แชร์ประสบการณ์เดินทางแบบวิบากกับคุณสามี ปกติเราเดินทางไปเที่ยวกันบ่อย ถ้ามีช่วงว่างเมื่อไหร่ ต้องวางแผนเที่ยวทันที
แต่ครั้งนี้พิเศษหน่อยตรงที่ เป็นทริปแบกเป้ นอนในรถ น้ำไม่อาบ ค่ำไหนนอนนั่น มีวางแผนจองโรงแรมเพียงคืนเดียว
(คุณสามีโชว์ใบจองที่นี่ที่เดียว ไอ้เราก็หลงดีใจ คาดฝันว่าต้องโรแมนติกมากๆ แต่ แต่ แต่...) อ่ะ เริ่มเลยแล้วกัน
ทริปนี้เราสองคนตั้งใจเที่ยวใกล้ๆ แบบประหยัดที่สุดเท่าที่จะทำได้ เลยตัดสินใจจบที่ “เวียดนาม”
โดยต้นทาง โฮจิมินห์ จบที่ ดานัง ระยะเวลา 5 วัน 4 คืน

วันที่ 1 Ho chi minh City
พอถึงปุ๊ป ซื้อซิมการ์ดก่อนเลย เพราะต้องใช้ Google Map ช่วยในการเดินทางตลอดทริป จากนั้น หาบริษัทรถทัวร์
ซึ่งคุณสามีทำการบ้านมาอย่างดี ต้องเป็น The Sinh Tourist เท่านั้น นางก็พานั่งรถบัสไปฟามงูหลาว ลงเดิน แบกเป้ย่ำต๊อก
เข้าซอยนั้นออกซอยนี้ อากาศนี่ ไม่ต้องพูดถึง ร้อนเว่อวังมาก ให้ Google Map เป็นตัวช่วยคู่กาย
เจอแล้วววววววว เป็นตึกแถวแคบๆ มืดๆ คุณสามีเดินดิ่งเข้าไปจัดการตั๋วประมาณเกือบชั่วโมง เพราะคนขายพูดไปเล่นโทรศัพท์ไป
กว่าจะได้!!! สรุป ได้ Route การเดินทางโดยรถนอน Ho chi ming ==> Mui Ne ==> Nha Trang ==> Hoi An ==> Da Nang
ระยะเวลาการเดินทางสาหัสสากันสุดๆ (ตอนนั้นยังไม่รู้ตัวจ้า มัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับคนที่นี่ว่า ทำไมบีบแตรตลอดเว ข้ามถนนทีพี่นี่ต้องหันซ้ายหันขวา ก้าวไปข้างหน้าอย่างเดียวห้ามถอยหลัง ช็อคตลอดเวลา แต่ก็สนุกดี)
พอได้ตั๋วรถนอนปุ๊ป ฝากกระเป๋าห้องแคบๆ คนรับฝากโหดๆ เราวางแผนใหม่ทันทีเพราะต้องมาถึงที่ทัวร์นี่ก่อนเวลา 2 ทุ่ม
เรามีเวลาประมาณ 8 ชั่วโมงสำหรับการไปเยี่ยมลุงโฮ เดินลัดเลาะตามซอยไปถึงย่าน Saigon Square หาของกินเก็บภาพไปเรื่อยเปื่อย
จุดมุ่งหมายเราคือ โบสถ์นอร์เธอร์ดาม, Center Post Office, Opera House และจบที่ Ho chi minh Square ก่อนที่จะกลับไปที่
The Sinh Tourist เพื่อเดินทางไปมุยเน่
โฮจิมินท์ เราสองคนเก็บกันไม่ครบนะคะ เนื่องจากใช้การเดินเท้า กว่าจะถึงแต่ละสถานที่ ใช้เวลาค่อนข้างมาก ไหนจะแวะซื้อของกิน
ไหนจะแวะเก็บภาพ โดยเฉพาะภาพคู่ ทุลักทุเลมาก เพราะไม่กล้าวานคนท้องถิ่นถ่ายให้ เราต้องจัดกันเองจ้า เลยใช้เวลาแต่ละที่ค่อนข้างนานค่ะ
2 ทุ่มล้อหมุน มุ่งหน้าสู่ “มุยเน่” === แว๊บแรกที่เห็นภายในรถ คือ เฮ้ยยยย!!! เราต้องนอนในนี้ 5 ชั่วโมง!!!! ที่นั่งเลือกไม่ได้นะจ๊ะ
ยอมรับว่ารถทัวร์ทันสมัย ภายในเป็นที่นอน นอนจริงๆ คือถ้านั่งนี่หัวฟาดเพดาน แล้วพี่เป็นคนเมารถ ประกอบกับปวดฉี่บ่อยมาก
ในรถไม่มีห้องน้ำนะยูว์ ทรมานสุดๆ รถเหยียบไม่เกิน 60 km/h. ตามกฎหมาย ขุ่นพระ!!! ทนค่ะ บ่นสามีตลอดการเดินทาง

สภาพภายในรถค่ะ นอนจริงอะไรจริง
จนถึงตี 1 ถึงที่หมายปลายทาง “มุยเน่” ได้ยินเสียงคลื่นซัดชายหาด ดีใจสุดๆ แต่..คุณสามีจะให้นอนที่ Lobby โรงแรม เนื่องจากซื้อทัวร์รถจี๊บไว้ตอนตี 4 แค่ 3 ชั่วโมงระหว่างรอ นี่ถึงกับหันควับ!! Check in เดี๋ยวนี้ อยากอาบน้ำ อยากนอน ฮ่วย!!! ต้องให้ขึ้น สุดท้าย คุณสามีทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมทำตามแต่โดยดี (นึกว่าจะเป็นพ่อบ้านใจกล้า หึหึ)
วันที่ 2 ที่มุยเน่
ตี 4 เป๊งงง เจ้าหน้าที่มาเคาะประตู ปัง ปัง ปัง Wake up Wake up ตื่นสิคะ รีบวิ่งลงมา มีผู้ชายขับรถจี๊บมารอตรงเวลาเป๊ะ พาเราไปที่ทะเลทรายขาว
เพื่อรอดูพระอาทิตย์ขึ้น ไอ้เราก็นึกว่าจะร้อน ใส่ชุดวาบหวิวหน่อยๆ กะจะเก็บภาพ อื้อหือ..ลมฟาดหน้าตลอดเวลา ทนไปค่ะ อ้อ
ทัวร์รถจี๊บที่เราซื้อ เค้าจะพาไปเรา 4 สถานที่ คือ ทะเลทรายขาว ทะเลทรายแดง Fairy Stream และหมู่บ้านชาวประมง ค่ะ
ถึงที่หมาย ทะเลทรายขาว พีคตรงที่ต้องซื้อตั๋วนั่งรถวิบากขึ้นไปที่สันทรายเพื่อรอดูพระอาทิตย์ขึ้น ถ้าไม่ซื้อก็คือเดินคร่า ทริป พรี-ฮันนีมูนของช้านนน
นั่งรถวิบาก คนขับไม่ปราณีปราศรัย บิดบรึ๊นๆๆๆ เทซ้าย เทขวา กระเด้ง กระเด้ง มดลงมดลูกเขย่าแทบจะหลุดออกมากอง
ละอองทรายโปรยปรายทั่วเรือนร่างตั้งแต่หัวจรดเท้า นี่แหละ ฮันนีมูนของฉัน 555 แต่พอถึงจุดหมาย โอ้โห!!! วิวหลักล้านนนนนนน

รถวิบาก อื้อหือ เขย่าทุกสัดส่วนในร่างกาย

หาดทรายแดง

Fairy Stream
หมู่บ้านชาวประมงไม่ได้เก็บภาพด้านในนะคะ เนื่องจากกลิ่น Smell Welcome มากๆ ทนไม่ไหวจริงๆ จ้า
ก่อน Check-out จากที่พัก ขอเก็บภาพทะเลสวยๆ จากมุยเน่ซะหน่อยจ้า ฮิปๆ ก็มานะเออ

ถึงเวลาต้องนั่งรถนอนอีกเช่นเคย จุดหมายปลายทางคือ “ดานัง” แต่คราวนี้ได้รู้ความจริงว่า เป็นการเดินทางโดยนอนในรถคันนี้
รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 16 ชั่วโมง ขุ่นพระ!!!!!! ทนสิคะ ทำอะไรไม่ได้ ล้อหมุน บ่ายโมงตรง โชคดีหน่อยได้ที่นั่งชั้นบน
ไม่งั้นคงเหมือนรถขนหมูที่โดนอัดอยู่ด้านใต้ หายใจหายคอไม่ออก เส้นทางแรก มุยแน่>>นาตรัง 5 ชั่วโมง พอทน!!
แต่เส้นทางต่อไป นาตรัง >> ฮอยอัน 11 ชั่วโมงงงงงงงง ล้อหมุน 1 ทุ่ม ถึงโน่น 6 โมงเช้า ไม่กล้ายัดอาหารเย็น แม้กระทั่งน้ำ
เพราะกลัวงานจะเข้า ทนไปค่ะ

นับเวลาถอยหลัง ช่างช้าซะเหลือเกิน จะไม่ช้าได้ไง ขับ 60 km/h. แถมทางที่ไป ไหล่เขา เลี้ยวลดคดเคี้ยว รู้สึกได้ถึงความเด้ง
พูดกันตรงๆ คือ ไม่ได้นอนจ้า แทบพุ่ง ปวดฉี่ก็ปวด ไม่มีห้องน้ำ ที่สำคัญ คนขับแวะตอน 4 ทุ่ม ครั้งเดียว หลังจากนั้น ยาวไปค่ะ
**อย่าให้บรรยายสภาพห้องน้ำนะคะ ฉี่แทบไม่ออกค่ะ**
7 โมงเช้า (ถึงเรทหน่อยเพราะคนขับมีจอดทำอะไรไม่รู้หลายรอบมาก) ถึงฮอยอันสักที ยังไม่จบค่ะ นั่งจิบกาแฟรอล้อหมุน 8 โมง
เพื่อไปจุดหมายปลายทาง “ดานัง” ใช้เวลาอีก 5 ชั่วโมง เฮือกกก!!!!
วันที่ 3 ที่ดานัง
ว๊าบบบบ มาที่ ดานัง เคยได้ยินมาหลายสำนักว่า ถ้าใครมาเวียดนามแล้วไม่เคยโดนหลอก ถือว่ามาไม่ถึง รอดมาได้ 3 วัน
แจ๊คพ็อตแตกคร่า Taxi ที่เรานั่งจากจุดที่จอดรถมา Bana hills พาไปซื้อตั๋วโดยบอกว่าราคาถูกกว่าด้านบน ประมาณ 600,000 ดอง
เราเลยจัดซะ เห็นแก่ของถูก ปรากฏว่า พอไปถึง ทางเจ้าหน้าที่ต้อนรับของโรงแรมเมอร์เคียว ขอโทษเราใหญ่โต แจ้งว่าเราได้ส่วนลดค่า Cable
หากเป็นลูกค้ากับทางโรงแรม เหลือเพียงท่านละ 450,000 ดอง แถมเป็นบัตรแบบ priority lane ไม่ต้องต่อแถวด้วยนะ โชคดีว่าเจ้าหน้าที่คนนี้
พอไปขายตั๋ว ได้มา 500,000 ดอง ขาดทุนนิดหน่อยก็ยังดี
โอ้โห...สวรรค์บนดินชัดๆ เราเป็นคนชอบนั่งกระเช้าอยู่แล้วไม่ว่าจะไปเมืองไหนก็ต้องได้นั่ง ที่นี่ก็เช่นกัน แต่คุณสามีกลัวจนขาสั่น
เพราะมันสูงเป็นกิโล และยาวเป็นกิโลเช่นกัน กระเช้าค่อยๆ วิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ผ่านเมฆหมอก ส่วนวิว ไม่ต้องพูดถึง ความรู้สึกเหมือนเราเป็น
“นางฟ้า” ยืนอยู่เหนือก้อนเมฆ แล้วมองไปด้านล่าง เห็นสีเขียวชอุ่มทั่วไปหมด อากาศจากที่ร้อนสุดขั้ว กลายมาเป็นเย็นสบาย
หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยจ้า

เมื่อขึ้นถึงจุดสุดยอด เหมือนอยู่ในโลกอีกใบ โลกในฝัน “ยุโรปในเอเชีย” ชัดๆ ส่วนตัวโรงแรม เหมาะสำหรับคู่รักคู่กัดอย่างเรามากๆ
เมื่อเช็คอินเสร็จ สิ่งแรกที่ทำคือ == อาบน้ำ ค่ะ เพราะไม่ได้อาบตลอดการเดินทาง เหม็นตัวมาก เดินวนไปวนมา “นี่มันสวรรค์ชัดๆ
ทำไมไม่พามาตั้งแต่แรกฮะ??!!” รัวชัตเตอร์ เก็บภาพทุกมุม

ภาพจากหน้าต่าง มุมบน สวยงามมาก

จากนั้นไม่รอช้า ลงมาสัมผัสบรรยากาศอันเยือกเย็น เต็มไปด้วยหมอกควัน ฝนพรำๆ สลับลมหนาว เราดิ่งหาร้านอาหาร
เนื่องจากอดอยากมาหลายวันฟาดเรียบ ทั้งอร่อยและไม่แพง ถ้ากระเพาะเหลือไว้ใส่ของหวาน คงกินต่อ แต่ไม่ไหวจริงๆ
เลยเดินย่อย วนรอบโบสถ์ แต่ร้านอาหารที่นี่ปิดไวมาก อาจเป็นเพราะเราไปวันธรรมดา ประมาณ 5 โมงเย็นก็เริ่มจะทยอยปิดแล้ว
เสียดาย มื้อเย็นเลยกลายเป็นสั่งอาหารโรงแรมทานกัน และถ่ายรูปเพื่อเก็บบรรยากาศในยามค่ำคืน น่าจะเป็นคืนที่เหมาะกับ
การฮันนีมูนสุดแล้ว ปรากฏว่า == หลับเป็นตายทั้งคู่คร่า 555
วันที่ 4 จากดานัง สู่ ฮอยอัน ฉันรักเธอ
ช่วงเช้า เราทั้งคู่รีบตื่นเพื่อนั่งกระเช้าลงไปเที่ยวด้านล่าง บริเวณวัด The Linh Ung Pagoda กราบพระองค์ใหญ่ และเก็บภาพจากมุมต่างๆ
งานนี้เรามีตัวช่วย ถ่ายภาพคู่ไม่ต้องวานใครถ่ายให้ อิอิ

เริ่มสาย ทัวร์เริ่มลง เราเริ่มหลีกหนีขึ้นกระเช้ากลับเข้าโรงแรม เพราะต้องออกจากดานังเพื่อเดินทางสู่ ฮอยอัน เมืองมรดกโลก
ภายในบ่ายนี้ พอนั่งกระเช้ามาถึงโซนโรงแรม โชคดีที่มีขบวนพาเรดแสดงโชว์ เลยได้ดูจุใจ แถมได้ถ่ายรูปกับเหล่าตัวแสดงต่างๆ ด้วย ฟินคร่า

เดี๋ยวมาต่อนะคะ
เวียดนามที่รัก :: Pre-honeymoon แบกเป้ นอนรถ เดินไปเรื่อย เหนื่อยไหนนอนนั่น พิสูจน์รักหลังแต่งงาน
แต่ครั้งนี้พิเศษหน่อยตรงที่ เป็นทริปแบกเป้ นอนในรถ น้ำไม่อาบ ค่ำไหนนอนนั่น มีวางแผนจองโรงแรมเพียงคืนเดียว
(คุณสามีโชว์ใบจองที่นี่ที่เดียว ไอ้เราก็หลงดีใจ คาดฝันว่าต้องโรแมนติกมากๆ แต่ แต่ แต่...) อ่ะ เริ่มเลยแล้วกัน
ทริปนี้เราสองคนตั้งใจเที่ยวใกล้ๆ แบบประหยัดที่สุดเท่าที่จะทำได้ เลยตัดสินใจจบที่ “เวียดนาม”
โดยต้นทาง โฮจิมินห์ จบที่ ดานัง ระยะเวลา 5 วัน 4 คืน
วันที่ 1 Ho chi minh City
พอถึงปุ๊ป ซื้อซิมการ์ดก่อนเลย เพราะต้องใช้ Google Map ช่วยในการเดินทางตลอดทริป จากนั้น หาบริษัทรถทัวร์
ซึ่งคุณสามีทำการบ้านมาอย่างดี ต้องเป็น The Sinh Tourist เท่านั้น นางก็พานั่งรถบัสไปฟามงูหลาว ลงเดิน แบกเป้ย่ำต๊อก
เข้าซอยนั้นออกซอยนี้ อากาศนี่ ไม่ต้องพูดถึง ร้อนเว่อวังมาก ให้ Google Map เป็นตัวช่วยคู่กาย
เจอแล้วววววววว เป็นตึกแถวแคบๆ มืดๆ คุณสามีเดินดิ่งเข้าไปจัดการตั๋วประมาณเกือบชั่วโมง เพราะคนขายพูดไปเล่นโทรศัพท์ไป
กว่าจะได้!!! สรุป ได้ Route การเดินทางโดยรถนอน Ho chi ming ==> Mui Ne ==> Nha Trang ==> Hoi An ==> Da Nang
ระยะเวลาการเดินทางสาหัสสากันสุดๆ (ตอนนั้นยังไม่รู้ตัวจ้า มัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับคนที่นี่ว่า ทำไมบีบแตรตลอดเว ข้ามถนนทีพี่นี่ต้องหันซ้ายหันขวา ก้าวไปข้างหน้าอย่างเดียวห้ามถอยหลัง ช็อคตลอดเวลา แต่ก็สนุกดี)
พอได้ตั๋วรถนอนปุ๊ป ฝากกระเป๋าห้องแคบๆ คนรับฝากโหดๆ เราวางแผนใหม่ทันทีเพราะต้องมาถึงที่ทัวร์นี่ก่อนเวลา 2 ทุ่ม
เรามีเวลาประมาณ 8 ชั่วโมงสำหรับการไปเยี่ยมลุงโฮ เดินลัดเลาะตามซอยไปถึงย่าน Saigon Square หาของกินเก็บภาพไปเรื่อยเปื่อย
จุดมุ่งหมายเราคือ โบสถ์นอร์เธอร์ดาม, Center Post Office, Opera House และจบที่ Ho chi minh Square ก่อนที่จะกลับไปที่
The Sinh Tourist เพื่อเดินทางไปมุยเน่
โฮจิมินท์ เราสองคนเก็บกันไม่ครบนะคะ เนื่องจากใช้การเดินเท้า กว่าจะถึงแต่ละสถานที่ ใช้เวลาค่อนข้างมาก ไหนจะแวะซื้อของกิน
ไหนจะแวะเก็บภาพ โดยเฉพาะภาพคู่ ทุลักทุเลมาก เพราะไม่กล้าวานคนท้องถิ่นถ่ายให้ เราต้องจัดกันเองจ้า เลยใช้เวลาแต่ละที่ค่อนข้างนานค่ะ
2 ทุ่มล้อหมุน มุ่งหน้าสู่ “มุยเน่” === แว๊บแรกที่เห็นภายในรถ คือ เฮ้ยยยย!!! เราต้องนอนในนี้ 5 ชั่วโมง!!!! ที่นั่งเลือกไม่ได้นะจ๊ะ
ยอมรับว่ารถทัวร์ทันสมัย ภายในเป็นที่นอน นอนจริงๆ คือถ้านั่งนี่หัวฟาดเพดาน แล้วพี่เป็นคนเมารถ ประกอบกับปวดฉี่บ่อยมาก
ในรถไม่มีห้องน้ำนะยูว์ ทรมานสุดๆ รถเหยียบไม่เกิน 60 km/h. ตามกฎหมาย ขุ่นพระ!!! ทนค่ะ บ่นสามีตลอดการเดินทาง
สภาพภายในรถค่ะ นอนจริงอะไรจริง
จนถึงตี 1 ถึงที่หมายปลายทาง “มุยเน่” ได้ยินเสียงคลื่นซัดชายหาด ดีใจสุดๆ แต่..คุณสามีจะให้นอนที่ Lobby โรงแรม เนื่องจากซื้อทัวร์รถจี๊บไว้ตอนตี 4 แค่ 3 ชั่วโมงระหว่างรอ นี่ถึงกับหันควับ!! Check in เดี๋ยวนี้ อยากอาบน้ำ อยากนอน ฮ่วย!!! ต้องให้ขึ้น สุดท้าย คุณสามีทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมทำตามแต่โดยดี (นึกว่าจะเป็นพ่อบ้านใจกล้า หึหึ)
วันที่ 2 ที่มุยเน่
ตี 4 เป๊งงง เจ้าหน้าที่มาเคาะประตู ปัง ปัง ปัง Wake up Wake up ตื่นสิคะ รีบวิ่งลงมา มีผู้ชายขับรถจี๊บมารอตรงเวลาเป๊ะ พาเราไปที่ทะเลทรายขาว
เพื่อรอดูพระอาทิตย์ขึ้น ไอ้เราก็นึกว่าจะร้อน ใส่ชุดวาบหวิวหน่อยๆ กะจะเก็บภาพ อื้อหือ..ลมฟาดหน้าตลอดเวลา ทนไปค่ะ อ้อ
ทัวร์รถจี๊บที่เราซื้อ เค้าจะพาไปเรา 4 สถานที่ คือ ทะเลทรายขาว ทะเลทรายแดง Fairy Stream และหมู่บ้านชาวประมง ค่ะ
ถึงที่หมาย ทะเลทรายขาว พีคตรงที่ต้องซื้อตั๋วนั่งรถวิบากขึ้นไปที่สันทรายเพื่อรอดูพระอาทิตย์ขึ้น ถ้าไม่ซื้อก็คือเดินคร่า ทริป พรี-ฮันนีมูนของช้านนน
นั่งรถวิบาก คนขับไม่ปราณีปราศรัย บิดบรึ๊นๆๆๆ เทซ้าย เทขวา กระเด้ง กระเด้ง มดลงมดลูกเขย่าแทบจะหลุดออกมากอง
ละอองทรายโปรยปรายทั่วเรือนร่างตั้งแต่หัวจรดเท้า นี่แหละ ฮันนีมูนของฉัน 555 แต่พอถึงจุดหมาย โอ้โห!!! วิวหลักล้านนนนนนน
รถวิบาก อื้อหือ เขย่าทุกสัดส่วนในร่างกาย
หาดทรายแดง
Fairy Stream
หมู่บ้านชาวประมงไม่ได้เก็บภาพด้านในนะคะ เนื่องจากกลิ่น Smell Welcome มากๆ ทนไม่ไหวจริงๆ จ้า
ก่อน Check-out จากที่พัก ขอเก็บภาพทะเลสวยๆ จากมุยเน่ซะหน่อยจ้า ฮิปๆ ก็มานะเออ
ถึงเวลาต้องนั่งรถนอนอีกเช่นเคย จุดหมายปลายทางคือ “ดานัง” แต่คราวนี้ได้รู้ความจริงว่า เป็นการเดินทางโดยนอนในรถคันนี้
รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 16 ชั่วโมง ขุ่นพระ!!!!!! ทนสิคะ ทำอะไรไม่ได้ ล้อหมุน บ่ายโมงตรง โชคดีหน่อยได้ที่นั่งชั้นบน
ไม่งั้นคงเหมือนรถขนหมูที่โดนอัดอยู่ด้านใต้ หายใจหายคอไม่ออก เส้นทางแรก มุยแน่>>นาตรัง 5 ชั่วโมง พอทน!!
แต่เส้นทางต่อไป นาตรัง >> ฮอยอัน 11 ชั่วโมงงงงงงงง ล้อหมุน 1 ทุ่ม ถึงโน่น 6 โมงเช้า ไม่กล้ายัดอาหารเย็น แม้กระทั่งน้ำ
เพราะกลัวงานจะเข้า ทนไปค่ะ
นับเวลาถอยหลัง ช่างช้าซะเหลือเกิน จะไม่ช้าได้ไง ขับ 60 km/h. แถมทางที่ไป ไหล่เขา เลี้ยวลดคดเคี้ยว รู้สึกได้ถึงความเด้ง
พูดกันตรงๆ คือ ไม่ได้นอนจ้า แทบพุ่ง ปวดฉี่ก็ปวด ไม่มีห้องน้ำ ที่สำคัญ คนขับแวะตอน 4 ทุ่ม ครั้งเดียว หลังจากนั้น ยาวไปค่ะ
**อย่าให้บรรยายสภาพห้องน้ำนะคะ ฉี่แทบไม่ออกค่ะ**
7 โมงเช้า (ถึงเรทหน่อยเพราะคนขับมีจอดทำอะไรไม่รู้หลายรอบมาก) ถึงฮอยอันสักที ยังไม่จบค่ะ นั่งจิบกาแฟรอล้อหมุน 8 โมง
เพื่อไปจุดหมายปลายทาง “ดานัง” ใช้เวลาอีก 5 ชั่วโมง เฮือกกก!!!!
วันที่ 3 ที่ดานัง
ว๊าบบบบ มาที่ ดานัง เคยได้ยินมาหลายสำนักว่า ถ้าใครมาเวียดนามแล้วไม่เคยโดนหลอก ถือว่ามาไม่ถึง รอดมาได้ 3 วัน
แจ๊คพ็อตแตกคร่า Taxi ที่เรานั่งจากจุดที่จอดรถมา Bana hills พาไปซื้อตั๋วโดยบอกว่าราคาถูกกว่าด้านบน ประมาณ 600,000 ดอง
เราเลยจัดซะ เห็นแก่ของถูก ปรากฏว่า พอไปถึง ทางเจ้าหน้าที่ต้อนรับของโรงแรมเมอร์เคียว ขอโทษเราใหญ่โต แจ้งว่าเราได้ส่วนลดค่า Cable
หากเป็นลูกค้ากับทางโรงแรม เหลือเพียงท่านละ 450,000 ดอง แถมเป็นบัตรแบบ priority lane ไม่ต้องต่อแถวด้วยนะ โชคดีว่าเจ้าหน้าที่คนนี้
พอไปขายตั๋ว ได้มา 500,000 ดอง ขาดทุนนิดหน่อยก็ยังดี
โอ้โห...สวรรค์บนดินชัดๆ เราเป็นคนชอบนั่งกระเช้าอยู่แล้วไม่ว่าจะไปเมืองไหนก็ต้องได้นั่ง ที่นี่ก็เช่นกัน แต่คุณสามีกลัวจนขาสั่น
เพราะมันสูงเป็นกิโล และยาวเป็นกิโลเช่นกัน กระเช้าค่อยๆ วิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ผ่านเมฆหมอก ส่วนวิว ไม่ต้องพูดถึง ความรู้สึกเหมือนเราเป็น
“นางฟ้า” ยืนอยู่เหนือก้อนเมฆ แล้วมองไปด้านล่าง เห็นสีเขียวชอุ่มทั่วไปหมด อากาศจากที่ร้อนสุดขั้ว กลายมาเป็นเย็นสบาย
หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยจ้า
เมื่อขึ้นถึงจุดสุดยอด เหมือนอยู่ในโลกอีกใบ โลกในฝัน “ยุโรปในเอเชีย” ชัดๆ ส่วนตัวโรงแรม เหมาะสำหรับคู่รักคู่กัดอย่างเรามากๆ
เมื่อเช็คอินเสร็จ สิ่งแรกที่ทำคือ == อาบน้ำ ค่ะ เพราะไม่ได้อาบตลอดการเดินทาง เหม็นตัวมาก เดินวนไปวนมา “นี่มันสวรรค์ชัดๆ
ทำไมไม่พามาตั้งแต่แรกฮะ??!!” รัวชัตเตอร์ เก็บภาพทุกมุม
ภาพจากหน้าต่าง มุมบน สวยงามมาก
จากนั้นไม่รอช้า ลงมาสัมผัสบรรยากาศอันเยือกเย็น เต็มไปด้วยหมอกควัน ฝนพรำๆ สลับลมหนาว เราดิ่งหาร้านอาหาร
เนื่องจากอดอยากมาหลายวันฟาดเรียบ ทั้งอร่อยและไม่แพง ถ้ากระเพาะเหลือไว้ใส่ของหวาน คงกินต่อ แต่ไม่ไหวจริงๆ
เลยเดินย่อย วนรอบโบสถ์ แต่ร้านอาหารที่นี่ปิดไวมาก อาจเป็นเพราะเราไปวันธรรมดา ประมาณ 5 โมงเย็นก็เริ่มจะทยอยปิดแล้ว
เสียดาย มื้อเย็นเลยกลายเป็นสั่งอาหารโรงแรมทานกัน และถ่ายรูปเพื่อเก็บบรรยากาศในยามค่ำคืน น่าจะเป็นคืนที่เหมาะกับ
การฮันนีมูนสุดแล้ว ปรากฏว่า == หลับเป็นตายทั้งคู่คร่า 555
วันที่ 4 จากดานัง สู่ ฮอยอัน ฉันรักเธอ
ช่วงเช้า เราทั้งคู่รีบตื่นเพื่อนั่งกระเช้าลงไปเที่ยวด้านล่าง บริเวณวัด The Linh Ung Pagoda กราบพระองค์ใหญ่ และเก็บภาพจากมุมต่างๆ
งานนี้เรามีตัวช่วย ถ่ายภาพคู่ไม่ต้องวานใครถ่ายให้ อิอิ
เริ่มสาย ทัวร์เริ่มลง เราเริ่มหลีกหนีขึ้นกระเช้ากลับเข้าโรงแรม เพราะต้องออกจากดานังเพื่อเดินทางสู่ ฮอยอัน เมืองมรดกโลก
ภายในบ่ายนี้ พอนั่งกระเช้ามาถึงโซนโรงแรม โชคดีที่มีขบวนพาเรดแสดงโชว์ เลยได้ดูจุใจ แถมได้ถ่ายรูปกับเหล่าตัวแสดงต่างๆ ด้วย ฟินคร่า
เดี๋ยวมาต่อนะคะ