คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
Part จบ
ภายใต้แสงแดดยามเที่ยงที่ร้อนระอุ เหล่ากองทัพของกลุ่มพระจันทร์สีทองพร้อมด้วยเหล่าพันธมิตรจากดินแดนใกล้เคียงก็ดาหน้ากันเข้ามาปิดล้อมรอบค่ายของแมนตามที่นัดหมาย และในขณะที่แม่ทัพของฝ่ายกงกงกำลังยื่นคำขาดให้แมนออกไปมอบตัวเพื่อยุติเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น อดีตอัศวินหนุ่มก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกพ้องของตนในชุดเกราะรบที่ดูเตรียมพร้อมจะสู้ตาย โดยมีดอกกุหลาบสีแดงคาบอยู่ในปาก และมีเจสซี่ผู้เลอโฉมเดินตามมาติดๆอย่างผู้จงรักภักดี และแล้วแมนนีก็ชักดาบคู่กายออกมาชูขึ้นฟ้าและประกาศว่า
“ พวกเราทุกคน...!!! ไม่ว่ายังไงถ้าเรายอมมัน...!!! พวกมันก็ต้องยัดโทษประหารให้พวกเราวันยังค่ำ จริงไหม...!!!! ”
เหล่านักรบและนักสู้ของกลุ่มกุหลาบแดงพากันพยักหน้ารับด้วยแววตาดุดัน เคร่งเครียด
“ ดังนั้นสู้เราแสดงศักดิ์ศรีของชายชาติชาตรีออกไปสู้ แล้วพยายามฆ่าพวกมันให้ตายให้ได้มากที่สุด และตายอย่างมีศักดิ์ศรีจะดีกว่าไหม...!? ” เขากล่าวปลุกระดมเหล่านักรบผู้มีฐานะเป็น “ เบี้ย ” ของตนเองด้วยศิลปะการพูดอันชาญฉลาด ก่อนที่เหล่านักรบทั้งหลายจะชูอาวุธในมือขึ้นพร้อมกับส่งเสียง “ เฮ...! ” ดังก้องไปทั่ว ซึ่งพออดีตอัศวินหนุ่มเห็นดังนั้น เขาก็ทำทีเป็นเดินย่างสามขุมด้วยท่วงท่าองอาจพร้อมกับดาบในมือ (และดอกกุหลาบสีแดงในปาก) ฝ่าวงล้อมของเหล่า “ ผู้ร่วมอุดมการณ์ ” ไป จนกระทั่งถึงหน้าประตูค่าย อัศวินผู้ถูกปลดก็ชี้ปลายดาบไปที่หน้าประตูและหันกลับมายังเหล่านักรบของตนพลางกล่าวว่า “ ตามข้ามา...!!! ”
และแล้วกองทัพกุหลาบแดงที่ 13 ซึ่งอยู่ในสภาพดุจสุนัขจนตรอก ก็กรูกันออกจากค่ายมาต่อตีกับอริที่ล้อมที่มั่นของตนอยู่อย่างบ้าคลั่งชนิด “ ตายเป็นตาย ” ขณะที่ขุนพลแมนนี่จอมเจ้าเล่ห์ก็ทำทีเป็นสู้บ้างถอยบ้างตามอุบายที่ตกลงไว้กับเจสซี่ตั้งแต่ทีแรก และฉวยจังหวะหนีออกจากการต่อสู้ไปท่ามกลางความชุลมุนได้อย่างแนบเนียน
........................................
ชั่วครู่ต่อมาขณะที่ทัพของทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันอย่างติดพันนั้นเอง สายลมระลอกใหญ่ก็พัดเข้ามาสู่สมรภูมิรบนั้น พร้อมกับฝุ่นผงประหลาดซึ่งมีสีดั่งทรายแดง และเพียงไม่นานหลังจากที่นักรบทั้งหมดทุกฝ่ายที่อยู่ ณ บริเวณนั้นได้สูดดมฝุ่นคลีที่ถูกลมพัดพาเข้ามานั้นไป พวกเขาก็มีพากันล้มลงไปนอนดีดดิ้นปัดไปมาบนพื้นอย่างทุรนทุรายก่อนจะกระอักเลือดตายไปตามๆกันจนหมดสิ้นทั้งสมรภูมิ...!!!
..........................
“ นะ…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย...!? ” ท่านกงกงซึ่งปล่อยให้นักรบของตนกับพวกพันธมิตรออกไปเสี่ยงตายในสมรภูมิ ในขณะที่ตนเองกระทำตนเพียงแค่หลบดูเหตุการณ์อยู่บนหลังม้า ณ ชายป่าเบื้องหลังเอ่ยปากด้วยความตื่นตระหนกกับเหตุไม่คาดฝันอันเกิดขึ้นอยู่ต่อหน้า
“ แย่แล้วขอรับท่านกงกง... !! ดูเหมือนจะมีมือที่สามมาฉวยโอกาสปล่อยฝุ่นยาพิษเพื่อทำลายทั้งพวกเราและพวกของแมนนี่เสียแล้ว...!!! ” ฟิลลิป นักบวชหนุ่มซึ่งนั่งสังเกตการณ์อยู่บนหลังม้าข้างๆ เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก ก่อนที่ท่านกงกงจะถามอีกฝ่ายด้วยความหวาดกลัวตามประสาคนขี้ขลาดกลัวตายว่า
“ งั้นเราจะทำยังไงกันดีล่ะ ที่รัก... ”
“ สถานการณ์แบบนี้ ท่านควรจะเอาชีวิตรอดไว้ก่อนครับ เพราะหากขาดท่านไปอาณาจักรนี้ก็จะปราศจากผู้นำที่ดี...!!! ” นักบวชหนุ่มตอบกลับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ท่านกงกงผู้มีคุณสมบัติอันฉลาดร้ายลึกพอๆกับความขี้ขลาดกลัวตายจึงตัดสินใจชักม้าหนีเข้าป่าไปในทันที
..........................
หลังจากห้อม้าหนีเข้ามาในป่าลึกได้สำเร็จแล้วกงกงเติร์ดและฟิลลิปก็หยุดให้ม้าพักกินน้ำกันที่ริมลำธารแห่งหนึ่ง ซึ่งหลังจากที่กงกงเจ้าเล่ห์ได้นั่งพักบนผืนป่าที่เต็มไปด้วยดอกไม้ใบหญ้าจนหายจากความตื่นตระหนกและเหนื่อยล้าแล้ว กงกงหนุ่มก็พลันกวักมือเรียกให้นักบวชหนุ่มซึ่งตนไว้ใจที่สุดเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะกล่าวกับฟิลลิปด้วยน้ำเสียงและแววตาอันหวานเยิ้มจนไม่อาจบรรยายได้ว่า
“ ความสำเร็จในวันนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากปราศจากเจ้า ดังนั้นในขณะที่ข้ายังเป็นท่านกงกงคนเดิมนี้ ขอให้ข้าได้กอดและเสพสุขกับเจ้าให้ชื่นใจ ก่อนจะไปรับตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินเถอะนะ...ฟิลลิปที่รัก ”
นักบวชหนุ่มตอบสนองด้วยการถอดเสื้อของตนออกเผยให้เห็นหุ่นขาวเนียนใส และกล้ามอกแกร่งพอตัวอีกครั้ง ขณะที่ท่านกงกงก็ถอดอาภรณ์ของตนออกและอ้าแขนโอบร่างหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวที่อยู่เบื้องหน้าให้เข้ามาแนบชิดกายในอ้อมแขน
“ เราสองคนจะมีความสุขด้วยกัน ข้าจะให้เจ้าเป็นมหาอำมาตย์ของข้า... ” ท่านกงกงเอ่ยเสียงเครือด้วยอารมณ์โรแมนติค ก่อนที่เสียงฉึกจะดังขึ้น พร้อมกับความเจ็บปวดที่แล่นแปลบจากทางเบื้องหลังและทะลุถึงหัวใจอย่างรวดเร็ว พร้อมกับโลหิตที่กระอักออกมาจากปากไปเลอะตามแผ่นอกและแผ่นหลังอันเปลือยเปล่าของฟิลลิปจนแดงเถือกลงไปเป็นสาย
“ ฟะ...ฟิลลิป..เจ้า...!? ” กงกงเติร์ดเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งออกมาเป็นครั้งสุดท้ายด้วยนัยน์ตาเบิกโพลง ก่อนที่ร่างของเขาจะล้มหงายผึ่งลงสู่พื้น ขณะที่นักบวชหนุ่มผู้ยังคงถือมีดปลายแหลมอันเล็กซึ่งยังคงเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ได้คลี่ยิ้มหวานๆอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตนออกทีละนิดอย่างช้าๆ พลางชายตามองร่างที่นอนพะงาบๆกระเสือกระสนเป็นครั้งสุดท้ายอยู่บนผืนป่า ณ เบื้องหน้าแห่งตน และกล่าวสั้นๆว่า
“ ไม่มีใครอยากให้แกได้ครองเมืองนี้หรอก... ”
....................
ขณะเดียวกัน ณ ชายป่าอีกด้านหนึ่ง ซึ่งแมนนี่ได้พาเจสซี่หนีเข้ามาด้วยกันเมื่อครู่ บัดนี้เจสซี่ในร่างเปลือยก็กำลังยืนเหยียบศพซึ่งอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบนของแมนอยู่ด้วยท่าทีอันเหยียดหยาม
มีดน้อยๆที่อาบยาพิษอันรุนแรงไว้เต็มพิกัดของเธอยังปักอยู่ ณ ตำแหน่งหัวใจของชายหนุ่มเคราะห์ร้ายผู้หลงผิด สาวงามผู้เลอโฉมมองภาพตรงหน้านั้นด้วยรอยยิ้มสะใจก่อนจะถ่มน้ำลายรดลงไปบนดวงหน้าไร้วิญญาณของแมนนี่ ก่อนจะกล่าวกับตนเองด้วยสีหน้าโล่งอกว่า
“ เพียงเท่านี้ ข้ากับฟิลลิปก็หมดหน้าที่เสียที หึๆๆๆ... ”
และหลังจากนั้น...โดยไม่คาดฝัน...เจสซี่เอามืออีกข้างไปหยิบกาน้ำชา ซึ่งถือติดมือมาด้วยแต่แรก เพราะปกติ เธอจะคอยรินชาอุ่นๆให้แมนกินเป็นประจำ เพราะแมนติดใจในรสชาฝีมือเธอ ทว่า...แทนที่สาวงามจะเทชาลงไปในปากที่อ้าค้างของแมนนี่ เพื่อให้ร่างไร้วิญญาณนั้นได้ชมรสชาอุ่นๆฝีมือเธอเป็นครั้งสุดท้าย เจสซี่กลับเทชาอุ่นๆนั่นลงบนหัวตัวเอง และแล้ว....
"พรึ่บ!!"
ปทุมถันทรงเสน่ห์ที่เคยมัดใจแมนนี่มาตลอดของเจสซี่ พลันแปรเปลี่ยนเป็นอกกำยำบึกบึนอันมีขนแซมของบุรุษทันที แถมใบหน้าที่เคยเลอโฉม ก็มีหนวดเคราขึ้นหรอมแหรม
“ เจ้าช่างน่าสมเพชจริงๆแมน หึๆๆๆ ” โจเซฟ...นักบวชคู่หูรูมเมทคนสนิทของฟิลลิป ซึ่งเคยนอนด้วยกันมาตั้งแต่แรกเข้าคอนแวนท์เอ่ยเสียงเรียบพลางชายตามองร่างไร้วิญญาณของแมนนี่เป็นครั้งสุดท้าย แท้จริงแล้วเจสซี่ที่แมนหลงรัก ก็คือโจเซฟซึ่งเคยไปฝึกวิชาที่จีน แล้วเกิดการผิดพลาดตกลงไปในบ่อน้ำต้องคำสาป ทำให้กลายร่างเป็นผู้หญิงคนสวย (เจสซี่) ทุกทีที่โดนราดน้ำเย็น และจะกลับร่างเดิม เมื่อโดนน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน
และ...เงื่อนไขที่ทำให้โจเซฟยอมร่วมงานนี้ ก็เพราะท่านหญิงติช่า มีน้ำอมฤตที่ใช้ล้างคำสาปนานาได้นั่นเอง จุดหมายของโจเซฟคือการกลับเป็นชายชาตรี 100% = =+
....................
หลังจากเหตุจลาจลวุ่นวายได้จบลงด้วยผลคือ ความตายของพวกพระจันทร์สีทองและกุหลาบแดงทั้งหมด รวมถึงเหล่าพันธมิตรจากประเทศเพื่อนบ้านที่มาช่วยรบ ท่านหญิงติช่า ชุมม่าจึงสั่งให้มีการจัดงานศพไว้อาลัยวีรชนผู้เสียสละเพื่อแผ่นดินและพันธมิตรทั้งหลายโดยมารยาท ซึ่งการวางตัวอันดีงามดังกล่าว ก็ทำให้ท่านหญิงได้รับแรงสนับสนุนจากเหล่าประชาชนโดยถ้วนหน้า พวกเขาพากันขอให้ท่านหญิงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินไปจนกว่าพระโอรสจะเจริญวัยขึ้น ซึ่งท่านหญิงก็ให้การปฏิเสธในขั้นต้นโดยมารยาท ก่อนจะทำทีเป็นยอมตามเสียงของประชาชนอย่างน่าซาบซึ้งกินใจไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินทั้งหลายเสียเหลือเกิน
และในค่ำคืนแห่งความสำเร็จ ที่เหล่าปวงประชากำลังสังสรรค์ให้กับความสงบที่กลับมาหลังจากเหล่าทรราชขายชาติพากันตายไปหมดสิ้นแล้ว ภายในวังของท่านหญิงติช่า ขณะที่เจ้าของวังคนงามกำลังปล่อยกายที่เปลือยเปล่าอยู่ในอ่างอาบน้ำส่วนตัว โดยมีเพียงหมีแพนด้าตัวอ้วนใหญ่จ้ำม่ำน่ากอด กำลังกลิ้งตัวเล่นลูกบอลอยู่ข้างๆอ่างอาบน้ำนั้นเอง ประตูห้องอาบน้ำก็พลันถูกเปิดออกโดยวิสาสะ
“ กลับมาแล้วเหรอฟิลลิป โจเซฟ...ในที่สุดเราทั้งสี่ก็ผ่านกาลเวลายาวนานที่น่ารำคาญนั้นไปเสียที เนอะ ”
“ ขอรับ... ” ชายหนุ่มทั้งสองซึ่งมีอาภรณ์เพียงผ้าขนหนูนุ่งปกปิดส่วนล่างกันคนละผืน ตอบรับด้วยแววตาซื่อสัตย์ ขณะที่หมีแพนด้าตัวใหญ่ซึ่งอารักขาติช่ามาแต่แรก และเป็นตัวการที่ไปโปรยยาพิษสังหารทั้งฝ่ายพระจันทร์ทองและกุหลาบแดงในศึกสุดท้ายที่ผ่านมา ก็หยิบขันมาตักน้ำอุ่นจากในอ่างราดตัวเอง
" พรึ่บ!! " ร่างปุกปุยหน้ากอดน่าฟัดของเจ้าแพนด้า กลับกลายเป็นหนุ่มจีนรูปงามบึกบึน ซึ่งแท้จริงคือคู่ฝึกของโจเซฟในอดีตที่ตกบ่อน้ำต้องสาปไปด้วยกันนั่นเอง เพียงแต่ แจ๊ค ซู นั้นตกลงไปในบ่อแพนด้า และที่เขามาร่วมขบวนการนี้ ก็เพื่อน้ำอมฤตจากติช่าเช่นกัน
“ เจ้ารู้ไหม ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าคิดถึงและปรารถนาในตัวพวกเจ้าทั้งสามมากมายเพียงใด... ”
“ งั้นก็... ” โจเซฟกล่าวสั้นๆพลางเผยยิ้มเจ้าเล่ห์กวนๆ และหันไปทางฟิลลิป ขณะที่ฟิลลิปก็หยิบสบู่ในมือขึ้นพลางยื่นไปทางเบื้องพระพักตร์ของท่านหญิง และกล่าวต่อให้ว่า “ มีอะไรกันไหม ขอรับ ”
“ with pleasure ” คือคำตอบสุดท้ายจากปากของติช่า ผู้เลอโฉม...
อวสาน
ภายใต้แสงแดดยามเที่ยงที่ร้อนระอุ เหล่ากองทัพของกลุ่มพระจันทร์สีทองพร้อมด้วยเหล่าพันธมิตรจากดินแดนใกล้เคียงก็ดาหน้ากันเข้ามาปิดล้อมรอบค่ายของแมนตามที่นัดหมาย และในขณะที่แม่ทัพของฝ่ายกงกงกำลังยื่นคำขาดให้แมนออกไปมอบตัวเพื่อยุติเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น อดีตอัศวินหนุ่มก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกพ้องของตนในชุดเกราะรบที่ดูเตรียมพร้อมจะสู้ตาย โดยมีดอกกุหลาบสีแดงคาบอยู่ในปาก และมีเจสซี่ผู้เลอโฉมเดินตามมาติดๆอย่างผู้จงรักภักดี และแล้วแมนนีก็ชักดาบคู่กายออกมาชูขึ้นฟ้าและประกาศว่า
“ พวกเราทุกคน...!!! ไม่ว่ายังไงถ้าเรายอมมัน...!!! พวกมันก็ต้องยัดโทษประหารให้พวกเราวันยังค่ำ จริงไหม...!!!! ”
เหล่านักรบและนักสู้ของกลุ่มกุหลาบแดงพากันพยักหน้ารับด้วยแววตาดุดัน เคร่งเครียด
“ ดังนั้นสู้เราแสดงศักดิ์ศรีของชายชาติชาตรีออกไปสู้ แล้วพยายามฆ่าพวกมันให้ตายให้ได้มากที่สุด และตายอย่างมีศักดิ์ศรีจะดีกว่าไหม...!? ” เขากล่าวปลุกระดมเหล่านักรบผู้มีฐานะเป็น “ เบี้ย ” ของตนเองด้วยศิลปะการพูดอันชาญฉลาด ก่อนที่เหล่านักรบทั้งหลายจะชูอาวุธในมือขึ้นพร้อมกับส่งเสียง “ เฮ...! ” ดังก้องไปทั่ว ซึ่งพออดีตอัศวินหนุ่มเห็นดังนั้น เขาก็ทำทีเป็นเดินย่างสามขุมด้วยท่วงท่าองอาจพร้อมกับดาบในมือ (และดอกกุหลาบสีแดงในปาก) ฝ่าวงล้อมของเหล่า “ ผู้ร่วมอุดมการณ์ ” ไป จนกระทั่งถึงหน้าประตูค่าย อัศวินผู้ถูกปลดก็ชี้ปลายดาบไปที่หน้าประตูและหันกลับมายังเหล่านักรบของตนพลางกล่าวว่า “ ตามข้ามา...!!! ”
และแล้วกองทัพกุหลาบแดงที่ 13 ซึ่งอยู่ในสภาพดุจสุนัขจนตรอก ก็กรูกันออกจากค่ายมาต่อตีกับอริที่ล้อมที่มั่นของตนอยู่อย่างบ้าคลั่งชนิด “ ตายเป็นตาย ” ขณะที่ขุนพลแมนนี่จอมเจ้าเล่ห์ก็ทำทีเป็นสู้บ้างถอยบ้างตามอุบายที่ตกลงไว้กับเจสซี่ตั้งแต่ทีแรก และฉวยจังหวะหนีออกจากการต่อสู้ไปท่ามกลางความชุลมุนได้อย่างแนบเนียน
........................................
ชั่วครู่ต่อมาขณะที่ทัพของทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันอย่างติดพันนั้นเอง สายลมระลอกใหญ่ก็พัดเข้ามาสู่สมรภูมิรบนั้น พร้อมกับฝุ่นผงประหลาดซึ่งมีสีดั่งทรายแดง และเพียงไม่นานหลังจากที่นักรบทั้งหมดทุกฝ่ายที่อยู่ ณ บริเวณนั้นได้สูดดมฝุ่นคลีที่ถูกลมพัดพาเข้ามานั้นไป พวกเขาก็มีพากันล้มลงไปนอนดีดดิ้นปัดไปมาบนพื้นอย่างทุรนทุรายก่อนจะกระอักเลือดตายไปตามๆกันจนหมดสิ้นทั้งสมรภูมิ...!!!
..........................
“ นะ…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย...!? ” ท่านกงกงซึ่งปล่อยให้นักรบของตนกับพวกพันธมิตรออกไปเสี่ยงตายในสมรภูมิ ในขณะที่ตนเองกระทำตนเพียงแค่หลบดูเหตุการณ์อยู่บนหลังม้า ณ ชายป่าเบื้องหลังเอ่ยปากด้วยความตื่นตระหนกกับเหตุไม่คาดฝันอันเกิดขึ้นอยู่ต่อหน้า
“ แย่แล้วขอรับท่านกงกง... !! ดูเหมือนจะมีมือที่สามมาฉวยโอกาสปล่อยฝุ่นยาพิษเพื่อทำลายทั้งพวกเราและพวกของแมนนี่เสียแล้ว...!!! ” ฟิลลิป นักบวชหนุ่มซึ่งนั่งสังเกตการณ์อยู่บนหลังม้าข้างๆ เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก ก่อนที่ท่านกงกงจะถามอีกฝ่ายด้วยความหวาดกลัวตามประสาคนขี้ขลาดกลัวตายว่า
“ งั้นเราจะทำยังไงกันดีล่ะ ที่รัก... ”
“ สถานการณ์แบบนี้ ท่านควรจะเอาชีวิตรอดไว้ก่อนครับ เพราะหากขาดท่านไปอาณาจักรนี้ก็จะปราศจากผู้นำที่ดี...!!! ” นักบวชหนุ่มตอบกลับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ท่านกงกงผู้มีคุณสมบัติอันฉลาดร้ายลึกพอๆกับความขี้ขลาดกลัวตายจึงตัดสินใจชักม้าหนีเข้าป่าไปในทันที
..........................
หลังจากห้อม้าหนีเข้ามาในป่าลึกได้สำเร็จแล้วกงกงเติร์ดและฟิลลิปก็หยุดให้ม้าพักกินน้ำกันที่ริมลำธารแห่งหนึ่ง ซึ่งหลังจากที่กงกงเจ้าเล่ห์ได้นั่งพักบนผืนป่าที่เต็มไปด้วยดอกไม้ใบหญ้าจนหายจากความตื่นตระหนกและเหนื่อยล้าแล้ว กงกงหนุ่มก็พลันกวักมือเรียกให้นักบวชหนุ่มซึ่งตนไว้ใจที่สุดเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะกล่าวกับฟิลลิปด้วยน้ำเสียงและแววตาอันหวานเยิ้มจนไม่อาจบรรยายได้ว่า
“ ความสำเร็จในวันนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากปราศจากเจ้า ดังนั้นในขณะที่ข้ายังเป็นท่านกงกงคนเดิมนี้ ขอให้ข้าได้กอดและเสพสุขกับเจ้าให้ชื่นใจ ก่อนจะไปรับตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินเถอะนะ...ฟิลลิปที่รัก ”
นักบวชหนุ่มตอบสนองด้วยการถอดเสื้อของตนออกเผยให้เห็นหุ่นขาวเนียนใส และกล้ามอกแกร่งพอตัวอีกครั้ง ขณะที่ท่านกงกงก็ถอดอาภรณ์ของตนออกและอ้าแขนโอบร่างหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวที่อยู่เบื้องหน้าให้เข้ามาแนบชิดกายในอ้อมแขน
“ เราสองคนจะมีความสุขด้วยกัน ข้าจะให้เจ้าเป็นมหาอำมาตย์ของข้า... ” ท่านกงกงเอ่ยเสียงเครือด้วยอารมณ์โรแมนติค ก่อนที่เสียงฉึกจะดังขึ้น พร้อมกับความเจ็บปวดที่แล่นแปลบจากทางเบื้องหลังและทะลุถึงหัวใจอย่างรวดเร็ว พร้อมกับโลหิตที่กระอักออกมาจากปากไปเลอะตามแผ่นอกและแผ่นหลังอันเปลือยเปล่าของฟิลลิปจนแดงเถือกลงไปเป็นสาย
“ ฟะ...ฟิลลิป..เจ้า...!? ” กงกงเติร์ดเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งออกมาเป็นครั้งสุดท้ายด้วยนัยน์ตาเบิกโพลง ก่อนที่ร่างของเขาจะล้มหงายผึ่งลงสู่พื้น ขณะที่นักบวชหนุ่มผู้ยังคงถือมีดปลายแหลมอันเล็กซึ่งยังคงเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ได้คลี่ยิ้มหวานๆอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตนออกทีละนิดอย่างช้าๆ พลางชายตามองร่างที่นอนพะงาบๆกระเสือกระสนเป็นครั้งสุดท้ายอยู่บนผืนป่า ณ เบื้องหน้าแห่งตน และกล่าวสั้นๆว่า
“ ไม่มีใครอยากให้แกได้ครองเมืองนี้หรอก... ”
....................
ขณะเดียวกัน ณ ชายป่าอีกด้านหนึ่ง ซึ่งแมนนี่ได้พาเจสซี่หนีเข้ามาด้วยกันเมื่อครู่ บัดนี้เจสซี่ในร่างเปลือยก็กำลังยืนเหยียบศพซึ่งอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบนของแมนอยู่ด้วยท่าทีอันเหยียดหยาม
มีดน้อยๆที่อาบยาพิษอันรุนแรงไว้เต็มพิกัดของเธอยังปักอยู่ ณ ตำแหน่งหัวใจของชายหนุ่มเคราะห์ร้ายผู้หลงผิด สาวงามผู้เลอโฉมมองภาพตรงหน้านั้นด้วยรอยยิ้มสะใจก่อนจะถ่มน้ำลายรดลงไปบนดวงหน้าไร้วิญญาณของแมนนี่ ก่อนจะกล่าวกับตนเองด้วยสีหน้าโล่งอกว่า
“ เพียงเท่านี้ ข้ากับฟิลลิปก็หมดหน้าที่เสียที หึๆๆๆ... ”
และหลังจากนั้น...โดยไม่คาดฝัน...เจสซี่เอามืออีกข้างไปหยิบกาน้ำชา ซึ่งถือติดมือมาด้วยแต่แรก เพราะปกติ เธอจะคอยรินชาอุ่นๆให้แมนกินเป็นประจำ เพราะแมนติดใจในรสชาฝีมือเธอ ทว่า...แทนที่สาวงามจะเทชาลงไปในปากที่อ้าค้างของแมนนี่ เพื่อให้ร่างไร้วิญญาณนั้นได้ชมรสชาอุ่นๆฝีมือเธอเป็นครั้งสุดท้าย เจสซี่กลับเทชาอุ่นๆนั่นลงบนหัวตัวเอง และแล้ว....
"พรึ่บ!!"
ปทุมถันทรงเสน่ห์ที่เคยมัดใจแมนนี่มาตลอดของเจสซี่ พลันแปรเปลี่ยนเป็นอกกำยำบึกบึนอันมีขนแซมของบุรุษทันที แถมใบหน้าที่เคยเลอโฉม ก็มีหนวดเคราขึ้นหรอมแหรม
“ เจ้าช่างน่าสมเพชจริงๆแมน หึๆๆๆ ” โจเซฟ...นักบวชคู่หูรูมเมทคนสนิทของฟิลลิป ซึ่งเคยนอนด้วยกันมาตั้งแต่แรกเข้าคอนแวนท์เอ่ยเสียงเรียบพลางชายตามองร่างไร้วิญญาณของแมนนี่เป็นครั้งสุดท้าย แท้จริงแล้วเจสซี่ที่แมนหลงรัก ก็คือโจเซฟซึ่งเคยไปฝึกวิชาที่จีน แล้วเกิดการผิดพลาดตกลงไปในบ่อน้ำต้องคำสาป ทำให้กลายร่างเป็นผู้หญิงคนสวย (เจสซี่) ทุกทีที่โดนราดน้ำเย็น และจะกลับร่างเดิม เมื่อโดนน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน
และ...เงื่อนไขที่ทำให้โจเซฟยอมร่วมงานนี้ ก็เพราะท่านหญิงติช่า มีน้ำอมฤตที่ใช้ล้างคำสาปนานาได้นั่นเอง จุดหมายของโจเซฟคือการกลับเป็นชายชาตรี 100% = =+
....................
หลังจากเหตุจลาจลวุ่นวายได้จบลงด้วยผลคือ ความตายของพวกพระจันทร์สีทองและกุหลาบแดงทั้งหมด รวมถึงเหล่าพันธมิตรจากประเทศเพื่อนบ้านที่มาช่วยรบ ท่านหญิงติช่า ชุมม่าจึงสั่งให้มีการจัดงานศพไว้อาลัยวีรชนผู้เสียสละเพื่อแผ่นดินและพันธมิตรทั้งหลายโดยมารยาท ซึ่งการวางตัวอันดีงามดังกล่าว ก็ทำให้ท่านหญิงได้รับแรงสนับสนุนจากเหล่าประชาชนโดยถ้วนหน้า พวกเขาพากันขอให้ท่านหญิงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินไปจนกว่าพระโอรสจะเจริญวัยขึ้น ซึ่งท่านหญิงก็ให้การปฏิเสธในขั้นต้นโดยมารยาท ก่อนจะทำทีเป็นยอมตามเสียงของประชาชนอย่างน่าซาบซึ้งกินใจไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินทั้งหลายเสียเหลือเกิน
และในค่ำคืนแห่งความสำเร็จ ที่เหล่าปวงประชากำลังสังสรรค์ให้กับความสงบที่กลับมาหลังจากเหล่าทรราชขายชาติพากันตายไปหมดสิ้นแล้ว ภายในวังของท่านหญิงติช่า ขณะที่เจ้าของวังคนงามกำลังปล่อยกายที่เปลือยเปล่าอยู่ในอ่างอาบน้ำส่วนตัว โดยมีเพียงหมีแพนด้าตัวอ้วนใหญ่จ้ำม่ำน่ากอด กำลังกลิ้งตัวเล่นลูกบอลอยู่ข้างๆอ่างอาบน้ำนั้นเอง ประตูห้องอาบน้ำก็พลันถูกเปิดออกโดยวิสาสะ
“ กลับมาแล้วเหรอฟิลลิป โจเซฟ...ในที่สุดเราทั้งสี่ก็ผ่านกาลเวลายาวนานที่น่ารำคาญนั้นไปเสียที เนอะ ”
“ ขอรับ... ” ชายหนุ่มทั้งสองซึ่งมีอาภรณ์เพียงผ้าขนหนูนุ่งปกปิดส่วนล่างกันคนละผืน ตอบรับด้วยแววตาซื่อสัตย์ ขณะที่หมีแพนด้าตัวใหญ่ซึ่งอารักขาติช่ามาแต่แรก และเป็นตัวการที่ไปโปรยยาพิษสังหารทั้งฝ่ายพระจันทร์ทองและกุหลาบแดงในศึกสุดท้ายที่ผ่านมา ก็หยิบขันมาตักน้ำอุ่นจากในอ่างราดตัวเอง
" พรึ่บ!! " ร่างปุกปุยหน้ากอดน่าฟัดของเจ้าแพนด้า กลับกลายเป็นหนุ่มจีนรูปงามบึกบึน ซึ่งแท้จริงคือคู่ฝึกของโจเซฟในอดีตที่ตกบ่อน้ำต้องสาปไปด้วยกันนั่นเอง เพียงแต่ แจ๊ค ซู นั้นตกลงไปในบ่อแพนด้า และที่เขามาร่วมขบวนการนี้ ก็เพื่อน้ำอมฤตจากติช่าเช่นกัน
“ เจ้ารู้ไหม ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าคิดถึงและปรารถนาในตัวพวกเจ้าทั้งสามมากมายเพียงใด... ”
“ งั้นก็... ” โจเซฟกล่าวสั้นๆพลางเผยยิ้มเจ้าเล่ห์กวนๆ และหันไปทางฟิลลิป ขณะที่ฟิลลิปก็หยิบสบู่ในมือขึ้นพลางยื่นไปทางเบื้องพระพักตร์ของท่านหญิง และกล่าวต่อให้ว่า “ มีอะไรกันไหม ขอรับ ”
“ with pleasure ” คือคำตอบสุดท้ายจากปากของติช่า ผู้เลอโฉม...
อวสาน
แสดงความคิดเห็น
พัสดุส่งตรงถึง คุณบางลำภูสแควร์ , คุณสมาชิกหมายเลข 1147049 และคุณ superchocolatebear และ fc ฟิลลิป
ถ้าไม่ดีพอ หรือบกพร่องประการใดขออภัย เพราะเค้นแต่งในเวลาเพียงราวๆ 3 ชม
ปล แทคหาน้องโดยตรงไม่ได้ คาดว่ายังไม่มีแทคของตัวเอง จะแทคพี่เกด ก็เกรงจะรบกวน (เพราะผม Fc ทีมหมู) และในนี้ไม่มีพี่เกดแจมอยู่ด้วยเลย เลยแทคไปที่ the face men และ ติช่า แทนครับ
นักบุญเลือดเย็น
Part 1
การต่อสู้อันยาวนานกำลังจะจบลง กงกงเติร์ด แห่งพรรคพระจันทร์สีทอง กำลังนั่งปลื้มกับผลงานตนเองอย่างภาคภูมิใจอยู่ภายในปราสาทฮาเร็มอันเหลืองอร่ามไป ด้วยทองคำ และแวดล้อมไปด้วยชายหนุ่มหน้าตาดีหุ่นบึกบึน
" หึๆๆๆๆ อีกไม่นานหรอก อีกไม่นานเจ้าอาคดยุคแมนจะต้องปราชัยให้กับข้า และข้าก็จะได้เป็นราชินี เอ้ย...ไม่ใช่สิ...เจ้านครคนใหม่อาณาจักรแห่งนี้ ฮ่าๆๆๆๆ!!! " กงกงรูปหล่อกล่าวกับตัว เองอย่างภาคภูมิพลางแหงนหน้าหัวเราะอย่างสะใจ แน่นอน...ตอนนี้ผู้คนโดยส่วนใหญ่ไม่ว่าจะระดับรากหญ้าหรือผู้ดีมีตระกูลก็ล้วนแล้วแต่ชิงชังในกลุ่มแนวรบกุหลาบแดงที่ 13 ของอัศวินโดนปลดอย่างอาคดยุคแมนนี่ เปียงยาง เต็มทน ซึ่งที่มาแห่งความสำเร็จของท่านกงกงรูปงามนัยน์ตาแหลมก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแค่แผนการเล็กๆน้อยๆซึ่งคนที่ทั้งฉลาดและแตกฉานในคัมภีร์เทวดา หรือ “ คัมภีร์ทานตะวัน ” แล้วอย่างท่านเติร์ดสามารถทำได้อย่างง่ายดาย เริ่มต้นจาก...แฉเรื่องฉ้อฉลต่างๆที่แมนเคยแอบทำในขณะดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหาร เช่นการยักยอกส่วยภาษีและสินไหมต่างๆที่เก็บมาจากราษฎรไปเป็นทรัพย์สินส่วนตัว...ให้ท่านหญิงติช่า ชุมม่า ซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระโอรสวัย 3 ขวบของกษัตริย์และราชินีผู้วายชนม์ได้รับทราบเท่านั้น ท่านหญิงติช่าผู้เลอโฉมและเปี่ยมด้วยความมั่นใจก็พลันสนับสนุนกงกงเติร์ดทันที
และกลุ่มผู้กล้าซึ่งใส่ชุดรบอันทำด้วยหนังเสือเหลืองและมีตราจันทร์เสี้ยวสีเหลืองทองเป็นสัญลักษณ์ ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นและร่วมกันช่วยปลุกระดมชาวบ้านร้านตลาดและประชาชนคนอื่นๆซึ่งรู้ถึงพิษสงอันตระหนี่ชั่วช้าของแมนนี่ เปียงยางให้มาช่วยกันปิดล้อมปราสาทของอาคดยุคหนุ่มเพื่อเนรเทศอัศวินผู้มีใบหน้าหล่อเหลาแต่เหลี่ยมจัดออกไปจากดินแดน
ผลของการระดมมวลชนในครั้งนั้นสำเร็จด้วยดี เพราะเมื่อเหล่าทหารและอัศวินในหน่วยรบกุหลาบแดงที่ 13 ลงดาบกับเหล่าชาวบ้านตาดำๆซึ่งออกเป็นกองหน้าให้กับกลุ่มปลดแอกของท่านกงกง กงกงเติร์ดก็ทำหนังสือร้องทุกข์ส่งให้ท่านหญิงติช่าทันที ผลคือความผิดร้ายแรง โทษฐานรังแกประชาชน ตามมาอีก 1 กระทง อาคดยุคแมนจึงถูกท่านหญิงสั่งปลดถอดยศทั้งหมดที่มี และโดนจับลอยแพทิ้งทะเลไปอย่างน่าสมเพช
แต่ใครจะคิดว่าการ “ ปล่อยปลาลงน้ำ ” ไปในครั้งนั้น จะทำให้ปลาที่หลุดรอดไปได้ตัวนั้นกลับมาแว้งกัดได้อย่างคาดไม่ถึง.... คิดมาถึงตอนนี้ท่านกงกงเองก็ยังเจ็บใจตัวเองไม่หายที่ไปยอมให้กับคำขอของบราเธอร์ฟิลลิป นักบวชหนุ่มรูปงามซึ่งท่านหญิงติช่าจัดให้มาเป็นที่ปรึกษา และช่วยในเรื่องการนำสาส์น เพราะในครั้งนั้นบราเธอร์ฟิลลิป ได้ขอให้ท่านหญิงและกงกงเติร์ดละเว้นการประหารแมนนี่เสีย เพื่อเห็นแก่คุณความดีในอดีตที่แมนนี่เคยเป็นทหารปกปักรักษาดินแดน และเพื่อให้ประชาชนเห็นว่า ท่านกงกงและท่านหญิงเป็นคนดีมีเมตตาให้โอกาสกระทั่งศัตรู กงกงจึงยอมลอยแพแมนนี่ไป โดยไม่รู้ว่าการปล่อยให้แมนรอดชีวิตในครั้งนั้น จะทำให้เจ้าอัศวินถูกปลดนั่นไปตีสนิทกับพวกโจรสลัด และบรรดานักรบที่ถูกปลดกับผู้ถูกเนรเทศคนอื่นๆที่ยังมีชีวิตอยู่ และรวมพลกันกลับมาเพื่อแก้แค้นและยึดเมืองคืนเช่นนี้...!!!
กองกำลังกุหลาบแดงที่ 13 เวอร์ชั่นใหม่ของแมนนี่ ซึ่งใส่เกราะสีแดงเลือดและมีสัญลักษณ์เป็นพญาราชสีห์ที่กายชุ่มโชกไปด้วยโลหิตซึ่งกลับมาคิดบัญชีในครั้งนี้ก็น่าเกรงขามไม่ใช่เล่น เพราะนอกจากปริมาณของพวกมันจะมากเกินกว่าที่ท่านกงกงคาดคะเนไว้แล้ว พวกมันยังไม่ลังเลที่จะฟาดฟันทุกๆคนที่ขวางทางของมันเลย แม้ว่าจะเป็นกลุ่มนักบวชหรือแม่ชีของบราเธอร์ฟิลลิป ซึ่งเคยออกปากขอนิรโทษกรรมให้นายเหนือหัวของพวกมันก็ตาม ดังนั้น...แผนการเดิมที่เคยใช้รับมือแมนนี่ได้ผล จึงไม่อาจใช้ได้กับสถานการณ์แบบนี้
แต่โชคยังดีที่บราเธอร์ฟิลลิปผู้ชาญฉลาดยังอยู่ข้างเขา ท่านกงกงจึงกะอาศัยความฉลาดของพวกนักบวชหนุ่มช่วยพลิกวิกฤติให้กลายเป็นโอกาสขึ้นมา และสิ่งที่ฟิลลิปแนะนำก็คือ ให้เหล่านักรบผู้กล้าของกลุ่มพระจันทร์สีทอง แต่งกายเป็นพวกกุหลาบแดง และไปคอยปล้นสะดมตามแถบชายแดนของประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง และฆ่าฟันชาวบ้านเหล่านั้นอย่างไร้ปรานี แล้วป้ายความผิดให้พวกแมนนี่!!
ซึ่งมันก็ได้ผลเกินคาด เพราะนั่นทำให้ท่านกงกงได้รับการสนับสนุนจากประเทศเพื่อนบ้านจนมีกองทัพใหญ่โตและน่าเกรงขาม จนพวกกุหลาบแดงที่แท้จริงคร้ามเกรงถึงขนาดไม่กล้าเข้ามาต่อตีราวี ทำได้เพียงแค่จับกลุ่มกันด่าอยู่หน้าค่ายหรือหอรบเท่านั้น
คำบริภาษด่าทอของพวกกุหลาบแดงที่กล่าวโจมตีท่านกงกงและพวกพระจันทร์สีทองบางคำก็เสียดแทงหัวใจท่านกงกงพอควร โดยเฉพาะเรื่องที่ท่านไม่ยอมแต่งงานเสียทีเพราะนิยมชมชอบ “ ป่าเดียวกัน ” ก็เป็นหนามยอกอกท่านกงกงอย่างเหลือรับประทาน แต่โชคยังดีที่ท่านกงกงยังมีที่ปรึกษาผู้ทั้งหล่อ ฉลาด และสุขุม อย่างฟิลลิปคอยช่วยเตือนสติและให้กำลังใจตลอดจนคำแนะนำดีๆมาโดยตลอด
แน่นอนว่า ความใฝ่ฝันสูงสุดของท่านกงกงหลังจากพิชิตคู่อริได้ก็คือ...การได้ร่วมหลับนอนกับฟิลลิป (รวมถึงแมนนี่ หากสามารถจับเป็นกลับมาได้อีกครั้ง) “ คอยดูนะแมนนี่ คราวนี้ข้าจะทำลายเกียรติของเจ้า ด้วยการพรากสวาทเจ้าซะ และข้าจะเล่นสนุกกับเจ้า จนกว่าเจ้าจะหมดแรงขาดใจตายไปเอง โฮะๆๆๆๆ ” กงกงหนุ่มแอบนึกกระหยิ่มในใจ ก่อนที่ฟิลลิปจะเปิดประตูเข้ามา และถามเรียบๆว่า
“ ท่านกงกงดูยิ้มมีความสุขดี ”
“ จะว่าสุข มันก็ไม่เชิง ศัตรูยังอยู่...แถมคำปรามาสที่มันใช้โจมตีข้า ก็ทำร้ายข้าได้มากกว่าที่ใครๆคิด ผิว่า...เพียงแค่ข้าได้เห็นดวงตาอันสดใสของเจ้า ความทุกข์ในใจที่มีทั้งหมด ก็อันตรธานไปสิ้น ”
กงกงเติร์ดกล่าวคำหวานด้วยหมายจะใช้คำเหล่านั้นพิชิตใจนักบวชหนุ่ม แต่ฟิลลิปก็ค้อมศีรษะให้อย่างสุภาพพลางตอบกลับมาด้วยคำพูดหวานละมุนว่า
“ เป็นเกียรติอย่างยิ่งขอรับ แต่โดยความเป็นจริงท่านกงกงก็ไม่เห็นจะต้องใส่ใจคำว่าร้ายพวกนั้นเลยนี่ขอรับ การที่พวกเขาไม่กล้าจับอาวุธมาต่อสู้และได้แต่ด่าทอหยาบๆคายๆแบบนั้น ก็ชี้ให้เห็นแล้วว่าพวกเขากำลังเข้าถึงความปราชัยไปเรื่อยๆ และเรื่องเพียงแค่ลมปากคนที่กำลังจะแพ้...มันก็ไม่ต่างอะไรจากเสียงแมงหวี่แมงวัน หากท่านกงกงทำเฉยไม่สนใจเสีย ประเดี๋ยวผู้คนทั้งหลายก็เชื่อว่าเป็นการใส่ร้ายเอง แต่ถ้าท่านกงกงโมโหเต้นตาม แล้วเผลอบันดาลโทสะไปสั่งฆ่าเหล่าผู้คนที่ด่าท่านเช่นนั้นไปเพียงแม้คนเดียว สถานการณ์จะพลิกผันทันทีขอรับ ดังนั้นถือว่า น้องขอนะครับ ตอนนี้ขอให้ท่านกงกงใจเย็นๆแล้วรอดูความสำเร็จอยู่เฉยๆดีกว่า แต่หากท่านกงกงไม่อาจระงับความร้อนแห่งโทสะในใจได้ด้วยตัวเอง ฟิลลิปผู้นี้...ก็จะช่วยดับมันให้เอง ”
ขาดคำชายหนุ่มก็ถอดเสื้อคลุมนักบวชของตนเองออกเพื่อเชิญชวนให้ท่านกงกงผู้มีจิตพิสมัยในตัวหนุ่มหล่อรูปงามอยู่แล้วทำการระบายความเครียดด้วยการเสพสุขกับเขาแทน ซึ่งเมื่อฟิลลิปเสนอที่จะให้ของปลอบใจอันดีเลิศขนาดนั้นแล้ว ใยท่านกงกงจะโง่พอที่จะปฏิเสธเสียล่ะ...
และการปฏิบัติตามคำแนะนำของฟิลลิป ก็ให้ผลที่ดีเลิศตามนั้นจริงๆ นอกจากท่านกงกงจะได้รับความสุขีดุจได้เทพบุตรจากสวรรค์มาครอบครองในอ้อมอกแล้ว ผู้คนและประชาชนส่วนใหญ่ทั้งในประเทศและในแถบชายแดนของประเทศเพื่อนบ้านและประเทศราช ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า พวกกุหลาบแดงเป็นเพียงโจรที่ไร้คุณธรรม ได้แต่ปล้นสะดมผู้คนไม่มีทางสู้ แล้วพอเจอของแข็งที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ก็กลายเป็นพวกดีแต่ปากไปโดยปริยาย
และในวันนี้คือวันตัดสินแตกหัก ซึ่งผู้นำประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลายได้กำหนดไว้ว่า “ หากอาคดยุคแมนไม่ยอมออกมามอบตัวภายในเที่ยงวันนี้ พวกเขาก็จะทำการ “ ฆ่าล้างบาง ” พวกกุหลาบแดงทั้งหมดให้สิ้นซากไปจากโลกทั้งโลกในทันที ”
นึกมาถึงตรงนี้ ท่านกงกงก็ยิ้มกริ่มอีกครั้ง พลางเหลือบสายตาไปมองตำแหน่งของดวงอาทิตย์ซึ่งใกล้จะถึงยามเที่ยงไปเรื่อยๆด้วยความลำพองหมายมาดว่า “ จุดจบของศัตรูน่ารำคาญและหนามยอกอกชิ้นใหญ่ทั้งหลายจะมาถึงแล้ว และต่อจากเที่ยงวันนี้ไปข้าก็จะกลายเป็นผู้ครอบครองอาณาจักรนี้…!! (และอาจจะได้ครอบครองร่างกายของเจ้าแมนนี่ตัวแสบอีกด้วย โฮะๆๆๆ) ”
Part 2 จุดจบแห่งสงคราม
อีกด้านหนึ่ง ณ ค่ายอันเป็นฐานที่มั่นหลักของกองทัพกุหลาบแดง “ แมนนี่...” ผู้กำลังจะพบกับความปราชัยในอีกไม่ช้า ก็กำลังคิดไม่ตกว่า “ จะเอาตัวรอดยังไงดี...? ” เพราะคนเหลี่ยมจัดอย่างอาคดยุคแมน ไม่มีทางยอมแพ้หรือมอบตัวกับศัตรูอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้สู้ตายเยี่ยงนักรบผู้กล้าทั้งหลาย...แมนเองก็ทำไม่ได้เหมือนกัน เพราะเขากลัวตายเป็นที่สุด โดยเฉพาะการตายอย่างไร้ค่าเหมือนกับหมาข้างถนนตัวหนึ่งแบบนี้...
“ จะทำยังไงดี จะทำยังไงเราถึงจะพลิกเกมได้นะ...? ” อดีตอัศวินหนุ่มถามตัวเองวนกลับไปกลับมาเช่นนั้นด้วยความกลุ้มใจจนแทบสติแตก ก่อนที่เสียงนุ่มๆของสตรีเพศจะดังขึ้นที่หน้าประตูว่า
“ ท่านกำลังปริวิตกกับสิ่งที่ควรจะทำในตอนเที่ยงวันนี้ใช่ไหม แมน ”
“ เจสซี่... ” อัศวินหนุ่มรูปงามผู้ถูกปลดหันกลับไปสบตาหญิงสาวโฉมงามผู้เข้ามาโดยวิสาสะด้วยนัยน์ตาสิ้นหวัง เธอผู้นั้นเคยเป็นนางในปกครองของท่านหญิงติช่า แต่ออกมาเข้าพวกกับเขาเพราะไม่พอใจที่ติช่าร่วมมือกับกงกง เจสซี่จึงทิ้งชีวิตเลิศหรูในวังมาร่วมต่อสู้กับพวกเขาด้วยการแฉความลับต่างๆของกงกงเติร์ดเท่าที่เธอรู้แก่เหล่าผู้คน แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มีใครเชื่อเธอเลย แม้ว่าเธอจะพูดความจริง...
แต่ถึงกระนั้นเจสซี่ก็เป็นดั่งนางฟ้าและดอกไม้กลางทะเลทรายสำหรับแมน เพราะหลังจากถูกปลดถูกเนรเทศ ลูกเมียของเขาก็ตัดเขาออกจากกองมรดก และไม่รับเข้าบ้านอีกต่อไป ชีวิตที่เหลืออยู่ของแมนซึ่งอยู่ในกองทัพกุหลาบแดงอันมีแต่บุรุษ จึงสามารถหาความสุขได้จากสาวน้อยโฉมงามผู้นี้เท่านั้น และจนวันนี้ซึ่งเป็นวันแตกหักชี้เป็นชี้ตายกับศัตรูซึ่งยังหาทางเอาชนะไม่ได้ เจสซี่ก็ยังอยู่เคียงข้างเขา และการปรากฏตัวของเธอก็ให้คำตอบแก่คำถามที่เขาคิดไม่ตกเมื่อครู่ขึ้นมาทันที
“ เจสซี่ เราสองคนหนีไปด้วยกันเถอะนะ... ”
“ แล้วคนอื่นๆล่ะเจ้าคะ...? ” เธอแย้งขึ้นมาด้วยสายตาอันแสดงถึงอาการตกใจและไม่คาดฝันว่าจะได้ยินคำนั้นจากเขา ซึ่งมันทำให้แมนต้องกลืนก้อนอากาศที่มาจุกอยู่ในลำคอลงไปอึกใหญ่ๆ ก่อนจะกล้ำกลืนอารมณ์เอ่ยประโยคต่อไปกับหญิงงามผู้อยู่เบื้องหน้าว่า
“ ยังไงเราก็ไม่มีทางชนะ และจะอย่างไรเสียพวกมันก็ต้องฆ่าเราทิ้งหมดอยู่ดี เพราะพวกมันคงไม่ยอมปล่อยให้เรากลับมาแว้งกัดพวกมันได้อีกเป็นรอบสองแล้ว ”
“ แล้วท่านจะหนีออกไปได้ยังไงล่ะเจ้าคะ ในเมื่อตอนนี้พวกพ้องของเราทั้งหมดก็กำลังรอคำสั่งจากท่านว่าจะให้สู้ตาย หรือว่าจะอยู่เฉยๆและปล่อยให้ท่านไปมอบตัวกันอยู่อย่างใจจดใจจ่อ แล้วท่าน...ไม่สิเราสองคนจะหลบลี้หนีออกไปจากค่ายแห่งนี้ได้อย่างไร ในเมื่อทุกๆคนกำลังจับตามองท่านอยู่อย่างเคร่งเครียดเช่นนี้ ”
ประโยคย้อนถามของสาวน้อยโฉมงามทำให้แมนต้องขบกรามแน่น และพยายามใช้ความคิดอีกครั้ง และแล้วด้วยสติปัญญาอันฉลาดชั่วร้ายไม่แพ้ท่านกงกงผู้เป็นคู่อริ แมนนี่ก็สามารถคิดแผนเอาตัวรอดที่สกปรกที่สุดแผนหนึ่งออกมาได้
“ เอาอย่างนี้นะ เจสซี่ ตั้งแต่ข้าต่อสู้กับไอ้กงกงวิปริตนั้นมาเนี่ย ข้าไม่เคยออกหน้าลูกน้องเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งแม้แต่เจ้ากงกงบ้ากามเองมันก็ไม่เคยทำ ดังนั้นคราวนี้ข้าจะแกล้งทำเป็นออกหน้าเพื่อปลุกกำลังใจของกำลังพลทุกๆคนให้สู้ตาย แล้วข้ากับเจ้าก็จะทำทีเป็นสู้ไปถอยไปจนได้จังหวะที่จะหนีออกจากการต่อสู้ แล้วเราก็จะหลบลี้ออกไปด้วยกันโดยไม่มีใครรู้ ดีไหม... ”
“ เจ้าค่ะ... ” เจสซี่ตอบพลางพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มหวานชื่นและอ้าแขนเข้ากอดอดีตอัศวินหนุ่มรูปงามผู้โฉดชั่วทันที
................................