ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องเพลงและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เคยเขียนเรื่องนี้ไว้ในห้องเรียนคนรากหญ้าเมื่อเดือนเมษายน ที่จริงตั้งใจจะเขียนให้ครบทั้ง 36 กลยุทธ์ในเร็ววัน
แต่ป่านนี้ก็ยังไม่ได้เขียนเพิ่มเลย


นี่ได้โอกาสนำมาปรับปรุงเนื้อหาแล้วรีรัน เพราะคิดว่าจะกลับมาเขียนกลยุทธ์ที่ 2 ในเร็ววันนี้ (หวังว่าเพื่อนๆ คงจะยังให้การต้อนรับกันนะคะ) วันนี้ก็ถือว่าทบทวนกลยุทธ์ที่ 1 กันอีกที
36 กลยุทธ์ตำราพิชัยสงคราม
"กลยุทธ์" คือ
วิธีดำเนินการสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
36 กลยุทธ์ตำราพิชัยสงครามนั้นหลายคนรู้จักกันดี เป็นการรวบรวมกลยุทธ์เพื่อชนะศึก ต่อมาภายหลังมีการนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน องค์กร และภาคธุรกิจ เพื่อให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย หรืออย่างน้อยที่สุด "รู้ไว้ใช่ว่า" ถือว่าเป็นการประดับความรู้ เพื่อให้รู้เท่าทันผู้อื่นหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น
กลยุทธ์ที่ 1 ปิดฟ้าข้ามทะเล 瞞天過海 หมานเทียนกว้อไห่
หรือภาษาอังกฤษว่า Deceive the heavens to cross the ocean เป็นหนึ่งในประเภท
กลยุทธ์ชนะศึก
"เมื่อเตรียมพร้อมก็ประมาท เมื่อเห็นบ่อยก็มิสงสัย
มืดอยู่ในสว่าง ไม่อยู่ตรงข้ามสว่าง สว่าง มืด
เมื่อเตรียมพร้อมก็ประมาท เมื่อเห็นบ่อยก็มิสงสัย
มืดอยู่ในสว่าง ไม่อยู่ตรงข้ามสว่าง สว่าง มืด"
"ปิด" ในที่นี้คือ ทำให้ไม่เห็น หรือทำให้ไม่ทราบ หรือสร้างภาพลวงเพื่อปกปิด
"ข้าม" ในที่นี้หมายถึง ทำภารกิจให้ลุล่วงไปได้
"ปิดฟ้าข้ามทะเล" จึงหมายถึง การสร้างภาพลวง สร้างสถานการณ์หลอก โดยปกปิดความจริงบางประการ ทำให้ข้าศึกเกิดความคุ้นชิน จนเกิดความละเลยหละหลวม ไม่เตรียมการป้องกัน ไม่ระวังตัว เพื่อฉวยโอกาสในการโจมตี หรือเพื่อบรรลุผลบางประการ
ที่มาของกลยุทธ์
Thirty-Six Strategies-To Deceive a God in order to Cross the Sea 三十六计-瞒天过海 36 กลยุทธ์ ปิดฟ้าข้ามทะเล
https://www.youtube.com/watch?v=B-Y0w7y-yHE
ฮ่องเต้ถังไท่จง ต้องการเสด็จไปโกกุเรียว (เกาหลี) โดยเลือกเดินทางทางน้ำ ไปตามแม่น้ำหวงเหอ (แม่น้ำเหลือง) เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับหัวเมืองรายทาง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพระองค์ก็อายุมากแล้วในตอนนั้น ระยะทางก็หลายพันลี้ พอพระองค์เสด็จมาถึงปากแม่น้ำ ทอดพระเนตรเห็นผืนน้ำสุดลูกหูลูกตา คลื่นลมกระหน่ำไม่ได้หยุด ก็ทรงท้อพระทัย
"ซิยิ่นกุ้ย" ซึ่งตอนนั้นเป็นเพียงทหารเลวได้ออกอุบายดังนี้ ...
ซิยิ่นกุ้ยปลอมตัวเป็นเศรษฐีพื้นเมือง มาเข้าเฝ้าว่าต้องการถวายเสบียงมากมายแก่กองทัพ และจัดงานเลี้ยงต้อนรับพระองค์ ขอทูลเชิญฮ่องเต้ไปที่หมู่บ้านตน
ถังไท่จงก็เสด็จไปตามคำเชิญ ทรงทอดพระเนตรเห็นหมุ่บ้านตกแต่งอย่างสวยงาม งานเลี้ยงอลังการ อาหารดี ดนตรีเพราะ นางรำงดงาม ทรงพระเกษมสำราญมาก ประทับจนแทบไม่รู้เดือนรู้ตะวัน ผ่านไปเป็นสัปดาห์
อยู่มาวันหนึ่ง ทรงรู้สึกเหมือนแผ่นดินไหว บ้านโคลงเคลง ถ้วยชามตกแตก
ก็ให้รู้สึกสงสัย สั่งให้ทหารเลิกม่านออกดูเหตุการณ์ ปรากฎว่าบ้านที่พระองค์ประทับอยู่หลายวันนั้น แท้ที่จริงก็ป็นเรือที่ตกแต่งให้เหมือนบ้าน และขณะนี้ก็กำลังลอยอยู่กลางทะเล
จางเสื้อกุ้ย คิดจะแย่งความดีความชอบจาก "ซิยิ่นกุ้ย" จึงกราบทูลว่า “เป็นอุบายที่ข้าพเจ้าคิดขึ้น เพื่อให้พระองค์คุ้นชินกับการประทับเรือฝ่าคลื่นลมเท่านั้น” ถังไท่จงทอดพระเนตรไปรอบๆ ก็เห็นว่า อุบายนี้ได้ผลจริงๆ
เราไม่รู้สึกคลื่นไส้ มึนหัว หรือแพ้เรืออีกต่อไปแล้ว เพราะอยู่มาได้หลายวันแล้ว ชินเสียแล้วนั่นเอง ทั้งทิวทัศน์บนฝั่งก็ค่อยๆปรากฎให้เห็นอยู่รางๆ ก็รู้สึกดีพระทัยนัก ตั้งใจว่าจะปูนบำเหน็จรางวัลแก่จางเสื้อกุ้ยให้สมกับความดีความชอบในครั้งนี้
เมื่อถึงฝั่ง ตาเฒ่าเศรษฐีก็มาขอพระราชทานอภัยโทษที่ได้หลอกลวงพระองค์มาตลอดเวลา ถังไท่จงได้สอบถามรายละเอียด จึงทราบว่าการข้ามทะเลในครั้งนี้ เป็นอุบายของ "ซิยิ่นกุ้ย" จึงไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองกลับแต่งตั้งให้เป็นขุนนางฝ่ายบู๊นับแต่นั้นมา จนได้เป็นขุนนางใหญ่โตในภายหลัง ส่วนจางเสื้อกุ้ยนั้น แม้จะมิทรงเอาโทษ แต่ก็มิได้โปรดปรานเยี่ยงเคย
ตัวอย่างการใช้กลยุทธ์นี้ในการสงคราม
1. ในประวัติศาสตร์จีนเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำคือ พวกขันที หรือเหล่าขุนนางกังฉิน ที่ไร้ความสามารถ ได้แต่ประจบสอพลอ มักจะสร้างเรื่องเท็จเป่าหูฮ่องเต้ ใส่ร้ายคนดี คอย
ปิดหูปิดตาฮ่องเต้ไม่ได้ทราบถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่แท้จริง ตรงนี้
คือการ "ปิดฟ้า" เพื่อให้
พวกตนเองได้บรรลุประโยชน์ ก็คือ "ข้ามทะเล" เช่น กำจัดขุนนางตงฉิน ขูดรีดประชาชน รับประโยชน์ ทำให้ประเทศต้องเสียหาย และหลายครั้งถึงขั้นราชวงศ์ล่มสลาย
2. สมัยราชวงศ์ซ่งเหนือมีแม่ทัพตงฉิน ซื่อสัตย์ เสียสละเพื่อชาติ ชื่อ งักฮุย ได้ถูกขุนนางกังฉินชื่อฉินฮุ่ยเป็นคนขายชาติ ใส่ร้ายป้ายสีต่อฮ่องเต้ซ่งเกาจงว่า...
“งักฮุยนั้นมักใหญ่ใฝ่สูง คิดการณ์ใหญ่จะก่อกบฏ ล้มล้างราชสำนัก” ทำให้ฮ่องเต้ระแวง เมื่องักฮุยนำทัพไปปราบข้าศึก ก็โดนเรียกตัวกลับเมืองหลวงครั้งแล้วครั้งเล่า จนถูกประหารในที่สุด ฉินฮุ่ย ถือว่า
"ปิดฟ้า" คือ ใส่ร้ายงักฮุย ยุยงฮ่องเต้ แล้ว
"ข้ามทะเล" คือ กำจัดงักฮุย ได้สำเร็จ
3. "สุยเหวินตี้" ปฐมฮ่องเต้ราชวงศ์สุย ยึดดินแดนทางเหนือได้หมดแล้ว เหลือแต่ "แคว้นเฉิน" ทางฝั่งใต้ของแม่น้ำแยงซีเกียงเท่านั้น กุนซือจึงแนะนำกลศึกให้ว่า ...
ให้เอาเรือรบดีๆ ไปซ่อนไว้ แล้วเอาเรือเก่าๆ ผุๆ มาทำทีเตรียมกำลังอยู่ริมชายฝั่ง ราวกับจะยกทัพข้ามน้ำไปตีแคว้นเฉินอยู่ในวันนี้วันพรุ่ง อ๋องแคว้นเฉินเห็นดังนั้นก็รีบสั่งทหารเตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง จัดเวรยามเข้มงวด แต่แล้วฝ่ายสุยก็ไม่เคลื่อนพลสักที ทำเช่นนี้ซ้ำๆ สร้างภาพหลอกล่ออยู่เป็นเดือนๆ แรกๆ แคว้นเฉินก็ตื่นเต้น หลังๆ เริ่มชินชา คิดว่าสุยคงไม่กล้าบุก ก็ละเลยการป้องกัน จนสุยได้โอกาส ก็ยกทัพข้ามน้ำมายึดเฉินได้สำเร็จ สุย
"ปิดฟ้า" คือ สร้างภาพจะบุกแต่ไม่บุก ให้ฝ่ายตรงข้ามชาชิน ประมาท แล้ว
"ข้ามทะเล" คือ เข้ายึดเมืองได้สำเร็จ
ตัวอย่างการใช้กลยุทธ์นี้ในการตลาด
กลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะเลยังพบได้จากการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ ซึ่งผู้บริโภคไม่มีวันนึกสงสัยเลย เมื่อผลิตภัณฑ์
ซอสมะเขือเทศ ปรับเปลี่ยนขยายปากขวดให้ใหญ่ขึ้น
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อซอสยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่งของอเมริกาต้องการเพิ่มยอดขาย จึงจัดประชุมทีมการตลาดเพื่อหาวิธีทำให้สามารถขายซอยมะเขือเทศได้มากขึ้น ประชุมกันหลายครั้งก็ยังไม่ได้ข้อยุติ จนมีคนเสนอว่า ทำไมไม่ขยายปากขวดซอยมะเขือเทศให้กว้างขึ้น?
โดยผู้บริโภค คือผู้ต้องกลศึก เมื่อคิดว่าสิ่งที่บริษัททำคือการเพิ่มความสะดวกสบาย เพราะปากขวดที่กว้างขึ้นจะทำให้ซอสถูกเทออกมาง่าย และเทลงจานได้มากขึ้น ทั้งนี้ เมื่อซอสถูกเทออกมาแล้ว คงไม่มีใครคิดเทซอสกลับลงขวดแน่นอน ผลก็คือบริษัทซอสได้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างทันตา
MC ฮารุก็เลยคิดว่าที่ผลิตภัณฑ์หลายๆ ชนิด ค่อยๆ ปรับบรรจุภัณฑ์ให้เล็กลง แต่คงราคาเท่าเดิม ก็คงจะเข้าข่ายกลยุทธ์นี้ เพราะเหมือนกับค่อยๆ ขึ้นราคาสินค้า โดยผู้บริโภคไม่รู้ตัว เพราะใช้วิธีลดปริมาณแต่คงราคาเดิม
ขอบคุณที่มาข้อมูลและภาพประกอบ
https://www.youtube.com/watch?v=B-Y0w7y-yHE
http://www.cheechud.com/2010/02/2.html
https://pantip.com/topic/32054225
https://www.facebook.com/createmarketing/posts/249669175161093
http://oknation.nationtv.tv/blog/Thejourneyofanidea/2012/01/31/entry-2
http://www.plentyofguides.com/get-the-most-from-a-bottle-of-ketchup
..................................................
สรุปและวิเคราะห์
1. ปิดฟ้าข้ามทะเล หมายถึง การปกปิดเรื่องจริง สร้างความเคยชิน จนอีกฝ่ายประมาท ปล่อยปละละเลย ขาดการระวัง เป็นเหตุให้ผู้ปิดฟ้า บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตัวเองต้องการ
บางครั้ง "ปิดฟ้า" หมายถึง ปิดบัง ฮ่องเต้ หรือ ผู้นำ เพื่อทำการบางอย่าง
แต่บางครั้ง "ปิดฟ้า" อาจหมายถึง ปิดประชาชน ก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่า ใครต้องการปิดใคร จากอะไร เพื่อวัตถุประสงค์อะไร
2. สังคมเราเคยชินกับการถูกปิดฟ้ามาตลอด การห้ามถาม ห้ามสงสัย การพูดความจริงได้แค่ด้านเดียว การขาดเสรีภาพในการแสดงความเห็น หรือแม้แต่พิมพ์เรื่องจริงในนี้แล้วก็ถูกอุ้ม บางครั้งการปิดฟ้าก็แนบเนียน มิดชิด แต่บางครั้งก็ตลกเหมือนปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ รู้เห็นกันทั่ว แต่เราก็ทนๆ อยู่กันไป หากเรายังคงปล่อยปละจนคุ้นชิน จากเรื่องเล็กๆ ก็ส่งผลถึงเรื่องใหญ่ๆ ได้
3. ทุกวันนี้เรากำลังถูก "ปิดฟ้า" อยู่หรือไม่ การละเมิดกติกาอย่างร้ายแรง ของสำคัญหายไป หากเรามองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่สำคัญ อีกหน่อยเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็คงกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปซะทั้งหมด กว่าจะรู้ตัว เราจะอยู่ในสภาพ "ลอยคอในทะเล" หรือไม่ กลับตัวก็ไม่ได้ จะไปต่อไปก็ไปไม่ถึง และถ้าเรือนั้นไม่ได้ใหญ่โต มั่นคง แข็งแรง ไม่มีอุปกรณ์ เสบียง เครื่องยังชีพ ไม่มีผู้นำทางหรือคนขับเรือเก่งๆ ก็คงทำนายได้ถึงชะตากรรมผู้โดยสารบนเรือ
อย่าปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ - ดัง พันกร
https://www.youtube.com/watch?v=XtXmJ3O1oho
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 15/9/2017 (ปิดฟ้าข้ามทะเล..กลยุทธ์ที่ 1 ใน 36)
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องเพลงและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เคยเขียนเรื่องนี้ไว้ในห้องเรียนคนรากหญ้าเมื่อเดือนเมษายน ที่จริงตั้งใจจะเขียนให้ครบทั้ง 36 กลยุทธ์ในเร็ววัน
แต่ป่านนี้ก็ยังไม่ได้เขียนเพิ่มเลย
นี่ได้โอกาสนำมาปรับปรุงเนื้อหาแล้วรีรัน เพราะคิดว่าจะกลับมาเขียนกลยุทธ์ที่ 2 ในเร็ววันนี้ (หวังว่าเพื่อนๆ คงจะยังให้การต้อนรับกันนะคะ) วันนี้ก็ถือว่าทบทวนกลยุทธ์ที่ 1 กันอีกที
36 กลยุทธ์ตำราพิชัยสงคราม
"กลยุทธ์" คือ วิธีดำเนินการสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
36 กลยุทธ์ตำราพิชัยสงครามนั้นหลายคนรู้จักกันดี เป็นการรวบรวมกลยุทธ์เพื่อชนะศึก ต่อมาภายหลังมีการนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน องค์กร และภาคธุรกิจ เพื่อให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย หรืออย่างน้อยที่สุด "รู้ไว้ใช่ว่า" ถือว่าเป็นการประดับความรู้ เพื่อให้รู้เท่าทันผู้อื่นหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น
กลยุทธ์ที่ 1 ปิดฟ้าข้ามทะเล 瞞天過海 หมานเทียนกว้อไห่
หรือภาษาอังกฤษว่า Deceive the heavens to cross the ocean เป็นหนึ่งในประเภทกลยุทธ์ชนะศึก
"เมื่อเตรียมพร้อมก็ประมาท เมื่อเห็นบ่อยก็มิสงสัย
มืดอยู่ในสว่าง ไม่อยู่ตรงข้ามสว่าง สว่าง มืด
เมื่อเตรียมพร้อมก็ประมาท เมื่อเห็นบ่อยก็มิสงสัย
มืดอยู่ในสว่าง ไม่อยู่ตรงข้ามสว่าง สว่าง มืด"
"ปิด" ในที่นี้คือ ทำให้ไม่เห็น หรือทำให้ไม่ทราบ หรือสร้างภาพลวงเพื่อปกปิด
"ข้าม" ในที่นี้หมายถึง ทำภารกิจให้ลุล่วงไปได้
"ปิดฟ้าข้ามทะเล" จึงหมายถึง การสร้างภาพลวง สร้างสถานการณ์หลอก โดยปกปิดความจริงบางประการ ทำให้ข้าศึกเกิดความคุ้นชิน จนเกิดความละเลยหละหลวม ไม่เตรียมการป้องกัน ไม่ระวังตัว เพื่อฉวยโอกาสในการโจมตี หรือเพื่อบรรลุผลบางประการ
ที่มาของกลยุทธ์
Thirty-Six Strategies-To Deceive a God in order to Cross the Sea 三十六计-瞒天过海 36 กลยุทธ์ ปิดฟ้าข้ามทะเล
https://www.youtube.com/watch?v=B-Y0w7y-yHE
ฮ่องเต้ถังไท่จง ต้องการเสด็จไปโกกุเรียว (เกาหลี) โดยเลือกเดินทางทางน้ำ ไปตามแม่น้ำหวงเหอ (แม่น้ำเหลือง) เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับหัวเมืองรายทาง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพระองค์ก็อายุมากแล้วในตอนนั้น ระยะทางก็หลายพันลี้ พอพระองค์เสด็จมาถึงปากแม่น้ำ ทอดพระเนตรเห็นผืนน้ำสุดลูกหูลูกตา คลื่นลมกระหน่ำไม่ได้หยุด ก็ทรงท้อพระทัย
"ซิยิ่นกุ้ย" ซึ่งตอนนั้นเป็นเพียงทหารเลวได้ออกอุบายดังนี้ ...
ซิยิ่นกุ้ยปลอมตัวเป็นเศรษฐีพื้นเมือง มาเข้าเฝ้าว่าต้องการถวายเสบียงมากมายแก่กองทัพ และจัดงานเลี้ยงต้อนรับพระองค์ ขอทูลเชิญฮ่องเต้ไปที่หมู่บ้านตน
ถังไท่จงก็เสด็จไปตามคำเชิญ ทรงทอดพระเนตรเห็นหมุ่บ้านตกแต่งอย่างสวยงาม งานเลี้ยงอลังการ อาหารดี ดนตรีเพราะ นางรำงดงาม ทรงพระเกษมสำราญมาก ประทับจนแทบไม่รู้เดือนรู้ตะวัน ผ่านไปเป็นสัปดาห์
อยู่มาวันหนึ่ง ทรงรู้สึกเหมือนแผ่นดินไหว บ้านโคลงเคลง ถ้วยชามตกแตก
ก็ให้รู้สึกสงสัย สั่งให้ทหารเลิกม่านออกดูเหตุการณ์ ปรากฎว่าบ้านที่พระองค์ประทับอยู่หลายวันนั้น แท้ที่จริงก็ป็นเรือที่ตกแต่งให้เหมือนบ้าน และขณะนี้ก็กำลังลอยอยู่กลางทะเล
จางเสื้อกุ้ย คิดจะแย่งความดีความชอบจาก "ซิยิ่นกุ้ย" จึงกราบทูลว่า “เป็นอุบายที่ข้าพเจ้าคิดขึ้น เพื่อให้พระองค์คุ้นชินกับการประทับเรือฝ่าคลื่นลมเท่านั้น” ถังไท่จงทอดพระเนตรไปรอบๆ ก็เห็นว่า อุบายนี้ได้ผลจริงๆ เราไม่รู้สึกคลื่นไส้ มึนหัว หรือแพ้เรืออีกต่อไปแล้ว เพราะอยู่มาได้หลายวันแล้ว ชินเสียแล้วนั่นเอง ทั้งทิวทัศน์บนฝั่งก็ค่อยๆปรากฎให้เห็นอยู่รางๆ ก็รู้สึกดีพระทัยนัก ตั้งใจว่าจะปูนบำเหน็จรางวัลแก่จางเสื้อกุ้ยให้สมกับความดีความชอบในครั้งนี้
เมื่อถึงฝั่ง ตาเฒ่าเศรษฐีก็มาขอพระราชทานอภัยโทษที่ได้หลอกลวงพระองค์มาตลอดเวลา ถังไท่จงได้สอบถามรายละเอียด จึงทราบว่าการข้ามทะเลในครั้งนี้ เป็นอุบายของ "ซิยิ่นกุ้ย" จึงไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองกลับแต่งตั้งให้เป็นขุนนางฝ่ายบู๊นับแต่นั้นมา จนได้เป็นขุนนางใหญ่โตในภายหลัง ส่วนจางเสื้อกุ้ยนั้น แม้จะมิทรงเอาโทษ แต่ก็มิได้โปรดปรานเยี่ยงเคย
ตัวอย่างการใช้กลยุทธ์นี้ในการสงคราม
1. ในประวัติศาสตร์จีนเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำคือ พวกขันที หรือเหล่าขุนนางกังฉิน ที่ไร้ความสามารถ ได้แต่ประจบสอพลอ มักจะสร้างเรื่องเท็จเป่าหูฮ่องเต้ ใส่ร้ายคนดี คอยปิดหูปิดตาฮ่องเต้ไม่ได้ทราบถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่แท้จริง ตรงนี้คือการ "ปิดฟ้า" เพื่อให้พวกตนเองได้บรรลุประโยชน์ ก็คือ "ข้ามทะเล" เช่น กำจัดขุนนางตงฉิน ขูดรีดประชาชน รับประโยชน์ ทำให้ประเทศต้องเสียหาย และหลายครั้งถึงขั้นราชวงศ์ล่มสลาย
2. สมัยราชวงศ์ซ่งเหนือมีแม่ทัพตงฉิน ซื่อสัตย์ เสียสละเพื่อชาติ ชื่อ งักฮุย ได้ถูกขุนนางกังฉินชื่อฉินฮุ่ยเป็นคนขายชาติ ใส่ร้ายป้ายสีต่อฮ่องเต้ซ่งเกาจงว่า...
“งักฮุยนั้นมักใหญ่ใฝ่สูง คิดการณ์ใหญ่จะก่อกบฏ ล้มล้างราชสำนัก” ทำให้ฮ่องเต้ระแวง เมื่องักฮุยนำทัพไปปราบข้าศึก ก็โดนเรียกตัวกลับเมืองหลวงครั้งแล้วครั้งเล่า จนถูกประหารในที่สุด ฉินฮุ่ย ถือว่า "ปิดฟ้า" คือ ใส่ร้ายงักฮุย ยุยงฮ่องเต้ แล้ว "ข้ามทะเล" คือ กำจัดงักฮุย ได้สำเร็จ
3. "สุยเหวินตี้" ปฐมฮ่องเต้ราชวงศ์สุย ยึดดินแดนทางเหนือได้หมดแล้ว เหลือแต่ "แคว้นเฉิน" ทางฝั่งใต้ของแม่น้ำแยงซีเกียงเท่านั้น กุนซือจึงแนะนำกลศึกให้ว่า ...
ให้เอาเรือรบดีๆ ไปซ่อนไว้ แล้วเอาเรือเก่าๆ ผุๆ มาทำทีเตรียมกำลังอยู่ริมชายฝั่ง ราวกับจะยกทัพข้ามน้ำไปตีแคว้นเฉินอยู่ในวันนี้วันพรุ่ง อ๋องแคว้นเฉินเห็นดังนั้นก็รีบสั่งทหารเตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง จัดเวรยามเข้มงวด แต่แล้วฝ่ายสุยก็ไม่เคลื่อนพลสักที ทำเช่นนี้ซ้ำๆ สร้างภาพหลอกล่ออยู่เป็นเดือนๆ แรกๆ แคว้นเฉินก็ตื่นเต้น หลังๆ เริ่มชินชา คิดว่าสุยคงไม่กล้าบุก ก็ละเลยการป้องกัน จนสุยได้โอกาส ก็ยกทัพข้ามน้ำมายึดเฉินได้สำเร็จ สุย "ปิดฟ้า" คือ สร้างภาพจะบุกแต่ไม่บุก ให้ฝ่ายตรงข้ามชาชิน ประมาท แล้ว "ข้ามทะเล" คือ เข้ายึดเมืองได้สำเร็จ
ตัวอย่างการใช้กลยุทธ์นี้ในการตลาด
กลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะเลยังพบได้จากการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ ซึ่งผู้บริโภคไม่มีวันนึกสงสัยเลย เมื่อผลิตภัณฑ์ซอสมะเขือเทศ ปรับเปลี่ยนขยายปากขวดให้ใหญ่ขึ้น
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อซอสยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่งของอเมริกาต้องการเพิ่มยอดขาย จึงจัดประชุมทีมการตลาดเพื่อหาวิธีทำให้สามารถขายซอยมะเขือเทศได้มากขึ้น ประชุมกันหลายครั้งก็ยังไม่ได้ข้อยุติ จนมีคนเสนอว่า ทำไมไม่ขยายปากขวดซอยมะเขือเทศให้กว้างขึ้น?
โดยผู้บริโภค คือผู้ต้องกลศึก เมื่อคิดว่าสิ่งที่บริษัททำคือการเพิ่มความสะดวกสบาย เพราะปากขวดที่กว้างขึ้นจะทำให้ซอสถูกเทออกมาง่าย และเทลงจานได้มากขึ้น ทั้งนี้ เมื่อซอสถูกเทออกมาแล้ว คงไม่มีใครคิดเทซอสกลับลงขวดแน่นอน ผลก็คือบริษัทซอสได้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างทันตา
MC ฮารุก็เลยคิดว่าที่ผลิตภัณฑ์หลายๆ ชนิด ค่อยๆ ปรับบรรจุภัณฑ์ให้เล็กลง แต่คงราคาเท่าเดิม ก็คงจะเข้าข่ายกลยุทธ์นี้ เพราะเหมือนกับค่อยๆ ขึ้นราคาสินค้า โดยผู้บริโภคไม่รู้ตัว เพราะใช้วิธีลดปริมาณแต่คงราคาเดิม
ขอบคุณที่มาข้อมูลและภาพประกอบ
https://www.youtube.com/watch?v=B-Y0w7y-yHE
http://www.cheechud.com/2010/02/2.html
https://pantip.com/topic/32054225
https://www.facebook.com/createmarketing/posts/249669175161093
http://oknation.nationtv.tv/blog/Thejourneyofanidea/2012/01/31/entry-2
http://www.plentyofguides.com/get-the-most-from-a-bottle-of-ketchup
..................................................
สรุปและวิเคราะห์
1. ปิดฟ้าข้ามทะเล หมายถึง การปกปิดเรื่องจริง สร้างความเคยชิน จนอีกฝ่ายประมาท ปล่อยปละละเลย ขาดการระวัง เป็นเหตุให้ผู้ปิดฟ้า บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตัวเองต้องการ
บางครั้ง "ปิดฟ้า" หมายถึง ปิดบัง ฮ่องเต้ หรือ ผู้นำ เพื่อทำการบางอย่าง
แต่บางครั้ง "ปิดฟ้า" อาจหมายถึง ปิดประชาชน ก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่า ใครต้องการปิดใคร จากอะไร เพื่อวัตถุประสงค์อะไร
2. สังคมเราเคยชินกับการถูกปิดฟ้ามาตลอด การห้ามถาม ห้ามสงสัย การพูดความจริงได้แค่ด้านเดียว การขาดเสรีภาพในการแสดงความเห็น หรือแม้แต่พิมพ์เรื่องจริงในนี้แล้วก็ถูกอุ้ม บางครั้งการปิดฟ้าก็แนบเนียน มิดชิด แต่บางครั้งก็ตลกเหมือนปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ รู้เห็นกันทั่ว แต่เราก็ทนๆ อยู่กันไป หากเรายังคงปล่อยปละจนคุ้นชิน จากเรื่องเล็กๆ ก็ส่งผลถึงเรื่องใหญ่ๆ ได้
3. ทุกวันนี้เรากำลังถูก "ปิดฟ้า" อยู่หรือไม่ การละเมิดกติกาอย่างร้ายแรง ของสำคัญหายไป หากเรามองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่สำคัญ อีกหน่อยเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็คงกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปซะทั้งหมด กว่าจะรู้ตัว เราจะอยู่ในสภาพ "ลอยคอในทะเล" หรือไม่ กลับตัวก็ไม่ได้ จะไปต่อไปก็ไปไม่ถึง และถ้าเรือนั้นไม่ได้ใหญ่โต มั่นคง แข็งแรง ไม่มีอุปกรณ์ เสบียง เครื่องยังชีพ ไม่มีผู้นำทางหรือคนขับเรือเก่งๆ ก็คงทำนายได้ถึงชะตากรรมผู้โดยสารบนเรือ
อย่าปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ - ดัง พันกร
https://www.youtube.com/watch?v=XtXmJ3O1oho