**ห้องเรียนคนรากหญ้า ภาคพิเศษ อ่านหนังสือแล้วคุยการเมือง ตอน พล นิกร กิมหงวน กับสังคมยุคก่อน2500 **

กระทู้คำถาม
กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะเพื่อนๆสมาชิกในช่วง ห้องเรียนคนรากหญ้า วันนี้มาชวนอ่านชวนคุยเรื่องหัสนิยาย พล นิกร กิมหงวน
พล นิกร กิมหงวน ประพันธ์โดย คุณ ปรีชา อินทรปาลิต หรือนามปากกาว่า ป.อินทรปาลิต


ปรีชา อินทรปาลิต เป็นบุตรชายคนที่สองของ พันโท พระวิสิษฐพจนการ (อ่อน อินทรปาลิต) และนางวิสิษฐพจนการ (ชื่น อินทรปาลิต) เกิดที่บ้าน ตำบลหลานหลวง อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2453
ด้วยความปรารถนาของ พันโท พระวิสิษฐพจนการ (อ่อน อินทรปาลิต) ผู้เป็นบิดา ที่จะให้บุตรชายได้เป็นนายทหารเหมือนอย่างตัวท่าน เมื่อนายปรีชา อินทรปาลิต ได้รับการศึกษาชั้นมัธยมต้นแล้ว จึงได้เข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อยทหารบก (ปัจจุบัน คือ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า) ซึ่งขณะนั้นยังแยกเป็น โรงเรียนนายร้อยประถมและมัธยม เป็นนักเรียนร่วมรุ่นกับนายทหาร รุ่น 2474

แต่เนื่องจาก นายปรีชา อินทรปาลิต เป็นผู้มีนิสัยชอบความสนุกสนาน และรักชีวิตอิสระมาตั้งแต่เยาว์วัย จึงไม่อาจจะศึกษาต่อให้สำเร็จได้

ป.อินทรปาลิต มีผลงานเรื่องแรกคือเรื่องนักเรียนนายร้อย ซึงนำประสพการณ์ของตนเองมาเขียน
เขาเริ่มเขียน นิยาย พล นิกร กิมหงวน ครั้งแรกในปี 2482 ชื่อตอน อายผู้หญิง และตามมาด้วยหนุ่มรักสนุก


ในกระทู้นี้ ส้มอ้างอิงจากหนังสือที่มีเก็บไว้ร้อยกว่าตอน เป็นของสำนักพิมพ์ผดุงศึกษาทั้งหมด(ภาพซ้ายมือ ส่วนภาพขวามือคือเวอร์ชั่นต้นฉบับ)
ภาพจะเป็นแนวการ์ตูน ไม่สวนงามเหมือนรุ่นแรกๆ


ส้มได้ไปค้นมาจากเนตเลยเอามาให้ชมกันเป็นภาพปกรุ่นแรกที่ออกปี2484 ที่เขียนโดยนักวาดชื่อดังในยุคนั้นคือ เสน่ห์ คล้ายเคลื่อน



อีกทั้งยังมีผู้เขียนปกได้ดีอีกท่านคือ คุณอาภรณ์ อินทรปาลิตน้องชายของผู้แต่ง ซึ่งสวยงามไม่แพ้กัน



แถมยังมีผู้สร้าง-กำกับภาพยนตร์สมัยเป็นนักวาดมาวาดให้ด้วยค่ะ คือ คุณเปี๊ยก โปสเตอร์



ป.อิททรปาลิต แต่งพล นิกร กิมหงวน ออกมามากกว่าพันตอนในช่วงเวลา 2482-2511
หากได้อ่าน จะเห็นว่า ป.อิททรปาลิต สอดแทรกเรื่องราวต่างๆผ่านยุคสมัยในแต่ละช่วงเวลา
เนื้อหาส่วนใหญ่ ป.อิททรปาลิต เอามาจากข่าวต่างๆ เรื่องราวรอบตัว หรือภาพยนตร์ที่มาฉาย เช่นแฟรงเกนสไตน์ มนุษย์ล่องหน ทาร์ซาน
หรือจะเป็นช่วงเวลาสงคราม เช่น สงครามชิงดินแดนกับฝรั่งเศส หรือสงครามเกาหลีเป็นต้น
ในช่วงแรก หนังสือกล่าวถึงหนุ่ม3คนคือ พล นิกร และกิมหงวน ที่เป็นเศรษฐีทั้งหมด เรียกว่าสามเกลอ
และในเวลาต่อมามีตัวละครเพิ่มมาอีกคนคือ ด๊อกเตอร์ดิเรก เข้าใจว่าในสอดคล้องกับยุคสมัยวิทยาศาสตร์ เลยเรียกว่า สี่สหายแทนสามเกลอ

ราคาในยุคที่เริ่มจำหน่ายคือเล่มละ 30 สตางค์ ปรับเป็น1บาท ในช่วง2490 และปรับขึ้นทีละนิดหน่อย จน3บาท ในช่วง2500
ราคาขึ้นมาเรื่อยๆ ตอนส้มซื้อนั้น ราคาปกแข็ง3ตอน ลดราคาที่เล่มละ60บาท
ป.อินทรปาลิตในช่วงแรกให้สำนักพิมพ์เพลินจิตเป็นผู้พิมพ์
และยังมีอีกหลายสำนักพิมพ์เช่น ผดุงศึกษา บันลือสาสน์

คุณพ่อส้มเคยเล่าให้ฟังว่าในยุคนั้น นิยายสามเกลอนี้แพร่หลายดังมาก ขนาดมีคนไปนั่งร้านเหล้าแล้วทำตัวเหมือนสามเกลอก็มี
ในยุคที่รบกับฝรั่งเศสคุณพ่อยังบอกว่าคนหนุ่มได้อ่านสามเกลอแล้วก็หึกเหิมอาสาไปรบด้วย คุณพ่อบอกว่ายุคนั้นคนอ่านเกลียดฝรั่งเศสมาก

พล นิกร กิมหงวน กับการเมือง ในยุคที่จอมพล ป.พิบูลสงครามเป็นนายก ได้มีการออกกฏหมายต่างๆนัยว่าเพื่อให้คนไทยเจริญทัดเทียมมหาอำนาจ
ซึ่ง ในนิยายก็กล่าวถึงเช่นการห้ามกินหมาก ห้ามนุ่งโจงกระเบน เป็นที่ยากลำบากแก่คุณหญิงวาดยิ่งนัก
หรือการชักชวนคนไทยใช้ของไทย ในตอน รัฐนิยม คณะสี่สหายต้องลำบากกับการสวมผ้าไทย ดี่มเหล้าไทย ซื้อของกับคนไทย ต่างๆนานา

พล นิกร กิมหงวน กับค่าเงิน ในยุคนั้นได้อ่านแล้วประมาณค่าเงินน่าจะเกือบๆ100เท่าของปัจจุบัน
อย่างเช่นมีตอนที่นิกรขโมยเงินภรรยามา20บาทก็มาชักชวนเพื่อนๆไปร้านเหล้าดื่มกิน หรือค่าดริ๊งค์ของพาร์ทเนอร์ยุคนั้นคือ เป็กละ1บาท เป็นต้น
หรือนั่งรถสามล้อใช้เงินแค่75สตางค์ หรือกินอาหารเต็มที่ในเหลาคิดเป็นเงินไม่ถึง20บาท
และถ้ามองถึงการฉีกแบงค์ร้อยของอาเสี่ยกิมหงวนแล้ว เทียบเป็นเงินปัจจุบันเท่ากับว่า กิมหงวนฉีกเงินครั้งละหมื่นบาท !!!

พล นิกร กิมหงวน กับสังคม ในยุคนั้น ส้มได้อ่านแล้วก็จะมีคำถามมาถามคุณพ่อเรื่อยๆว่า บ้านเมืองเป็นอย่างงั้นหรือ ตรงนี้เป็นอย่างหนังสือหรอ
ซึ่งจากการอ่านส้มจินตนาการถึงบ้านเมืองที่สงบไม่พลุกพล่าน คิดแล้วก็อยากเกิดในยุคนั้นจริงๆ  ถนนหนทางที่โล่งสดวกรถไม่ติด
หรือการเดินทางไปต่างจังหวัด ต้องเตรียมเสบียงไว้กินกลางทาง รถเสียอาจจะเจอช้างเสือ คริ คริ
ในนิยาย พล นิกร กิมหงวน ยังทำให้เห็นแนวคิดของสังคมยุคนั้น ซึ่งยังเป็นระบอบศักดินา ให้ความสำคัญการรับราชการมากกว่าพ่อค้า
หรือการปฏิบัติตน เช่น พระยาปัจจนึกไม่ยอมซื้อข้าวต้มมาฝากโดยบอกว่า
"แกจะให้พระยาพานทองอย่างฉันเดินหิ้วปิ่นโตหรือว่ะ"
(*ยุคนั้นไม่มีถุงพลาสติก กาแฟ โอเลี้ยงต้องใส่กระป๋อง หรือนำกระติกไปเอง ข้าวต้มโจ๊กก็ต้องนำปิ่นโตไปใส่เอง)

ในยุคนั้นส่วนใหญ่ ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วจะเป็นแม่บ้าน เลี้ยงลูกและทำงานบ้าน
ในเรื่องนี้คุณพ่อบอกว่า สามีคนไหนให้ภรรยาไปทำงานนอกบ้าน ถือเป็นเรื่องอับอายมาก
ร้านค้าส่วนมากจะเป็นของคนจีน คนไทยนิยมรับราชการ หรือทำงานห้าง (มีฝรั่งเป็นเจ้าของ)

ขอส่งท้ายในตอนที่ส้มชอบมากตอนนึงค่ะ

เป็นตอนที่กล่าวถึงมาดางหางจะมาชนโลก (เหมือนอามาเกตด้อนเลยอ่ะ)
ดร.ดิเรกเลยสร้างยานอวกาศพาพรรคพวกครอบครัวหนีออกนอกอวกาศ ไปทั้งดาวอังคาร ดาวศุกร์
ก่อนที่กลับมายังโลกที่ถูกทำลายย่อยยับ ตามภาพ

ปล.ส้มขอขอบคุณเพจ สามเกลอ พล นิกร กิมหงวน ที่ส้มได้นำภาพบางส่วนมาใช้
ปล.2 อยากให้เพื่อนๆได้เขามาพูดคุยในเรื่องนี้กันมากๆค่ะ ในทุกๆด้าน ทั้งสังคม เศรษฐกิจ การเมืองในยุคนั้น
ปล.3 แท๊กการเมืองเพราะส้มอยากพูดคุยวิจารณ์กับเพื่อนๆที่นี่ ไม่แท๊กห้องหนังสือเพราะที่ส้มเขียนเป็นได้แค่เด็กอนุบาลหัดเขียนในที่นั้นค่ะ
ขอบคุณที่สละเวลาเข้ามาอ่านค่ะ พาพันขอบคุณ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
ขอบคุณที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาครับ

ตอนนี้นั่งอ่านสามเกลอ หลาย ๆ ตอนที่มี ผมมองว่ามันเป็นการบันทึกประวัติศาตร์และความนึกคิดของผู้คนสมัยนั้น

ในแง่ของการเมือง  ป อินทปาลิต เขาคงไม่อยากจะมีปัญหากับผู้ใหญ่ในบ้านเมืองขณะนั้นหลายท่าน จึงเขียนออกไปทางแนวอวยรัฐบาลในแต่ละยุค อย่างเช่น มีหลายตอนที่ แกเขียนถึง จอมพลสฤษดิ์ว่าเป็นคนเข้มแข็ง ปราบปรามผู้ร้าย และการต่อต้านคอมมิวนิสต์  ในขณะที่บางทีก็ยกย่องจอมพล ป พิบูลสงคราม ในเรื่องรัฐนิยม หรืออะไรทั้งหลายแหล่ หรือการยกย่องญี่ปุ่นที่เข้ามาไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทกับฝรั่งเศส หรือการแซวกรณีหลวงวิจิตรเรื่องแสงเฮ้ากวง ฯลฯ

คุณค่าของนิยายเรื่องนี้ มีหลายอย่างมาก อย่างตอนสงครามอินโดจีน ที่ไทยเรียกร้องแผ่นดินคืน ผมไปเช็คดูเรื่องจริงกับเรื่องในนิยาย ก็พบว่า มีส่วนที่ใกล้เคียงกับประวัติศาสตร์ ที่บันทึกเรื่องเครื่องบินฝรั่งเศสบินเข้าไทย หรือตอนยุทธนาวีเกาะช้าง พวกนี้ล้วนเป็นประวัติศาสตร์

ในแง่ของความสนุก ต้องยอมรับว่าเป็นหนังสือที่อ่านแล้วหัวเราะจนท้องแข็ง  ผมเองอ่านทุกวัน บางตอนอ่านแล้วอ่านอีก

คำศัพท์อย่างเช่น เชย. นี่ก็มาจากตอนที่ลุงเชยเข้ากรุง. ดีไม่ดี คำศัพท์ว่า ถูกจับโดยละม่อม นี่ก็น่าจะมาจากสามเกลอ คนใช้ที่ชื่อละม่อม ตอนที่นิกร พาละม่อมปลอมตัวไปเช่าบ้าน จับนางนกต่อที่เป็นหนอนบ่อนไส้ให้สามีมาปล้นธนาคารสี่สหาย

บ้านพัชราภรณ์นี่เขาว่าตั้งอยู่แถวซอยทองหล่อ เพราะว่าลัดไปทางถนนเพชรบุรีและอยู่ใกล้วัดธาตุทอง

พวกห้างศิวิไลซ์พาณิชย์ของเสี่ยหงวนก็พอจะเดาได้ว่าอยู่แถวไหน

เคยอ่านเบื้องหลังเพชรพระอุมาของพนมเทียน แกบอกว่าบางอย่างก็เอามุขตลกมาจาก พล นิกร กิมหงวน. เพราะมีตอนสมบัติพระศุรีย์ด้วย

ผมเพิ่มเติมหน่อย

อาจารย์อัษฎางค์ ปาณิกบุตร สมัยเป็นนักฟุตบอลทีมชาตินี่ ป.อินทปาลิต แกก็ยังเขียนถึงอยู่นะ
พูดถึงบรรดาเมีย ๆ ของสี่เกลอ นี่ ผมอยากเห็นนวลละออ ภรรยาเสี่ยกิมหงวนมากที่สุด เพราะนึกถึงภาพผู้หญิงร่างกายแข็งแรง สวย และเสี่ยหงวนนี่เป็นคนบ้า ๆ บ๊องส์ ๆ พอ ๆ กับนิกร คือ สองคนนี่ผมชอบมาก ทะเล้นแบบหลุดโลก

เพิ่มเติม 2    มีอีกช็อตที่ผมขำก็คือ หุ่นยนต์บ๊อบ ที่เฝ้าห้องวิทยาศาสตร์ของ ดร.ดิเรก  คือ ป.อินทปาลิต แกจะเขียนแบบฮา ๆ เช่นว่า หุ่นบ๊อบสามารถตอบโต้เหมือนคนจริง ๆ เช่น เรียก ดร.ดิเรกว่า ป๋าครับ..ผมยังไม่ได้นอน..

หรือ ช็อตที่กิมหงวน ปลอมตัวเป็นนายตำรวจเขมรเพราะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันยังกะแกะ และบุกไปบ้านของนายตำรวจเขมรและได้ภรรยาของนายตำรวจคนนั้นเป็นเมีย โดยคำพูดง่าย ๆ ว่า "เจาะเหนียง" (ก็ไม่ทราบว่าแปลว่าอะไร) แล้วไปบุกพระราชวังของเจ้าสีหนุ โดยปลอมตัวเป็นนางระบำเข้าไปกับนิกร

การใช้ภาษาหรือชื่อตัวละคร เป็นอีกจุดหนึ่งที่ผมชอบนะ อย่างบางที นิกร หรือ กิมหงวนเรียกชื่อของตัวละครสมมติคนหนึ่ง แล้วดันไปเรียกอีกชื่อหนึ่ง ซึ่งกลายเป็นชื่อพ่อของตัวละครนั้น ๆ ก็มีเห็นบ่อย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่