[My Penang #3] เดินดู street art ช่วงกลางวันและเมาจนภาพตัดช่วงดึก


วันนี้ไม่มีอะไรมาก ให้เพื่อนเป็นคน lead แผนบ้าง เพราะเพื่อนเก่งมากเรื่องแผนที่และทิศทาง ส่วนเรามีไว้สื่อสารภาษาและสั่งอาหาร ถามราคานั่นนี่ วันนี้เราเดินออกจากที่พักเพื่อไปตรงศาลเจ้าแม่กวนอิมแถว Jetty Chew กันก่อน แล้วก็แวะกินอาหารเช้าที่ศูนย์อาหารริมถนนแถวๆนั้นแหละ

อิเจ๊ร้านน้ำนี่มองพวกเราไม่วางตาเลยนับตั้งแต่เราสั่งของ ถามๆๆอยู่นั่น มาจากไหน คนไทยเหรอ มาจากบางกอกรึเปล่า อร่อยมั้ย เคยกินมั้ย นี่สามีเธอเหรอ เรานี้ร้องจ๊ากกกก ไม่ใช่ละเจ๊ แล้วเจ๊แกก็จ้องไปในตาเพื่อนเรา แล้วถามเราว่าฮีใส่คอนแทคเลนส์ด้วยเหรอ โอ๊ยยยย คนอัลไลอย่างงี้ เกิดมาไม่เคยเจอผู้ชายใส่คอนแทคเลนส์สีรึไง แล้วก็จ้องตลอดจนเรากับเพื่อนกินเสร็จ มื้อนี้เพื่อนเราได้ char kway teow มากินด้วยการสั่งแบบเผด็จการของเรา เพราะในเมื่อถามแล้วว่าเอาอะไร ฮีบอกว่าเขายังไงก็ได้ ตัวเองเอาอะไรก็สั่งเผื่อได้เลย ก็เลยจัดที่สั่งง่ายๆไปให้จานนึง ส่วนตัวเราได้หมี่ผัดอะไรจำชื่อไม่ได้แล้วอะ ฮกเกี้ยนละมั้ง แต่รสเผ็ดๆอยู่ กับโค้ดคนละแก้ว รวมค่าเสียหาย 16 rm เป็นการกินอาหารที่กดดันที่สุดในชีวิต เพราะมีตา 2 คู่จ้องมาไม่หยุด

กินอิ่มละก็เดินต่อไปที่ Jetty Chew ดูๆพวกของฝากแต่ยังไม่ซื้อ ทัวร์จีนไปถ่ายรูปเยอะมากกกก แอ็คท่านั่นโน่นนี่ ส่งเสียงดังช้งเช้งล้งเล้ง ตรงที่เป็นศาลเจ้าริมน้ำสุดอะ เพื่อนเรากับเราก็แอบลำไยนิดๆ เลยเดินมาดูพวกของฝากดีกว่า มาตากแอร์เล่นๆ ตอนดูของฝากนี่สบายเลย คนขายพูดไทยปร๋อ เพื่อนเราเลยจ้อสบาย เราก็ดีได้ตากแอร์ไปเงียบๆ แทบหลับแน่ะ หลายร้านแอร์เย็นมาก

ถึงตอนนี้ก็เที่ยงได้ละมั้ง เลยออกมาข้ามฝั่งไป Armenian st. เพื่อจะเข้าไปดูพวก street art กัน ในจุดนี้เดินถ่ายรูปกันเพลินมาก แต่ก็ต่อคิวนานมากพอๆกัน เพราะเหล่านางแบบนายแบบทัวร์จีนนี้พี่ทั่นต่อคิวโพสกันยังกะจะเอาไปเป็น portfolio สมัคร The Face ก็มิปาน หนุ่มสาวไทยหน้าคมแบบเราก็ต้องยืนรอกันต่อไป ถ่ายได้เท่าที่ได้ เอาเท่าที่รอไหว ฮ่าๆ

เดินๆอยู่เพื่อนเราพื้นรองเท้าหลุดทั้งผืนเลย Timberland คู่เก่าหลายปีมากละ พยายามผูกกันก็แล้ว อะไรก็แล้ว แต่ยังอึดเดินดูของฝากกันอย่างไม่ย่อท้อ ได้ของดีๆมากันเพียบเลย

แล้วก็แวะกินน้ำผลไม้ปั่นร้าน Fruitmade เพื่อนสั่งน้ำแตงโมปั่นไป รสชาติแตงโมดี๊ดีแม้จะจืดไปนิด เราสั่งแอปเปิลปั่นที่ออกมาเหมือนอะไรไม่รู้ อย่างเซ็ง แก้วละ 6 rm เชียวแน่ะ เดินดูของไป ถ่ายรูปสลับๆกันไป จนรองเท้าไม่ไหวละ เลยตัดสินใจกันว่าควรกลับไปตั้งหลักกันก่อน ค่อยคิดว่าจะหาร้านซ่อมที่ไหน วันนี้วันอาทิตย์ด้วย เมื่อวานเราเห็นมีร้านเพิงตรงนึงเปิดอยู่ จำช่วงตึกไม่ได้ละ อาจจะลองเดินหาดูได้แต่โอกาสเปิดวันอาทิตย์นี้น้อยมาก หรือจะหาซื้อกาวยางดี พวกกาวตราช้างนี้ติดไม่ได้ เพราะพอมันแข็งแห้งมันก็หักถ้าเดินแล้วงอเท้า โอ๊ยย เลือกคนเที่ยวด้วยถูกคนสุดๆเลย สกิลช่างและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามาเต็มเปี่ยม

เดินกลับเข้าที่พักระหว่างทางตรงไหนมีร้านที่พอจะถามหากาวได้ก็ลองถามหาก่อน แต่ก็ไม่มี จนถึงที่พักได้คุยกับ Jefry เราบอกปัญหาเขาไป เขาก็พาไปซื้อที่มินิมาร์ทลับอีกจุดใกล้ๆที่พัก พาเดินวกวนมากๆแต่ก็ถึงจนได้ เหลือกาวยางหลอดเดียวในร้าน แม่เจ้า จ่ายกันไป 5 rm แต่ได้โค้กกับมะนาวโซดาติดมือมาด้วย เพื่อนเรากลับมานั่งซ่อมเอง บันเทิงมาก นี่ก็นั่งเป็นกำลังใจข้างๆไม่ห่าง (เอาจริงนี่ก็แว่บไปอาบน้ำและนอนเล่นมือถือข้างๆจนหลับ) ลุ้นมากอยู่ กลัวว่ารองเท้าพังจะเดินเที่ยวกันไม่ได้เพราะฮีเอามาแค่คู่เดียว คิดกันถึงว่าถ้าพังจริงจะยืมรองเท้าใครสักคนใส่เดินไป Komtar หารองเท้าใหม่กัน แต่ในที่สุดก็ซ่อมได้ ไม่มีอะไรยากเกินความพยายาม

ช่วงบ่ายนี้เราไปที่ China House เป็นร้านสุดท้ายของ cafe hopping ที่นี่ จริงๆร้านเขาพื้นที่ไม่น้อยนะ แต่มันไม่กว้าง มันเป็นทางลึกและแคบ คนจะเข้าจะออกก็ลำบากนิดนึง แต่บรรยากาศเราว่าดีอยู่

เราสั่ง quiche asparagus มาแบ่งกันกิน เพื่อนได้ iced chocolate ส่วนเราสั่งเป็น pink lemonade สีสวย พวกเมนูก็เยอะมาก มี high tea set อลังๆให้เลือกด้วย เราชอบการตกแต่งร้านนี้ มีมุมหนังสือที่มีเยอะมาก มุมเค้กทางหน้าร้านก็สวยมากๆ โต๊ะมีกระดาษปูรองให้เอาสีเทียนมาเขียนเล่น นี่เลยเขียนจารึกชื่อตัวเองไว้ยังกะเด็กช่างกล เขียนละถ่ายรูปไว้ เพื่อนได้แต่มองด้วยสายตาเอือมๆแต่ไม่พูดอะไร อืมมม ไม่แปลกใจละที่คบกันมาได้เป็นสิบกว่าปี นั่งที่นี่น่าจะสัก 45 นาทีได้มั้ง ก็ตัดสินใจไปลุยกันต่อที่ Peranakan House

สำหรับ Peranakan House และภาคค่ำ เราขอไปแยกไว้ที่เมนท์ล่างๆนะ รูปเยอะจัดเลย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่