จากพล็อตที่ดูเหมือนซีรี่ส์ตลกแต่จริงๆ เป็นเรื่องราวเข้มข้น หักมุม พลิกล็อค เผยปมและเฉือนคมกันเจ๋งมากๆ
เรื่องย่อ: เริ่มด้วยที่ว่า เกิดเหตุมีคนไปพ่นสีรูปจู๋บนรถของเหล่าอาจารย์ทั้ง 27 คัน แล้วเรื่องเกิดเลยเถิด ถึงเรื่องความเสียหาย และการฟ้องร้องขึ้น และต่อด้วยเป็นการหาตัวผู้กระทำ แต่เกิดเป็นการยัดเยียดที่แทบจะไม่มีคนค้านให้กับตัวแสบสร้างความน่ารำคาญประจำโรงเรียนอย่าง ดีแลน ผู้ที่หากพูดถึงแล้ว ก็ต้องนึกถึงวีรกรรมการกวนตีนชาวบ้าน และสร้างผลงานน่ากระทืบในโรงเรียนมากมาย ที่แน่ๆ เค้าเคยวาด "กระจู๋" เกลื่อนไปทั่วทั้งโรงเรียนมาแล้ว ดังนั้นครั้งนี้ทุกคนก็แทบไม่ต้องคิดว่ามันต้องเป็นผลงานเค้าแน่ๆ
แต่เรื่องกลับไม่เป็นแบบนั้น เพราะดีแลนปฏิเสธว่าครั้งนี้เค้าไม่ได้ทำ ซึ่งก็ผิดปกติมาก เพราะเดิมทีแล้ว เค้าจะยืดอกภูมิใจกับวีรกรรมเค้ามาตลอด แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะด้วยประวัติของเค้า ทำให้ต้องรับกรรม โดนไล่ออกจากโรงเรียน แถมจะโดนขึ้นศาลอีกด้วย
ด้วยเหตุดังกล่าว ปีเตอร์และแซม คู่หูผู้ที่เดิมทีก็เป็นทีมงานชมรมนักข่าวประจำโรงเรียนอยู่แล้ว จึงจับมือกันช่วยกันถ่ายทอดเรื่องราว และสืบค้นหาต้นตอที่แท้จริงว่า ถ้าดีแลนไม่ได้ทำ แล้วใครทำ? แล้วทำทำไม? เหตุจูงใจคืออะไร? แล้วทำได้ยังไง? ทำไมต้องโยนให้ดีแลน? เป็นต้น
ซีรี่ส์เล่าเรื่องเหมือนเรานั่งดู Documentary ที่มีการเล่าเรื่องเสริม มีการประกอบสลับไปมาที่สนุก ไม่น่าเบื่อ และมีการปูเรื่องได้น่าติดตามมาก มีการชีปมต่างๆ ให้เราได้คิดตามถึงความเป็นไปได้ตลอด สิ่งที่เราได้ดูนั้น เหมือนกับว่าเราได้มีส่วนร่วมกับการสืบหาความจริงครั้งนี้ได้อย่างดีเยี่ยม
ตัวซีรี่ส์ถ่ายทอดออกมาได้ลึก และเห็นมุมมองของเด็กนักเรียน อาจารย์ และสังคม(อเมริกัน)ในยุคปัจจุบันได้ดีมาก ทั้งเรื่องการใช้โซเชี่ยลมีเดียต่างๆ ปัญหาชีวิต ดราม่าครอบครัว และปัญหาต่างๆ ในโรงเรียน ทั้งระหว่างนักเรียน ระหว่างอาจารย์และนักเรียน หรือแม้ระหว่างอาจารย์กับอาจารย์ด้วยกัน บ่งบอกถึงระบบการดูแลของโรงเรียนที่ทุกคนต้องตั้งคำถาม
เนื่องจากซีรี่ส์เล่าด้วยแนว Documentary ดังนั้นเราจะต้องตั้งใจดูมากๆ และพลาดไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว และต้องจำรายละเอียดสำคัญๆ ให้ได้ ถึงแม้ตัวซีรี่ส์จะมีการย้อนให้ดูให้เรานึกถึง แต่ถ้าเราจำรายละเอียดได้ล่ะก็ เราจะดูเรื่องนี้ได้สนุกขึ้นมาก
จังหวะการเล่าเรื่อง การปูเรื่อง การบรรยายเรื่อง ถือว่าทำได้ดีมากๆ เป็นแนวใหม่ที่ไม่ค่อยได้เห็นมีใครกล้าทำ เพราะถ้าลองมาคิดย้อนแล้ว การถ่ายทำแบบนี้ จะต้องซับซ้อนและทำหลายเขบ็ดมาก ถึงจะออกมาได้อย่างที่เราดูกัน อย่าลืมว่านี่มันไม่ใช่เรื่องจริง แต่ด้วยวิธีที่ซีรี่ส์ถ่ายทอดมานั้น เราแทบลืมไปเลยว่าดีแลนเป็นแค่หนึ่งตัวละครในซีรี่ส์นี้ ไม่ได้ Base on True Story แต่อย่างใด
ตัวซีรี่ส์มี 8 ตอน ตอนละ 30 นาทีเท่านั้น ซึ่งถือว่าแปลกมากสำหรับซีรี่ส์อเมริกา แต่นั่นก็ทำให้เราสามารถดูรวดเดียวจบได้ แน่นอนว่าถ้าใครดูถึงตอนจบแต่ละตอน แล้วไม่ดูต่อ นอนไม่หลับแน่นอน 55
ตัวเรื่องช่วงแรกๆ อาจะดูเหมือนเวิ่นเว้อ และเล่าวนหลายฉาก แต่นั่นก็เป็นการตอกย้ำถึงความเสียหายครั้งนี้ และผลกรรมของดีแลนที่ต้องมาเจอกับสิ่งที่เค้าไม่ได้ทำ ความหวังของดีแลนจึงอยู่ที่การสืบค้นของปีเตอร์และแซมที่จะถ่ายทอดมาให้เราดูกัน ผลจะเป็นยังไง ดีแลนไม่ได้ทำจริงหรือไม่ แล้วถ้าใครไม่ได้ทำ ใครเป็นคนทำ? ไปหาความจริงได้ใน American Vandal ครับ
คะแนน 8.7/10
[CR] Review: American Vandal ใครเป็นคนวาดจู๋?
จากพล็อตที่ดูเหมือนซีรี่ส์ตลกแต่จริงๆ เป็นเรื่องราวเข้มข้น หักมุม พลิกล็อค เผยปมและเฉือนคมกันเจ๋งมากๆ
เรื่องย่อ: เริ่มด้วยที่ว่า เกิดเหตุมีคนไปพ่นสีรูปจู๋บนรถของเหล่าอาจารย์ทั้ง 27 คัน แล้วเรื่องเกิดเลยเถิด ถึงเรื่องความเสียหาย และการฟ้องร้องขึ้น และต่อด้วยเป็นการหาตัวผู้กระทำ แต่เกิดเป็นการยัดเยียดที่แทบจะไม่มีคนค้านให้กับตัวแสบสร้างความน่ารำคาญประจำโรงเรียนอย่าง ดีแลน ผู้ที่หากพูดถึงแล้ว ก็ต้องนึกถึงวีรกรรมการกวนตีนชาวบ้าน และสร้างผลงานน่ากระทืบในโรงเรียนมากมาย ที่แน่ๆ เค้าเคยวาด "กระจู๋" เกลื่อนไปทั่วทั้งโรงเรียนมาแล้ว ดังนั้นครั้งนี้ทุกคนก็แทบไม่ต้องคิดว่ามันต้องเป็นผลงานเค้าแน่ๆ
แต่เรื่องกลับไม่เป็นแบบนั้น เพราะดีแลนปฏิเสธว่าครั้งนี้เค้าไม่ได้ทำ ซึ่งก็ผิดปกติมาก เพราะเดิมทีแล้ว เค้าจะยืดอกภูมิใจกับวีรกรรมเค้ามาตลอด แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะด้วยประวัติของเค้า ทำให้ต้องรับกรรม โดนไล่ออกจากโรงเรียน แถมจะโดนขึ้นศาลอีกด้วย
ด้วยเหตุดังกล่าว ปีเตอร์และแซม คู่หูผู้ที่เดิมทีก็เป็นทีมงานชมรมนักข่าวประจำโรงเรียนอยู่แล้ว จึงจับมือกันช่วยกันถ่ายทอดเรื่องราว และสืบค้นหาต้นตอที่แท้จริงว่า ถ้าดีแลนไม่ได้ทำ แล้วใครทำ? แล้วทำทำไม? เหตุจูงใจคืออะไร? แล้วทำได้ยังไง? ทำไมต้องโยนให้ดีแลน? เป็นต้น
ซีรี่ส์เล่าเรื่องเหมือนเรานั่งดู Documentary ที่มีการเล่าเรื่องเสริม มีการประกอบสลับไปมาที่สนุก ไม่น่าเบื่อ และมีการปูเรื่องได้น่าติดตามมาก มีการชีปมต่างๆ ให้เราได้คิดตามถึงความเป็นไปได้ตลอด สิ่งที่เราได้ดูนั้น เหมือนกับว่าเราได้มีส่วนร่วมกับการสืบหาความจริงครั้งนี้ได้อย่างดีเยี่ยม
ตัวซีรี่ส์ถ่ายทอดออกมาได้ลึก และเห็นมุมมองของเด็กนักเรียน อาจารย์ และสังคม(อเมริกัน)ในยุคปัจจุบันได้ดีมาก ทั้งเรื่องการใช้โซเชี่ยลมีเดียต่างๆ ปัญหาชีวิต ดราม่าครอบครัว และปัญหาต่างๆ ในโรงเรียน ทั้งระหว่างนักเรียน ระหว่างอาจารย์และนักเรียน หรือแม้ระหว่างอาจารย์กับอาจารย์ด้วยกัน บ่งบอกถึงระบบการดูแลของโรงเรียนที่ทุกคนต้องตั้งคำถาม
เนื่องจากซีรี่ส์เล่าด้วยแนว Documentary ดังนั้นเราจะต้องตั้งใจดูมากๆ และพลาดไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว และต้องจำรายละเอียดสำคัญๆ ให้ได้ ถึงแม้ตัวซีรี่ส์จะมีการย้อนให้ดูให้เรานึกถึง แต่ถ้าเราจำรายละเอียดได้ล่ะก็ เราจะดูเรื่องนี้ได้สนุกขึ้นมาก
จังหวะการเล่าเรื่อง การปูเรื่อง การบรรยายเรื่อง ถือว่าทำได้ดีมากๆ เป็นแนวใหม่ที่ไม่ค่อยได้เห็นมีใครกล้าทำ เพราะถ้าลองมาคิดย้อนแล้ว การถ่ายทำแบบนี้ จะต้องซับซ้อนและทำหลายเขบ็ดมาก ถึงจะออกมาได้อย่างที่เราดูกัน อย่าลืมว่านี่มันไม่ใช่เรื่องจริง แต่ด้วยวิธีที่ซีรี่ส์ถ่ายทอดมานั้น เราแทบลืมไปเลยว่าดีแลนเป็นแค่หนึ่งตัวละครในซีรี่ส์นี้ ไม่ได้ Base on True Story แต่อย่างใด
ตัวซีรี่ส์มี 8 ตอน ตอนละ 30 นาทีเท่านั้น ซึ่งถือว่าแปลกมากสำหรับซีรี่ส์อเมริกา แต่นั่นก็ทำให้เราสามารถดูรวดเดียวจบได้ แน่นอนว่าถ้าใครดูถึงตอนจบแต่ละตอน แล้วไม่ดูต่อ นอนไม่หลับแน่นอน 55
ตัวเรื่องช่วงแรกๆ อาจะดูเหมือนเวิ่นเว้อ และเล่าวนหลายฉาก แต่นั่นก็เป็นการตอกย้ำถึงความเสียหายครั้งนี้ และผลกรรมของดีแลนที่ต้องมาเจอกับสิ่งที่เค้าไม่ได้ทำ ความหวังของดีแลนจึงอยู่ที่การสืบค้นของปีเตอร์และแซมที่จะถ่ายทอดมาให้เราดูกัน ผลจะเป็นยังไง ดีแลนไม่ได้ทำจริงหรือไม่ แล้วถ้าใครไม่ได้ทำ ใครเป็นคนทำ? ไปหาความจริงได้ใน American Vandal ครับ
คะแนน 8.7/10