เรื่องเกิดขึ้นนานมาแล้ว สมัยที่ผมเองยังเป็นเด็กมัธยมปลาย
ตอนนั้นผมมีเพื่อนรุ่นพี่ที่อยู่ละแวกบ้าน
รู้จักกันมานานแล้ว เล่นมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก
ช่วงสมัยนั้น เวลาว่างๆ เขาจะชอบไปทำงานด้าน มูลนิธิ
ที่ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยบนท้องถนน
รถของพี่เขาก็จะตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์ของมูลนิธิ
บางทีผมไปเล่นบ้านพี่เขา
ก็เจอพวกผ้าห่อศพ วางอยู่ท้ายรถเต็มไปหมด
ก่อนหน้านั้นด้วยความที่เรายังเด็ก
บางทีก็เอาผ้าห่อศพนั้น มากางเล่นกันกับน้องๆของเขา
มันเป็นผ้าดิบเนื้อแข็งๆ มีตราประทับมูลนิธิตัวหนังสือจีน สีแดง
ภายหลังพอเรารู้ว่าผ้าพวกนั้นเอาไว้ใช้ห่อศพ
ผมก็เลยไม่ค่อยไปยุ่งกับผ้าพวกนั้นเท่าไหร่
วันหนึ่งผมไปเล่นแถวบ้านพี่เขา
ก็บังเอิญเห็นพี่เขากำลังเตรียมตัวขนของอะไรบางอย่างกับพวกเพื่อนๆ สามสี่คน
ผมก็เลยไปถามว่า จะเตรียมข้าวของไปไหนกัน
พวกพี่เขาก็บอกว่า จะไปทำพิธีล้างป่าช้ากัน
แล้วพี่เขาก็ชวนผมไปด้วย
ผมก็เลยตกลงไปด้วยกับพวกพี่ๆเขา เพราะเคยได้ยินพิธีล้างป่าช้ามานานแล้ว
และก็อยากไปดูด้วยตาตัวเอง สักครั้ง ว่ามันเป็นยังไง
หลังจากออกเดินทางจากหมู่บ้านที่ผมอยู่
ก็ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง
กว่าจะขับรถไปถึงป่าช้า เพราะต้องข้ามไปอีกจังหวัดหนึ่งเลย
ส่วนทางเข้าไปในหมู่บ้านที่จะทำการล้างป่าช้า
ก็เป็นทางลูกรัง และกันดารมาก
พอไปถึงก็มีผู้คนมาเตรียมพิธีกันก่อนล่วงหน้าแล้ว
เป็นคนของมูลนิธิที่พี่เขาทำงานอยู่
บรรยากาศตอนนั้น ดูชุลมุน และเอิกเกริกกันพอสมควร
มีทั้งชาวบ้านมามุงดูและเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิที่สวมชุดเสื้อยืดสีขาวมีตัวอักษรจีนสีแดง
กางเกงดำ แต่งชุดเหมือนกัน มากันพร้อมเพียง
ผมสังเกตดูบริเวณแถวนั้น เป็นลานกว้าง มีต้นไม้ขึ้นมาไม่หนาตา
ดูๆแล้วก็นึกไม่ออกเลยว่า มันเป็นป่าช้าในส่วนของตรงไหน
รออยู่สักพักใหญ่ ก็มีคนคนหนึ่งแต่งชุดคลุมจีนสีเหลืองคล้ายๆ อาจารย์ปราบผีในหนังจีน
ท่านมาทำพิธี จูดธูป แล้วก็สวดคาถาอยู่พักใหญ่ๆ
จากที่มีแดดเปรี้ยงๆอยู่ตอนนั้น
อยู่ๆ ก็เริ่มมีลมแรง มีเมฆก่อตัวเป็นก้อนใหญ่จน บริเวณแถวนั้นเริ่มมืดครึ้ม
แล้วตัวอาจารย์ท่านนั้นก็เริ่มสั่น หัวสั่นเหมือนคนแก่ อายุมากๆ
แล้วก็เริ่มวิ่งออกจากตรงบริเวณทำพิธี เข้าไปในลานป่า
พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ หรือเขาเรียกว่าเป็น ศิษย์ วิ่งตามอาจารย์ท่านนั้นไปจำนวนมาก
พอถึงจุดไหนที่อาจารย์ใช้ไม้ทิ่มลงไปที่พื้น
เจ้าหน้าที่หรือลูกศิษย์ ก็จะรีบพากัน วิ่งไปเอาไม้ปักไว้
นอกจากเจ้าหน้าที่ที่วิ่งตามกันไปเป็นขบวนใหญ่แล้ว
ยังมีขวบชาวบ้านที่วิ่งตามไปดูกันด้วย
ไม่เว้นแม้กระทั่งผม ที่วิ่งตามไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หลังจากวิ่งตามไปดูกันอยู่พักหนึ่ง ผมก็รู้สึกเหนื่อยมาก
ฟ้าจากที่มึดครึ้มก็เริ่มค่อยๆสว่าง
แต่ดูเหมือนท่านอาจารย์ท่านนั้น จะไม่แสดงท่าทีว่าเหนื่อยเลย
แถมตอนวิ่ง ผมสังเกตดูแล้ว เหมือนคนวิ่งแบบวิชาตัวเบาเลย
เหมือนวิ่งอยู่บนอากาศ คล่องแคล่วว่องไว ปานสายลม
หลังจากผมวิ่งตามไม่ทันแล้วก็นั่งพักเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่ง
ก็มองไปเห็นไกลๆ ว่าท่านอาจารย์ถูกหามกลับมา แบบคนหมดสติ
ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเป็นแบบนั้น
แต่ตอนหลังพี่คนที่ไปด้วยก็เล่าให้ฟังว่า พอองค์ออกจากร่าง
แล้วก็จะเป็นสภาพแบบนั้น
ผมมองหันหลังไปตามทางที่วิ่งมา
ก็เห็นคนเริ่มขุดหลุมตรงบริเวณที่มีไม้ปักกันหลายหลุม
ผมก็เลยเดินไปหาพวกพี่ๆที่มาด้วยกัน
ก็เจอกำลังขุดหลุมอยู่
ผมก็เลยไปช่วยพี่ๆเขา
ขุดกันอยู่พักหนึ่ง ลึกพอสมควร ก็เจอโครงกระดูก
เจอหัวกระโหลก ตอนนั้นรู้สึกกลัว
ผมได้แต่ยืนดูพวกพี่ๆเขา เอากระดูกมาขัดมาล้างกัน
พอได้โครงกระดูกมาเป็นห่อใหญ่แล้ว
พี่เขาก็ทำการเสี่ยงทาย ถามว่า กระดูกศพนี้หมดยัง
ถ้าหมดแล้วให้ ดลจิตเสี่ยงทายให้เกิดสัญลักษณ์ให้รู้ว่าหมดแล้ว
วันนั้นทั้งวันผมก็อยู่ตรงบริเวณนั้นตลอด
เดินไปเดินมาดูกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ขุดบ้าง
จนเริ่มเย็นๆ ก็เริ่มมี กองผ้าขาวที่หอโครงกระดูก
มาวางร่วมกันไว้ หนาตา
ผมคาดคะเนดู ไม่น่าต่ำกว่าร้อยศพ
เผลอๆน่าจะถึงสองร้อย
หลังจากขุดจนครบทุกจุดแล้ว
ก็ทำพิธีเลิก โดยให้เจ้าหน้าที่ที่มา มาเข้าพิธี
เพื่อป้องกันไม่ให้ วิญญาณร้ายตามกลับบ้าน
ก็เป็นอันจบพิธี แล้วก็แยกย้ายขนข้าวขนของกลับกัน
ทีมพี่ๆที่ผมมาด้วย เขามีญาติอยู่ในหมูบ้านนั้น
ก็เลยชวนกันไปหาญาติ ของพี่อีกคน
ระหว่างทาง หลังจากขับออกถนนใหญ่แล้ว
แล้วก็เลี้ยวเข้าสู่หมู่บ้านเล็กๆ ถนนเป็นทางลูกรัง
ไกลพอสมควร จนกว่าจะไปถึงบ้านญาติก็มืดค่ำแล้ว
พอไปถึง ญาติๆเขาก็ต้อนรับอย่างดี ซื้อเหล้าซื้อเบียร์มาเลี้ยงกัน
กินไปกินมาก็ติดลม
ผมเองตอนนั้นรู้สึกอยากลับบ้าน
แต่ก็ขัดใจผู้ใหญ่ไม่ได้ เดี๋ยวจะเสียงบรรยกาศ
ก็ได้แต่นั่งเงียบๆ ฟังเขาพูดเล่นพูดหัวกันไปตามเรื่องตามราว
จนกระทั่ง เกือบๆ เที่ยงคืน
อยู่ๆหมาก็เห่าขึ้น เหมือนมันเห็นอะไรบางอย่าง
พวกผมก็มองไปตามทิศที่หมาเห่า
ก็ไม่เห็นมีอะไร
แต่พอสังเกตดีๆ อยู่ไกลๆเหมือนมีแสงอะไรแดงๆ
ติดๆ ดับๆ เป็นระย ระยะ
พอพวกพี่ๆกับผมเดินไปจะไปดูว่ามันคือแสงอะไร
แล้วแสงนั้นก็หายไป หมาก็เลิกเห่า
พอกลับมานั่งกินเหล้ากันต่อ
สักพักหมาก็เห่าอีก
ผมก็มองไปทางทิศเดิม
เห็นแสงไฟแดงๆ ติดๆดับๆ
สังเกตดูดีๆ เหมือนไฟท้ายมอเตอร์ไซด์มากกว่า
ก็เลยบอกพวกพี่ๆไปว่า รถมอเตอร์ไซด์ใครเขามาเสียหรือเปล่า
เหมือนสตาร์ทไม่ติด
พวกพี่ๆก็เลยพากันเดินไปดู
แต่พอเดินออกไปตรงถนนหน้าบ้าน
ก็ปรากฏว่า เห็นไฟแดงๆนั้น มันติดสว่าง แล้วก็เคลื่อนที่ออกไปตามถนน
พี่คนหนึ่งก็เลยพูดขึ้นว่า อ๋อ สงสัย มอไซด์เขาหัวเทียนบอด เลยติดๆดับๆ
พี่คนหนึ่งก็พูดว่า อืม มาเสียตอนไหนไม่เสีย มาเสียดึกๆดื่นๆ
แล้วก็พากันเดินกลับไปนั่งกินเหล้าต่อ
สักพัก
หมาก็เห่าอีกแล้ว
มองไป ก็เห็นไฟแดงๆเหมือนไฟท้ายรถ อยู่ตรงแถวๆเดิม
จนพี่คนหนึ่งบอกว่า สงสัยรถเขาจะเสียจริงๆแล้วมั้งนั่น
พี่คนหนึ่งก้บอกว่า อืม ไปดูช่วยเขาหน่อยไหม เผื่อจะซ่อมได้
ทุกคนก็พากันลุกขึ้นไปที่รถ มูลนิธิของพี่คนที่อยู่ละแวกบ้านผม
พี่คนที่อยู่ละแวกบ้านผมก็เป็นคนขับรถ
ผมก้บพี่อีกคนก็นั่งอยู่ด้านหน้า
แล้วพี่อีกสองคนก็นั่งอยู่กระบะหลัง
พอรถขับออกถนนหน้าบ้านได้ ไฟหน้ารถ สาดไปตามถนน
ก็มองเห็นเหมือนท้ายมอเตอร์ไซด์ อยู่ไกลๆ ราวๆ ร้อยสองร้อยเมตรได้
พอขับรถเข้าไปใกล้จะถึง ก็ปรากฏว่า มอเตอร์ไซด์ก็สตาร์ทติดแล้วก็ขับออกไป
พอพี่คนขับรถ หยุดรถ จะไม่ตามต่อ เพราะคิดว่า คงซ่อมจนสตาร์ทติดแล้ว
แต่รถมอเตอร์ไซด์คันนั้นก็หยุดอีก
จนผมกับพวกพี่ๆสงสัยว่า มันเป็นอะไรกันแน่ ทำไมพอเราจะเข้าไปหา
แล้วก็เหมือนมันจะไป พอพวกเราหยุด มันก็หยุด
ความรัก ความผูกพันธ์ ไม่พรากจากกัน
ตอนนั้นผมมีเพื่อนรุ่นพี่ที่อยู่ละแวกบ้าน
รู้จักกันมานานแล้ว เล่นมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก
ช่วงสมัยนั้น เวลาว่างๆ เขาจะชอบไปทำงานด้าน มูลนิธิ
ที่ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยบนท้องถนน
รถของพี่เขาก็จะตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์ของมูลนิธิ
บางทีผมไปเล่นบ้านพี่เขา
ก็เจอพวกผ้าห่อศพ วางอยู่ท้ายรถเต็มไปหมด
ก่อนหน้านั้นด้วยความที่เรายังเด็ก
บางทีก็เอาผ้าห่อศพนั้น มากางเล่นกันกับน้องๆของเขา
มันเป็นผ้าดิบเนื้อแข็งๆ มีตราประทับมูลนิธิตัวหนังสือจีน สีแดง
ภายหลังพอเรารู้ว่าผ้าพวกนั้นเอาไว้ใช้ห่อศพ
ผมก็เลยไม่ค่อยไปยุ่งกับผ้าพวกนั้นเท่าไหร่
วันหนึ่งผมไปเล่นแถวบ้านพี่เขา
ก็บังเอิญเห็นพี่เขากำลังเตรียมตัวขนของอะไรบางอย่างกับพวกเพื่อนๆ สามสี่คน
ผมก็เลยไปถามว่า จะเตรียมข้าวของไปไหนกัน
พวกพี่เขาก็บอกว่า จะไปทำพิธีล้างป่าช้ากัน
แล้วพี่เขาก็ชวนผมไปด้วย
ผมก็เลยตกลงไปด้วยกับพวกพี่ๆเขา เพราะเคยได้ยินพิธีล้างป่าช้ามานานแล้ว
และก็อยากไปดูด้วยตาตัวเอง สักครั้ง ว่ามันเป็นยังไง
หลังจากออกเดินทางจากหมู่บ้านที่ผมอยู่
ก็ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง
กว่าจะขับรถไปถึงป่าช้า เพราะต้องข้ามไปอีกจังหวัดหนึ่งเลย
ส่วนทางเข้าไปในหมู่บ้านที่จะทำการล้างป่าช้า
ก็เป็นทางลูกรัง และกันดารมาก
พอไปถึงก็มีผู้คนมาเตรียมพิธีกันก่อนล่วงหน้าแล้ว
เป็นคนของมูลนิธิที่พี่เขาทำงานอยู่
บรรยากาศตอนนั้น ดูชุลมุน และเอิกเกริกกันพอสมควร
มีทั้งชาวบ้านมามุงดูและเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิที่สวมชุดเสื้อยืดสีขาวมีตัวอักษรจีนสีแดง
กางเกงดำ แต่งชุดเหมือนกัน มากันพร้อมเพียง
ผมสังเกตดูบริเวณแถวนั้น เป็นลานกว้าง มีต้นไม้ขึ้นมาไม่หนาตา
ดูๆแล้วก็นึกไม่ออกเลยว่า มันเป็นป่าช้าในส่วนของตรงไหน
รออยู่สักพักใหญ่ ก็มีคนคนหนึ่งแต่งชุดคลุมจีนสีเหลืองคล้ายๆ อาจารย์ปราบผีในหนังจีน
ท่านมาทำพิธี จูดธูป แล้วก็สวดคาถาอยู่พักใหญ่ๆ
จากที่มีแดดเปรี้ยงๆอยู่ตอนนั้น
อยู่ๆ ก็เริ่มมีลมแรง มีเมฆก่อตัวเป็นก้อนใหญ่จน บริเวณแถวนั้นเริ่มมืดครึ้ม
แล้วตัวอาจารย์ท่านนั้นก็เริ่มสั่น หัวสั่นเหมือนคนแก่ อายุมากๆ
แล้วก็เริ่มวิ่งออกจากตรงบริเวณทำพิธี เข้าไปในลานป่า
พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ หรือเขาเรียกว่าเป็น ศิษย์ วิ่งตามอาจารย์ท่านนั้นไปจำนวนมาก
พอถึงจุดไหนที่อาจารย์ใช้ไม้ทิ่มลงไปที่พื้น
เจ้าหน้าที่หรือลูกศิษย์ ก็จะรีบพากัน วิ่งไปเอาไม้ปักไว้
นอกจากเจ้าหน้าที่ที่วิ่งตามกันไปเป็นขบวนใหญ่แล้ว
ยังมีขวบชาวบ้านที่วิ่งตามไปดูกันด้วย
ไม่เว้นแม้กระทั่งผม ที่วิ่งตามไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หลังจากวิ่งตามไปดูกันอยู่พักหนึ่ง ผมก็รู้สึกเหนื่อยมาก
ฟ้าจากที่มึดครึ้มก็เริ่มค่อยๆสว่าง
แต่ดูเหมือนท่านอาจารย์ท่านนั้น จะไม่แสดงท่าทีว่าเหนื่อยเลย
แถมตอนวิ่ง ผมสังเกตดูแล้ว เหมือนคนวิ่งแบบวิชาตัวเบาเลย
เหมือนวิ่งอยู่บนอากาศ คล่องแคล่วว่องไว ปานสายลม
หลังจากผมวิ่งตามไม่ทันแล้วก็นั่งพักเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่ง
ก็มองไปเห็นไกลๆ ว่าท่านอาจารย์ถูกหามกลับมา แบบคนหมดสติ
ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเป็นแบบนั้น
แต่ตอนหลังพี่คนที่ไปด้วยก็เล่าให้ฟังว่า พอองค์ออกจากร่าง
แล้วก็จะเป็นสภาพแบบนั้น
ผมมองหันหลังไปตามทางที่วิ่งมา
ก็เห็นคนเริ่มขุดหลุมตรงบริเวณที่มีไม้ปักกันหลายหลุม
ผมก็เลยเดินไปหาพวกพี่ๆที่มาด้วยกัน
ก็เจอกำลังขุดหลุมอยู่
ผมก็เลยไปช่วยพี่ๆเขา
ขุดกันอยู่พักหนึ่ง ลึกพอสมควร ก็เจอโครงกระดูก
เจอหัวกระโหลก ตอนนั้นรู้สึกกลัว
ผมได้แต่ยืนดูพวกพี่ๆเขา เอากระดูกมาขัดมาล้างกัน
พอได้โครงกระดูกมาเป็นห่อใหญ่แล้ว
พี่เขาก็ทำการเสี่ยงทาย ถามว่า กระดูกศพนี้หมดยัง
ถ้าหมดแล้วให้ ดลจิตเสี่ยงทายให้เกิดสัญลักษณ์ให้รู้ว่าหมดแล้ว
วันนั้นทั้งวันผมก็อยู่ตรงบริเวณนั้นตลอด
เดินไปเดินมาดูกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ขุดบ้าง
จนเริ่มเย็นๆ ก็เริ่มมี กองผ้าขาวที่หอโครงกระดูก
มาวางร่วมกันไว้ หนาตา
ผมคาดคะเนดู ไม่น่าต่ำกว่าร้อยศพ
เผลอๆน่าจะถึงสองร้อย
หลังจากขุดจนครบทุกจุดแล้ว
ก็ทำพิธีเลิก โดยให้เจ้าหน้าที่ที่มา มาเข้าพิธี
เพื่อป้องกันไม่ให้ วิญญาณร้ายตามกลับบ้าน
ก็เป็นอันจบพิธี แล้วก็แยกย้ายขนข้าวขนของกลับกัน
ทีมพี่ๆที่ผมมาด้วย เขามีญาติอยู่ในหมูบ้านนั้น
ก็เลยชวนกันไปหาญาติ ของพี่อีกคน
ระหว่างทาง หลังจากขับออกถนนใหญ่แล้ว
แล้วก็เลี้ยวเข้าสู่หมู่บ้านเล็กๆ ถนนเป็นทางลูกรัง
ไกลพอสมควร จนกว่าจะไปถึงบ้านญาติก็มืดค่ำแล้ว
พอไปถึง ญาติๆเขาก็ต้อนรับอย่างดี ซื้อเหล้าซื้อเบียร์มาเลี้ยงกัน
กินไปกินมาก็ติดลม
ผมเองตอนนั้นรู้สึกอยากลับบ้าน
แต่ก็ขัดใจผู้ใหญ่ไม่ได้ เดี๋ยวจะเสียงบรรยกาศ
ก็ได้แต่นั่งเงียบๆ ฟังเขาพูดเล่นพูดหัวกันไปตามเรื่องตามราว
จนกระทั่ง เกือบๆ เที่ยงคืน
อยู่ๆหมาก็เห่าขึ้น เหมือนมันเห็นอะไรบางอย่าง
พวกผมก็มองไปตามทิศที่หมาเห่า
ก็ไม่เห็นมีอะไร
แต่พอสังเกตดีๆ อยู่ไกลๆเหมือนมีแสงอะไรแดงๆ
ติดๆ ดับๆ เป็นระย ระยะ
พอพวกพี่ๆกับผมเดินไปจะไปดูว่ามันคือแสงอะไร
แล้วแสงนั้นก็หายไป หมาก็เลิกเห่า
พอกลับมานั่งกินเหล้ากันต่อ
สักพักหมาก็เห่าอีก
ผมก็มองไปทางทิศเดิม
เห็นแสงไฟแดงๆ ติดๆดับๆ
สังเกตดูดีๆ เหมือนไฟท้ายมอเตอร์ไซด์มากกว่า
ก็เลยบอกพวกพี่ๆไปว่า รถมอเตอร์ไซด์ใครเขามาเสียหรือเปล่า
เหมือนสตาร์ทไม่ติด
พวกพี่ๆก็เลยพากันเดินไปดู
แต่พอเดินออกไปตรงถนนหน้าบ้าน
ก็ปรากฏว่า เห็นไฟแดงๆนั้น มันติดสว่าง แล้วก็เคลื่อนที่ออกไปตามถนน
พี่คนหนึ่งก็เลยพูดขึ้นว่า อ๋อ สงสัย มอไซด์เขาหัวเทียนบอด เลยติดๆดับๆ
พี่คนหนึ่งก็พูดว่า อืม มาเสียตอนไหนไม่เสีย มาเสียดึกๆดื่นๆ
แล้วก็พากันเดินกลับไปนั่งกินเหล้าต่อ
สักพัก
หมาก็เห่าอีกแล้ว
มองไป ก็เห็นไฟแดงๆเหมือนไฟท้ายรถ อยู่ตรงแถวๆเดิม
จนพี่คนหนึ่งบอกว่า สงสัยรถเขาจะเสียจริงๆแล้วมั้งนั่น
พี่คนหนึ่งก้บอกว่า อืม ไปดูช่วยเขาหน่อยไหม เผื่อจะซ่อมได้
ทุกคนก็พากันลุกขึ้นไปที่รถ มูลนิธิของพี่คนที่อยู่ละแวกบ้านผม
พี่คนที่อยู่ละแวกบ้านผมก็เป็นคนขับรถ
ผมก้บพี่อีกคนก็นั่งอยู่ด้านหน้า
แล้วพี่อีกสองคนก็นั่งอยู่กระบะหลัง
พอรถขับออกถนนหน้าบ้านได้ ไฟหน้ารถ สาดไปตามถนน
ก็มองเห็นเหมือนท้ายมอเตอร์ไซด์ อยู่ไกลๆ ราวๆ ร้อยสองร้อยเมตรได้
พอขับรถเข้าไปใกล้จะถึง ก็ปรากฏว่า มอเตอร์ไซด์ก็สตาร์ทติดแล้วก็ขับออกไป
พอพี่คนขับรถ หยุดรถ จะไม่ตามต่อ เพราะคิดว่า คงซ่อมจนสตาร์ทติดแล้ว
แต่รถมอเตอร์ไซด์คันนั้นก็หยุดอีก
จนผมกับพวกพี่ๆสงสัยว่า มันเป็นอะไรกันแน่ ทำไมพอเราจะเข้าไปหา
แล้วก็เหมือนมันจะไป พอพวกเราหยุด มันก็หยุด