==== Gladbach The Racing Foals จากเหล่าลูกม้าสู่อาชาไนย ====


Borussia Mönchengladbach Thailand Fanclub: https://www.facebook.com/borussia.thailand/

นานๆ ทีจะเขียนอะไรยาวๆ หวังว่าจะมีคนอ่านนะคะ (ฮา)

คราวนี้แวะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับกลัดบัคหลังจากตกชั้น และเลื่อนกลับขึ้นมาอยู่ในบุนเดสลีกา
การเข้ามาของมักซ์ เอเบริล ในตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬา ลูเซียน ฟาร์ฟ โค้ชชาวสวิสที่เข้ามาวางรากฐานทีมในช่วงปี 2011-2015
การแนะนำนักเตะที่เคยแจ้งเกิดกับทีมจนติดทีมชาติ ทั้งคนที่ยังอยู่กับทีมและย้ายออกไป
คนที่ก้าวไปข้างหน้า ตลอดจนถึงคนที่ประสบปัญหาบาดเจ็บจนไปไม่ถึงฝั่ง

ปิดท้ายด้วยการพูดถึงดาวรุ่งในชุดสำรอง (U23) และชุดเล็ก (U19) เป็นน้ำจิ้มค่ะ

=======================================

“จากมาร์เซล เยนเซ่น, มาร์โค มาริน, มาร์ค-อังเดร แตร์ สเตอเก้น และตอนนี้เราก็มีพาทริก แฮร์มันน์ ทั้งสี่คนเป็นผู้เล่นที่ก้าวจากทีมเยาวชนของเราสู่การเป็นผู้เล่นทีมชาติในช่วงปีที่ผ่านมา มาร์โค รอยซ์ อาจจะไม่ได้มาจากอคาเดมี่ของเรา แต่เขาก็กลายเป็นผู้เล่นทีมชาติที่นี่ ยังมีคอสตาส มิโตรกลู (กรีซ) และ ยูเกน โปลันสกี (โปแลนด์) อีกแน่ะ เห็นไหมว่ามีผู้เล่นระดับชาติมากมายที่มาจากอคาเดมี่ของเรา“

มักซ์ เอเบริล ผู้อำนวยการกีฬา โบรุสเซียมึนเช่นกลัดบัค



แม้จะเคยสร้างความเกรียงไกรไว้ในยุค 70’s ขับเคี่ยว แต่โบรุสเซียมึนเช่นกลัดบัคกลับก้าวเข้าสู่ยุคถอยหลังในเวลาต่อมา ช่วง 90’s นั้นคล้ายจะเป็นเวลาลุ่มๆ ดอนๆ ของสโมสร กระทั่งตอนที่ทีมหวนคืนสู่ลีกสูงสุดอีกครั้งในฤดูกาล 2008/2009 และผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ มักซ์ เอเบิร์ล อดีตนักเตะของทีมที่ผันตัวมารับเก้าอี้ในปี 2008 ก็คล้ายจะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของทีมเช่นกัน

นับจากปี 2008 ถึงปัจจุบัน ภายใต้ช่วงเวลา 9 ปี รายได้ของทีมจากราว 65 ล้านยูโร เพิ่มสูงขึ้นจนเกือบแตะ 200 ล้าน หรือมากกว่าเดิมกว่าสามเท่า มองจากมูลค่าทางการตลาดของทีมพุ่งจาก 16.8 ล้านยูโร เป็น 88 ล้านยูโร หรือราวห้าเท่า ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นแนวโน้มที่ก้าวกระโดด

สถิติทางการเงินของทีม

อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.handelsblatt.com
ส่วนกราฟเขียนเองใน R ใช้ package plotly ถ้าเข้าไปดูในเว็บเต็มๆ มันจะเป็น interactive graph นะ 555



อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงก้าวแรก เพราะหลังจากทีมต้องเสียผู้เล่นหลักไปพร้อมกันถึงสองคน บททดสอบของสิงห์หนุ่มก็คล้ายจะเริ่มต้นขึ้นในฤดูกาล 2015/2016 ห้านัดแรกของฤดูกาลผ่านไปโดยที่ทีมไม่สามารถคว้าชัยชนะได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ส่งผลให้ ลูเซียน ฟาร์ฟ ตัดสินใจแยกทางกับทีมหลังจากอยู่ด้วยกันมายาวนานถึงสี่ปีครึ่ง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
การกลับมาพบกับของลูเซียน ฟาร์ฟ กับทีมเก่าของเขา ในฐานะผู้จัดการทีม OGC Nice ในเกมกระชับมิตรเมื่อพรีซีซั่นที่ผ่านมา

และผู้ที่ก้าวมารับช่วงต่อนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นผู้จัดการชุดเยาวชนในขณะนั้นอย่าง อังเดร ชูแบร์ต

จะว่าไปแล้วในวงการฟุตบอล การที่ทีมวันดีคืนดีฟอร์มตกหูรูด แพ้ต่อเนื่องจนต้องเปลี่ยนผู้จัดการทีมใหม่ แล้วผลลัพธ์พลิกผันราวกับเป็นคนละทีมนั้น ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เห็นกันชินตา จนเป็นที่มาของคำว่า “บอลเปลี่ยนโค้ช”

กลัดบัคเองก็เช่นกัน เพราะหลังจากเปลี่ยนโค้ช น่าประหลาดใจที่ทีมสามารถพลิกกลับมาชนะรวด ไม่แพ้ใครยาวถึงช่วงคริสต์มาส ก่อนจะส่งท้ายฤดูกาลด้วยอันดับสี่บนตาราง คว้าโควต้าไปเล่นเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกได้อีกครั้ง

เวลานั้นแฟนๆ ต่างชื้นใจว่า พบผู้จัดการทีมที่สามารถรับช่วงต่อจากฟาร์ฟแล้ว ทว่าการณ์กลับไม่เป็นดังหวัง ถึงแม้จะเริ่มต้นห้านัดแรกได้สวยหรู แต่หลังจากนั้นผลงานก็ย่ำแย่ไม่ชนะใครเลยตลอดครึ่งปีแรกของฤดูกาล 2016/2017 ส่งผลให้ชูแบร์ตหลุดจากเก้าอี้ส่งท้ายปีเก่า โดยมีดีเตอร์ เฮ็คกิ้ง อดีตผู้จัดการทีมที่สร้างชื่อจากเนินแบร์ก และโวล์ฟบวร์ก มารับช่วงต่อ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
การเข้ามาของดีเตอร์ เฮ็คกิ้ง ในช่วงครึ่งปีหลังของฤดูกาล 2016/2017

ในขณะที่เสถียรภาพของทีมยังไม่มั่นคงนัก วงการฟุตบอลที่เข้าสู่สภาวะเงินเฟ้อย่อมเป็นปัญหาใหญ่ ถึงแม้ทีมจะพยายามขยายฐานแฟนไปสู่ตลาดใหม่ๆ มีการเปิดสโตร์แห่งแรกของทีมในสหรัฐอเมริกา รวมถึงโครงการโรงเรียนฟุตบอลในจีนและสิงคโปร์

แต่เมื่อมองรายได้สุทธิต่อปี ซึ่งอยู่ที่ราวยี่สิบถึงสามสิบล้านยูโร พอเทียบกับมูลค่านักเตะในปัจจุบันในตลาดโลกแล้ว เรียกว่าไม่ง่ายเลยที่จะซื้อผู้เล่นคุณภาพ ภายใต้งบประมาณที่จำกัด ความหวังจึงตกอยู่กับอคาเดมี่ ที่ต้องปั้นผู้เล่นเยาวชนที่มีศักยภาพออกมา และทีมสเกาท์ที่ต้องเสาะหาผู้เล่นอันเดอร์เรต เพชรที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางนักเตะจำนวนมหาศาล

=======================================

The Academy Foals

Fohlenstall หรือที่แปลว่า คอกม้า เป็นชื่อเล่นของโบรุสเซียมึนเช่นกลัดบัคอคาเดมี่ ที่ซึ่งผลิตนักเตะคุณภาพออกมามากมาย

ในปี 2012 ได้มีการดำเนินงาน การปรับปรุงอคาเดมี่ครั้งใหญ่เป็นเฟสแรก ภายใต้งบประมาณกว่าสิบล้าน โดยมีธนาคารสัญชาติสเปนอย่างซานทานแดร์ (Santander) เป็นสปอนเซอร์ และในปีที่ผ่านมา ทีมก็ได้อนุมัติงบประมาณปรับปรุงเฟสที่สองพร้อมกับโรงแรมและพิพิธภัณฑ์สโมสร มูลค่ารวมกว่าสามสิบล้าน โดยเป็นส่วนของอคาเดมี่ราวสิบสองล้าน

ภายในอคาเดมี่ นอกจากศูนย์ฝึกกีฬาฟุตบอล และสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านกีฬาแล้ว จะยังมีที่ปรึกษาคอยช่วยเหลือเยาวชนในด้านต่างๆ ทั้งในด้านการเรียน จนถึงการพิจารณาข้อเสนอจากทีมอื่น

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา มีผู้เล่นจากอคาเดมี่ได้รับการผลักดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ และผู้เล่นที่ได้รับโอกาสสร้างชื่อ ณ โบรุสเซียปาร์คแห่งนี้มากมาย ความสำเร็จในอดีต ก็คล้ายจะได้รับการปัดฝุ่นใหม่ และพร้อมจะก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เกมชุดเยาวชนของทีม สังเกตว่าสปอนเซอร์คาดอกจะเป็น Santander (ซานทันเดอร์) ต่างจากชุดใหญ่ที่เป็น Post Bank

Tony Jantschke

ปราการหลังจากอคาเดมี่ หลังย้ายมาร่วมทีมในปี 2006 โทนี่ ยันท์ชเค่อใช้เวลาสองปีอยู่กับทีมสำรอง ก่อนจะเดบิวท์อย่างเป็นทางการกับทีมชุดใหญ่ในปี 2008 ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค

ด้วยวัยเพียง 18 ปี ประตูที่เขาพังได้ในการเผชิญหน้ากับไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ก็ทำให้เขาได้บรรจุรายชื่อเป็นหนึ่งในผู้ทำประตูที่อายุน้อยที่สุดของทีม ตามหลังเพียง มาร์โค วิลล่า และ ไรเนอร์ บอนฮอฟ

ปัจจุบัน: โทนี่ยังคงเป็นหนึ่งในผู้เล่นตัวหลักของทีม โดยเขาสามารถประจำการได้แทบทุกตำแหน่งในแนวรับ แม้จะถูกอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้งในระยะหลัง แต่เมื่อกลับมาลงสนาม ก็ยังสามารถเชื่อใจได้ได้เสมอ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

Patrick Herrmann

พาทริก แฮร์มันน์ หรือเจ้าของชื่อเล่น ฟลาโก้ ที่แฟนๆ เรียกกัน เขาเข้าร่วมอคาเดมี่ในปี 2008 สองปีหลังจากนั้นเขาก็แจ้งเกิดกับชุดใหญ่ด้วยผลงานแอสซิสต์ให้ ฟาเบียน เบคเกอร์ ในเกมที่ทีมไปเยือนโบคุ่ม

ฟลาโก้ เคยถูกจับตามองในฐานะปีกดาวรุ่งที่จะก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์ ตามหลังอดีตสิงห์หนุ่มคนดังอย่างมาร์โค รอยซ์ เนื่องจากสไตล์การเล่นที่คล้ายคลึงกัน ด้วยความเร็วสูง ทำให้เขาสามารถสร้างความอันตรายได้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมสวนกลับเร็ว ผลงานที่โดดเด่นของเขาในช่วงฤดูกาล 2013/2014 และ 2014/2015 สะดุดตาโยอาคิม เลิฟ กุนซืออินทรีย์เหล็ก ส่งผลให้ฟลาโก้ถูกเรียกติดทีมชาติเป็นครั้งแรกในเดือนมิถุนายนปี 2015 น่าเสียดายว่าเขาบาดเจ็บหนักในเวลาต่อมา

ปัจจุบัน: หลังบาดเจ็บหนักในต้นฤดูกาล 2015/2016 ฟลาโก้ก็ร้างจากสนามไปเกือบปีครึ่ง เมื่อได้กลับมาลงสนามอีกครั้งในเกมที่พวกเขาเปิดบ้านตอนรับไฟร์บวร์ก ฟลาโก้ก็พังประตูปิดท้าย 3-0 อย่างสวยงาม แม้จะมีบางอย่างขาดหายไปจากการร้างสนามหลายเดือน แต่ความไวของฟลาโก้ยังคงอันตรายไม่เปลี่ยน และเพลงพาทริก แฮร์มันน์ ที่แฟนๆ ร้องแก่เขาในการคัมแบ็ค ก็คงบอกได้ชัดเจนว่า เขาเป็นที่รักของแฟนๆ แค่ไหน

ในวัย 26 ปี ฟลาโก้ลงสนามให้สิงห์หนุ่มแล้วกว่า 250 นัด มากที่สุดเป็นอันดับที่ 22 ในประวัติศาสตร์ของทีม และเป็นคนแรกในศตวรรษที่ 21 โดยคนก่อนหน้าคือมิชาเอล ฟรอนท์เซ็ค  อดีตผู้จัดการทีมผู้ที่ส่งเขาลงเดบิวท์นั่นเอง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

Mahmoud Dahoud

มาห์มูด ดาฮู้ด หรือโม กองกลางดาวรุ่งเชื้อสายซีเรีย เข้าร่วมอคาเดมี่ในปี 2010 เมื่อเขาอายุได้ 14 ปี โมใช้เวลาอยู่กับอคาเดมี่ราวสี่ปี ก่อนจะได้รับโอกาสเดบิวท์ครั้งแรกในเกมเพลย์ออฟยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกกับ FK Sarajevo เมื่อปี 2014 ภายหลังการผลัดเปลี่ยนเก้าอี้ผู้จัดการทีมใหม่ โมได้รับโอกาสมากขึ้นภายใต้การคุมทีมของอังเดร ชูแบร์ต จนแจ้งเกิดเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามอง และได้รับความสนใจจากทีมใหญ่มากมาย

ปัจจุบัน: หลังลงสนามให้โบรุสเซียมึนเช่นกลัดบัคได้ราว 3 ฤดูกาล รวม 83 นัด โมก็ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมเสือเหลือง โบรุสเซียดอร์ทมุนด์ในฤดูกาล 2017/2018

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

Julian Korb

วิงแบ็คฝั่งขวาจากอคาเดมี่ ยูเลียนเข้าร่วมอคาเดมี่ในปี 2006 เขาใช้เวลาค่อนข้างนานอยู่ในชุดสำรอง ก่อนจะได้รับความเชื่อใจจากลูเซียน ฟาร์ฟ ที่ส่งเดบิวท์กับชุดใหญ่ในเกมเผชิญหน้ากับไมนซ์ ยูเลียนโชว์ผลงานโดดเด่นในฤดูกาล 2013/2014 และถูกเรียกติดทีมชาติในเวลาต่อมา

ปัจจุบัน: น่าเสียดายที่หลังได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อแฮมสตริงในปี 2015 สภาพร่างกายของเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีก ยูเลียนเจ็บออดแอดค่อนข้างถี่ แต่ด้วยทักษะเกมบุกที่มี เขาจึงเป็นผู้เล่นที่มีความหลากหลาย สามารถเล่นได้ทั้งในตำแหน่งวิงแบ็คและปีก แต่เนื่องจากเจ้าตัวต้องการลงสนามมากขึ้น จึงตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมฮันโนเวอร์ ในฤดูกาล 2017/2018 นี้เอง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

Marc-Andre Ter Stegen

มาร์คเกิดในเมืองมึนเช่นกลัดบัค และอยู่กับอคาเดมี่ของสิงห์หนุ่มมาตั้งแต่อายุ 8 ปี เขาถูกจับตามองตั้งแต่เป็นดาวรุ่งในทีมสำรอง และในปี 2011 มาร์คในวัย 19 ปีก็ได้แจ้งเกิดกับชุดใหญ่ในเกมดาร์บี้ระหว่างสิงห์หนุ่มกับแพะบ้า ซึ่งเขาสามารถรักษาคลีนชีทและช่วยเหลือทีมในการหนีตกชั้นได้สำเร็จ ด้วยปฎิกิริยาที่ฉับไว และการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด มาร์คจึงก้าวขึ้นมาเป็นผู้รักษาประตูดาวรุ่งแถวหน้าอย่างรวดเร็ว

ปัจจุบัน: หลังจบฤดูกาล 2013/2014 ด้วยพิธีอำลาที่เต็มไปด้วยน้ำตาและเสียงสนับสนุนจากแฟนๆ มาร์คก็ย้ายไปร่วมทีมเจ้าบุญทุ่ม “บาร์เซโลน่า” และเป็นกำลังสำคัญในการคว้าถ้วยรางวัลมากมาย มาร์คเล่าว่าเขายังติดต่อกับเพื่อนๆ รวมถึงโค้ชผู้รักษาประตูกลัดบัคที่ปลุกปั้นเขามาอย่างอูเว่ คัมป์ อยู่เสมอ มาร์คได้กลับมาเยือนถิ่นเก่าอีกครั้งในฐานะฝั่งตรงข้าม ในเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก รอบแบ่งกลุ่มเมื่อเดือนกันยายนปี 2016

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
พิธีอำลามาร์ค-อังเดร แตร์ สเตอเก้น หลังเขาตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลน่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่