"สุโขทัย รุ่งอรุณแห่งความสุข" ไม่มีรถส่วนตัวก็ไปได้



ทริปสุโขทัยหน้าร้อนได้ถูกจัดแบบ 2 คืน 2 วัน โดยมีการเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า ทีแรกเราจะเดินทางคนเดียว และตอนนั้นมีโปรโมชั่นของสายการบินบางกอกออกมาในราคาถูกมากกกกก (เที่ยวละไม่ถึงหนึ่งพันบาท) เลยรีบไขว่คว้าโอกาสนั้นไว้ จองแค่ขากลับไว้ก่อนขาไปค่อยคิดอีกที แต่พอน้องปิดเทอมเลยให้ตามมาเที่ยวด้วย โดนค่าตั๋วไปสองเท่าจากราคาที่ได้ทีแรกเลยค่ะคุณณณณ

คืนที่ 1: เราสองคนเริ่มเดินทางจากสถานีขนส่งหมอชิต จองรถทัวร์กรุงเทพฯ-ศรีสัชนาลัย ไว้รอบดึกที่สุด ตอนนั้นน่าจะออกประมาณ 4 ทุ่ม เพื่อที่จะให้ไปถึงอุทธยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยในตอนเช้าตรู่พอดี แต่ผิดคาดไปนิดนึงค่ะ รถมาถึงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก

วันที่ 1: เวลาตี 4 กว่าๆ ณ ปากทางเข้าอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย เราสองคนพี่น้องถูกรถทัวร์จอดส่งไว้ตรงศาลาริมทาง โดยก่อนที่จะลงรถพี่พนักงานบนรถดูจะแสดงความเป็นห่วงมากว่าจะส่งไว้จุดไหนกันดี แล้วจะไปไหนต่อ มีคนมารับไหม เพราะตอนนั้นยังไม่สว่าง มืดตึ้ดตื๋อเลยก็ว่าได้ พี่เขาเลยมาจอดส่งไว้ตรงที่เป็นศาลาแล้วกำชับอีกว่าให้รอจนสว่างก่อนนะ ค่อยเดินเข้าไปข้างใน เราสองคนก็ปฏิบัติตามอย่างว่าง่ายค่ะ อารมณ์นั้นก็แอบกลัวว่ากูพาตัวเองกับน้องมาทำอะไรวะ มันทั้งเงียบแล้วก็วังเวงมาก นานๆ ทีจะมีรถวิ่งผ่านถนนสักคน แต่ด้วยความเป็นพี่ก็ต้องทำใจดีสู้เสือล่ะวะ ดีที่ไปกันสองคนความกลัวเลยโดนแบ่งไปบ้าง





สองคนพี่น้องก็นั่งรอไปเรื่อยๆ แอบงีบหลับบ้าง สะดุ้งตื่นบ้างตอนมีรถผ่าน พอเริ่มมีแสงมาหน่อยๆ ก็เริ่มล้างหน้าแปรงฟันรอ ดีที่หยิบน้ำบนรถทัวร์ลงมาด้วย รอจนสว่างอีกนิดนึง ก็ชวนน้องเดินเข้าไปตามทางที่พี่พนักงานรถทัวร์บอกทางไว้ หมาเจ้ากรรมก็หอนกันเกรียวเลยจ้าาาาาา จะวิ่งก็ไม่กล้ากลัวมันวิ่งตามเลยได้แต่เดินอย่างระแวดระวังตัวไปช้าๆ

เดินประมาณ 15-20 นาทีก็เข้ามาถึงเขตอุทยาน แต่ก็ยังไม่มีใครอยู่ในนั้น เราสองคนก็เลยไปจับจองศาลาไว้พักพิงอีกรอบนึงค่ะ รอจนประมาณ 7 โมง ถึงมีเจ้าของร้านเช่าจักรยานมาเปิดร้าน ตอนนั้นคือโล่งใจมากกกก เราไม่ได้อยู่กันแค่สองคนแล้ว !!!




เราไปเช่าจักรยานแล้วขี่ย้อนกลับไปทางที่เดินผ่านมาเมื่อเช้าเพื่อที่จะไปวัดพระศรีมหาธาตุหรือวัดพระปรางค์ที่อยู่นอกกำแพง แล้วค่อยปั่นกลับมากินข้าวและเข้าไปบริเวณด้านในของอุทยาน ปั่นอยู่ไม่นานก็ออกมาคืนจักรยานแล้วก็เข้าไปถามตรงส่วนประชาสัมพันธ์ของอุทยานว่าจะสามารถออกไปข้างนอกได้วิธีไหนบ้าง นอกจากการเดิน หนึ่งในเจ้าหน้าที่ก็เลยอาสาขี่มอเตอไซต์ไปส่งปากทางโดยไม่คิดเงินใดๆ แต่เราเกรงใจเลยให้เป็นค่าน้ำใจแกไปเล็กๆ น้อยๆ

ออกมารอรถถนนใหญ่นานมากกกกก รถบางคันโบกก็ไม่จอด บางคันก็โบกไม่ทัน รอประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าจะได้ขึ้นรถเข้ามาในตัวเมืองสุโขทัย รถทัวร์ไปจอดสถานีขนส่งซึ่งอยู่ด้านนอก เลยได้เหมาสองแถวให้มาส่งที่พักย่านเมืองเก่า





ถึงที่พักก็เข้าห้องนอนตากแอร์ก่อนเลย เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน งีบสักพัก ค่อยตื่นมาอาบน้ำแล้วออกไปถามเช่าจักรยานกับที่พัก เขาให้ยืมมาฟรีๆ ระแวกนั้นมีร้านค้าขายของอยู่เยอะ เราก็เลยแวะกินข้าวกันก่อนค่อยเข้าไปในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยกับวัดศรีชุม ปั่นเล่นเรื่อยๆ จนฟ้าเริ่มมืดค่อยกลับที่พัก









วันที่ 2: เราจองรถตู้ให้มารับไปสนามบินสุโขทัย ราคาคนละ 300 บาท ต้องจองก่อนล่วงหน้าอย่างน้อยวันนึงนะ จากย่านเมืองเก่าไปสนามบินค่อนข้างไกลเพราะอยู่คนละอำเภอกัน

เมื่อมาถึงสนามบินที่สุดจะบูทีค ก็เข้าไปเช็คอินก่อน แล้วค่อยไปเดินดูสวนสัตว์ที่อยู่ข้างๆ สนามบิน เสียดายที่วันนั้นไม่เจอตัวอัลปาก้า 😢




หลังจากเครื่องเทคออฟขึ้นมาสักพัก ก็จะเห็นบึงรูปหัวใจอยู่ด้านล่าง ที่เรามาสุโขทัยครั้งนี้ จริงๆ จะมาตามรอยละคร “รักผ่านเลนส์ ตอน แผ่นดินรูปหัวใจ” แต่ไม่ได้ไปบ้านนาต้นจั่น ไม่ได้กินข้าวเปิ้ป เพราะเวลามีน้อยและด้วยรูปแบบการเดินทางที่จำกัดเลยทำภารกิจไม่สำเร็จ แต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยเราก็ได้เห็นแผ่นดินรูปหัวใจ (ทุ่งทะเลหลวง) จากมุมสูงแล้ว 😅





ถึงแม้ว่าจะเป็นทริปสั้นๆ แต่นับว่าเป็นทริปที่ผจญภัย ต้องใช้ความกล้า ท้าทายอีกทริปนึงของเราเลยนะคะ เพราะต้องข่มความกลัวจากความมืด วังเวงและหมาเจ้ากรรมที่ตามเห่าหอนตลอดทางอีก….

และทริปนี้สองศรีพี่น้องใช้เงินไปทั้งสิ้นรวม 5,497 บาทจ้าาาา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่