1 วันปอนๆของคนไทยที่ต้องจากบ้านมาถึงแดนอโณทัย - 私の一日 【แบ่งปันบรรยากาศเย็นเคล้าฝน】


ขอสวัสดีชาวพันทิปทุกท่านค่ะ ตอนนี้เราทำงานอยู่ในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งในภูมิภาคชูบุ ณ ประเทศญี่ปุ่น วันนี้นึกครึ้มอะไรไม่ทราบอาจด้วยเพราะสภาพครึ้มฟ้าครึ้มฝน มีแรงดลใจให้หยิบกล้องถ่ายรูป พลางนึกขึ้นได้ว่าก็อยู่ที่นี่มาบรรจบครบปีแล้วแต่ก็ไม่เคยถ่ายรูปบริเวณนี้เก็บไว้เลย ว่าแล้วก็สะพายกล้องคล้องคอ สองเท้าเดินออกจากห้องทรงสี่เหลี่ยมแคบๆ



ฝีมือการถ่ายรูปอาจจะไม่เชี่ยวชาญเท่าไรนักเพราะการถ่ายรูปเป็นเรื่องเป็นราวแทบจะนับครั้งได้ กล้องเจ้ากรรมก็ดันเป็นเมนูภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด ความรู้ศัพท์ทางนี้ก็ไม่ค่อยมีเท่าไรด้วยสิ มีหลายครั้งที่คลำๆปุ่มเอาตามสัญชาตญาณ






ว่าแต่เราจะไปที่ไหนกันดีนะ... ระหว่างนั้นก็มีสถานที่หนึ่งผุดขึ้นมา หลังสถานีรถไฟเราเคยเห็นสถานที่หนึ่ง เป็นที่ที่มีบันไดหินทอดยาวไปถึงด้านบน โดดเด่นด้วยความเขียวขจีของต้นไม้ใหญ่ กิ่งก้านใบสีเขียวปกคลุมดูร่มรื่น ด้านหน้ามีโทริอิทำจากหินขาวแต่ค่อนข้างขุ่นมัว “โทริอิ” เป็นประตูรูปแบบหนึ่งตามความเชื่อของศาสนาชินโต มีความเชื่อว่าดินแดนข้างหลังประตูโทริอินั้นเป็นดินแดนของเทพเจ้า


จากการวิเคราะห์ของเราคิดว่าที่นี่น่าจะเป็นศาลเจ้าอย่างแน่นอน เคยแวะผ่านวนเวียนหลายครั้งเนื่องจากที่นี่ติดกับไปรษณีย์แต่ก็ไม่เคยขึ้นไปเลย อาจเพราะเมื่อเห็นความสูงชันของบันไดแล้วใจก็เกิดฝ่อขึ้นมาเสียอย่างนั้นแต่หากไม่เริ่มก้าวแรกก็จะไม่มีก้าวสุดท้าย





หน้าทางเข้ามีศาลาขนาดย่อมให้ผู้มาเยือนได้ล้างมือและบ้วนปาก ตามความเชื่อของศาสนาชินโตนั้นผู้ที่จะก้าวเข้าดินแดนแห่งเทพควรชำระล้างกายให้เรียบร้อยเสียก่อน





เลือกกระบวยที่ถูกใจได้เลยค่ะ











บันไดหินและสถานที่มีร่องรอยของกาลเวลา แสดงให้เห็นถึงสัญญาณของธรรมชาติที่คืบคลานมาทวงคืนทีละเล็กทีละน้อย



ระหว่างทางมีชาวบ้านเดินสวนกันบ้างเล็กน้อย ไม่รอช้าเรารีบแสดงมารยาทตามแบบฉบับของชาวญี่ปุ่นพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ
“คอนนิจิวะ” สวัสดีตอนกลางวันค่ะ
เราทักทายด้วยคำภาษาญี่ปุ่นที่ค่อนข้างแปร่งนิดหน่อย
“คอนนิจิวะ”
จากใบหน้าเฉยเมยของคุณยายเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม ทักทายกลับมาด้วยเสียงที่ค่อนข้างเบา รอยยิ้มเล็กๆระหว่างทางนี้ช่วยเปลี่ยนฟ้าที่ดูครึ้มเมฆให้สดใสได้ทันที




หนึ่งก้าว.
สองก้าว..
สามก้าว…

ถึงแม้บันไดจะสูงและค่อนข้างชันแต่ด้วยอากาศเย็นๆของฤดูใบไม้ร่วงที่นี่ทำให้การเดินไม่ลำบากเท่าไรนัก ระหว่างทางก็ซึบซับบรรยากาศของธรรมชาติรอบ

ทั้งสวยงาม



และร่วงโรย ทุกอย่างล้วนได้ถูกสร้างสรรค์และจากไป เสียงของลมพัดผ่านกระทบหูฉันไป



ถึงแล้ว...
แต่...
ว่างเปล่า...



จุดบนสุดของบันไดนั้นเป็นถนนและบ้านเรือนปกติ พอมองออกไปอีกซักหน่อยประมาณเกือบร้อยเมตรก็เห็นโทริอิขนาดเล็กกว่าด้านล่าง เห็นรูปปั้นสิงห์สองตัวไกลๆกำลังเบือนหน้ามาทางนี้ จึงรู้ได้ว่าที่นั่นละคือจุดหมายต่อไปและเป้าหมายของวันนี้




ศาลเจ้าที่แท้จริงยังอยู่ห่างออกไป







ด้านหน้าทางเข้ามีศาลาไม้ให้ล้างมือเช่นเคย มีความต่างที่รูปปั้นสิงห์ทั้งสองก็ตั้งอยู่ด้านหน้าด้วยเช่นกัน ตาสองคู่ที่จ้องเขม็ง หนึ่งในสองแยกเขี้ยวเล็กน้อยราวกับขู่ผู้ที่เปื้อนมลทินจากโลกภายนอกและไม่ชำระกายให้บริสุทธิ์เสียก่อน จะว่าไปชาวญี่ปุ่นเขาถือเรื่องล้างมือและความสะอาดสำคัญมากจริงๆ ที่ทำงานเรานั้นใครที่ไม่ล้างมือหลังเข้าห้องน้ำจะโดนดุและโดนแซวไปอีกหลายวันเลยทีเดียวเชียว (จากประสบการณ์ตรง 555)



ผู้พิทักษ์ศาลเจ้าซ้าย - ขวา


น้ำทั้งใสและเย็น แค่สัมผัสก็รู้สึกถึงความเย็นจากปลายนิ้ววิ่งผ่านไปทั้งตัว การเดินทางวันนี้จะจบลงเช่นไรนะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่