อานนท์ !
ความคิดอาจมีแก่พวกเธออย่างนี้ว่า
ธรรมวินัยของพวกเรา
มีพระศาสดาล่วงลับไปเสียแล้ว
พวกเราไม่มีพระศาสดา ดังนี้
อานนท์ !
พวกเธออย่าคิดอย่างนั้น
…
อานนท์ !
ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว
บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอทั้งหลาย
ธรรมวินัยนั้น
จักเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลาย
โดยกาลล่วงไปแห่งเรา
( บาลี – มหา. ที. ๑๐/๑๗๘/๑๔๑ )
พระสูตรอื่นๆ
ให้พึ่งตน พึ่งธรรม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อานนท์ ! เราได้กล่าวเตือนไว้ก่อนแล้วมิใช่หรือ
ว่า “ความเป็นต่างๆ ความพลัดพราก ความเป็นอย่างอื่น
จากของรักของชอบใจทั้งสิ้น ย่อมมี; อานนท์ ! ข้อนั้น
จักได้มาแต่ไหนเล่า : สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว เป็นแล้ว อันปัจจัย
ปรุงแล้ว มีความชำรุดไปเป็นธรรมดา, สิ่งนั้นอย่าชำรุดไปเลย
ดังนี้; ข้อนั้น ย่อมเป็นฐานะที่มีไม่ได้”.
อานนท์ ! เปรียบเหมือนเมื่อต้นไม้ใหญ่ มี
แก่นเหลืออยู่ ส่วนใดเก่าคร่ำากว่าส่วนอื่น ส่วนนั้นพึง
ย่อยยับไปก่อน, ข้อนี้ ฉันใด; อานนท์ ! เมื่อภิกษุสงฆ์
หมู่ ใหญ่ มีธรรมเป็นแก่นสารเหลืออยู่ , สารีบุตร
ปรินิพพานไปแล้ว ฉันนั้นเหมือนกัน. อานนท์ ! ข้อนั้น
จักได้มาแต่ไหนเล่า : สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว เป็นแล้ว อันปัจจัย
ปรุงแล้ว มีความชำารุดไปเป็นธรรมดา สิ่งนั้นอย่าชำรุดไปเลย
ดังนี้; ข้อนั้น ย่อมเป็นฐานะที่มีไม่ได้.
อานนท์ !
เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้
พวกเธอทั้งหลาย จงมีตนเป็นประทีป
มีตนเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ;
จงมีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ
ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ.
อานนท์ ! ภิกษุ มีตนเป็นประทีป มีตนเป็น
สรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ, มีธรรมเป็นประทีป
มีธรรมเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะนั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
อานนท์ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้
พิจารณาเห็นกายในกายเนืองๆ อยู่,
พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลายเนืองๆ อยู่,
พิจารณาเห็นจิตในจิตเนืองๆ อยู่,
พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายเนืองๆ อยู่;
มีความเพียรเผากิเลส มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้.
อานนท์ ! ภิกษุอย่างนี้แล ชื่อว่ามีตนเป็น
ประทีป มีตนเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ; มีธรรม
เป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ
เป็นอยู่.
อานนท์ !
ในกาลบัดนี้ก็ดี ในกาลล่วงไปแห่งเราก็ดี
ใครก็ตามจักต้องมีตนเป็นประทีป
มีตนเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ;
มีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ
ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ เป็นอยู่.
อานนท์ !
ภิกษุพวกใด เป็นผู้ใคร่ในสิกขา
ภิกษุพวกนั้น จักเป็นผู้อยู่ในสถานะอันเลิศที่สุดดของมนุษยชาติ
[พระธรรม]ให้ใช้ธรรมวินัยเป็นศาสดา
ความคิดอาจมีแก่พวกเธออย่างนี้ว่า
ธรรมวินัยของพวกเรา
มีพระศาสดาล่วงลับไปเสียแล้ว
พวกเราไม่มีพระศาสดา ดังนี้
อานนท์ !
พวกเธออย่าคิดอย่างนั้น
…
อานนท์ !
ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว
บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอทั้งหลาย
ธรรมวินัยนั้น
จักเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลาย
โดยกาลล่วงไปแห่งเรา
( บาลี – มหา. ที. ๑๐/๑๗๘/๑๔๑ )
พระสูตรอื่นๆ
ให้พึ่งตน พึ่งธรรม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้