กระทู้แรกของเราเป็นคนเขียนไม่เก่งเอาซะเลยขอเขียนตรงๆละกัน เราทั้งอยากระบายและอยากถามว่าสิ่งที่เราทำมันผิดมั้ย ความรักของเรามันใช่ความรักหรือเราแค่ยื้อกันไปวันๆหรือแค่ผูกพันธ์ เราควรจะเก็บรักษามันไว้ต่อไปมั้ย
เราเป็นผู้ชายนะครับ แล้วแฟนของเราก็เป็นผู้ชาย ขอเรียกตัวเราว่า "เต้" และแฟนของเราว่า "เจ" นะครับ เราไม่เคยบอกใครว่าเป็นแฟนกันและไม่เคยแนะนำให้คนอื่นรู้จักซึ่งกันและกันยกเว้นเพื่อนสนิทจริงๆ
เราเจอเจตอนเรียนจบกลับมาจากต่างประเทศ (คือเราอยู่ต่างประเทศตั้งแต่อายุ 14 ปัจจุบัน 32) และก่อนหน้านี้เราไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนและอยู่อย่างเหงาๆมาหลายปีหลังจากเลิกกับแฟนคนล่าสุด (ซึ่งเลิกกันเพราะหลังจากเราย้ายจากประเทศนึงไปเรียนอีกประเทศนึง เค้าก็ทำผู้หญิงคนนึงท้องและทิ้งเราไป คนเก่านี้เราคบมา 7 ปี ตั้งแต่เรียน Bachelor Degree) หลังจากนั้นเราก็ไม่คิดว่าจะเจอความรักจริงๆสำหรับผู้ชายที่ชอบผู้ชายอย่างเราอีก เข็ดหลาบจนแทบไม่อยากจะรู้จักใครใหม่ๆแหรือจริงใจกับใคร แม้กระทั่งเพื่อน แต่เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ
1 มีนาคม 2012
ตอนนั้นเราอายุ 27 เรากลับมาไทยทำงานและอยู่ที่คอนโดบนถนนชิดลม ชีวิตตอนนั้นก็คือทำงาน เที่ยวกินเหล้า คบคนเรื่อยเปื่อยไม่เป็นตัวเป็นตน ช่วงนั้นเราลงไปออกกำลังกายที่ยิมที่คอนโดเกือบทุกวัน เราเห็นผู้ชายคนนึงที่สระว่ายน้ำ ซึ่งเป็นทางผ่านที่จะขึ้นไปยิมเกือบทุกวัน เรารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่ารักมากๆ หน้าตาดีแบบถ้าได้อยู่ใกล้ๆคงอบอุ่น ก็คือแอบมองส่งตาวิ้งๆให้เกือบทุกครั้งที่เจอ (เราก็เป็นคนหน้าตาไม่ได้แย่ กลับมาไทยก็เคยมีงานถ่ายนู่นนี่สองสามครั้ง แล้วก็เลิกไป) ผู้ชายคนในสระน้ำที่เราแอบมองทุกครั้งที่เจอก็ยิ้มให้เราทุกวัน หรือมโนไปเองไม่รู้ เราเป็นคนจีบหรือเริ่มคุยกับใครก่อนแทบไม่เป็นก็ได้แค่ยิ้มให้แล้วผ่านไป มีวันนึงเดินชนกันที่ทางออกโถงลิฟท์คอนโด เราก็ยิ้มให้แต่ตั้งแต่วันนั้นเห็นเค้าในชุดปกติที่ไม่ใช่ชุดว่ายน้ำแล้วรู้สึกชอบคนๆนี้ยิ่งกว่าเดิมอีก เลยลงไปออกกำลังกายแทบทุกวันเลยทีนี้ เผื่อเค้าจะจิกเราซะที เป็นอย่างงั้นอยู่เป็นเดือน แล้ววันนึงเราเดินไปยิมตามปกติ ขากลับเราก็เจอเพื่อนของผู้ชายคนนี้สองคนนั่งอยู่ริมสระน้ำ
หนึ่งในเพื่อนของเค้าคนนั้นเป็นรุ่นน้องที่เป็นเกย์หน้าตาดีเลยซึ่งจะเป็นคนที่จะทำให้เราเปลี่ยนแปลงและมีปัญหาในอนาคตอันสั้น เค้าก็ขอเบอร์เรา เราก็ให้ไปแล้วก็ถือโอกาสถามเบอร์กะชื่อที่เพื่อนเค้า(คือเจแฟนคนปัจจุบันของเรา) ซะเลย คืนนั้นเลยคุย Whatsapp กับเจกันครั้งแรก วันแรกที่คุย คุยกันได้ไม่กี่คำเราก็ชวนเจไปเที่ยวผับ อารมร์เราขี้อาย กะว่าเมาคุยกันจะได้ไม่เขิน (ซึ่งจริงๆมันคือข้อเสียของเราคือเมาแล้วแทบจะกลายเป็นคนละคน อ่อยไปทั่วผับและทำอะไรกล้าๆไม่คิด) วันนั้นเค้าไม่ได้ไป อีกสองสามวันให้หลังเราก็ชวนเจอีก ทีนี้ก็เลยไปเที่ยวด้วยกันเลยได้กันตั้งแต่คืนนั้นนั่นแหละ เมามาก สิ่งที่เจทำให้เราประทับใจที่สุดคือทุกครั้งที่เราเมาเละกลับมาคอนโดเจเปลี่ยนเสื้อผ้าเช็ดตัวให้เราที่อยู่ในสภาพ-เหล้าจนเกือบสลบทุกครั้ง อยู่ๆหลังจากนั้นประมาณ อาทิตย์สองอาทิตย์อยู่ๆเราก็ลุกขึ้นมาบอกเลิกเจ ตอนนั้นเราคิดว่าเรากลัวที่จะถลำลึกและคบกันนานๆแล้วรักเราก็จะเสียใจมากอีก วันนั้นเจก็คุยกันแล้วขอว่าถ้าวันนึงมันไม่ใช่ค่อยเลิกกันเราก็เลยคบกันต่อ หลังจากนั้นเราไม่สบายเจก็คอยเช็ดตัวซื้อข้าวทุกอย่างมาให้เราเสมอ คือเราประทับใจมากๆและเริ่มรักเจมากขึ้นเพราะเราเป็นคนที่ไม่มีใครคอยดูแลแบบนี้มาตั้งแต่ตอนเราไปต่างประเทศ คือแฟนคนก่อนก็ไม่ แต่ในอีกแง่มุมนึงเบื้องลึกแล้วความรู้สึกของเราคือเจกับเรามีด้านมืดที่เหมือนกันมากคือใจร้อน เอาแต่ใจตัวเองและไม่เคยยอมใครและต้องชนะเสมอ และอีกอย่างที่เราคิดและช่างมันไปคือเราสองคน "ไม่มีสิ่งไหนที่ชอบเหมือนกันเลย ทั้งเสื้อผ้า งานอดิเรก และรสนิยมต่างๆแทบจะตรงกันข้ามกันหมด"
หลังจากนั้นเราก็คบกับเจมาเรื่อยๆ มีอะไรกันบนเตียงหรือที่อื่นบ้าง ก็มีทะเลาะกันบ้าง ตามภาษาคนเอาแต่ใจและชอบอะไรไม่เหมือนกันเลยทั้งคู่นิดๆหน่อยๆ แต่เราก็ยังอยู่ด้วยกัน หลายเดือนผ่านไปคือตอนนั้นเราเป็นคนติดเที่ยวกลางคืนหนักมาก แต่ก็มีเจไปด้วย หรือไปเก็บศพเราตามผับที่เราไปทุกครั้ง ครั้งแรกที่มีปัญหาหนักกับเจก็คือวั นนั้นเที่ยวแถวทองหล่อกัน 4 คน คือเจ เพื่อนที่ขอเบอร์เราให้เจ และเพื่อนอีกคนที่เป็นรุ่นน้องที่เป็นเกย์ (ขอเรียกว่ากอ) และเรา เสร็จกลับจากผับเรานั่งแทกซี่กลับคอนโดกัน เจนั่งหน้า แล้วเรานั่งหลังกับ กอและเพื่อนเจอีกคน วันนั้นเราเมามากเราก็ไปนัวกับกอบนแท็กซี่ แล้วเจก็หันหลังมาเห็นพอดี ทันทีที่เห็นกอ เจหันมาจากเบาะหน้าและจิกหัวเรากระชากอย่างแรง แรงแบบเหมือนผมจะหลุดหมดหัวแล้ว ตบกออย่างแรง แล้วกอก็อาละวาดลงจากรถไป คือวันนั้นเราช๊อกมาก คือสันดานเมาแล้วร่านเราก่อปัญหาแล้ว วันนั้นเราก็กลับไปง้อเจ ยินดีที่จะลบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ กอ ออกไปจากเรา แล้วแกงก์เพื่อสามคนนี้ก็แทบจะไม่ได้คุยกันอีกเลย ตอนนั้นเรายอมเจทุกอย่างเพราะเรารู้ว่าเราผิดจริงๆ
เจกลับมาคบกับเราแต่ไม่เหมือนเดิมอีกเลย
หลังจากนั้นช่วงปีแรกเราก็รักกันเหมือนเดิม แต่เรื่อง กอ ดูเหมือนจะติดใจเจและฝังใจมาตลอด เอะอะอะไรก็เอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดไม่ว่าจะทะเลาะกันเรื่องอะไรก็ตาม ตอนนั้นเราพูดเลยว่าเรารักเจ และคิดจะคบกับคนคนนี้ไปให้นานที่สุดตลอดไป หลังจากเรื่องนั้นเราเริ่มพยายามเปลี่ยนตัวเอง เราเป็นคนแรง เถียงจนบางครั้งทะเลาะกันแรงข้าวของพังทั้งห้อง แต่สุดท้ายก็ทำให้ หลังจากเรื่อง กอ เราก็ไม่ไปเที่ยวอีกเลย ไม่กินเหล้าอีกเลย (จนถึงบัดนี้อาจจะมีมากสุดปีละครั้ง-2ครั้ง) เรายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ความสัมพันธ์เราดีขึ้น จากที่เราเคยเป็นคนเพื่อนเยอะ เราไม่ได้ออกไปหาใครอีกเลย Unfollow และ Block ผู้ชายทุกคนใน Facebook and Instagram ตามที่เจขอ เราไม่ได้คุยกับผู้ชายคนไหนเลยยกเว้พนักงานที่ทำงานกับลูกค้า (ตอนนั้นเรากลับมาทำงานกับธุรกิจที่บ้านแต่ก็ยังอยู่ที่คอนโดอยู่) เราเริ่มปรับตัวที่จะเถียงเจให้น้อยลง ยอมเจมากขึ้น แต่ยิ่งยอมเจมากเท่าไหร่ เหมือนเจจะยิ่งไม่พอ ทุกครั้งที่เราไม่ทำตาม เจก็จะเอาเรื่องกอขึ้นมาพูดเสมอว่าเราทำสิ่งที่ชั่วขนาดนั้นไปเจจะไปลืมลงหริอ พูดตลอด สุดท้ายเราก็ตามใจเจเสมอถึงจะเถียงนิดๆหน่อยๆ ตั้งแต่นั้นมาเหมือนชีวิตคู่เรานิ่งขึ้นโดยที่เราสละความเป็นตัวตนของเรามากขึ้นเรื่อยๆ จากที่เคยชอบเสื้อผ้าแบบนึง ก็ใส่ตามที่เจเห็นชอบ เราชอบร้องเพลงมาก เจไม่ชอบฟังเราก็เลิกร้องให้เจได้ยิน ตอนนั้นเราเล่นฟิตเนสมีเทรนเนอร์มาเทรนที่คอนโด เราจะฝากเทรนเนอร์ซื้อกางเกงเลยสลับกางเกงกับเทรนเนอร์ลองตรงฟิตเนสคอนโดนั่นแหละ (ข้างในใส่บ๊อกเซอร์ขาสั้นกันนะ) เราเล่าให้เจฟัง เจก็ให้เลิกจ้างเทรนเนอร์และเราก็เลิกเล่นฟิตเนส ซึ่งเราก็ห้ามเจไปยิมข้างนอกที่เป็น Member ด้วยเพราะเราก็ไม่ไว้ใจ ไม่ว่าเราจะมีเหตุผลที่จะทำอะไรที่เราอยากทำ ถ้าเถียงกับเจสุดท้ายเหตุผลเจก็จะต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอ จนตัวตนเราเปลี่ยนไปหมด ตอนนั้นเราไม่คิดจะเลิกกับเจเลยทั่งๆที่เจคนเดิมที่เราเคยเจอตอนคบกันใหม่ๆ ไม่มีอีกแล้ว เจเริ่มจะเอาทุกอย่างในแบบของตัวเอง โดยที่เราไม่มีสิทธ์จะอธิบายอะไรทั้งนั้น ถ้าเถียงกันแล้วไม่ตามเจ เจก็จะเก็บข้าวของกลับบ้าน บอกเลิกเราเป็นว่าเล่นแล้วสุดท้ายเราก็ง้อจนเจก็กลับมาไม่ว่าเราจะคิดว่าเราผิดหรือถูก เหมือนหมดโปรแล้ว แต่เราก็คิดว่ากว่าจะรู้จัก กว่าจะเจอคนที่ชอบ กว่าจะชินกันมันไม่ใช่ง่าย แล้วคิดถึงความรู้สึกขาดหายในช่วงหลายปีที่เราไม่มีแฟนแล้วเราคิดว่า มีเจข้างๆยังดีกว่า เราทน
หลังจากปีแรกเราเริ่มมีอะไรกันบนเตียงน้อยลงซึ่งต้องยอมรับว่าเราเริ่มอิ่มตัวและไม่ค่อยยอม แรกๆเจก็งี่เง่าแต่หลังๆก็เริ่มไม่ตื๊อจะมีอะไรด้วยแล้ว เจเริ่มโมโหแรงขึ้น เล่นอะไรแรงๆ เรามักจะมีเขียวจ้ำๆตามตัวเสมอ เราย้ายจากคอนโดที่ชิดลมมาอยู่แถวสาทร เหมือนชีวิตเริ่มมีแต่งานที่บ้านกับกลับคอนโดมาหาเจ (ตอนนั้นเจก็มาอยู่คอนโดเดียวกับเราและเรียนปริญญาโทกำลังจะจบ) ตอนนั้นชีวิตเริ่มอึดอัด ทะเลาะกันเรื่องจุกจิกมากแทบตลอด แค่เรื่องไม่ปิดไฟระเบียง ก็ทะเลาะกันใหญ่โตได้ เพราะว่าเราเถียงไม่กี่คำ เจยังเหมือนเดิมโมโหแรงและบอกเลิกอยู่เรื่ิอยๆและว่าเราเสมอว่าเราไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรให้เจเลย
ซึ่งในมุมเรา ถ้ามองย้อนกลับไปถึงวันแรกๆที่เจอกัน เราคิดว่าเราเปลี่ยนจนแทบจะไม่ใช่คนเดิมแล้ว ปีที่สองสามเจเรียนจบและเริ่มทำงาน เราเริ่มลดวันที่จะอยู่ด้วยกันด้วยความอึดอัดที่อยู่ด้วยกันทุกวันมาเป็นอาทิตย์ละ 3 วัน วันอื่นๆเจก็จะกลับไปนอนบ้านเจ ช่วงนี้เราไม่มีอะไรกันเลย เจเลิกกอด เลิกจูบ ไม่ให้เราแตะต้องตัว (คือถ้าแตะจะโมโหและตะโกนด่าทันที) ด้วยเหตุผลว่าเราไม่ยอมมีอะไรด้วย แต่เราจะอ่อยวันไหนเจก็ไม่เห็นจะอยากมีอะไรด้วย
เจดูเหมือนเป็นคนดีไม่เคยโกหกมาตลอด เราไม่เคยไปดูอะไรมือถือแบบข้อรื้อขอค้นบ่อยๆ ไม่รู้วันนั้นอะไรดนใจมี Line เด้งขึ้นมาตอนเรานั่งมองมือถือเจเป็นเด็กหัวโปกกะโหลกไขว้ที่ไหนไม่รู้เลยขอเปิดดู วันนั้นเจก็ต้องให้ดูด้วยความจำนนเพราะเด้งขึ้นมาตรงหน้าขนาดนั้น เหมือนเจก็จิกเด็กแอดไลน์คุยกันมาซักพัก เราเสียใจมาก เจก็ไม่เถียงอะไร เราก็ไม่ได้ด่าอะไรแรงๆ ณตอนนั้น ขอให้ลบและบอกไปว่ามีแฟนไม่สะดวกคุยแล้วแล้ว Block ไปก็เท่านั้น หลังจากนั้นก็เหมือนจะไม่มีอะไร หรือเจระวังมากขึ้นวะ เราก็ไม่เห็นเรื่องแบบนี้อีกเลย ในใจก็คิดนะ ไม่รู้คิดเยอะไปมั้ยว่ายังไงก็แอบคุยแน่ๆ แต่ก็ไม่เคยขอดูหรือเจออะไรในมือถืออีกเลย ถ้าเราเริ่มจุกจิกเจก็เหวี่ยงแรงใส่ ด่าว่าน่ารำคานจนเจจะทนไม่ได้แล้ว เรื่องก็จบไป เราเลยไม่รู้อะไรมาก ในใจก็ปล่อยวาง คิดว่าอยู่ด้วยกันขนาดนี้แล้วมาหลายปีแล้ว แค่เค้าอยู่ข้างเราดูแลกันตอนใกล้ตายก็ดีแล้ว เรื่องพวกนี้จุ๊กจิ๊กช่างมัน แล้วเราก็อยู่กันมาถึง 5 ปีโดยที่เราก็ทำทุกอย่างตามที่เค้าอยากให้เป็นเท่าที่จะทำได้ บอกตรงๆ เราเริ่มอึดอัด คิดถึงสิ่งที่ตัวเองอยากทำ อยากออกกำลังกาย อยากดูหนังบางเรื่อง อยากกินอะไรที่เจไม่ยอมกิน อยากจะเถียงด้วยเหตุผลที่เราคิดว่าถูก ฯลฯ แต่ทน.....เพราะเราอยู่กันมานานแล้ว ในใจเราอยากรู้มากว่าเค้าไม่เคยโกหก ไม่เคยนอกใจ ไม่เคยทำสิ่งที่แฟนไม่ควรทำเลยทั้งๆที่ไม่มีอะไรบนเตียงกับเรามาตั้งแต่หลังปีแรก แต่เรายอมทน เพื่อรักษาความสัมพันธ์ เจก็มั่นคงขึ้นไม่เคยบอกเลิกเราง่ายๆอีก แต่ก็ทะเลาะกันเหมือนเดิมเสมอมา
ปีที่ 5 - 2017 ไม่รู้ทำไม เราเริ่มรู้สึกจะระเบิด เราเริ่มคิด...ไม่รู้ทำไมช้านักแต่เหมือนเราจะระเบิด เราเริ่มอยากเป็นตัวเอง เริ่มอยากกลับมาดูดีในสายตาคนอื่นหลังจากปล่อยเนื้อปล่อยตัวมานาน เริ่มอยากมีอิสระ จนทนไม่ไหว เราเริ่มแอบทำอะไรที่เจไม่ให้ทำ เริ่มไปซื้อเสื้อผ้า รองเท้า ต่างๆนาๆที่เจไม่ให้ใส่ เริ่มไปฟิตเนสเริ่มแอบจ้างเทรนเนอร์ ใจก็เหมือนไว้ใจเจหรือปิดหูปิดตาไปเหอะไม่รู้ แต่เราแค่รู้สึกว่าเราอยากทำอะไรให้ตัวเองบ้าง เพราะก่อนหน้านี้เราทุ่มเทชีวิตทั้งหมดเพื่อให้เจมีความสุขจริงๆ จนเราเหมือนแอบซึมเศร้าไม่ชอบคุยกับใครเลย คือจนถึง 5 ปีนี้ตั้งแต่เรื่องกอ เราก็ไม่เคยคุยหรือนัดเจอผู้ชายคนไหนอีกเลยจริงๆ
เราเริ่มโกหกเจ เพื่อที่จะไปทำสิ่งที่เราอยากจะทำ เราซื้อรองเท้าที่เราชอบแต่เจไม่ชอบและไม่ให้ใส่ เราก็เอาไว้ในรถเราเต็มไปหมด เเจบังคับให้เลิกบุหรี่ เราเลิกไม่ได้เราก็แอบสูบไปเรื่อยๆ เราไปฟิตเนสแล้วจ้างเทรนเนอร์ มาตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน เราก็ไม่บอก บอกว่าไปโยคะสตูดิโอ (ซึ่งเจให้ไปโยคะได้แต่ห้ามเล่นฟิตเนสคงกลัวเจอผู้ชายเยอะๆ "-" ) เราเริ่มสนิทกับเทรนเนอร์เหมือนครูศิษย์ เพราะเจอมาเป็นปีก็มีคุยไลน์กันเรื่อยๆ นัดเทรนที่ Fitness บ้าง มีบางวันก็มาเทรนที่คอนโดบ้าง เทรนเนอร์เราเป็นผู้ชายแมนๆจริงๆและกำลังจะแต่งงานด้วย ไม่มีอะไรอยู่แล้ว จนกระทั่งถึงจุดแตกหัก แต่ละเรื่องมันดูเรื่องเล็กแต่เจบอกว่าเจเกลียดคนโกหกมาก เราก็เป็นคนโกหกไม่ค่อยจะเนียนอยู่แล้ว จนมาเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว เจมาจับได้เรื่องเรายังสูบบุหรี่ก็คาดคั้นเอาถามว่าเราโกหกอะไรเราก็ไม่บอกแต่ในใจก็คิดละเรื่องฟิตเนสแน่ๆ ก็เลย
สับสนกับความรัก 5 ปีหรือเราเลวหรือมันไม่ใช่ "รักแท้" ชาย-ชาย
เราเป็นผู้ชายนะครับ แล้วแฟนของเราก็เป็นผู้ชาย ขอเรียกตัวเราว่า "เต้" และแฟนของเราว่า "เจ" นะครับ เราไม่เคยบอกใครว่าเป็นแฟนกันและไม่เคยแนะนำให้คนอื่นรู้จักซึ่งกันและกันยกเว้นเพื่อนสนิทจริงๆ
เราเจอเจตอนเรียนจบกลับมาจากต่างประเทศ (คือเราอยู่ต่างประเทศตั้งแต่อายุ 14 ปัจจุบัน 32) และก่อนหน้านี้เราไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนและอยู่อย่างเหงาๆมาหลายปีหลังจากเลิกกับแฟนคนล่าสุด (ซึ่งเลิกกันเพราะหลังจากเราย้ายจากประเทศนึงไปเรียนอีกประเทศนึง เค้าก็ทำผู้หญิงคนนึงท้องและทิ้งเราไป คนเก่านี้เราคบมา 7 ปี ตั้งแต่เรียน Bachelor Degree) หลังจากนั้นเราก็ไม่คิดว่าจะเจอความรักจริงๆสำหรับผู้ชายที่ชอบผู้ชายอย่างเราอีก เข็ดหลาบจนแทบไม่อยากจะรู้จักใครใหม่ๆแหรือจริงใจกับใคร แม้กระทั่งเพื่อน แต่เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ
1 มีนาคม 2012
ตอนนั้นเราอายุ 27 เรากลับมาไทยทำงานและอยู่ที่คอนโดบนถนนชิดลม ชีวิตตอนนั้นก็คือทำงาน เที่ยวกินเหล้า คบคนเรื่อยเปื่อยไม่เป็นตัวเป็นตน ช่วงนั้นเราลงไปออกกำลังกายที่ยิมที่คอนโดเกือบทุกวัน เราเห็นผู้ชายคนนึงที่สระว่ายน้ำ ซึ่งเป็นทางผ่านที่จะขึ้นไปยิมเกือบทุกวัน เรารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่ารักมากๆ หน้าตาดีแบบถ้าได้อยู่ใกล้ๆคงอบอุ่น ก็คือแอบมองส่งตาวิ้งๆให้เกือบทุกครั้งที่เจอ (เราก็เป็นคนหน้าตาไม่ได้แย่ กลับมาไทยก็เคยมีงานถ่ายนู่นนี่สองสามครั้ง แล้วก็เลิกไป) ผู้ชายคนในสระน้ำที่เราแอบมองทุกครั้งที่เจอก็ยิ้มให้เราทุกวัน หรือมโนไปเองไม่รู้ เราเป็นคนจีบหรือเริ่มคุยกับใครก่อนแทบไม่เป็นก็ได้แค่ยิ้มให้แล้วผ่านไป มีวันนึงเดินชนกันที่ทางออกโถงลิฟท์คอนโด เราก็ยิ้มให้แต่ตั้งแต่วันนั้นเห็นเค้าในชุดปกติที่ไม่ใช่ชุดว่ายน้ำแล้วรู้สึกชอบคนๆนี้ยิ่งกว่าเดิมอีก เลยลงไปออกกำลังกายแทบทุกวันเลยทีนี้ เผื่อเค้าจะจิกเราซะที เป็นอย่างงั้นอยู่เป็นเดือน แล้ววันนึงเราเดินไปยิมตามปกติ ขากลับเราก็เจอเพื่อนของผู้ชายคนนี้สองคนนั่งอยู่ริมสระน้ำ หนึ่งในเพื่อนของเค้าคนนั้นเป็นรุ่นน้องที่เป็นเกย์หน้าตาดีเลยซึ่งจะเป็นคนที่จะทำให้เราเปลี่ยนแปลงและมีปัญหาในอนาคตอันสั้น เค้าก็ขอเบอร์เรา เราก็ให้ไปแล้วก็ถือโอกาสถามเบอร์กะชื่อที่เพื่อนเค้า(คือเจแฟนคนปัจจุบันของเรา) ซะเลย คืนนั้นเลยคุย Whatsapp กับเจกันครั้งแรก วันแรกที่คุย คุยกันได้ไม่กี่คำเราก็ชวนเจไปเที่ยวผับ อารมร์เราขี้อาย กะว่าเมาคุยกันจะได้ไม่เขิน (ซึ่งจริงๆมันคือข้อเสียของเราคือเมาแล้วแทบจะกลายเป็นคนละคน อ่อยไปทั่วผับและทำอะไรกล้าๆไม่คิด) วันนั้นเค้าไม่ได้ไป อีกสองสามวันให้หลังเราก็ชวนเจอีก ทีนี้ก็เลยไปเที่ยวด้วยกันเลยได้กันตั้งแต่คืนนั้นนั่นแหละ เมามาก สิ่งที่เจทำให้เราประทับใจที่สุดคือทุกครั้งที่เราเมาเละกลับมาคอนโดเจเปลี่ยนเสื้อผ้าเช็ดตัวให้เราที่อยู่ในสภาพ-เหล้าจนเกือบสลบทุกครั้ง อยู่ๆหลังจากนั้นประมาณ อาทิตย์สองอาทิตย์อยู่ๆเราก็ลุกขึ้นมาบอกเลิกเจ ตอนนั้นเราคิดว่าเรากลัวที่จะถลำลึกและคบกันนานๆแล้วรักเราก็จะเสียใจมากอีก วันนั้นเจก็คุยกันแล้วขอว่าถ้าวันนึงมันไม่ใช่ค่อยเลิกกันเราก็เลยคบกันต่อ หลังจากนั้นเราไม่สบายเจก็คอยเช็ดตัวซื้อข้าวทุกอย่างมาให้เราเสมอ คือเราประทับใจมากๆและเริ่มรักเจมากขึ้นเพราะเราเป็นคนที่ไม่มีใครคอยดูแลแบบนี้มาตั้งแต่ตอนเราไปต่างประเทศ คือแฟนคนก่อนก็ไม่ แต่ในอีกแง่มุมนึงเบื้องลึกแล้วความรู้สึกของเราคือเจกับเรามีด้านมืดที่เหมือนกันมากคือใจร้อน เอาแต่ใจตัวเองและไม่เคยยอมใครและต้องชนะเสมอ และอีกอย่างที่เราคิดและช่างมันไปคือเราสองคน "ไม่มีสิ่งไหนที่ชอบเหมือนกันเลย ทั้งเสื้อผ้า งานอดิเรก และรสนิยมต่างๆแทบจะตรงกันข้ามกันหมด"
หลังจากนั้นเราก็คบกับเจมาเรื่อยๆ มีอะไรกันบนเตียงหรือที่อื่นบ้าง ก็มีทะเลาะกันบ้าง ตามภาษาคนเอาแต่ใจและชอบอะไรไม่เหมือนกันเลยทั้งคู่นิดๆหน่อยๆ แต่เราก็ยังอยู่ด้วยกัน หลายเดือนผ่านไปคือตอนนั้นเราเป็นคนติดเที่ยวกลางคืนหนักมาก แต่ก็มีเจไปด้วย หรือไปเก็บศพเราตามผับที่เราไปทุกครั้ง ครั้งแรกที่มีปัญหาหนักกับเจก็คือวั นนั้นเที่ยวแถวทองหล่อกัน 4 คน คือเจ เพื่อนที่ขอเบอร์เราให้เจ และเพื่อนอีกคนที่เป็นรุ่นน้องที่เป็นเกย์ (ขอเรียกว่ากอ) และเรา เสร็จกลับจากผับเรานั่งแทกซี่กลับคอนโดกัน เจนั่งหน้า แล้วเรานั่งหลังกับ กอและเพื่อนเจอีกคน วันนั้นเราเมามากเราก็ไปนัวกับกอบนแท็กซี่ แล้วเจก็หันหลังมาเห็นพอดี ทันทีที่เห็นกอ เจหันมาจากเบาะหน้าและจิกหัวเรากระชากอย่างแรง แรงแบบเหมือนผมจะหลุดหมดหัวแล้ว ตบกออย่างแรง แล้วกอก็อาละวาดลงจากรถไป คือวันนั้นเราช๊อกมาก คือสันดานเมาแล้วร่านเราก่อปัญหาแล้ว วันนั้นเราก็กลับไปง้อเจ ยินดีที่จะลบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ กอ ออกไปจากเรา แล้วแกงก์เพื่อสามคนนี้ก็แทบจะไม่ได้คุยกันอีกเลย ตอนนั้นเรายอมเจทุกอย่างเพราะเรารู้ว่าเราผิดจริงๆ เจกลับมาคบกับเราแต่ไม่เหมือนเดิมอีกเลย
หลังจากนั้นช่วงปีแรกเราก็รักกันเหมือนเดิม แต่เรื่อง กอ ดูเหมือนจะติดใจเจและฝังใจมาตลอด เอะอะอะไรก็เอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดไม่ว่าจะทะเลาะกันเรื่องอะไรก็ตาม ตอนนั้นเราพูดเลยว่าเรารักเจ และคิดจะคบกับคนคนนี้ไปให้นานที่สุดตลอดไป หลังจากเรื่องนั้นเราเริ่มพยายามเปลี่ยนตัวเอง เราเป็นคนแรง เถียงจนบางครั้งทะเลาะกันแรงข้าวของพังทั้งห้อง แต่สุดท้ายก็ทำให้ หลังจากเรื่อง กอ เราก็ไม่ไปเที่ยวอีกเลย ไม่กินเหล้าอีกเลย (จนถึงบัดนี้อาจจะมีมากสุดปีละครั้ง-2ครั้ง) เรายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ความสัมพันธ์เราดีขึ้น จากที่เราเคยเป็นคนเพื่อนเยอะ เราไม่ได้ออกไปหาใครอีกเลย Unfollow และ Block ผู้ชายทุกคนใน Facebook and Instagram ตามที่เจขอ เราไม่ได้คุยกับผู้ชายคนไหนเลยยกเว้พนักงานที่ทำงานกับลูกค้า (ตอนนั้นเรากลับมาทำงานกับธุรกิจที่บ้านแต่ก็ยังอยู่ที่คอนโดอยู่) เราเริ่มปรับตัวที่จะเถียงเจให้น้อยลง ยอมเจมากขึ้น แต่ยิ่งยอมเจมากเท่าไหร่ เหมือนเจจะยิ่งไม่พอ ทุกครั้งที่เราไม่ทำตาม เจก็จะเอาเรื่องกอขึ้นมาพูดเสมอว่าเราทำสิ่งที่ชั่วขนาดนั้นไปเจจะไปลืมลงหริอ พูดตลอด สุดท้ายเราก็ตามใจเจเสมอถึงจะเถียงนิดๆหน่อยๆ ตั้งแต่นั้นมาเหมือนชีวิตคู่เรานิ่งขึ้นโดยที่เราสละความเป็นตัวตนของเรามากขึ้นเรื่อยๆ จากที่เคยชอบเสื้อผ้าแบบนึง ก็ใส่ตามที่เจเห็นชอบ เราชอบร้องเพลงมาก เจไม่ชอบฟังเราก็เลิกร้องให้เจได้ยิน ตอนนั้นเราเล่นฟิตเนสมีเทรนเนอร์มาเทรนที่คอนโด เราจะฝากเทรนเนอร์ซื้อกางเกงเลยสลับกางเกงกับเทรนเนอร์ลองตรงฟิตเนสคอนโดนั่นแหละ (ข้างในใส่บ๊อกเซอร์ขาสั้นกันนะ) เราเล่าให้เจฟัง เจก็ให้เลิกจ้างเทรนเนอร์และเราก็เลิกเล่นฟิตเนส ซึ่งเราก็ห้ามเจไปยิมข้างนอกที่เป็น Member ด้วยเพราะเราก็ไม่ไว้ใจ ไม่ว่าเราจะมีเหตุผลที่จะทำอะไรที่เราอยากทำ ถ้าเถียงกับเจสุดท้ายเหตุผลเจก็จะต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอ จนตัวตนเราเปลี่ยนไปหมด ตอนนั้นเราไม่คิดจะเลิกกับเจเลยทั่งๆที่เจคนเดิมที่เราเคยเจอตอนคบกันใหม่ๆ ไม่มีอีกแล้ว เจเริ่มจะเอาทุกอย่างในแบบของตัวเอง โดยที่เราไม่มีสิทธ์จะอธิบายอะไรทั้งนั้น ถ้าเถียงกันแล้วไม่ตามเจ เจก็จะเก็บข้าวของกลับบ้าน บอกเลิกเราเป็นว่าเล่นแล้วสุดท้ายเราก็ง้อจนเจก็กลับมาไม่ว่าเราจะคิดว่าเราผิดหรือถูก เหมือนหมดโปรแล้ว แต่เราก็คิดว่ากว่าจะรู้จัก กว่าจะเจอคนที่ชอบ กว่าจะชินกันมันไม่ใช่ง่าย แล้วคิดถึงความรู้สึกขาดหายในช่วงหลายปีที่เราไม่มีแฟนแล้วเราคิดว่า มีเจข้างๆยังดีกว่า เราทน
หลังจากปีแรกเราเริ่มมีอะไรกันบนเตียงน้อยลงซึ่งต้องยอมรับว่าเราเริ่มอิ่มตัวและไม่ค่อยยอม แรกๆเจก็งี่เง่าแต่หลังๆก็เริ่มไม่ตื๊อจะมีอะไรด้วยแล้ว เจเริ่มโมโหแรงขึ้น เล่นอะไรแรงๆ เรามักจะมีเขียวจ้ำๆตามตัวเสมอ เราย้ายจากคอนโดที่ชิดลมมาอยู่แถวสาทร เหมือนชีวิตเริ่มมีแต่งานที่บ้านกับกลับคอนโดมาหาเจ (ตอนนั้นเจก็มาอยู่คอนโดเดียวกับเราและเรียนปริญญาโทกำลังจะจบ) ตอนนั้นชีวิตเริ่มอึดอัด ทะเลาะกันเรื่องจุกจิกมากแทบตลอด แค่เรื่องไม่ปิดไฟระเบียง ก็ทะเลาะกันใหญ่โตได้ เพราะว่าเราเถียงไม่กี่คำ เจยังเหมือนเดิมโมโหแรงและบอกเลิกอยู่เรื่ิอยๆและว่าเราเสมอว่าเราไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรให้เจเลย ซึ่งในมุมเรา ถ้ามองย้อนกลับไปถึงวันแรกๆที่เจอกัน เราคิดว่าเราเปลี่ยนจนแทบจะไม่ใช่คนเดิมแล้ว ปีที่สองสามเจเรียนจบและเริ่มทำงาน เราเริ่มลดวันที่จะอยู่ด้วยกันด้วยความอึดอัดที่อยู่ด้วยกันทุกวันมาเป็นอาทิตย์ละ 3 วัน วันอื่นๆเจก็จะกลับไปนอนบ้านเจ ช่วงนี้เราไม่มีอะไรกันเลย เจเลิกกอด เลิกจูบ ไม่ให้เราแตะต้องตัว (คือถ้าแตะจะโมโหและตะโกนด่าทันที) ด้วยเหตุผลว่าเราไม่ยอมมีอะไรด้วย แต่เราจะอ่อยวันไหนเจก็ไม่เห็นจะอยากมีอะไรด้วย
เจดูเหมือนเป็นคนดีไม่เคยโกหกมาตลอด เราไม่เคยไปดูอะไรมือถือแบบข้อรื้อขอค้นบ่อยๆ ไม่รู้วันนั้นอะไรดนใจมี Line เด้งขึ้นมาตอนเรานั่งมองมือถือเจเป็นเด็กหัวโปกกะโหลกไขว้ที่ไหนไม่รู้เลยขอเปิดดู วันนั้นเจก็ต้องให้ดูด้วยความจำนนเพราะเด้งขึ้นมาตรงหน้าขนาดนั้น เหมือนเจก็จิกเด็กแอดไลน์คุยกันมาซักพัก เราเสียใจมาก เจก็ไม่เถียงอะไร เราก็ไม่ได้ด่าอะไรแรงๆ ณตอนนั้น ขอให้ลบและบอกไปว่ามีแฟนไม่สะดวกคุยแล้วแล้ว Block ไปก็เท่านั้น หลังจากนั้นก็เหมือนจะไม่มีอะไร หรือเจระวังมากขึ้นวะ เราก็ไม่เห็นเรื่องแบบนี้อีกเลย ในใจก็คิดนะ ไม่รู้คิดเยอะไปมั้ยว่ายังไงก็แอบคุยแน่ๆ แต่ก็ไม่เคยขอดูหรือเจออะไรในมือถืออีกเลย ถ้าเราเริ่มจุกจิกเจก็เหวี่ยงแรงใส่ ด่าว่าน่ารำคานจนเจจะทนไม่ได้แล้ว เรื่องก็จบไป เราเลยไม่รู้อะไรมาก ในใจก็ปล่อยวาง คิดว่าอยู่ด้วยกันขนาดนี้แล้วมาหลายปีแล้ว แค่เค้าอยู่ข้างเราดูแลกันตอนใกล้ตายก็ดีแล้ว เรื่องพวกนี้จุ๊กจิ๊กช่างมัน แล้วเราก็อยู่กันมาถึง 5 ปีโดยที่เราก็ทำทุกอย่างตามที่เค้าอยากให้เป็นเท่าที่จะทำได้ บอกตรงๆ เราเริ่มอึดอัด คิดถึงสิ่งที่ตัวเองอยากทำ อยากออกกำลังกาย อยากดูหนังบางเรื่อง อยากกินอะไรที่เจไม่ยอมกิน อยากจะเถียงด้วยเหตุผลที่เราคิดว่าถูก ฯลฯ แต่ทน.....เพราะเราอยู่กันมานานแล้ว ในใจเราอยากรู้มากว่าเค้าไม่เคยโกหก ไม่เคยนอกใจ ไม่เคยทำสิ่งที่แฟนไม่ควรทำเลยทั้งๆที่ไม่มีอะไรบนเตียงกับเรามาตั้งแต่หลังปีแรก แต่เรายอมทน เพื่อรักษาความสัมพันธ์ เจก็มั่นคงขึ้นไม่เคยบอกเลิกเราง่ายๆอีก แต่ก็ทะเลาะกันเหมือนเดิมเสมอมา
ปีที่ 5 - 2017 ไม่รู้ทำไม เราเริ่มรู้สึกจะระเบิด เราเริ่มคิด...ไม่รู้ทำไมช้านักแต่เหมือนเราจะระเบิด เราเริ่มอยากเป็นตัวเอง เริ่มอยากกลับมาดูดีในสายตาคนอื่นหลังจากปล่อยเนื้อปล่อยตัวมานาน เริ่มอยากมีอิสระ จนทนไม่ไหว เราเริ่มแอบทำอะไรที่เจไม่ให้ทำ เริ่มไปซื้อเสื้อผ้า รองเท้า ต่างๆนาๆที่เจไม่ให้ใส่ เริ่มไปฟิตเนสเริ่มแอบจ้างเทรนเนอร์ ใจก็เหมือนไว้ใจเจหรือปิดหูปิดตาไปเหอะไม่รู้ แต่เราแค่รู้สึกว่าเราอยากทำอะไรให้ตัวเองบ้าง เพราะก่อนหน้านี้เราทุ่มเทชีวิตทั้งหมดเพื่อให้เจมีความสุขจริงๆ จนเราเหมือนแอบซึมเศร้าไม่ชอบคุยกับใครเลย คือจนถึง 5 ปีนี้ตั้งแต่เรื่องกอ เราก็ไม่เคยคุยหรือนัดเจอผู้ชายคนไหนอีกเลยจริงๆ
เราเริ่มโกหกเจ เพื่อที่จะไปทำสิ่งที่เราอยากจะทำ เราซื้อรองเท้าที่เราชอบแต่เจไม่ชอบและไม่ให้ใส่ เราก็เอาไว้ในรถเราเต็มไปหมด เเจบังคับให้เลิกบุหรี่ เราเลิกไม่ได้เราก็แอบสูบไปเรื่อยๆ เราไปฟิตเนสแล้วจ้างเทรนเนอร์ มาตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน เราก็ไม่บอก บอกว่าไปโยคะสตูดิโอ (ซึ่งเจให้ไปโยคะได้แต่ห้ามเล่นฟิตเนสคงกลัวเจอผู้ชายเยอะๆ "-" ) เราเริ่มสนิทกับเทรนเนอร์เหมือนครูศิษย์ เพราะเจอมาเป็นปีก็มีคุยไลน์กันเรื่อยๆ นัดเทรนที่ Fitness บ้าง มีบางวันก็มาเทรนที่คอนโดบ้าง เทรนเนอร์เราเป็นผู้ชายแมนๆจริงๆและกำลังจะแต่งงานด้วย ไม่มีอะไรอยู่แล้ว จนกระทั่งถึงจุดแตกหัก แต่ละเรื่องมันดูเรื่องเล็กแต่เจบอกว่าเจเกลียดคนโกหกมาก เราก็เป็นคนโกหกไม่ค่อยจะเนียนอยู่แล้ว จนมาเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว เจมาจับได้เรื่องเรายังสูบบุหรี่ก็คาดคั้นเอาถามว่าเราโกหกอะไรเราก็ไม่บอกแต่ในใจก็คิดละเรื่องฟิตเนสแน่ๆ ก็เลย