สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 78
นี่คุณ ในฐานะที่คล้ายคลึงกัน เราใช้ไม้แข็งไม้อ่อนมาหมดแล้ว สิ่งที่ต้องยึดถือคือความจริงความถูกต้อง วางเรื่องความกตัญญูไว้ก่อน
แม่คุณมีปัญหาแบบนี้ ใช้ไม้อ่อนไม่ได้นะ ต้องไม้แข็งสถานเดียว ปฏิบัติตัวแบบผู้ใหญ่คุยกับผู้ใหญ่ อย่าให้แม่คุณอยู่สถานะเหนือกว่าคุณและคู่
ตอนนี้แม่มองว่าคุณเด็กกว่า คุณต้องแข็งมากพอเพื่อที่จะสื่อให้แม่คุณเข้าใจว่า เราเป็นผู้ใหญ่และควรเคารพกัน
คนแก่ดื้อมาก ถ้าพาไปวัดไม่ได้ ก็ให้อยู่คนเดียวบ่อยๆ อย่าโอ๋ แม่คุณควรเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่นอย่างมีความสุข ไม่งั้นชีวิตคุณพังแน่
คุณควรลำดับความสำคัญแบบนี้
1.ตัวคุณเอง
2.คู่ชีวิต
3.ลูก
4.พ่อแม่ของคุณ
5.พ่อแม่ของฝ่ายชาย
ถ้าแม่คุณยังดูแลตัวเองได้ ก็ปล่อยให้อยู่คนเดียวไปก่อน คอยแวะมาเยี่ยมบ่อยๆ
ไม่ต้องเกลี้ยกล่อมไปหาหมอหรือไปวัดหรอก
ถ้าจะพาไป ควรพาไปเมื่อพายุสงบ
เคสบายเคสนะ
แค่บอกให้เรียนรู้จัดแจงใช้ชีวิตบนโลกอย่างสมดุล
บางทีเจ้ากรรมนายเวรก็มาในรูปแบบพ่อแม่
แม่คุณแก่แต่ตัว ปัญญาไม่มี อัตตาที่1 โลกหมุนรอบตัวกู
การตอบแทนด้วยการให้ปัญญา เราก็ถือเป็นควมมกตัญญูนะ ทำยากกว่าการเลี้ยงดู การดูแลพาไปทานข้าวมากมายนัก ต้องใช้ความอดทน เพียรพยายามกว่าหลายเท่า
หาหมอ>>แม่เราเถียงกับหมอจุฬามาแล้ว กูเก่งกูฉลาดกว่าหมอ...นั่น เอากับแม่เราสิ
ไปวัด>> ที่วัดดี๊ดี กลับมาด่าลูกเป็นตัวเป็นควายตามเดิม เข้ามาเป็น10ปีไม่มีไรดีขึ้น เราชวนไปวิปัสสนาก็ไม่เอา มันลำบาก
เข้าวัดนี่ต้องเข้าใจนะ สิ่งที่ช่วยให้เกิดปัญญาได้คือวิปัสสนา ถ้าไปวัดทำบุญเฉยๆมันแค่รู้สึกดี ไม่ช่วยให้เกิดปัญญาหรอก แล้ววิปัสสนาต้องอาศัยเวลาอย่างน้อย2ปีกว่าเห็นผลชัดเจน
**เข้ามาเพิ่มเนื้อหาค่ะ
มาดูอีกทีเป็นtop commentไปซะล่ะ
เพิ่มเนื้อหาอีกรอบ เผื่อมีคนได้ประโยชน์จากเราบ้าง
ยกตัวเราเองเป็นcase study
1.ที่บอกให้ใช้ไม้แข็งเพราะ ถ้าใช้ไม้อ่อนคุณจะเสียตัวตน แล้วก็จะจัดการปัญหาไม่ได้
2.เราอยู่กับแม่ ทำงานที่บ้าน ยังไม่ได้แต่งงาน ถ้าแต่งก็คงย้ายไปอยู่บ้านสามีแน่นอน แล้วเราก็ไปๆมาๆ ถ้ามีลูกคงให้ย้ายมาอยู่ใกล้กันแต่คนละหลังแน่นอน
3.คนที่สำคัญที่สุดคือสามีคุณ จับมือกันไว้ให้แน่นๆ
4.เราดูแลแม่เราอย่างดี ของกินเต็มตู้ ของใช้เต็มบ้าน อยู่ได้สบาย แม่เราไม่ชอบออกนอกบ้าน
5.แม่คุณไม่ได้ขาดความรัก เรามั่นใจ แต่ขาดปัญญา เราให้ความรักแม่เยอะมาก แต่ให้เท่าไหร่ก็ไม่เต็ม ยิ่งให้ยิ่งเรียกร้องมากขึ้น เหมือนชีวิตถูกล่ามโซ่ไว้ตลอดเวลา ต้องเรียนรู้เองนะ ตรงไหนคือพอดี
6.ฟังให้มาก ฟังๆไปเหอะ
7.วิธีพูดกับแม่ เราจะไม่พูดยาว สั้นๆได้ใจความ เช่น จริง ไม่จริง ใช่ ไม่ใช่ และห้ามพูดทำร้ายจิตใจ โทษว่าเขาผิดเด็ดขาด ถึงจะผิดจริงๆก็เถอะ ยึดความถูกต้องเป็นหลัก
8. แม่คุณผิดศีลข้อ4 คือพูดเท็จให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน แม่มโนใช่ไหม ให้ไปหาหลักฐานมายัน ถ้าไม่มี เลิกคุยเลิกฟัง
ศีลข้อนี้รวมถึง ไม่พูดหยาบคายด่าทอ ไม่พูดเพ้อเจ้อโปรยประโยชน์ ให้ผู้อื่นเดือดร้อน
เวลาแม่พูดไม่จริง เอาศีลข้อนี้มายันแล้วบอกว่าผิดศีลแล้วลงนรกนะ
9.เรื่องตามจิก ละลาบละล้วง ต้องมีขอบเขต ถ้าล้ำเส้น เราจะประท้วงด้วยการไม่พูดคุยด้วย
บอกไปแกไม่ฟังหรอก ต้องแสดงออกผ่านท่าทีว่าเราเอาจริง แกจะค่อยๆเรียนรู้
10.แม่คุณเหงาและมีคุณเป็นที่พึ่งเดียวในชีวิต อันนี้ต้องเข้าใจนะ วิธีแก้ของเราคือ 1.ให้แม่มีเพื่อนเพิ่มขึ้น ทำไงก็ได้ 2.ให้เรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียวเป็น เขาจะเกาะติดคุณน้อยลง
11.หาหมอก็ดีนะคะ แต่ระวังทะเลาะกับหมอ55555
เราควรใช้ชีวิตบนพื้นฐานของความรัก และควรพัฒนาความรักทุกรูปแบบไปสู่ความรักแบบเมตตา มันเป็นพลังเย็นและบริสุทธิ์มากพอที่จะโอบอุ้มโลกร้ายๆได้ทั้งใบ
การพัฒนาความรักนั้น ต้องเริ่มจากรักตัวเองให้เป็นก่อน ค่ะให้แม่คุณเรียนรู้ที่จะรักตัวเองให้เป็น ให้อยู่คนเดียวเป็น แล้วความรักมันจะพัฒนาเผื่อแผ่ไปยังคนรอบข้างได้
เกิดมาคนเดียว ไปคนเดียวนะ บั้นปายชีวิตแล้ว ต้องรู้จักปล่อยวาง แม่คุณปล่อยเองไม่ได้ คุณต้องเป็นคนชี้แนะแนวทาง
ให้ปัญญากับบุพการีเป็นความกตัญญูขั้นสูงสุด เรายืนยันคำเดิม
ปล.ครอบครัวแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน ดังนั้นวิธีจัดการปัญหาแต่ละคนไม่เหมือนกัน เรามาสายโหดค่ะ มันอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดี แต่มันดีสำหรับเรา
แม่คุณมีปัญหาแบบนี้ ใช้ไม้อ่อนไม่ได้นะ ต้องไม้แข็งสถานเดียว ปฏิบัติตัวแบบผู้ใหญ่คุยกับผู้ใหญ่ อย่าให้แม่คุณอยู่สถานะเหนือกว่าคุณและคู่
ตอนนี้แม่มองว่าคุณเด็กกว่า คุณต้องแข็งมากพอเพื่อที่จะสื่อให้แม่คุณเข้าใจว่า เราเป็นผู้ใหญ่และควรเคารพกัน
คนแก่ดื้อมาก ถ้าพาไปวัดไม่ได้ ก็ให้อยู่คนเดียวบ่อยๆ อย่าโอ๋ แม่คุณควรเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่นอย่างมีความสุข ไม่งั้นชีวิตคุณพังแน่
คุณควรลำดับความสำคัญแบบนี้
1.ตัวคุณเอง
2.คู่ชีวิต
3.ลูก
4.พ่อแม่ของคุณ
5.พ่อแม่ของฝ่ายชาย
ถ้าแม่คุณยังดูแลตัวเองได้ ก็ปล่อยให้อยู่คนเดียวไปก่อน คอยแวะมาเยี่ยมบ่อยๆ
ไม่ต้องเกลี้ยกล่อมไปหาหมอหรือไปวัดหรอก
ถ้าจะพาไป ควรพาไปเมื่อพายุสงบ
เคสบายเคสนะ
แค่บอกให้เรียนรู้จัดแจงใช้ชีวิตบนโลกอย่างสมดุล
บางทีเจ้ากรรมนายเวรก็มาในรูปแบบพ่อแม่
แม่คุณแก่แต่ตัว ปัญญาไม่มี อัตตาที่1 โลกหมุนรอบตัวกู
การตอบแทนด้วยการให้ปัญญา เราก็ถือเป็นควมมกตัญญูนะ ทำยากกว่าการเลี้ยงดู การดูแลพาไปทานข้าวมากมายนัก ต้องใช้ความอดทน เพียรพยายามกว่าหลายเท่า
หาหมอ>>แม่เราเถียงกับหมอจุฬามาแล้ว กูเก่งกูฉลาดกว่าหมอ...นั่น เอากับแม่เราสิ
ไปวัด>> ที่วัดดี๊ดี กลับมาด่าลูกเป็นตัวเป็นควายตามเดิม เข้ามาเป็น10ปีไม่มีไรดีขึ้น เราชวนไปวิปัสสนาก็ไม่เอา มันลำบาก
เข้าวัดนี่ต้องเข้าใจนะ สิ่งที่ช่วยให้เกิดปัญญาได้คือวิปัสสนา ถ้าไปวัดทำบุญเฉยๆมันแค่รู้สึกดี ไม่ช่วยให้เกิดปัญญาหรอก แล้ววิปัสสนาต้องอาศัยเวลาอย่างน้อย2ปีกว่าเห็นผลชัดเจน
**เข้ามาเพิ่มเนื้อหาค่ะ
มาดูอีกทีเป็นtop commentไปซะล่ะ
เพิ่มเนื้อหาอีกรอบ เผื่อมีคนได้ประโยชน์จากเราบ้าง
ยกตัวเราเองเป็นcase study
1.ที่บอกให้ใช้ไม้แข็งเพราะ ถ้าใช้ไม้อ่อนคุณจะเสียตัวตน แล้วก็จะจัดการปัญหาไม่ได้
2.เราอยู่กับแม่ ทำงานที่บ้าน ยังไม่ได้แต่งงาน ถ้าแต่งก็คงย้ายไปอยู่บ้านสามีแน่นอน แล้วเราก็ไปๆมาๆ ถ้ามีลูกคงให้ย้ายมาอยู่ใกล้กันแต่คนละหลังแน่นอน
3.คนที่สำคัญที่สุดคือสามีคุณ จับมือกันไว้ให้แน่นๆ
4.เราดูแลแม่เราอย่างดี ของกินเต็มตู้ ของใช้เต็มบ้าน อยู่ได้สบาย แม่เราไม่ชอบออกนอกบ้าน
5.แม่คุณไม่ได้ขาดความรัก เรามั่นใจ แต่ขาดปัญญา เราให้ความรักแม่เยอะมาก แต่ให้เท่าไหร่ก็ไม่เต็ม ยิ่งให้ยิ่งเรียกร้องมากขึ้น เหมือนชีวิตถูกล่ามโซ่ไว้ตลอดเวลา ต้องเรียนรู้เองนะ ตรงไหนคือพอดี
6.ฟังให้มาก ฟังๆไปเหอะ
7.วิธีพูดกับแม่ เราจะไม่พูดยาว สั้นๆได้ใจความ เช่น จริง ไม่จริง ใช่ ไม่ใช่ และห้ามพูดทำร้ายจิตใจ โทษว่าเขาผิดเด็ดขาด ถึงจะผิดจริงๆก็เถอะ ยึดความถูกต้องเป็นหลัก
8. แม่คุณผิดศีลข้อ4 คือพูดเท็จให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน แม่มโนใช่ไหม ให้ไปหาหลักฐานมายัน ถ้าไม่มี เลิกคุยเลิกฟัง
ศีลข้อนี้รวมถึง ไม่พูดหยาบคายด่าทอ ไม่พูดเพ้อเจ้อโปรยประโยชน์ ให้ผู้อื่นเดือดร้อน
เวลาแม่พูดไม่จริง เอาศีลข้อนี้มายันแล้วบอกว่าผิดศีลแล้วลงนรกนะ
9.เรื่องตามจิก ละลาบละล้วง ต้องมีขอบเขต ถ้าล้ำเส้น เราจะประท้วงด้วยการไม่พูดคุยด้วย
บอกไปแกไม่ฟังหรอก ต้องแสดงออกผ่านท่าทีว่าเราเอาจริง แกจะค่อยๆเรียนรู้
10.แม่คุณเหงาและมีคุณเป็นที่พึ่งเดียวในชีวิต อันนี้ต้องเข้าใจนะ วิธีแก้ของเราคือ 1.ให้แม่มีเพื่อนเพิ่มขึ้น ทำไงก็ได้ 2.ให้เรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียวเป็น เขาจะเกาะติดคุณน้อยลง
11.หาหมอก็ดีนะคะ แต่ระวังทะเลาะกับหมอ55555
เราควรใช้ชีวิตบนพื้นฐานของความรัก และควรพัฒนาความรักทุกรูปแบบไปสู่ความรักแบบเมตตา มันเป็นพลังเย็นและบริสุทธิ์มากพอที่จะโอบอุ้มโลกร้ายๆได้ทั้งใบ
การพัฒนาความรักนั้น ต้องเริ่มจากรักตัวเองให้เป็นก่อน ค่ะให้แม่คุณเรียนรู้ที่จะรักตัวเองให้เป็น ให้อยู่คนเดียวเป็น แล้วความรักมันจะพัฒนาเผื่อแผ่ไปยังคนรอบข้างได้
เกิดมาคนเดียว ไปคนเดียวนะ บั้นปายชีวิตแล้ว ต้องรู้จักปล่อยวาง แม่คุณปล่อยเองไม่ได้ คุณต้องเป็นคนชี้แนะแนวทาง
ให้ปัญญากับบุพการีเป็นความกตัญญูขั้นสูงสุด เรายืนยันคำเดิม
ปล.ครอบครัวแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน ดังนั้นวิธีจัดการปัญหาแต่ละคนไม่เหมือนกัน เรามาสายโหดค่ะ มันอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดี แต่มันดีสำหรับเรา
ความคิดเห็นที่ 2
โอ้ ยากเลยแบบนี้
บ้านยังมีเนื้อที่เหลือ พอปลูกบ้านเล็กๆอีกหลังไหมครับ แล้วติดกล้องวงจรปิด กับสันญานฉุกเฉินไว้ให้แม่กด
สงสารสามีคุณเลย ไม่ใช่แม่ตัวเองนี่ต้องทนมากๆเลยเจอแบบนี้
ไม่ควรให้แม่คุณรู้ข้อมูลเช่นเงินเดือนรายได้ของคุณและสามีนะครับ มีเส้นแบ่งเรื่องส่วนตัว คุณต้องออกโรงจัดการให้เด็ดขาด
เอาใจช่วยครับ อย่าเครียดมาก มองแง่ดีๆไว้ครับ
บ้านยังมีเนื้อที่เหลือ พอปลูกบ้านเล็กๆอีกหลังไหมครับ แล้วติดกล้องวงจรปิด กับสันญานฉุกเฉินไว้ให้แม่กด
สงสารสามีคุณเลย ไม่ใช่แม่ตัวเองนี่ต้องทนมากๆเลยเจอแบบนี้
ไม่ควรให้แม่คุณรู้ข้อมูลเช่นเงินเดือนรายได้ของคุณและสามีนะครับ มีเส้นแบ่งเรื่องส่วนตัว คุณต้องออกโรงจัดการให้เด็ดขาด
เอาใจช่วยครับ อย่าเครียดมาก มองแง่ดีๆไว้ครับ
ความคิดเห็นที่ 6
เราชื่นชมคุณมากเลย ที่ไม่คิดทิ้งแม่
แต่จริงๆแม่คุณดูไม่ปกติมานานแล้ว
ตั้งแต่ไล่โทรหาเพื่อนคุณตอนติดต่อไม่ได้
ดูเขากลัวสูญเสียคุณมากเลย
และไม่รู้ขอบเขตของการอยู่ร่วมกัน
เราไม่แน่ใจว่า มันแก้ได้ด้วยการปฏิบัติธรรม
หรือปรึกษาจิตแพทย์นะคะ
แต่คิดว่าท่านต้องได้รับการบำบัดทางใดทางหนึ่งน่ะค่ะ
ไม่อย่างนั้น ท่านเองก็ทุกข์ (ด้วยความกังวล หวาดระแวงต่างๆ)
คนรอบข้างก็ทุกข์ ทั้งตัวคุณ และสามี น่าจะพี่เลี้ยงที่ถูกกล่าวหาด้วย
พอทุกข์แล้ว ก็ไม่น่าจะแสดงออกดีๆกับท่านได้มากเท่าไหร่
ก็เหมือนโยนความทุกข์กลับไปหาท่านให้ท่านทุกข์
เป็นวงจรอยู่อย่างนี้
แต่จริงๆแม่คุณดูไม่ปกติมานานแล้ว
ตั้งแต่ไล่โทรหาเพื่อนคุณตอนติดต่อไม่ได้
ดูเขากลัวสูญเสียคุณมากเลย
และไม่รู้ขอบเขตของการอยู่ร่วมกัน
เราไม่แน่ใจว่า มันแก้ได้ด้วยการปฏิบัติธรรม
หรือปรึกษาจิตแพทย์นะคะ
แต่คิดว่าท่านต้องได้รับการบำบัดทางใดทางหนึ่งน่ะค่ะ
ไม่อย่างนั้น ท่านเองก็ทุกข์ (ด้วยความกังวล หวาดระแวงต่างๆ)
คนรอบข้างก็ทุกข์ ทั้งตัวคุณ และสามี น่าจะพี่เลี้ยงที่ถูกกล่าวหาด้วย
พอทุกข์แล้ว ก็ไม่น่าจะแสดงออกดีๆกับท่านได้มากเท่าไหร่
ก็เหมือนโยนความทุกข์กลับไปหาท่านให้ท่านทุกข์
เป็นวงจรอยู่อย่างนี้
ความคิดเห็นที่ 4
อ่านแล้วเราแอบเหนื่อยในหัวใจแทนคุณ
คุณจะต้องพูดกับแม่แบบบำบัดเช่น
ถ้าแม่เป็นแบบนี้ต่อไปคุณอาจจะต้องเลิกกับสามีเพราะสงสารเขาแล้วคุณก็จะทุกข์มากถ้าแม่ไม่เลิกพฤษติกรรมแบบนี้
หลานก็จะเป็นกำพร้าขาดพ่อ
บอกแม่ว่าแม่ได้ได้อยู่กับคุณตลอดไปเมื่อไม่มีแม่แล้วคุณควรมีสามีเป็นเพื่อนร่มทุกข์ร่วมสุข
แม่ไม่ใช่จะถูกเสมอไปคุณควรเห็นใจสามีของคุณให้มากค่ะ
คุณจะต้องพูดกับแม่แบบบำบัดเช่น
ถ้าแม่เป็นแบบนี้ต่อไปคุณอาจจะต้องเลิกกับสามีเพราะสงสารเขาแล้วคุณก็จะทุกข์มากถ้าแม่ไม่เลิกพฤษติกรรมแบบนี้
หลานก็จะเป็นกำพร้าขาดพ่อ
บอกแม่ว่าแม่ได้ได้อยู่กับคุณตลอดไปเมื่อไม่มีแม่แล้วคุณควรมีสามีเป็นเพื่อนร่มทุกข์ร่วมสุข
แม่ไม่ใช่จะถูกเสมอไปคุณควรเห็นใจสามีของคุณให้มากค่ะ
แสดงความคิดเห็น
สามีทนแม่เราไม่ได้ แต่เราก็ทิ้งให้แม่อยู่คนเดียวไม่ได้เช่นกัน