็นอาวุธที่มีอนุภาพร้ายแรงขนาดไหน แต่จมูกของคนอินเดียนั้นกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่า แถมคนอินเดียยังได้ชื่อว่า เป็นเพียงชนชาติเดียวในโลกที่สามารถทนกับพลานุภาพของเจ้า Stink Bomb ได้
เรื่องนี้ได้ทำให้เจ้าหน้าที่อวุโสที่ทำการทดสอบอาวุธชนิดนี้ ต้องทำการวิเคราะห์หาสาเหตุ และได้ข้อสรุปว่า เพราะชาวอินเดียนั้น อยู่กับกลิ่นเน่าเหม็นที่มาจากสิ่งปฏิกูลแทบจะตลอดเวลา ทั้งตามถนนหนทางและแม่น้ำลำคลองที่มีแต่อุจาระและปัสสาวะปะปนอยู่ รวมถึงร่างของมนุษย์ที่กำลังเน่าเปื่อย ความเคยชินจากการสูดดมสิ่งเหล่านี้ทุกวัน ทำให้ผู้คนเกิดความชินชาและไม่รับรู้ถึงกลิ่นสาปของกันและกัน
อีกทั้งคุณภาพชีวิตที่ต่ำมากของคนอินเดีย บวกกับระบบสาธรณูประโภคที่แย่สุดขีด ไหนจะเรื่องการแบ่งชนชั้นวรรณะอีก บีบให้คนอินเดียต้องเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมที่สุดขั้วให้ได้ จนเปลี่ยนพวกเค้าให้กลายเป็นสายพันธ์ุที่ทรหดในการดำรงชีพไปแล้ว
เห้อ..คิดดูแล้วพวกเค้าเป็นชนชาติที่น่าเห็นใจ และน่ายกย่องในการดิ้นรนเอาตัวรอดเป็นที่สุด
#พวกคุณเก่งครับ
อินเดีย..เชื้อชาติที่มีจมูกที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก !!!
คือผมมีรุ่นน้องคนนึงที่เคยไปเรียนอยู่อินเดีย แกบอกว่าอินเดียเป็นประเทศที่สกปรกมาก ทุกพื้นที่มีแต่กลิ่นเน่าเหม็นคลุ้งไปหมด โดยเฉพาะตัวคนนั้นมีกลิ่นสาปที่รุนแรงแสบจมูก สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะคนอินเดียไม่ชอบอาบน้ำ บวกกับอาหารการกินที่คนอินเดียนิยมกินเครื่องเทศรสจัด ทำให้สิ่งเหล่านั้นถูกขับออกมาตามร่างกาย
ผมเลยอดสงสัยไม่ได้ว่าคนที่นั่นเค้าอาศัยกันอยู่ยังไง เค้าทนได้ยังไงกับการที่ต้องอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลเน่าเหม็น ไหนจะผู้คนที่เบียดเสียดกันที่ต้องทนดมกลิ่นเต่ากันอยู่ตลอดเวลา
แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผมพอรู้มาบ้างจากประสบการณ์ที่เคยเดินสวนกับคนอินเดียแถวพหุรัส แต่มันมีเรื่องนึงที่ทำให้ผมตกตะลึงยิ่งกว่า เกี่ยวกับความสามารถด้านจมูกของคนอินเดีย
คือเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ ประเทศอินเดียมีการปราบจลาจลในแคว้นแคชเมียร์ ซึ่งจากอดีตที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียได้ปราบกลุ่มผู้ชุมนุมโดยการใช้ปืน และแก๊สน้ำตามาโดยตลอด ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
เพื่อป้องกันการสูญเสีย รัฐบาลอินเดียจึงนำเข้าอาวุธชนิดใหม่ นั่นคือ STINK BOMB หรือระเบิดเหม็นนั่นเอง เป็นอาวุธที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากประเทศอิสราเอล เพื่อใช้ในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมโดยเฉพาะ
จุดเด่นของระเบิดชนิดนี้ก็คือ การสร้างกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง เมื่อหัวระเบิดของมันตกกระทบกับสิ่งของ มันจะปล่อยกลิ่นเหม็นคล้ายกับกลิ่นอุจจาระและซากศพเน่า คลุ้งกระจายออกไปทั่วบริเวณ ใครที่โดนเข้าไปละก็กลิ่นขี้จะอยู่ติดตัวไปอีกหลายวัน ล้างยังไงก็ล้างไม่ออก ต้องปล่อยให้กลิ่นหายไปเองตามเวลา
อาวุธชนิดนี้ เป็นความภาคภูมิใจของประเทศอิสราเอลมากครับ เนื่องจากประสิทธิภาพที่สุดยอดของมัน ทำให้หลายประเทศทั่วโลกต่างนำเข้าอาวุธชนิดนี้ไปใช้ และไม่เคยมีกลุ่มจลาจลไหนทนความเหม็นของมันได้เลย มันสามารถสลายกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทุกครั้งโดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือล้มตาย
แต่ปรากฎว่า เหตุการณ์ในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมในแคว้นแคชเมียร์เมื่อต้นปีที่ผ่านมานั้น ไอเจ้า Stink Bomb กลับทำอะไรกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้เลย มันเหมือนของเล่นเด็กสำหรับคนอินเดียซะงั้น
โดยครั้งแรกที่มีการยิงหัวระเบิดออกไป กลุ่มผู้ชุมนุมก็แตกตื่นแหละครับ เพราะไม่รู้ว่าไอเจ้าสิ่งนี้คืออะไร ต่างคนต่างก็วิ่งกันไปคนละทิศคนละทาง แต่หลังจากนั้น5นาที เมื่อดูแล้วว่าอาวุธชนิดนี้ไม่มีพิษสงอะไร กลุ่มผู้ชุมนุมก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ทำเหมือนกับว่าสิ่งนี้เป็นเพียงแค่ธาตุอากาศสำหรับพวกเค้า สร้างความตกตะลึงให้กับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมา สุดท้ายรัฐบาลอินเดีย ก็ต้องยกเลิกการนำเข้า Stink Bomb ในที่สุด
ต่อให้ Stink Bomb เป็นอาวุธที่มีอนุภาพร้ายแรงขนาดไหน แต่จมูกของคนอินเดียนั้นกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่า แถมคนอินเดียยังได้ชื่อว่า เป็นเพียงชนชาติเดียวในโลกที่สามารถทนกับพลานุภาพของเจ้า Stink Bomb ได้
เรื่องนี้ได้ทำให้เจ้าหน้าที่อวุโสที่ทำการทดสอบอาวุธชนิดนี้ ต้องทำการวิเคราะห์หาสาเหตุ และได้ข้อสรุปว่า เพราะชาวอินเดียนั้น อยู่กับกลิ่นเน่าเหม็นที่มาจากสิ่งปฏิกูลแทบจะตลอดเวลา ทั้งตามถนนหนทางและแม่น้ำลำคลองที่มีแต่อุจาระและปัสสาวะปะปนอยู่ รวมถึงร่างของมนุษย์ที่กำลังเน่าเปื่อย ความเคยชินจากการสูดดมสิ่งเหล่านี้ทุกวัน ทำให้ผู้คนเกิดความชินชาและไม่รับรู้ถึงกลิ่นสาปของกันและกัน
อีกทั้งคุณภาพชีวิตที่ต่ำมากของคนอินเดีย บวกกับระบบสาธรณูประโภคที่แย่สุดขีด ไหนจะเรื่องการแบ่งชนชั้นวรรณะอีก บีบให้คนอินเดียต้องเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมที่สุดขั้วให้ได้ จนเปลี่ยนพวกเค้าให้กลายเป็นสายพันธ์ุที่ทรหดในการดำรงชีพไปแล้ว
เห้อ..คิดดูแล้วพวกเค้าเป็นชนชาติที่น่าเห็นใจ และน่ายกย่องในการดิ้นรนเอาตัวรอดเป็นที่สุด
#พวกคุณเก่งครับ