ที่มาการล้างชาติพันธ์ชาวโรฮิงญา
ชมคลิป
http://www.krobkruakao.com/abroad/52868
องค์กรสิทธิมนุษยชน Human Rights Watch เผยรายงานสถานการณ์ความรุนแรงในรัฐยะไข่ และการอพยพของชาวโรฮิงญา เป็นวิกฤติมนุษยธรรมที่รุนแรงที่สุดในโลกปัจจุบัน จนองค์การสหประชาชาติ ยอมรับว่า เข้าข่ายการล้างชาติพันธ์ หรือ Ethnic Cleansing แต่หากเมียนมาปล่อยให้สถานการณ์บานปลาย และมีหลักฐานแสดงให้เห็นเจตนาที่จะมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือ Genocide เมียนมาอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในศาลโลก ขณะที่ท่าทีของ นางอองซาน ซูจี ที่แถลงแนวทางการแก้ไขปัญหาในรัฐยะไข่ ชี้ให้เห็นว่าโอกาสที่ชาวโรฮิงญาที่ลี้ภัยไปบังกลาเทศ จะได้กลับไปตั้งถิ่นฐานเดิมในเมียนมายังเป็นไปได้ยาก
เครดิต
http://www.krobkruakao.com/abroad/52868
รัฐบาลวอชิงตัน มอบเงินสนับสนุนโครงการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่ชาวโรฮิญาอีก 32 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,056 ล้านบาท)
21 ก.ย.60 นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) ว่าด้วยภารกิจรักษาสันติภาพ เมื่อวันพุธ ประณามการกระทำที่ป่าเถื่อนและโหดร้ายของกองทัพเมียนมา ต่อชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ ซึ่งทำให้เกิดการลี้ภัยของชาวโรฮิงญาจำนวนกว่า 422,000 คนเข้าไปยังบังกลาเทศ ตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. เป็นต้นมา และรัฐบาลสหรัฐเรียกร้องให้ยูเอ็นเอสซีใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดและรวดเร็วเพื่อยุติวิกฤตนี้
อย่างไรก็ตาม นายเพนซ์ ระบุว่า สหรัฐยินดีต่อถ้อยแถลงล่าสุดของนางออง ซาน ซูจี มุขมนตรีแห่งรัฐของเมียนมา ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อการให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาในบังกลาเทศ
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ จัดสรรงบประมาณอีก 32 ล้านดอลลาร์ ( ประมาณ1,056 ล้านบาท ) เพื่อสนับสนุนโครงการมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา ถือเป็นการขยายวงเงินความช่วยเหลือเฉพาะในปีนี้เป็น 95 ล้านดอลลาร์ ( ประมาณ 3,135 ล้านบาท )
http://www.komchadluek.net/news/foreign/296345 
ที่มา การล้างชาติพันธ์ชาวโรฮิงญา -- สหรัฐช่วยเงิน ผู้ลี้ภัยโรฮิงญา 1 พันล้านบาท
ชมคลิป http://www.krobkruakao.com/abroad/52868
องค์กรสิทธิมนุษยชน Human Rights Watch เผยรายงานสถานการณ์ความรุนแรงในรัฐยะไข่ และการอพยพของชาวโรฮิงญา เป็นวิกฤติมนุษยธรรมที่รุนแรงที่สุดในโลกปัจจุบัน จนองค์การสหประชาชาติ ยอมรับว่า เข้าข่ายการล้างชาติพันธ์ หรือ Ethnic Cleansing แต่หากเมียนมาปล่อยให้สถานการณ์บานปลาย และมีหลักฐานแสดงให้เห็นเจตนาที่จะมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือ Genocide เมียนมาอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในศาลโลก ขณะที่ท่าทีของ นางอองซาน ซูจี ที่แถลงแนวทางการแก้ไขปัญหาในรัฐยะไข่ ชี้ให้เห็นว่าโอกาสที่ชาวโรฮิงญาที่ลี้ภัยไปบังกลาเทศ จะได้กลับไปตั้งถิ่นฐานเดิมในเมียนมายังเป็นไปได้ยาก
เครดิต http://www.krobkruakao.com/abroad/52868
รัฐบาลวอชิงตัน มอบเงินสนับสนุนโครงการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่ชาวโรฮิญาอีก 32 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,056 ล้านบาท)
21 ก.ย.60 นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) ว่าด้วยภารกิจรักษาสันติภาพ เมื่อวันพุธ ประณามการกระทำที่ป่าเถื่อนและโหดร้ายของกองทัพเมียนมา ต่อชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ ซึ่งทำให้เกิดการลี้ภัยของชาวโรฮิงญาจำนวนกว่า 422,000 คนเข้าไปยังบังกลาเทศ ตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. เป็นต้นมา และรัฐบาลสหรัฐเรียกร้องให้ยูเอ็นเอสซีใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดและรวดเร็วเพื่อยุติวิกฤตนี้
อย่างไรก็ตาม นายเพนซ์ ระบุว่า สหรัฐยินดีต่อถ้อยแถลงล่าสุดของนางออง ซาน ซูจี มุขมนตรีแห่งรัฐของเมียนมา ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อการให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาในบังกลาเทศ
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ จัดสรรงบประมาณอีก 32 ล้านดอลลาร์ ( ประมาณ1,056 ล้านบาท ) เพื่อสนับสนุนโครงการมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา ถือเป็นการขยายวงเงินความช่วยเหลือเฉพาะในปีนี้เป็น 95 ล้านดอลลาร์ ( ประมาณ 3,135 ล้านบาท )
http://www.komchadluek.net/news/foreign/296345