ผลจากการตั้งครรภ์ มันเปลี่ยนแปลงชีวิตของชั้นไปอย่างมากมาย ห้าเดือนแรกชั้นต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการแพ้ท้องที่ใครๆก็ไม่มีวันเข้าใจ ชั้นต้องอาเจียนทุกวัน วันละหลายเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งเวลาที่หลับใหล ตีสองตีสามก็ลุกขึ้นมาอาเจียนได้ อีกทั้งยังฉี่บ่อยจนแทบไม่ได้นอน ชั้นหายใจลำบาก ชั้นรู้สึกอากาศไม่เคยเพียงพอให้ชั้นสูดเข้าไป ชั้นเหนื่อยง่าย เดินแค่20ก้าวก็จะเป็นลม หลายครั้งที่ขับรถไปทำงานแล้วรู้สึกจะวูบหลับ เวลาสอนก็พูดไม่ค่อยจะไหว เพราะชั้นหายใจไม่ออกมันเหนื่อย หัวใจเต้นแรงปานจะออกมานอกอก วัดความดัน ได้ผลคือมันต่ำตลอดที่ไปหาหมอ
ชั้นเกลียดกลิ่นแปลกๆทุกกลิ่นที่เข้ามาในลมหายใจของชั้น ชั้นเกลียดอาหารทุกอย่างที่เคยชอบกิน ชั้นเกลียดแม้กระทั่งป้ายชื่ออาการที่เขียนว่า ส้มตำ ลาบ อ่อม ไก่ย่าง อาหารทุกอย่างที่กินเข้าไปได้ สักพักมันจะออกมาจนหมด ออกมาจนไม่มีอะไรจะออก จนสุดท้ายเป็นเลือดที่ออกมาแทน หลายครั้งที่จบลงด้วยการนอนร้องไห้สะอึกสะอื้น แล้วถามคนข้างๆว่า เมื่อไหร่จะหายล่ะ จะทนไม่ไหวแล้ว
ชั้นเกลียดแม้กระทั่งชีวิตของตัวเอง มีความรู้สึกหลายครั้งว่า อยากหลับไปแล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมารับความรู้สึกนี้อีกเลย นั่นเป็นเพราะชั้น......ทรมานเหลือเกิน
เข้าสู่เดือนที่หก อาการแพ้ท้องเริ่มดีขึ้น ชั้นเริ่มกินได้ถึงแม้จะไม่มากก็ตามที ชั้นเริ่มเดินไหว เริ่มมีความสุข เริ่มรับรู้ว่าลูกในท้องดิ้นได้ เริ่มหัวเราะได้ แต่ก็ไม่ใช่ตลอดเวลา ความสุขนี้ ต้องแลกมากับอาการ ขี้น้อยใจ คิดมาก เศร้าง่าย เสียใจง่าย อารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวหัวเราะ สักพักก็ร้องไห้ ชั้นเสียใจกับคำล้อเลียนที่ก่อนหน้านี้เคยได้รับและไม่คิดอะไร แต่ตอนนี้แม้กระทั่งคำที่มันเคยตลกคำเดิม ชั้นไม่ขำมันอีกต่อไป
เมื่อใดที่ได้รับความรู้สึกที่ไม่สบอารมณ์ มันจะเริ่มต้นด้วยความโกรธและจบลงด้วยการร้องไห้อย่างมากมายในเวลาที่คนท้องอย่างชั้นควรจะหลับใหล ชั้นทำได้แค่ร้องไห้เงียบๆและลูบท้องตอบลูกที่ดิ้นไปว่า แม่ขอโทษ แม่อยากนอน แต่แม่นอนไม่ได้จริงๆ แม่จะพยายามอีกครั้งนะ สุดท้ายก็หลับไปกับร่างกายที่ไม่อาจฝืนทนต่อความเหนื่อยล้าตามกลไกธรรมชาติ
ถ้าถามว่าได้เคยเตือนตัวเองบ้างมั้ยว่า น้อยๆหน่อยนะ อาการบ้าบอที่เกิดน่ะ ควบคุมมันให้ได้หน่อย สงสารคนข้างๆเธอบ้าง ตอบเลยว่า เตือนตัวเองและมีคำถามกลับมาทุกครั้งว่า นี่เป็นเพราะฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนหรือเป็นที่สันดานส่วนตัวกันแน่ ให้ตอบก็คงลำบาก ได้แต่นึกย้อนกลับไปว่าเมื่อก่อนก็ไม่เป็นแบบนี้นี่นา แล้วตกลงชั้นเป็นอะไร.....
ฮอร์โมนเปลี่ยนหรือสันดานไม่ดี
ครบหกเดือนและกำลังเข้าย่างสู่เดือนที่เจ็ด อารมณ์ยังคงแปรปรวนอย่างต่อเนื่องสิ่งที่ทำให้ร้องไห้ง่ายที่สุดคือความกังวลในอนาคต คิดอยู่ทุกวันว่าคิดถึงบ้าน อยากกลับบ้าน อยู่ที่นี่ชั้นไม่มีใคร นอกจากคนข้างๆแค่คนเดียว เรื่องบางเรื่องที่แสนจะทุกข์ใจที่ไม่สามารถเล่าให้สามีฟังได้ ชั้นต้องต่อสายตรงไปแปดริ้วเพื่อระบาย ขอบคุณสำหรับการรับฟังและกำลังใจที่ส่งมา
เหลือเวลาอีกไม่นาน ชั้นคงพ้นภาวะอารมณ์แปรปรวนนี้ มาลุ้นอีกที่ว่าหลังคลอดจะมีภาวะซึมเศร้ามั้ย
อยากบอกให้รับรู้กันอีกครั้ง ชั้นไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ ชั้นเป็นคนท้องที่มีอาการหนักมาก คนท้องน้อยคนที่จะเป็นแบบชั้น หมอก็ยังบอกว่าชั้นคือเคสส่วนน้อย แต่อดทนเอานะเดี๋ยวก็หาย
ชั้นคือคนท้องที่ไม่มีใครนอกจากสามี เพราะชั้นย้ายข้ามจังหวัดมาไกล ชั้นจะยังไม่ค่อยมีเพื่อน อีกทั้งสังขารจะออกไปไหนก็ไม่ไหว วันๆคุยแต่กับนักเรียน ไม่รู้จะคุยกับใคร เพราะชั้นยังไม่สนิทสนมกับใครนัก สิ่งที่ทำได้คือการอ่านข่าวสารในเฟซ สนทนาโต้ตอบกับคนที่ไม่รู้จักไปเรื่อยๆ ก็ชั้นทำได้แค่นี้จริงๆ
เพราะฉะนั้น
ได้โปรดอย่ามองว่าชั้นบ้าเลย ชั้นแค่ไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้
ได้โปรดอย่าหัวเราะตลกขบขันกับสิ่งที่ชั้นเป็นเลย ชั้นแค่ไม่รู้ตัวเอง
ได้โปรด อย่าว่ากัน ถ้าคุณไม่มาเป็นชั้น คุณจะไม่มีวันเข้าใจ
ชั้นผู้ไม่เคยไปไกลจากบ้านเกิน5วัน
ชั้นต้องไกลบ้าน
ชั้นต้องห่างพ่อแม่
ชั้นต้องห่างพี่
ชั้นต้องห่างเพื่อน
ชั้นใช้ต่างภาษา
ชั้นต่างวัฒนธรรม
ซึ่งชั้นกำลังเรียนรู้ชีวิต ชั้นกำลังปรับตัว ซึ่งก็ยากพอสมควร แต่ชั้นจะพยายาม
จดหมายจากคนท้องส่งถึงทุกคนที่ไม่เข้าใจ
ชั้นเกลียดกลิ่นแปลกๆทุกกลิ่นที่เข้ามาในลมหายใจของชั้น ชั้นเกลียดอาหารทุกอย่างที่เคยชอบกิน ชั้นเกลียดแม้กระทั่งป้ายชื่ออาการที่เขียนว่า ส้มตำ ลาบ อ่อม ไก่ย่าง อาหารทุกอย่างที่กินเข้าไปได้ สักพักมันจะออกมาจนหมด ออกมาจนไม่มีอะไรจะออก จนสุดท้ายเป็นเลือดที่ออกมาแทน หลายครั้งที่จบลงด้วยการนอนร้องไห้สะอึกสะอื้น แล้วถามคนข้างๆว่า เมื่อไหร่จะหายล่ะ จะทนไม่ไหวแล้ว
ชั้นเกลียดแม้กระทั่งชีวิตของตัวเอง มีความรู้สึกหลายครั้งว่า อยากหลับไปแล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมารับความรู้สึกนี้อีกเลย นั่นเป็นเพราะชั้น......ทรมานเหลือเกิน
เข้าสู่เดือนที่หก อาการแพ้ท้องเริ่มดีขึ้น ชั้นเริ่มกินได้ถึงแม้จะไม่มากก็ตามที ชั้นเริ่มเดินไหว เริ่มมีความสุข เริ่มรับรู้ว่าลูกในท้องดิ้นได้ เริ่มหัวเราะได้ แต่ก็ไม่ใช่ตลอดเวลา ความสุขนี้ ต้องแลกมากับอาการ ขี้น้อยใจ คิดมาก เศร้าง่าย เสียใจง่าย อารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวหัวเราะ สักพักก็ร้องไห้ ชั้นเสียใจกับคำล้อเลียนที่ก่อนหน้านี้เคยได้รับและไม่คิดอะไร แต่ตอนนี้แม้กระทั่งคำที่มันเคยตลกคำเดิม ชั้นไม่ขำมันอีกต่อไป
เมื่อใดที่ได้รับความรู้สึกที่ไม่สบอารมณ์ มันจะเริ่มต้นด้วยความโกรธและจบลงด้วยการร้องไห้อย่างมากมายในเวลาที่คนท้องอย่างชั้นควรจะหลับใหล ชั้นทำได้แค่ร้องไห้เงียบๆและลูบท้องตอบลูกที่ดิ้นไปว่า แม่ขอโทษ แม่อยากนอน แต่แม่นอนไม่ได้จริงๆ แม่จะพยายามอีกครั้งนะ สุดท้ายก็หลับไปกับร่างกายที่ไม่อาจฝืนทนต่อความเหนื่อยล้าตามกลไกธรรมชาติ
ถ้าถามว่าได้เคยเตือนตัวเองบ้างมั้ยว่า น้อยๆหน่อยนะ อาการบ้าบอที่เกิดน่ะ ควบคุมมันให้ได้หน่อย สงสารคนข้างๆเธอบ้าง ตอบเลยว่า เตือนตัวเองและมีคำถามกลับมาทุกครั้งว่า นี่เป็นเพราะฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนหรือเป็นที่สันดานส่วนตัวกันแน่ ให้ตอบก็คงลำบาก ได้แต่นึกย้อนกลับไปว่าเมื่อก่อนก็ไม่เป็นแบบนี้นี่นา แล้วตกลงชั้นเป็นอะไร.....
ฮอร์โมนเปลี่ยนหรือสันดานไม่ดี
ครบหกเดือนและกำลังเข้าย่างสู่เดือนที่เจ็ด อารมณ์ยังคงแปรปรวนอย่างต่อเนื่องสิ่งที่ทำให้ร้องไห้ง่ายที่สุดคือความกังวลในอนาคต คิดอยู่ทุกวันว่าคิดถึงบ้าน อยากกลับบ้าน อยู่ที่นี่ชั้นไม่มีใคร นอกจากคนข้างๆแค่คนเดียว เรื่องบางเรื่องที่แสนจะทุกข์ใจที่ไม่สามารถเล่าให้สามีฟังได้ ชั้นต้องต่อสายตรงไปแปดริ้วเพื่อระบาย ขอบคุณสำหรับการรับฟังและกำลังใจที่ส่งมา
เหลือเวลาอีกไม่นาน ชั้นคงพ้นภาวะอารมณ์แปรปรวนนี้ มาลุ้นอีกที่ว่าหลังคลอดจะมีภาวะซึมเศร้ามั้ย
อยากบอกให้รับรู้กันอีกครั้ง ชั้นไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ ชั้นเป็นคนท้องที่มีอาการหนักมาก คนท้องน้อยคนที่จะเป็นแบบชั้น หมอก็ยังบอกว่าชั้นคือเคสส่วนน้อย แต่อดทนเอานะเดี๋ยวก็หาย
ชั้นคือคนท้องที่ไม่มีใครนอกจากสามี เพราะชั้นย้ายข้ามจังหวัดมาไกล ชั้นจะยังไม่ค่อยมีเพื่อน อีกทั้งสังขารจะออกไปไหนก็ไม่ไหว วันๆคุยแต่กับนักเรียน ไม่รู้จะคุยกับใคร เพราะชั้นยังไม่สนิทสนมกับใครนัก สิ่งที่ทำได้คือการอ่านข่าวสารในเฟซ สนทนาโต้ตอบกับคนที่ไม่รู้จักไปเรื่อยๆ ก็ชั้นทำได้แค่นี้จริงๆ
เพราะฉะนั้น
ได้โปรดอย่ามองว่าชั้นบ้าเลย ชั้นแค่ไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้
ได้โปรดอย่าหัวเราะตลกขบขันกับสิ่งที่ชั้นเป็นเลย ชั้นแค่ไม่รู้ตัวเอง
ได้โปรด อย่าว่ากัน ถ้าคุณไม่มาเป็นชั้น คุณจะไม่มีวันเข้าใจ
ชั้นผู้ไม่เคยไปไกลจากบ้านเกิน5วัน
ชั้นต้องไกลบ้าน
ชั้นต้องห่างพ่อแม่
ชั้นต้องห่างพี่
ชั้นต้องห่างเพื่อน
ชั้นใช้ต่างภาษา
ชั้นต่างวัฒนธรรม
ซึ่งชั้นกำลังเรียนรู้ชีวิต ชั้นกำลังปรับตัว ซึ่งก็ยากพอสมควร แต่ชั้นจะพยายาม