คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ว่าด้วยเรื่องรูปร่างตัวอักษร ผมว่าอักษรไทยและกับลาวนี่เขียนง่ายสุดในตระกูลอักษรอินเดียแล้ว อักษรเรียงเป็นตัว ๆ ไปตามบรรทัด แค่มีหัวกลม ๆ มีเล่นหางอักษร มีสระบน (ใส่หมวก) สระล่าง (ใส่รองเท้า เหยียดขา) กับเครื่องวรรณยุกต์ (มีฝนตก มีฟันหนู มีหยาดน้ำค้าง) เพิ่มมาให้ดูมีสีสันบ้างแค่นั้นเอง
ถ้าไปดูอักษรที่อยู่ตระกูลเดียวกัน เช่น ล้านนา เขมร อินเดีย ทิเบต สิงหล ฯลฯ จะปวดหัว ตัวอักษรซ้อนแล้วซ้อนอีก
"อักษรเขมร" ต้องมี "ศก" หรือหนามเตยหยัก ๆ เกือบทุกตัวแทบจะทิ่มตาคนอ่าน ก็ดูสวยมีศิลปะ แต่ส่วนตัวผมว่าดูเยอะไปนิด อักษรขอมโบราณหรืออักษรปัลลวะมีความโค้งมนอ่อนช้อยกว่า
จะเขียน "อักษรเทวนาครี" ของอินเดียหรือ "อักษรเบงกาลี" ต้องลากเส้นเหมือนราวตากผ้ายาว ๆ เหนือตัวอักษรตลอด
"อักษรทิเบต" ก็มีบ่ารูปลิ่มแหลม ๆ เหมือนคิวนิฟอร์ม อ่านแล้วเสียวทิ่มตาเหมือนกัน
จะเขียน "อักษรสิงหล" ของศรีลังกาหรือ "อักษรทมิฬ" ก็ต้องวาดวงกลมวนไปวนมาเวียนหัว เหมือนร้านขายโอ่งมังกร
"อักษรมอญ/พม่า" ดูเขียนง่าย ไม่ซับซ้อน สวยงาม มีความเป็นเรขาคณิตกลม ๆ
"อักษรฮันกึล" ของเกาหลีก็เรขาคณิตแต่ยากตรงที่ต้องยัดทุกสิ่งไว้ในกรอบสี่เหลี่ยม ถึงแม้ว่าจะไม่หนักเท่า "อักษรจีน" ก็เถอะ
ส่วน "อักษรอาหรับ" นี่ออกแนวลองปากกา แต่ถ้าเป็นภาษาอาหรับคลาสิสิคที่มีสระ มีลูกเล่นลวดลายเยอะ ๆ ผมว่าสวยดี
อันนี้ผมบรรยายแบบขำ ๆ ตามความรู้สึกส่วนตัวนะครับ เพื่อจะได้ดูไม่วิชาการเกินไป ไม่มีเจตนาดูหมิ่นภาษา เพราะจริง ๆ ผมในฐานะนักภาษาศาสตร์(สมัครเล่น)ผมรักทุกภาษาที่เรียนนะ อักษรแต่ละชาติมีเอกลักษณ์ในแบบของตัวเอง
และต่อไปนี้คือ "ต้นตระกูล" ของอักษรที่ผมกล่าวมาข้างบน (ยกเว้นอักษรอาหรับและฮันกึล) คือ "อักษรพราหมี" ในจารึกพระเจ้าอโศก
สังเกตว่าหน้าตาแตกต่างจากอักษรลูกหลานในอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาก ทรงเรขาคณิต เรียบง่าย ทื่อ ๆ ไม่มีลูกเล่น ดูคล้ายอักษรในอารยธรรมตะวันตก ต่อมาแต่ละชาติเอาอักษรนี้ไปพัฒนาเป็นเอกลักษณ์ของชาติตัวเองอย่างมีศิลปะ นั่นสะท้อนว่าผู้คนแถบนี้หัว creative มาแต่โบราณแล้ว
บ่าอักษรในอีกษรเทวนาครี เบงกาลี ทิเบต หนามเตยในอักษรเขมร และหัวกลมในอักษไทยลาว ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากที่เดียวกัน คือมาจากการตกแต่งเล่นปลายหางของอักษรพราหมี กลายเป็นอักษรนาครี (อินเดียฝ่ายเหนือ) และอักษรครันถะ (อินเดียฝ่ายใต้) ซึ่งอักษรฝ่ายใต้ได้แพร่มาในสุวรรณภูมิในนามอักษรปัลลวะ ได้ลูก ๓ คนคือ อักษรมอญโบราณ ขอมโบราณ และอักษรกวิ
อักษรมอญโบราณตัดบ่าออกทั้งหมดไม่เหลือ เหลือแต่ "แก่น" ของตัวอักษรจริง ๆ จึงเขียนง่าย เส้นไม่ซับซ้อน เมื่อมีการจารึกบนใบลานจึงค่อย ๆ กลายเป็นทรงกลม เป็นต้นแบบของอักษรพม่า ล้านนา ไทใหญ่ (ลีกถั่วงอก) ฯลฯ
ส่วนอักษรขอมโบราณยังรักษรบ่าอักษรไว้ แต่เล่นลวดลายม้วน ๆ ขดเป็นก้นหอยจนกลายเป็นศกหรือหนามเตยหยัก ๆ แหลม ๆ ในภายหลัง เช่นในอักษรเขมรปัจจุบัน
ชาวสยามโบราณเอาทั้งขอมและมอญมาดัดแปลง ตัดศกในอักษรบางตัวที่ดูกรกออก เปลี่ยนบางส่วนเป็นหัวกลมกลายเป็นอักษรไทย-ลาว ส่วนล้านนาแม้จะใช้อักษรดัดแปลงจากมอญแต่น่าจะรับอิทธิพลหัวอักษรจากอักษรไทยด้วย
ส่วนอักษรกวิ (ชวาโบราณ) ใช้หมู่เกาะอินโดนีเซีย มลายู และฟิลลิปปินส์โบราณ ต้นแบบของอักษรชวา บาหลี ตากาล็อก ฯลฯ น่าเสียดายที่ปัจจุบันดินแดนแถบนี้ส่วนใหญ่ทิ้งอักษรอินเดียไปใช้อักษรโรมันเกือบหมดแล้ว
ถ้าไปดูอักษรที่อยู่ตระกูลเดียวกัน เช่น ล้านนา เขมร อินเดีย ทิเบต สิงหล ฯลฯ จะปวดหัว ตัวอักษรซ้อนแล้วซ้อนอีก
"อักษรเขมร" ต้องมี "ศก" หรือหนามเตยหยัก ๆ เกือบทุกตัวแทบจะทิ่มตาคนอ่าน ก็ดูสวยมีศิลปะ แต่ส่วนตัวผมว่าดูเยอะไปนิด อักษรขอมโบราณหรืออักษรปัลลวะมีความโค้งมนอ่อนช้อยกว่า

จะเขียน "อักษรเทวนาครี" ของอินเดียหรือ "อักษรเบงกาลี" ต้องลากเส้นเหมือนราวตากผ้ายาว ๆ เหนือตัวอักษรตลอด


"อักษรทิเบต" ก็มีบ่ารูปลิ่มแหลม ๆ เหมือนคิวนิฟอร์ม อ่านแล้วเสียวทิ่มตาเหมือนกัน

จะเขียน "อักษรสิงหล" ของศรีลังกาหรือ "อักษรทมิฬ" ก็ต้องวาดวงกลมวนไปวนมาเวียนหัว เหมือนร้านขายโอ่งมังกร


"อักษรมอญ/พม่า" ดูเขียนง่าย ไม่ซับซ้อน สวยงาม มีความเป็นเรขาคณิตกลม ๆ

"อักษรฮันกึล" ของเกาหลีก็เรขาคณิตแต่ยากตรงที่ต้องยัดทุกสิ่งไว้ในกรอบสี่เหลี่ยม ถึงแม้ว่าจะไม่หนักเท่า "อักษรจีน" ก็เถอะ

ส่วน "อักษรอาหรับ" นี่ออกแนวลองปากกา แต่ถ้าเป็นภาษาอาหรับคลาสิสิคที่มีสระ มีลูกเล่นลวดลายเยอะ ๆ ผมว่าสวยดี
อันนี้ผมบรรยายแบบขำ ๆ ตามความรู้สึกส่วนตัวนะครับ เพื่อจะได้ดูไม่วิชาการเกินไป ไม่มีเจตนาดูหมิ่นภาษา เพราะจริง ๆ ผมในฐานะนักภาษาศาสตร์(สมัครเล่น)ผมรักทุกภาษาที่เรียนนะ อักษรแต่ละชาติมีเอกลักษณ์ในแบบของตัวเอง
และต่อไปนี้คือ "ต้นตระกูล" ของอักษรที่ผมกล่าวมาข้างบน (ยกเว้นอักษรอาหรับและฮันกึล) คือ "อักษรพราหมี" ในจารึกพระเจ้าอโศก

สังเกตว่าหน้าตาแตกต่างจากอักษรลูกหลานในอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาก ทรงเรขาคณิต เรียบง่าย ทื่อ ๆ ไม่มีลูกเล่น ดูคล้ายอักษรในอารยธรรมตะวันตก ต่อมาแต่ละชาติเอาอักษรนี้ไปพัฒนาเป็นเอกลักษณ์ของชาติตัวเองอย่างมีศิลปะ นั่นสะท้อนว่าผู้คนแถบนี้หัว creative มาแต่โบราณแล้ว
บ่าอักษรในอีกษรเทวนาครี เบงกาลี ทิเบต หนามเตยในอักษรเขมร และหัวกลมในอักษไทยลาว ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากที่เดียวกัน คือมาจากการตกแต่งเล่นปลายหางของอักษรพราหมี กลายเป็นอักษรนาครี (อินเดียฝ่ายเหนือ) และอักษรครันถะ (อินเดียฝ่ายใต้) ซึ่งอักษรฝ่ายใต้ได้แพร่มาในสุวรรณภูมิในนามอักษรปัลลวะ ได้ลูก ๓ คนคือ อักษรมอญโบราณ ขอมโบราณ และอักษรกวิ
อักษรมอญโบราณตัดบ่าออกทั้งหมดไม่เหลือ เหลือแต่ "แก่น" ของตัวอักษรจริง ๆ จึงเขียนง่าย เส้นไม่ซับซ้อน เมื่อมีการจารึกบนใบลานจึงค่อย ๆ กลายเป็นทรงกลม เป็นต้นแบบของอักษรพม่า ล้านนา ไทใหญ่ (ลีกถั่วงอก) ฯลฯ
ส่วนอักษรขอมโบราณยังรักษรบ่าอักษรไว้ แต่เล่นลวดลายม้วน ๆ ขดเป็นก้นหอยจนกลายเป็นศกหรือหนามเตยหยัก ๆ แหลม ๆ ในภายหลัง เช่นในอักษรเขมรปัจจุบัน

ชาวสยามโบราณเอาทั้งขอมและมอญมาดัดแปลง ตัดศกในอักษรบางตัวที่ดูกรกออก เปลี่ยนบางส่วนเป็นหัวกลมกลายเป็นอักษรไทย-ลาว ส่วนล้านนาแม้จะใช้อักษรดัดแปลงจากมอญแต่น่าจะรับอิทธิพลหัวอักษรจากอักษรไทยด้วย
ส่วนอักษรกวิ (ชวาโบราณ) ใช้หมู่เกาะอินโดนีเซีย มลายู และฟิลลิปปินส์โบราณ ต้นแบบของอักษรชวา บาหลี ตากาล็อก ฯลฯ น่าเสียดายที่ปัจจุบันดินแดนแถบนี้ส่วนใหญ่ทิ้งอักษรอินเดียไปใช้อักษรโรมันเกือบหมดแล้ว
แสดงความคิดเห็น
ภาษาไทยรกจริงไหม
มันบอกกีต้าร์ดีดแล้วฟังเพราะดีแต่มันไม่รู้ชื่อ ผมก็หาที่หาได้ (พบว่าเป็นเพลง ไม่บอกเธอ - bedroom) แล้วก็อัด zip ไปให้มัน
ในไฟล์ผมมันมีไฟล์งานผมอยู่ มันก็นึกว่าเป็๋นแทบ พอมันเปิดดูมันก็ถามประมาณว่า
ส่งเชรี้ยไรมาให้ตู ผมก็ตอบแบบเนิบๆว่าภาษาบ้านตูเอง
ตอนแรกมันก็อึ้งๆ แบบมันไม่เชื่อนะว่านี้เป็นภาษาไทย มันถามกลับมา นี่ภาษาบ้าน
ผมได้ฟังผมก็นะ อืมๆ (แอบกัดฟันเล็กน้อย 555) มันคิดว่าเราใช้ตัวอักษรคล้ายจีนมาตลอด มันยังบอกอีกว่า ผมก็บอกว่าเนี่ย ภาษากรูเนี่ย คิดค้นมาแต่
บรรพบุรุษเลยนะเว้ย แล้วมันก็ตอบมา อ่อ ถ้างั้นพวกไม่ลองจะทำให้มันเรียบๆสวยๆหน่อยหรา (ต่อจากนี้คือสายขาด สัญญาณหาย สงสัยไฟแถวบ้านมันดับ)
พอดูไปดูมาก็เกิดความสงสัยนะว่ามันรกจริงไหม