สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เราอย่างเล่าประสบการณ์เรื่องความรักของเรา ที่มีรักจากหัวใจให้ผู้ชายคนนึง โดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าอยู่ในสถานะใด เราอยากให้ประสบการ์ณนี้ได้เป็นกำลังใจให้คนที่ศรัทธาในความรัก และกำลังต่อสู้กับความเจ็บปวด รวมทั้งอยากบอกเล่าให้ทุกคนรู้ว่าความรักนั้นมันสวยงามเสมอ มันเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา และเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วมันจะอยู่กับเราไปจนวันตาย เเละนี่แหละที่เราเรียกมันความความรักจริงๆ
ปล. เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง อาจจะไม่สามารถบรรยายได้ละเอียดแต่อยากให้ทุกคนที่อ่านได้คิดตาม เเละจินตนาการณ์ภาพไปด้วย
วันนั้นเมื่อ 10 กว่าปีที่เเล้ว....คุณครูประจำชั้น(ม.4) ได้มอบหมายฉันในฐานนะหัวหน้าห้องให้เอารูปจบการศึกษา ม.3 ไปแจกเพื่อนๆ รวมถึงเพื่อนที่ย้าย รร ไปแล้ว ฉันในฐานนะหัวหน้าห้องก็ได้ทำตามอย่าเรียบร้อย เเละก็มีเพื่อนสนิทของฉันคนนึงได้มารับของจากฉันแถวๆบ้าน เราก็พูดคุย ถามไถ่ถึงการย้าย รร ของเพื่อนตามปกติ เเละเราต่างก็แยกย้ายกัน และคืนวันเดียวกันนั้นเอง ฉันก็ได้รับโทรศัพท์ปริศนา เป็นเบอร์แปลกโทรเข้ามา เสียงปลายสายเป็นเสียงของผู้ชายคนนึง เสียงทุ้ม พูดจาดี ในตอนนั้นคือ สี่ทุ่มครึ่งเห็นจะได้ ตัวฉันเองก็ตกใจเเละงงมาก ว่าเค้าเป็นใคร เค้าทำการเเนะนำตัวเรียบร้อยเบ็ดเสร็จ และได้ความว่าเป็นเพื่อนของเพื่อนฉันที่มาเอาของเมื่อตอนเย็น ในช่วงเวลานั้นฉันก็ครุ่นคริดอยู่สักครู่ว่าคนๆนี้เป็นใครกัน นึกหน้าไม่ออก งงว่าเราเคยเจอกันด้วยหรอ เมื่อคุยไปคุยมาก็ได้ความว่าเค้ามากับเพื่อนฉันเมื่อตอนเย็นแต่เพียงฉันไม่สังเกตุเเละไม่ได้สนใจอะไร บทสนทนาดำเนินต่อไป ตามประสาวัยรุ่น เค้าเป็นคนคุยเก่ง ขี้โม้มากมาย เราก็เป็นผู้ฟังที่ดีปล่อยเค้าพูดไป เวลาล่วงเลยไปจนเที่ยงคืนเราเลยตัดสินใจวางสายเเละไปนอน หลังจากวางสาย เราก็ขำกับสิ่งที่ได้เจอ เเละงงๆว่า อิตานี้จะจีบสาว แต่ก็โม้ซะเยอะ คุยใหญ่มากคร่าา เราก็ขำๆเเละนอนไปไม่ได้คิดอะไร
เค้าก็โทรมาเรื่อยๆ ตามประสาเด็กๆจีบกัน จนวันนึงเราก็นัดเจอกัน เพราะว่าคุยกันมาสักพักตัวฉันยังไม่รู้หน้าเค้าด้วยซ้ำ เพราะจำอะไรไม่ได้เลย ยอมรับว่าตอนนั้นตื่นเต้นมากหัวใจเต้นแรง แต่การเจอกันครั้งนี้ไม่ใช่เดท เป็นแค่การที่เราเอาของอะไรบางอย่างมาเเลกกัน วินาทีเเรกที่เจอกัน คุณพระ! มากันเยอะมากกก นึกภาพแก๊งหนุ่มๆ รร เอกชน กางเกงฟ้า 5-6 คน เดินเรียงแถวหน้ากระดานมาพร้อมๆกัน แต่ละคนขาวผุดผ่อง ตี๋บ้าง ฝรั่งบ้าง ส่วนตัวฉันก็เขินอายตามประสาเพราะมาคนเดียว รู้สึกตัวได้เลยว่าหน้าแดง ร้อนผ่าว เหงื่อออก ทำตัวไม่ถูก บอกเลยว่าตอนนั้นไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าคนที่ฉันคุยด้วยคือคนไหน จนกระทั่งทุกๆคนหยุดและมองมาที่ฉัน เเล้วมีหนุ่มหน้าลูกครึ่งคนนึงเดินมาจากด้านหลัง เเละพูดกับฉันว่า สวัสดีครับ เรา...เองนะ โอ้วววมายกอด. พระเอกมาก ดวงตาคู่นั้นมันช่างกินใจ เสน่ห์มีมากล้น เราก็ยิ้นจนปากจะฉีกถึงหูเเล้วก็พูดว่า หวัดดี^u^ เราไม่ได้คุยอะไรกันต่อเพราะความเขินอาย เราเลยลาจากกันหลังจากที่ยื่นของให้กันเเละกัน แต่ทว่า พอฉันหันหลังเดินไปก็ได้ยินเสียงเรียก "เดี๋ยวก่อนครับ" เราก็หันทันใด แช๊ะ! เสียงกล้องดังขึ้น ห๊าาาถ่ายรูปกันทีเผลอหรอ เรานี่งงมาก จากนั้นเค้าก็ยิ้มเละบอกว่า "ขอบคุณครับ บ๊ายๆ กลับดีๆนะ" วินาทีนั้นคือ...อึ้ง เเละก็พูดกับตัวเองว่า นี่มันอารายยย เขิลนะรู้ไหม ;)
เราคุยกันผ่านโทรศัพท์ และนัดเจอกันบ้างบางครั้ง อย่างไม่เป็นทางการ พัฒนาความสัมพันธ์กันไปเรื่อยๆ จนเวลาก็ผ่านล่วงเลยไป จากเดือน ก็เป็นสองเดือน สามเดือน ผ่านไปจนเราสนิทกัน ในตอนนั้นฉันเรียกเค้าว่าพี่ ส่วนเค้าเรียกฉันว่าน้อง เเละเค้ามักจะเเนะนำตัวฉันกับคนที่รู้จักว่าเป็นน้อง ซึ่งเราก็แอบคิดว่าเอ๊ะ เราน่าจะเป็นแฟนป่ะ แต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะเค้าบอกเราว่าเรียกแบบนี้น่ารักดี เราเริ่มเจอกันบ่อยขึ้น จากเสาร์ อาทิตย์ เพิ่มเป็น ทุกวันหลังเลิกเรียน เพราะเราอยู่คนละ รร. แต่สิ่งที่โชคดีมากคือ บ้านเราอยู่ใกล้กันเพียง 5 นาที เรามักจะหากิจกรรมทำร่วมกันหลังเลิกเรียน ไม่ว่าจะเป็นเล่นกีฬา ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ ร้องเก๊ะ โยนโบว์ ไปจนกระทั่งนั่งรถเล่น แต่สิ่งนึงที่เราโปรดปราณ และมักจะทำอยู่บ่อยๆคือการนั่งเล่นเกมส์ออนไลน์ด้วยกัน าบานเลยว่าฉันเป็นผู้หญิงเล่นเกมส์ไม่เป็น แต่ฉันก็ต้องฝึกเพราะเค้าเล่น เพื่อที่เราจะได้คุยกันรู้เรื่อง ทุกๆเย็นหลังเลิกเรียนเค้าจะมาหาฉันที่บ้าน มาทานข้าวเย็น มาเล่นเกมส์ หรือบางครั้งก็มานั่งคุยกันตามประสาหนุ่มสาว กลางคืนเราก็จะนอนคุยโทรศัพท์ทั้งคืน จนหลับไปทั้งๆที่ยังไม่วางสาย เราทำแบบนี้ทุกวัน จนเวลาก็ล่วงเลยไปเป็นปี แต่ทว่า มันไม่ได้สวยงาม เเละราบรื่นแบบนี้เสมอไป
หลังจากปิดเทอมหน้าร้อน ฉันสังเกตุได้ว่าเค้าเริ่มห่าง เริ่มคุยกันน้อยลง แต่ก็ยังมาหาทุกวัน เริ่มมีเหตุผลส่วนตัวมากขึ้น เริ่มเย็นชามากขึ้น ทั้งๆที่ปกติก็จะเป็นคนนิ่งๆแบบนี้อยู่เป็นปกติ ก็ยิ่งนิ่งไปใหญ่ (อ่อลืมเล่าไปว่าปกติแก๊งนี้เค้าจะเป็นที่กรี๊ดกราดของสาวๆใน รร เป็นประดุจดั่งแก๊ง F4 ในหนังซีรี่ เค้าคนนี้ก็อารมณ์ประมาณเต้าหมิงซื่อ นิ่ง เข้ม ไม่สนอะไรใครทั้งนั้น เก๊กทั้งวัน แต่ไม่ได้หล่อขนาดนั้น เเค่มีเสน่ห์) เรื่องใน รร เค้าเราไม่ค่อยรู้หรอก เพราะเราอยู่คนละ รร เเละด้วยนิสัยเราเราก็ไม่ได้เป็นคนช่างรู้ ช่างสังเกตุ เราเป็นเด็กเรียน เรียบร้อยคนนึง(สมัยนั้น) แต่การที่เราอยู่ด้วยกันทุกวันมันทำให้เราสัมผัสได้ว่าเค้าเปลี่ยนไป ยอมรับว่าตอนนั้นเริ่มหลง เเละรักเค้าเข้าเเล้ว และเเล้วก็เริ่มได้ยินเสียงจากคนรอบข้างว่าเค้าเที่ยวบอกใครต่อใครว่าเราเป็นเเค่น้อง เเละเค้าก็กำลังหักอกสาวๆทั้ง รร ไปคบกับรุ่นพี่ประธานนักเรียน!! ข่าวนี้ไม่จริงใช่ไหม คืออะไร???? "ไปคบกับรุ่นพี่ประธานนักเรียน" งง! มาก! ค่ะ! แล้วตูเป็นแค่น้อง หร๊อ?
ตอนนั้นเหมือนโลกหยุดหมุน เหมือนทุกอย่างถูกฟรีซซซซ คิดอะไรไม่ออก หนักไปหมด ชาไปหมด เพราะใครต่อใครก็พูดถึงเรื่องนี้ กันอย่างหนาหู ยอมรับค่ะว่าตกใจมาก เเต่เราก็เก็บเรื่องนี้ไว้ไม่ได้พูดกับใคร เเม้แต่ถามเค้าเราก็ไม่กล้า เรายังคงใช้เวลาด้วยกันเกือบจะปกติ คือห่างกันมากขึ้น ด้วยความที่เราก็ร้อนใจ พูดกับใครไม่ได้เราเลยต้องนอนร้องไห้คนเดียว ครุ่นคิดเรื่องต่างๆมากมาย จนวันนึงจึงตัดสินใจพูดออกไป และคำตอบที่ได้คือ "ความเงียบ" เพียงเท่านั้น ซึ่งความเงียบนี้มันได้ตอบคำถามด้วยตัวมันเองอย่างชัดเจน ใช่! เค้ากำลังคุยกะอีกคน คนที่ทุกคนเรียกว่า รุ่นพี่ประธานนักเรียน
โอ้ยๆๆๆๆ เราจะนิ่งเป็นนางเองแบบนี้ไม่ได้เเล้ว เราต้องทำอะไรสักอย่าง สิ่งแรกที่ทำได้คือส่องค่ะ โซเซี่ยลทุกช่องทาง ในช่วงนั้น MSN และ Hi5 กำลังเป็นที่นิยม และแล้วก็แจคพ๊อต เจอเต็มๆ รูปคู่จู๋จี๋ โอ้ยยย อกอีแป้นจะแตก ทำไมทำกันได้ เราคุยกันมาเป็นปีๆ รูปคู่สักใบก็ไม่มี เค้าให้เหตุผลว่าไม่ชอบถ่ายรูป น้ำตาไหลพรากกก เสียใจมาก เจ็บปวดที่สุด นิ่งอยู่ไม่ได้เเล้วก็เลยต้องแสดงตัวต่อสาธารณชน ว่าตูเป็นใคร (อารมแบบว่าจับได้ว่าผัวมีเมียน้อย เเล้วก็ต้องแสดงให้โลกเห็นว่ากุมีตัวตน) ผ่าง!! แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นแบบนั้น พี่เค้าโทรกลับมาหาเราอย่างรวดเร็วพร้อมต่อว่า ว่าทำอะไรลงไป มันอันตรายมากนะรู้ไหม บลาๆ.....ผญ คนนี้ไม่ธรรมดาอย่านู้น อย่างนี้ ...มีพวกเยอะ เธออยู่ยากเเล้วที่ไปประกาศศึกกับเค้า...บลาๆๆๆๆ....คือโดนด่าเป็นชุด เเละบทสรุปคือ กุผิด!
ตอนนั้นคือ นี่มันอารายว่ะเนี่ย แต่ทุกครั้งที่เจอกันเค้าจะมากอดฉัน เเละบอกกับฉันเสมอๆว่าเค้าจะไม่ให้ใครมาทำอะไรฉันเเน่นอน เค้าสัญญา เค้าบอกว่าพี่คนนี้เข้ามาในชีวิตเค้าก่อนฉันด้วยซ้ำ แต่ถึงตอนนี้เเล้ว เค้าก็จะไม่ให้ใครมาทำร้ายฉัน เค้าขอให้ฉันอยู่เฉยๆ อย่าทำอะไร เอ่ออ มันก็พูดง่ายเนอะ ความจริงใครจะไปทำได้ล่ะ แฟนกำลังคบซ้อน ไปไหนมาไหนควง ผญ คนใหม่ แล้วให้อยู่เฉยๆ อดทนไป จะบร้าาาหรอ ชะนีไทย ก็ไม่ยอมหยุดค่ะ พยายามจะส่อง เเละประกาศศึกครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คุณเชื่อไหมค่ะว่า เราทำอะไร รุ่นพี่ประธานนักเรียนคนนี้ไม่ได้เลย และสิ่งที่เจ็บปวดกว่าคือ พี่... ปกป้องเค้าราวกับเป็นนางฟ้า
ไม่ว่าเราจะร้องไห้หนักแค่ไหน เสียใจมากเท่าไหร่ พี่... ก็จะมอบแค่อ้อมกอด กับบอกกับเราแค่ว่าอดทนนะ โอเคเราจะอดทน เพราะเรารักเค้ามาก เราก็จะอดทน
ในตอนนั้นไม่ฟังเสียงใครใดๆทั้งนั้น ฟังเเต่เสียงหัวใจตังเอง บอกตัวเองว่าอย่างน้อยถ้าวันนึงที่เค้าเสียใจ เราก็ยังอยู่ตรงนี้รอเค้าอยู่ อยู่ตรงนี้เพื่อให้กำลังใจเค้า อยู่เพื่อดูเเลเค้า เพราะเรารักเค้าจากใจจริงๆ
มันมีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันต้องร้องไห้ ทำให้ฉันเศร้ามากมาย แม้แต่เพียงเเค่สบตาเค้าน้ำตาฉันมันก็คลอเเล้ว เพราะมันอึดอัด มันบอกไม่ถูกพูดไม่ออก หลายๆครั้งแอบเห็นเค้าสองคนอยู่ด้วยกัน มีความสุข คุณๆค่ะเชื่อไหมว่ามันเจ็บปวดมาก เค้าไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าฉันอยู่ตรงนั้นเฝ้ามองเค้ากับอีกคน ไปไหนมาไหนอย่างเปิดเผย และสถานะของฉันมันก็เป็นแค่ ''น้อง'' น้องที่กำลังถูกลืมไปเรื่อยๆ สถานะเริ่มสั่นคลอน
ถึงตอนนี้เพื่อนๆหลายๆคนอาจจะรู้สึกว่า โอ้ยยอินี่จะนางเอกไปไหน จะทนมันทำไม ก็เลิกๆไปก็จบ เพราะตอนนั้นเพื่อนเราก็ด่าเราแบบนี้แหละค่ะ แต่เหตุผลเดียวคือความรักค่ะ เเละเราศรัทธาในความรู้สึกนี้ เราเชื่อว่าการที่เราอดทนไปมันจะต้องพิสูจน์อะไรบางอย่างให้เค้าเห็น แต่ถ้าสุดท้ายเเล้วมันถึงขีดสุด เเล้วเราค่อยเดินจากไป มันก็ไม่สายเกินไปคะ เราจะต้องพยายามให้ที่สุดก่อน เพราะเรารักและหวังดีกับเค้าจากใจจริงๆ
เรื่องยังไม่จบนะคะ นี่แค่เริ่มต้น เดี๋ยวมาต่อให้คะ
ประสบการณ์ของ รักแบบไม่มีเงื่อนไข ขอแค่ได้เป็นผู้ให้ก็พอใจเเล้ว
ปล. เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง อาจจะไม่สามารถบรรยายได้ละเอียดแต่อยากให้ทุกคนที่อ่านได้คิดตาม เเละจินตนาการณ์ภาพไปด้วย
วันนั้นเมื่อ 10 กว่าปีที่เเล้ว....คุณครูประจำชั้น(ม.4) ได้มอบหมายฉันในฐานนะหัวหน้าห้องให้เอารูปจบการศึกษา ม.3 ไปแจกเพื่อนๆ รวมถึงเพื่อนที่ย้าย รร ไปแล้ว ฉันในฐานนะหัวหน้าห้องก็ได้ทำตามอย่าเรียบร้อย เเละก็มีเพื่อนสนิทของฉันคนนึงได้มารับของจากฉันแถวๆบ้าน เราก็พูดคุย ถามไถ่ถึงการย้าย รร ของเพื่อนตามปกติ เเละเราต่างก็แยกย้ายกัน และคืนวันเดียวกันนั้นเอง ฉันก็ได้รับโทรศัพท์ปริศนา เป็นเบอร์แปลกโทรเข้ามา เสียงปลายสายเป็นเสียงของผู้ชายคนนึง เสียงทุ้ม พูดจาดี ในตอนนั้นคือ สี่ทุ่มครึ่งเห็นจะได้ ตัวฉันเองก็ตกใจเเละงงมาก ว่าเค้าเป็นใคร เค้าทำการเเนะนำตัวเรียบร้อยเบ็ดเสร็จ และได้ความว่าเป็นเพื่อนของเพื่อนฉันที่มาเอาของเมื่อตอนเย็น ในช่วงเวลานั้นฉันก็ครุ่นคริดอยู่สักครู่ว่าคนๆนี้เป็นใครกัน นึกหน้าไม่ออก งงว่าเราเคยเจอกันด้วยหรอ เมื่อคุยไปคุยมาก็ได้ความว่าเค้ามากับเพื่อนฉันเมื่อตอนเย็นแต่เพียงฉันไม่สังเกตุเเละไม่ได้สนใจอะไร บทสนทนาดำเนินต่อไป ตามประสาวัยรุ่น เค้าเป็นคนคุยเก่ง ขี้โม้มากมาย เราก็เป็นผู้ฟังที่ดีปล่อยเค้าพูดไป เวลาล่วงเลยไปจนเที่ยงคืนเราเลยตัดสินใจวางสายเเละไปนอน หลังจากวางสาย เราก็ขำกับสิ่งที่ได้เจอ เเละงงๆว่า อิตานี้จะจีบสาว แต่ก็โม้ซะเยอะ คุยใหญ่มากคร่าา เราก็ขำๆเเละนอนไปไม่ได้คิดอะไร
เค้าก็โทรมาเรื่อยๆ ตามประสาเด็กๆจีบกัน จนวันนึงเราก็นัดเจอกัน เพราะว่าคุยกันมาสักพักตัวฉันยังไม่รู้หน้าเค้าด้วยซ้ำ เพราะจำอะไรไม่ได้เลย ยอมรับว่าตอนนั้นตื่นเต้นมากหัวใจเต้นแรง แต่การเจอกันครั้งนี้ไม่ใช่เดท เป็นแค่การที่เราเอาของอะไรบางอย่างมาเเลกกัน วินาทีเเรกที่เจอกัน คุณพระ! มากันเยอะมากกก นึกภาพแก๊งหนุ่มๆ รร เอกชน กางเกงฟ้า 5-6 คน เดินเรียงแถวหน้ากระดานมาพร้อมๆกัน แต่ละคนขาวผุดผ่อง ตี๋บ้าง ฝรั่งบ้าง ส่วนตัวฉันก็เขินอายตามประสาเพราะมาคนเดียว รู้สึกตัวได้เลยว่าหน้าแดง ร้อนผ่าว เหงื่อออก ทำตัวไม่ถูก บอกเลยว่าตอนนั้นไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าคนที่ฉันคุยด้วยคือคนไหน จนกระทั่งทุกๆคนหยุดและมองมาที่ฉัน เเล้วมีหนุ่มหน้าลูกครึ่งคนนึงเดินมาจากด้านหลัง เเละพูดกับฉันว่า สวัสดีครับ เรา...เองนะ โอ้วววมายกอด. พระเอกมาก ดวงตาคู่นั้นมันช่างกินใจ เสน่ห์มีมากล้น เราก็ยิ้นจนปากจะฉีกถึงหูเเล้วก็พูดว่า หวัดดี^u^ เราไม่ได้คุยอะไรกันต่อเพราะความเขินอาย เราเลยลาจากกันหลังจากที่ยื่นของให้กันเเละกัน แต่ทว่า พอฉันหันหลังเดินไปก็ได้ยินเสียงเรียก "เดี๋ยวก่อนครับ" เราก็หันทันใด แช๊ะ! เสียงกล้องดังขึ้น ห๊าาาถ่ายรูปกันทีเผลอหรอ เรานี่งงมาก จากนั้นเค้าก็ยิ้มเละบอกว่า "ขอบคุณครับ บ๊ายๆ กลับดีๆนะ" วินาทีนั้นคือ...อึ้ง เเละก็พูดกับตัวเองว่า นี่มันอารายยย เขิลนะรู้ไหม ;)
เราคุยกันผ่านโทรศัพท์ และนัดเจอกันบ้างบางครั้ง อย่างไม่เป็นทางการ พัฒนาความสัมพันธ์กันไปเรื่อยๆ จนเวลาก็ผ่านล่วงเลยไป จากเดือน ก็เป็นสองเดือน สามเดือน ผ่านไปจนเราสนิทกัน ในตอนนั้นฉันเรียกเค้าว่าพี่ ส่วนเค้าเรียกฉันว่าน้อง เเละเค้ามักจะเเนะนำตัวฉันกับคนที่รู้จักว่าเป็นน้อง ซึ่งเราก็แอบคิดว่าเอ๊ะ เราน่าจะเป็นแฟนป่ะ แต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะเค้าบอกเราว่าเรียกแบบนี้น่ารักดี เราเริ่มเจอกันบ่อยขึ้น จากเสาร์ อาทิตย์ เพิ่มเป็น ทุกวันหลังเลิกเรียน เพราะเราอยู่คนละ รร. แต่สิ่งที่โชคดีมากคือ บ้านเราอยู่ใกล้กันเพียง 5 นาที เรามักจะหากิจกรรมทำร่วมกันหลังเลิกเรียน ไม่ว่าจะเป็นเล่นกีฬา ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ ร้องเก๊ะ โยนโบว์ ไปจนกระทั่งนั่งรถเล่น แต่สิ่งนึงที่เราโปรดปราณ และมักจะทำอยู่บ่อยๆคือการนั่งเล่นเกมส์ออนไลน์ด้วยกัน าบานเลยว่าฉันเป็นผู้หญิงเล่นเกมส์ไม่เป็น แต่ฉันก็ต้องฝึกเพราะเค้าเล่น เพื่อที่เราจะได้คุยกันรู้เรื่อง ทุกๆเย็นหลังเลิกเรียนเค้าจะมาหาฉันที่บ้าน มาทานข้าวเย็น มาเล่นเกมส์ หรือบางครั้งก็มานั่งคุยกันตามประสาหนุ่มสาว กลางคืนเราก็จะนอนคุยโทรศัพท์ทั้งคืน จนหลับไปทั้งๆที่ยังไม่วางสาย เราทำแบบนี้ทุกวัน จนเวลาก็ล่วงเลยไปเป็นปี แต่ทว่า มันไม่ได้สวยงาม เเละราบรื่นแบบนี้เสมอไป
หลังจากปิดเทอมหน้าร้อน ฉันสังเกตุได้ว่าเค้าเริ่มห่าง เริ่มคุยกันน้อยลง แต่ก็ยังมาหาทุกวัน เริ่มมีเหตุผลส่วนตัวมากขึ้น เริ่มเย็นชามากขึ้น ทั้งๆที่ปกติก็จะเป็นคนนิ่งๆแบบนี้อยู่เป็นปกติ ก็ยิ่งนิ่งไปใหญ่ (อ่อลืมเล่าไปว่าปกติแก๊งนี้เค้าจะเป็นที่กรี๊ดกราดของสาวๆใน รร เป็นประดุจดั่งแก๊ง F4 ในหนังซีรี่ เค้าคนนี้ก็อารมณ์ประมาณเต้าหมิงซื่อ นิ่ง เข้ม ไม่สนอะไรใครทั้งนั้น เก๊กทั้งวัน แต่ไม่ได้หล่อขนาดนั้น เเค่มีเสน่ห์) เรื่องใน รร เค้าเราไม่ค่อยรู้หรอก เพราะเราอยู่คนละ รร เเละด้วยนิสัยเราเราก็ไม่ได้เป็นคนช่างรู้ ช่างสังเกตุ เราเป็นเด็กเรียน เรียบร้อยคนนึง(สมัยนั้น) แต่การที่เราอยู่ด้วยกันทุกวันมันทำให้เราสัมผัสได้ว่าเค้าเปลี่ยนไป ยอมรับว่าตอนนั้นเริ่มหลง เเละรักเค้าเข้าเเล้ว และเเล้วก็เริ่มได้ยินเสียงจากคนรอบข้างว่าเค้าเที่ยวบอกใครต่อใครว่าเราเป็นเเค่น้อง เเละเค้าก็กำลังหักอกสาวๆทั้ง รร ไปคบกับรุ่นพี่ประธานนักเรียน!! ข่าวนี้ไม่จริงใช่ไหม คืออะไร???? "ไปคบกับรุ่นพี่ประธานนักเรียน" งง! มาก! ค่ะ! แล้วตูเป็นแค่น้อง หร๊อ?
ตอนนั้นเหมือนโลกหยุดหมุน เหมือนทุกอย่างถูกฟรีซซซซ คิดอะไรไม่ออก หนักไปหมด ชาไปหมด เพราะใครต่อใครก็พูดถึงเรื่องนี้ กันอย่างหนาหู ยอมรับค่ะว่าตกใจมาก เเต่เราก็เก็บเรื่องนี้ไว้ไม่ได้พูดกับใคร เเม้แต่ถามเค้าเราก็ไม่กล้า เรายังคงใช้เวลาด้วยกันเกือบจะปกติ คือห่างกันมากขึ้น ด้วยความที่เราก็ร้อนใจ พูดกับใครไม่ได้เราเลยต้องนอนร้องไห้คนเดียว ครุ่นคิดเรื่องต่างๆมากมาย จนวันนึงจึงตัดสินใจพูดออกไป และคำตอบที่ได้คือ "ความเงียบ" เพียงเท่านั้น ซึ่งความเงียบนี้มันได้ตอบคำถามด้วยตัวมันเองอย่างชัดเจน ใช่! เค้ากำลังคุยกะอีกคน คนที่ทุกคนเรียกว่า รุ่นพี่ประธานนักเรียน
โอ้ยๆๆๆๆ เราจะนิ่งเป็นนางเองแบบนี้ไม่ได้เเล้ว เราต้องทำอะไรสักอย่าง สิ่งแรกที่ทำได้คือส่องค่ะ โซเซี่ยลทุกช่องทาง ในช่วงนั้น MSN และ Hi5 กำลังเป็นที่นิยม และแล้วก็แจคพ๊อต เจอเต็มๆ รูปคู่จู๋จี๋ โอ้ยยย อกอีแป้นจะแตก ทำไมทำกันได้ เราคุยกันมาเป็นปีๆ รูปคู่สักใบก็ไม่มี เค้าให้เหตุผลว่าไม่ชอบถ่ายรูป น้ำตาไหลพรากกก เสียใจมาก เจ็บปวดที่สุด นิ่งอยู่ไม่ได้เเล้วก็เลยต้องแสดงตัวต่อสาธารณชน ว่าตูเป็นใคร (อารมแบบว่าจับได้ว่าผัวมีเมียน้อย เเล้วก็ต้องแสดงให้โลกเห็นว่ากุมีตัวตน) ผ่าง!! แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นแบบนั้น พี่เค้าโทรกลับมาหาเราอย่างรวดเร็วพร้อมต่อว่า ว่าทำอะไรลงไป มันอันตรายมากนะรู้ไหม บลาๆ.....ผญ คนนี้ไม่ธรรมดาอย่านู้น อย่างนี้ ...มีพวกเยอะ เธออยู่ยากเเล้วที่ไปประกาศศึกกับเค้า...บลาๆๆๆๆ....คือโดนด่าเป็นชุด เเละบทสรุปคือ กุผิด!
ตอนนั้นคือ นี่มันอารายว่ะเนี่ย แต่ทุกครั้งที่เจอกันเค้าจะมากอดฉัน เเละบอกกับฉันเสมอๆว่าเค้าจะไม่ให้ใครมาทำอะไรฉันเเน่นอน เค้าสัญญา เค้าบอกว่าพี่คนนี้เข้ามาในชีวิตเค้าก่อนฉันด้วยซ้ำ แต่ถึงตอนนี้เเล้ว เค้าก็จะไม่ให้ใครมาทำร้ายฉัน เค้าขอให้ฉันอยู่เฉยๆ อย่าทำอะไร เอ่ออ มันก็พูดง่ายเนอะ ความจริงใครจะไปทำได้ล่ะ แฟนกำลังคบซ้อน ไปไหนมาไหนควง ผญ คนใหม่ แล้วให้อยู่เฉยๆ อดทนไป จะบร้าาาหรอ ชะนีไทย ก็ไม่ยอมหยุดค่ะ พยายามจะส่อง เเละประกาศศึกครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คุณเชื่อไหมค่ะว่า เราทำอะไร รุ่นพี่ประธานนักเรียนคนนี้ไม่ได้เลย และสิ่งที่เจ็บปวดกว่าคือ พี่... ปกป้องเค้าราวกับเป็นนางฟ้า
ไม่ว่าเราจะร้องไห้หนักแค่ไหน เสียใจมากเท่าไหร่ พี่... ก็จะมอบแค่อ้อมกอด กับบอกกับเราแค่ว่าอดทนนะ โอเคเราจะอดทน เพราะเรารักเค้ามาก เราก็จะอดทน
ในตอนนั้นไม่ฟังเสียงใครใดๆทั้งนั้น ฟังเเต่เสียงหัวใจตังเอง บอกตัวเองว่าอย่างน้อยถ้าวันนึงที่เค้าเสียใจ เราก็ยังอยู่ตรงนี้รอเค้าอยู่ อยู่ตรงนี้เพื่อให้กำลังใจเค้า อยู่เพื่อดูเเลเค้า เพราะเรารักเค้าจากใจจริงๆ
มันมีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันต้องร้องไห้ ทำให้ฉันเศร้ามากมาย แม้แต่เพียงเเค่สบตาเค้าน้ำตาฉันมันก็คลอเเล้ว เพราะมันอึดอัด มันบอกไม่ถูกพูดไม่ออก หลายๆครั้งแอบเห็นเค้าสองคนอยู่ด้วยกัน มีความสุข คุณๆค่ะเชื่อไหมว่ามันเจ็บปวดมาก เค้าไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าฉันอยู่ตรงนั้นเฝ้ามองเค้ากับอีกคน ไปไหนมาไหนอย่างเปิดเผย และสถานะของฉันมันก็เป็นแค่ ''น้อง'' น้องที่กำลังถูกลืมไปเรื่อยๆ สถานะเริ่มสั่นคลอน
ถึงตอนนี้เพื่อนๆหลายๆคนอาจจะรู้สึกว่า โอ้ยยอินี่จะนางเอกไปไหน จะทนมันทำไม ก็เลิกๆไปก็จบ เพราะตอนนั้นเพื่อนเราก็ด่าเราแบบนี้แหละค่ะ แต่เหตุผลเดียวคือความรักค่ะ เเละเราศรัทธาในความรู้สึกนี้ เราเชื่อว่าการที่เราอดทนไปมันจะต้องพิสูจน์อะไรบางอย่างให้เค้าเห็น แต่ถ้าสุดท้ายเเล้วมันถึงขีดสุด เเล้วเราค่อยเดินจากไป มันก็ไม่สายเกินไปคะ เราจะต้องพยายามให้ที่สุดก่อน เพราะเรารักและหวังดีกับเค้าจากใจจริงๆ
เรื่องยังไม่จบนะคะ นี่แค่เริ่มต้น เดี๋ยวมาต่อให้คะ