เราเคยไปปีนังมาหลายรอบมากแล้วตั้งแต่เริ่มเที่ยวเอง แต่ครั้งนี้เป็นหนแรกที่ไปกับเพื่อน เดือนก่อนรู้สึกมีอารมณ์อยากเที่ยวมากๆหลังจากหยุดเที่ยวไปปีนึงได้ แต่ก็อยากเที่ยวแบบไม่ต้องทำการบ้านหนักมากด้วย เช็คราคาตั๋วกับหางแดงแล้วก็พบว่าปีนังนี่แหละเป็นชอยส์เหมาะสมที่สุด แล้วด้วยความคึกก็ประกาศหาเพื่อนเที่ยวลงเฟซบุ๊กซะเลย สุดท้ายแมสเสจไปชวนเพื่อนคนนึงที่คบกันมาปีนี้เข้าปีที่ 12 แล้ว เป็นเพื่อนที่คิดว่าสนิทมาก รู้ใจกันมากที่สุด แต่ไม่เคยเที่ยวด้วยกันมาก่อนเท่าไหร่เลย คงไม่น่าจะมีปัญหา เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีสกิลที่จำเป็นในการเดินทางที่ไม่เหมือนกัน แต่พอรวมกันออกมาแล้วโอเคเลย
เราเป็นคนจัดการเรื่องตั๋ว ที่พัก วางแผนทุกอย่างเพราะเพื่อนไม่ค่อยได้ไปเที่ยวต่างประเทศเองเท่าไหร่ และไม่ค่อยว่างด้วย งานฮีรัดตัวตลอด เราจองตั๋วไฟลท์ 3:40 ของวันศุกร์ที่ผ่านมา เราทั้งคู่ทำงานถึงช่วงเที่ยงๆแล้วก็รีบบึ่งมาเจอกันที่ดอนเมืองเลย อ้าว ตกลงเมิงนัดกันที่ดอนเมืองหรือที่เลย ฮ่าๆ (ถ้าเพื่อนได้อ่านถึงตรงนี้ ฮีคงมองด้วยหางตาที่แบบว่าไว้อาลัยให้มุกของอินี่ 3 วิ) แอบเมาท์ว่าทางเพื่อนเรานี่ฮีได้รับพาสปอร์ตอุ่นๆตอนเช้านั้นอะแหละ เล่นเอาใจหายใจคว่ำสุดชีวิต การเดินทางใช้เวลา 1 ชั่วโมงกับอีก 45 นาที เรากันนั่งแบบมีทางเดินกั้นกลาง จริงๆชื่อเราอยู่ D แล้วเพื่อนเรา C แต่รีบๆเข้ามานั่งสลับกันได้ไงไม่รู้ แล้วเราบอกเพื่อนว่าถ้ามีผู้ชายแบบตัวใหญ่ๆมาเราขอแลกคืนนะ เพื่อนก็โอเค ละก็มีมาจริงฮะ เลยแลกกัน เราไปนั่งติดสองสาวชาวจีน แต่โชคร้ายมากว่าสองนางเสียงดังตลอด ยุกยิกๆ เซลฟี่ตลอดเวลา จนเรารำคาญ ส่วนผู้ชายที่นั่งข้างเพื่อนเราหลับสนิทตลอดไฟลท์เลย ไม่สร้างความรบกวนใดๆทั้งสิ้น ฮืออออ แล้วกูแลกทำไม เวลายัยสองคนนี้ทำอะไรน่าลำไย เราหันไปสบตาเพื่อน สิ่งที่ได้รับกลับมาคือแววตาและรอยยิ้มแบบว่า คริคริ อยากแลกทำไมละ
ช่วงแรกนี้จะยังไม่มีรูปนะ เพราะมัวแต่เบลอๆและเมาท์มอยกันด้วยความคิดถึงที่ไม่เจอกันมาสองปีเศษๆ (เอ๊ะ ได้ข่าวว่าวันอาทิตย์ต้นเดือนยังนัดกันไปแลกเงินและบรีฟทริปอยู่เลยนี่) ที่ตม.ปีนังไม่มีไรมาก เดินออกมาง่ายๆเลย แต่ใจเสียหน่อยตอนที่ถ่ายรูปละจนท.ต้องปรับกล้องต่ำลงมาหงึก เออออ กูมันเตี้ย แบบช้ำใจมาก มีแวะแตกตังค์เพื่อจ่ายค่ารถเมล์ด้วยการซื้อโค้กมาดื่มขวดนึงก่อน ดีว่าเพื่อนเราติดน้ำอัดลม จะแตกแบงค์อะไรนี่ง่ายมาก เสร็จละเดินออกมารอรถเมล์นานพอสมควร มีรถที่ขึ้นได้อย่าง 401 401E มาหลายคันมาก แต่ไม่ยอมให้ขึ้นซะที บางคันออกไปแล้ว บางคันจอดรออะไรอยู่ไม่รู้ สมัยก่อนที่เรามาคนเดียวเราบินเช้า ไม่เคยเจอรอนานขนาดนี้มาก่อน เราเห็นคนไทยเข้าไปถามเหมือนกัน แต่เหมือนถามสั้นๆและตอบสั้นๆ หน้าตาคนถามก็ดูไม่แล้วใจเท่าไหร่ นี่เริ่มจะน็อตหลุด ตอนนั้นทุ่มนึงได้ละไง เครื่องลงมาตั้งกะตอน 6:20 แล้วอะ มันไม่ควรนานเกินครึ่งชั่วโมงมั้ยวะที่จะได้ขึ้นรถอะ เลยพูดกะเพื่อนว่าถ้าอีก 10 นาทีไม่มีความเคลื่อนไหว ประกาศ หรืออะไรใดๆจากจนท.ที่เกี่ยวข้อง นี่จะเดินเข้าไปถามเองแล้วว่าเขารถจอดรออะไร เมื่อไหร่จะได้ขึ้น ต้องรออีกนานไหม ใครจะเป็นคนบอกว่าขึ้นได้เมื่อไหร่ เพื่อนก็แซวๆว่ายังแรงเหมือนเดิม ฮ่าๆ แต่ยืนคุยกันเพลินๆสักพักก็ได้ขึ้นรถ จ่ายเงินด้วยแบงค์ผสมเหรียญ 5.40 rm พอดีเป๊ะ แล้วก็เข้าไปนั่งแถวหลังเลย รถติดเอาการ ดีว่าเพื่อนเราเอาซิม AIS มาด้วย ก็เปิด map ส่องไปว่ารถถึงไหนแล้ว จริงๆรถติดแค่ช่วง 15-20 นาทีแรกจากพ้นสนามบินแค่นั้นแหละ พอเข้าใกล้เมืองมากขึ้นก็ติดน้อยลง สุดท้ายก็ลงตรง Komtar และเดินเท้าไปที่พักเอง
ที่พักที่เราจองไว้หนนี้คือ 1921 Gallery and Travel Lodge อยู่ที่ถนน Kumpung Kolam เพิ่งเปิดใหม่ปีนึงเองมั้ง เราชอบพักสไตล์ dorm ก็เลยลากเพื่อนมาพักด้วย ซึ่งฮีการันตีแล้วว่าเป็นคนง่ายๆอะไรก็ได้ ตัวเองได้เขาก็ได้หมด โอเค จัดไป เดินจาก Komtar ถึงที่พักตอนสองทุ่มครึ่งได้มั้ง สตาฟฟ์น่ารักดี ช่วยเหลือดีมากๆ จ่ายไป 150 rm บวกภาษีนิดหน่อย จากนั้นเข้าไปเก็บของ ล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้านิดหน่อย ห้องที่เราพักจะมีด้วยกัน 8 ที่ เป็นเตียงชั้น ในห้องมีคนอยู่แล้ว 2 คนเหมือนเป็นแฟนกัน มีเซย์ไฮกันนิดหน่อย พอเสร็จก็เตรียมออกไปอาหารเย็นกินที่ถนน chulia แต่ก็โดน Jeffry (สตาฟฟ์ใหญ่) เบรคไว้ว่าฝนตกมาก คนไม่ค่อยขายของเท่าไหร่ อาจจะมีไม่เยอะนะ แต่เราก็ไป กะว่าไปหาเอาดาบหน้า เดินไม่ไกลเลย ตั้งแต่พักปีนังมาเราชอบทำเลที่นี่สุดละ ทำเลเทพมากสำหรับเรา คืออยู่ตรงกลางระหว่างจุดสำคัญทั้งสามส่วนเลยก็คือส่วนแรก chulia กับ love lane ส่วนที่สองคือ street art และส่วนสามคือ Komtar เดินวนหาๆของกินเด็ดๆตามที่เราเคยมาก็ปิดกันหมด ทั้ง lok lok ทั้งอะไร สุดท้ายได้กิน wan tan mee ที่ร้านหัวมุมพอดี


เราสั่งไซส์กลาง (5 rm) เพื่อนเอาไซส์ใหญ่ (5.50 rm) เรากินกับคิกคาปู้ (2.50 rm) เพื่อนสั่งไมโลเย็น (2 rm) ระหว่างรออาหารก็คุยกันว่าเขาติดราคาน้ำละเอียดดีนะ ดูสิมีทั้งร้อนทั้งเย็นเลย ว่าแต่ที่เขียน pack นั่นอะไรวะ ซื้อยกแพ็คเหรอ นึกกันไปมา อ๋ออ มันหมายถึงห่อกลับบ้าน กินๆกันไปเราว่ามันก็อร่อยดีอยู่แหละ แต่ไม่ได้ว้าวมากเท่าไหร่ ส่วนสำหรับเพื่อนฮีก็ว่ากินได้ แต่ไม่ว้าวเช่นกัน
จากนั้นเราก็ออกไปนั่งดื่มต่อที่ D'Loovis เป็นร้านที่มีดนตรีสดแนวบลูส์ เราชอบมาก มาทุกครั้งก็แวะทุกครั้ง เป็นร้านที่ฝรั่งนั่งกันเยอะกว่าคนท้องถิ่นนะที่เราดูๆแล้ว เพราะนักดนตรีที่นี่รุ่นใหญ่จริงๆ ดูทรงละไม่มีใครต่ำกว่า 45 เลย ละเล่นเพลงรุ่นใหญ่แทบทั้งนั้น เวลามาที่นี่เราชอบสั่ง mojito เพราะจัดว่าเป็นตัวเด็ดสุด แก้วจัมโบ้ด้วยนะ เลยสั่งไปสองแก้ว ปกติจะราคา 18 rm แต่วันนั้นเข้าร้านก่อนสี่ทุ่มเลยได้ happy hour มาแบบสองแก้วราคาเดียว คุ้มมากมาย เรากินนี่ฟินเป็นบ้า แต่เพื่อนบอกเหมือนน้ำปั่นสมุนไพรมะนาว กินไปได้ครึ่งก็ยกให้เราหมดเลย ดีๆ เราชอบ
นั่งสักชั่วโมงครึ่งเราก็ออกมากันเลย รู้สึกอยากเอนหลัง แวะเซเว่นเพื่อซื้อทิชชูแพ็คนึง โค้ก น้ำเปล่า 2 ขวดไว้ไปกินกัน น้ำเปล่านี่หยิบจากนอกตู้นะ ในตู้มีแต่แบบใหญ่ 1.5 ลิตร พอถึงห้องก็งงกันว่าทำไมน้ำมันเย็นขวดนึงวะ ไม่ได้ถือปนมากะโค้กด้วย ก็งงๆกันไป แล้วก็นั่งๆนอนๆคุยกัน ออกไปแปรงฟันล้างหน้า แต่เหมือนไม่ได้อาบน้ำกันแหละ นอนไปทั้งงั้นเลย ฮ่าๆ รีบพักเอาแรงสำหรับวันถัดไปที่จะเริ่ม cafe hopping กันแล้ว ยังไงจะเขียนต่อเป็นตอนๆแยกวันนะ เพราะวันหลังๆมันจะรูปเยอะขึ้นละ แล้วเราเป็นคนติดเขียนเยอะ อธิบายฟีลลิ่งทุกเม็ดไปอีก
สรุปค่าใช้จ่ายประจำวัน
- ค่ารถเมล์ 5.40 RM
- ค่าอาหาร+เครื่องดื่ม 42.90 RM
Total 48.30 RM
ปล. ค่าใช้จ่ายที่รวมคิดในทริปนี้คือค่ากิน ค่าเข้าชม ค่ารถ และที่พัก ของทั้งสองคน โดยไม่นับของฝากส่วนตัว ใช้หลักว่ามาเที่ยวร่วมหัวจมท้ายกันแล้ว ใช้เงินกองเดียวกัน เกินนิดเกินหน่อยไม่คิดจุกจิกไรมาก คนกันเอง
[My Penang #1] เมื่อ solo backpacker เปลี่ยนใจมาเที่ยว Penang กับเพื่อน
เราเป็นคนจัดการเรื่องตั๋ว ที่พัก วางแผนทุกอย่างเพราะเพื่อนไม่ค่อยได้ไปเที่ยวต่างประเทศเองเท่าไหร่ และไม่ค่อยว่างด้วย งานฮีรัดตัวตลอด เราจองตั๋วไฟลท์ 3:40 ของวันศุกร์ที่ผ่านมา เราทั้งคู่ทำงานถึงช่วงเที่ยงๆแล้วก็รีบบึ่งมาเจอกันที่ดอนเมืองเลย อ้าว ตกลงเมิงนัดกันที่ดอนเมืองหรือที่เลย ฮ่าๆ (ถ้าเพื่อนได้อ่านถึงตรงนี้ ฮีคงมองด้วยหางตาที่แบบว่าไว้อาลัยให้มุกของอินี่ 3 วิ) แอบเมาท์ว่าทางเพื่อนเรานี่ฮีได้รับพาสปอร์ตอุ่นๆตอนเช้านั้นอะแหละ เล่นเอาใจหายใจคว่ำสุดชีวิต การเดินทางใช้เวลา 1 ชั่วโมงกับอีก 45 นาที เรากันนั่งแบบมีทางเดินกั้นกลาง จริงๆชื่อเราอยู่ D แล้วเพื่อนเรา C แต่รีบๆเข้ามานั่งสลับกันได้ไงไม่รู้ แล้วเราบอกเพื่อนว่าถ้ามีผู้ชายแบบตัวใหญ่ๆมาเราขอแลกคืนนะ เพื่อนก็โอเค ละก็มีมาจริงฮะ เลยแลกกัน เราไปนั่งติดสองสาวชาวจีน แต่โชคร้ายมากว่าสองนางเสียงดังตลอด ยุกยิกๆ เซลฟี่ตลอดเวลา จนเรารำคาญ ส่วนผู้ชายที่นั่งข้างเพื่อนเราหลับสนิทตลอดไฟลท์เลย ไม่สร้างความรบกวนใดๆทั้งสิ้น ฮืออออ แล้วกูแลกทำไม เวลายัยสองคนนี้ทำอะไรน่าลำไย เราหันไปสบตาเพื่อน สิ่งที่ได้รับกลับมาคือแววตาและรอยยิ้มแบบว่า คริคริ อยากแลกทำไมละ
ช่วงแรกนี้จะยังไม่มีรูปนะ เพราะมัวแต่เบลอๆและเมาท์มอยกันด้วยความคิดถึงที่ไม่เจอกันมาสองปีเศษๆ (เอ๊ะ ได้ข่าวว่าวันอาทิตย์ต้นเดือนยังนัดกันไปแลกเงินและบรีฟทริปอยู่เลยนี่) ที่ตม.ปีนังไม่มีไรมาก เดินออกมาง่ายๆเลย แต่ใจเสียหน่อยตอนที่ถ่ายรูปละจนท.ต้องปรับกล้องต่ำลงมาหงึก เออออ กูมันเตี้ย แบบช้ำใจมาก มีแวะแตกตังค์เพื่อจ่ายค่ารถเมล์ด้วยการซื้อโค้กมาดื่มขวดนึงก่อน ดีว่าเพื่อนเราติดน้ำอัดลม จะแตกแบงค์อะไรนี่ง่ายมาก เสร็จละเดินออกมารอรถเมล์นานพอสมควร มีรถที่ขึ้นได้อย่าง 401 401E มาหลายคันมาก แต่ไม่ยอมให้ขึ้นซะที บางคันออกไปแล้ว บางคันจอดรออะไรอยู่ไม่รู้ สมัยก่อนที่เรามาคนเดียวเราบินเช้า ไม่เคยเจอรอนานขนาดนี้มาก่อน เราเห็นคนไทยเข้าไปถามเหมือนกัน แต่เหมือนถามสั้นๆและตอบสั้นๆ หน้าตาคนถามก็ดูไม่แล้วใจเท่าไหร่ นี่เริ่มจะน็อตหลุด ตอนนั้นทุ่มนึงได้ละไง เครื่องลงมาตั้งกะตอน 6:20 แล้วอะ มันไม่ควรนานเกินครึ่งชั่วโมงมั้ยวะที่จะได้ขึ้นรถอะ เลยพูดกะเพื่อนว่าถ้าอีก 10 นาทีไม่มีความเคลื่อนไหว ประกาศ หรืออะไรใดๆจากจนท.ที่เกี่ยวข้อง นี่จะเดินเข้าไปถามเองแล้วว่าเขารถจอดรออะไร เมื่อไหร่จะได้ขึ้น ต้องรออีกนานไหม ใครจะเป็นคนบอกว่าขึ้นได้เมื่อไหร่ เพื่อนก็แซวๆว่ายังแรงเหมือนเดิม ฮ่าๆ แต่ยืนคุยกันเพลินๆสักพักก็ได้ขึ้นรถ จ่ายเงินด้วยแบงค์ผสมเหรียญ 5.40 rm พอดีเป๊ะ แล้วก็เข้าไปนั่งแถวหลังเลย รถติดเอาการ ดีว่าเพื่อนเราเอาซิม AIS มาด้วย ก็เปิด map ส่องไปว่ารถถึงไหนแล้ว จริงๆรถติดแค่ช่วง 15-20 นาทีแรกจากพ้นสนามบินแค่นั้นแหละ พอเข้าใกล้เมืองมากขึ้นก็ติดน้อยลง สุดท้ายก็ลงตรง Komtar และเดินเท้าไปที่พักเอง
ที่พักที่เราจองไว้หนนี้คือ 1921 Gallery and Travel Lodge อยู่ที่ถนน Kumpung Kolam เพิ่งเปิดใหม่ปีนึงเองมั้ง เราชอบพักสไตล์ dorm ก็เลยลากเพื่อนมาพักด้วย ซึ่งฮีการันตีแล้วว่าเป็นคนง่ายๆอะไรก็ได้ ตัวเองได้เขาก็ได้หมด โอเค จัดไป เดินจาก Komtar ถึงที่พักตอนสองทุ่มครึ่งได้มั้ง สตาฟฟ์น่ารักดี ช่วยเหลือดีมากๆ จ่ายไป 150 rm บวกภาษีนิดหน่อย จากนั้นเข้าไปเก็บของ ล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้านิดหน่อย ห้องที่เราพักจะมีด้วยกัน 8 ที่ เป็นเตียงชั้น ในห้องมีคนอยู่แล้ว 2 คนเหมือนเป็นแฟนกัน มีเซย์ไฮกันนิดหน่อย พอเสร็จก็เตรียมออกไปอาหารเย็นกินที่ถนน chulia แต่ก็โดน Jeffry (สตาฟฟ์ใหญ่) เบรคไว้ว่าฝนตกมาก คนไม่ค่อยขายของเท่าไหร่ อาจจะมีไม่เยอะนะ แต่เราก็ไป กะว่าไปหาเอาดาบหน้า เดินไม่ไกลเลย ตั้งแต่พักปีนังมาเราชอบทำเลที่นี่สุดละ ทำเลเทพมากสำหรับเรา คืออยู่ตรงกลางระหว่างจุดสำคัญทั้งสามส่วนเลยก็คือส่วนแรก chulia กับ love lane ส่วนที่สองคือ street art และส่วนสามคือ Komtar เดินวนหาๆของกินเด็ดๆตามที่เราเคยมาก็ปิดกันหมด ทั้ง lok lok ทั้งอะไร สุดท้ายได้กิน wan tan mee ที่ร้านหัวมุมพอดี
เราสั่งไซส์กลาง (5 rm) เพื่อนเอาไซส์ใหญ่ (5.50 rm) เรากินกับคิกคาปู้ (2.50 rm) เพื่อนสั่งไมโลเย็น (2 rm) ระหว่างรออาหารก็คุยกันว่าเขาติดราคาน้ำละเอียดดีนะ ดูสิมีทั้งร้อนทั้งเย็นเลย ว่าแต่ที่เขียน pack นั่นอะไรวะ ซื้อยกแพ็คเหรอ นึกกันไปมา อ๋ออ มันหมายถึงห่อกลับบ้าน กินๆกันไปเราว่ามันก็อร่อยดีอยู่แหละ แต่ไม่ได้ว้าวมากเท่าไหร่ ส่วนสำหรับเพื่อนฮีก็ว่ากินได้ แต่ไม่ว้าวเช่นกัน
จากนั้นเราก็ออกไปนั่งดื่มต่อที่ D'Loovis เป็นร้านที่มีดนตรีสดแนวบลูส์ เราชอบมาก มาทุกครั้งก็แวะทุกครั้ง เป็นร้านที่ฝรั่งนั่งกันเยอะกว่าคนท้องถิ่นนะที่เราดูๆแล้ว เพราะนักดนตรีที่นี่รุ่นใหญ่จริงๆ ดูทรงละไม่มีใครต่ำกว่า 45 เลย ละเล่นเพลงรุ่นใหญ่แทบทั้งนั้น เวลามาที่นี่เราชอบสั่ง mojito เพราะจัดว่าเป็นตัวเด็ดสุด แก้วจัมโบ้ด้วยนะ เลยสั่งไปสองแก้ว ปกติจะราคา 18 rm แต่วันนั้นเข้าร้านก่อนสี่ทุ่มเลยได้ happy hour มาแบบสองแก้วราคาเดียว คุ้มมากมาย เรากินนี่ฟินเป็นบ้า แต่เพื่อนบอกเหมือนน้ำปั่นสมุนไพรมะนาว กินไปได้ครึ่งก็ยกให้เราหมดเลย ดีๆ เราชอบ
นั่งสักชั่วโมงครึ่งเราก็ออกมากันเลย รู้สึกอยากเอนหลัง แวะเซเว่นเพื่อซื้อทิชชูแพ็คนึง โค้ก น้ำเปล่า 2 ขวดไว้ไปกินกัน น้ำเปล่านี่หยิบจากนอกตู้นะ ในตู้มีแต่แบบใหญ่ 1.5 ลิตร พอถึงห้องก็งงกันว่าทำไมน้ำมันเย็นขวดนึงวะ ไม่ได้ถือปนมากะโค้กด้วย ก็งงๆกันไป แล้วก็นั่งๆนอนๆคุยกัน ออกไปแปรงฟันล้างหน้า แต่เหมือนไม่ได้อาบน้ำกันแหละ นอนไปทั้งงั้นเลย ฮ่าๆ รีบพักเอาแรงสำหรับวันถัดไปที่จะเริ่ม cafe hopping กันแล้ว ยังไงจะเขียนต่อเป็นตอนๆแยกวันนะ เพราะวันหลังๆมันจะรูปเยอะขึ้นละ แล้วเราเป็นคนติดเขียนเยอะ อธิบายฟีลลิ่งทุกเม็ดไปอีก
สรุปค่าใช้จ่ายประจำวัน
- ค่ารถเมล์ 5.40 RM
- ค่าอาหาร+เครื่องดื่ม 42.90 RM
Total 48.30 RM
ปล. ค่าใช้จ่ายที่รวมคิดในทริปนี้คือค่ากิน ค่าเข้าชม ค่ารถ และที่พัก ของทั้งสองคน โดยไม่นับของฝากส่วนตัว ใช้หลักว่ามาเที่ยวร่วมหัวจมท้ายกันแล้ว ใช้เงินกองเดียวกัน เกินนิดเกินหน่อยไม่คิดจุกจิกไรมาก คนกันเอง