
เกริ่นก่อนเลยว่า ทริปครั้งนี้เป็นทริปที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ไป
เพราะเป็นการจองตั๋วข้ามปี แบบจองล่วงหน้า 1 ปีเลยจริง ๆ แล้วอุปสรรคก่อนที่จะไปก็เยอะม้ากกกกกก..
จนทำให้ในใจนี่ท้อแล้วว่า อดแล้วแน่ ๆ เลย เชียงใหม่ครั้งนี้
แต่.. คนจะไปก็ต้องไปอ่ะเนอะ
สุดท้ายแล้วทริปนี้ก็เกิดขึ้นจนได้
ทริป..
ที่มีผู้ร่วมเดินทางเพียง 1 คน
-----------------------------------------------------------
DAY1
RELAX'S DAY: วันของการพักผ่อน
เริ่มจากการเดินทางก่อนเลย เรากับเพื่อนเดินทางกันด้วยเครื่องบินสายการบินแดงขาว
โดยเดินทางออกจากดอนเมืองเวลา 11.35 น. ถึงเชียงใหม่เวลา 12.55 น.
สิ่งแรกที่ทำหลังจากมาถึงเลย ก็คือ
นั่งรถแดงไปที่สถานีขนส่งช้างเผือก ค่ารถแดงคนละ 40 บาท
พอไปถึงขนส่งช้างเผือก เราก็เดินไปข้างหลังสถานี
เพื่อไปที่คิวรถตู้ แล้วซื้อตั๋วโดยสารเพื่อไปฝางกันต่อเลย
คำแนะนำ
ถ้าใครเป็นคนเมารถง่ายก็อย่าลืมซื้อยาแก้เมารถติดกระเป๋าไปเผื่อด้วยนะคะ
วันแรกกว่าจะไปถึงฝางก็เย็น ๆ ค่ำ ๆ แล้ว
สิ่งที่ทำได้ก็คือ นอน แล้วค่อยว่ากันใหม่พรุ่งนี้เช้า..
ที่พักที่ฝาง : ได้รับความอนุเคราะห์จากญาติของเพื่อน เลยประหยัดได้ 1 คืน
------------------------------------------------------------
DAY2
FANG & CHIANGDAO: ฝาง & เชียงดาว
สถานที่ที่ไปที่แรกของฝาง
หลังนอนเอาแรง หลังจากเดินทางมานาน
คือ เขื่อนแม่มาว
ไม่รู้ว่าคนส่วนใหญ่เขาไปกันไหม
เพราะมันเป็นเขื่อนที่อยู่ในหมู่บ้านนึง ที่เรียกว่า ม่อนปื่น (ลองไปหาข้อมูลดูอีกที)
จะบอกว่าถ้าไปถูกจะเป็นอะไรที่คุ้มค่ากับภาพที่อยู่ตรงหน้ามากกกกกกก
แต่ข้อแม้ก็คือต้องตื่นเช้า ๆ เพื่อขี่รถขึ้นไปด้วยนะ
เพราะถ้าเลย 8.00 น. ไป พระอาทิตย์ก็จะส่องที่หัวทันทีเพราะเราอยู่บนดอย

วิวข้างทางระหว่างที่ขึ้นไปบนเขื่อนแม่มาว

นี่คือภาพของเขื่อนแม่มาวจากกล้องไอโฟนแบบพาราโนมา

วิวตอนมองลงมาจากเขื่อนแม่มาว
พอเราออกจากเขื่อนแม่มาว ตรงหน้าของเราก็จะมีทางลาดลงไปที่
..ไร่ส้มธนาธร..
สำหรับคอละคร ชื่อไร่อาจจะฟังดูคุ้น ๆ เพราะ ไร่นี้เป็นไร่ที่ณเดชน์กับญาญ่ามาถ่ายละครนั่นเอง
ขอบอกว่าไปตอนเช้า ๆ นี่ฟินม้ากกกกกกกก

วิวก่อนจะลงไปถึงสวนส้ม

สวนส้มธนาธร

ใครที่ชอบธรรมชาติ บอกได้คำเดียวว่าต้องมาสัมผัสส
และเมื่อเราเที่ยวกันที่ฝางเรียบร้อยแล้ว ช่วงสาย ๆ เราก็กลับมาเตรียมตัว
เพื่อขึ้นรถตู้ไปลงที่ท่ารถของอ.เชียงดาวกันต่อ
คิวรถตู้ของอ.ฝางหาง่ายมาก เพราะอยู่ตรงกันข้ามกับโลตัสเลย
โดยที่ต่อไปที่เราจะไปก็คือ ที่ที่ขึ้นชื่อว่า ความเงียบเสียงดังที่สุด
..เชียงดาวนั่นเอง..

การเดินทางจากฝางมาเชียงดาว ก็คือ ขึ้นรถตู้ที่ฝางมาลงที่ท่ารถเชียงดาวได้เลย
โดยก่อนหน้านั้นทางโฮมสเตย์ที่เราจองไว้ก็จะโทรมาสอบถามก่อนเลยว่า เราจะขึ้นไปที่พักประมาณกี่โมง
เพราะเขาจะได้ให้รถมารับขึ้นไป ตอนคุยโทรศัพท์กับพี่เจ้าของโฮมสเตย์
บอกได้คำเดียวว่า
งงมากกกกกกกกกก
เป็นการคุยที่รู้สึกถึงภาษาเหนือมาก ๆ จนต้องถามย้ำอยู่หลายรอบกว่าจะเข้าใจกัน
โชคดีที่เพื่อนพอฟังภาษาเหนือออกบ้าง เวลาคุยอะไรก็เลยมีเพื่อนคอยช่วยแปล
และนี่ก็คือบรรยากาศช่วงเย็นที่เราไปถึงเชียงดาวกันแล้ว
อากาศดีมากกก ถึงคนจะเยอะ แต่ก็ไม่ได้เสียงดังอะไรมากมาย

สัญญาณโทรศัพท์บนนี้จะติด ๆ ดับ ๆ ถ้าใครอยากคุยหรือเล่นโทรศัพท์
ทางโฮมสเตย์ก็จะมีเคาน์เตอร์ส่วนกลางที่เหมือนจุดรวมสัญญาณไว้ให้ มีปลั๊กไว้ให้ชาร์จด้วย
แต่ทางที่ดี พกแบตสำรองไปเผื่อจะดีสุด จะได้ไม่ต้องไปแย่งหรือรอนาน

มาถึงปุ๊บ ก็ต้องหาอะไรอบอุ่นร่างกายปั๊บ55555555555555
และเนื่องจากทริปนี้ทั้งเราและเพื่อนมีแค่กล้องจากโทรศัพท์ไป
ทำให้ไม่มีภาพดาวสวย ๆ ตอนกลางคืนมาให้ดูเลย
แต่บอกได้คำเดียวว่า "มองจากรูป ไม่ฟินเท่าไปสัมผัสด้วยตาตัวเอง"
ที่พัก : คืนนี้เราพักที่โฮมสเตย์ชื่อว่า ลีซูโฮม อาหารเย็นอร่อยมากกก
วิวทิวทัศน์ที่มองเห็นก็สวยมากเช่นกัน เห็นเขาอยู่ตรงหน้าเลยย
ค่าที่พักคิดต่อหัว คนละ 500 บาท (เราจองล่วงหน้าประมาณ 4-5 เดือน)
-----------------------------------------------------------------
DAY3
CHIANGMAI CITY: เที่ยวเมืองเชียงใหม่
หลังจากสองวันที่ผ่านมาเราได้ไปพักผ่อนเที่ยวชมธรรมชาติกันแล้ว
3 วันที่เหลือนี้เราสองคนเลยคิดว่าจะลงมาเที่ยวในเมืองให้สุด
และแน่นอนที่ที่เราอยากมามากที่สุดก็คือ ..ถนนคนเดิน..
ซึ่งวันที่เราลงมามันตรงกับเสาร์-อาทิตย์พอดี (วางแผนไว้แต่แรกแล้วว่าอยากไป)
ดังนั้นเสาร์ เราก็จะได้ไป ..ถนนคนเดินวัวลาย..
ส่วนวันอาทิตย์ เราก็จะได้ไป ..ถนนคนเดินท่าแพ..
แค่คิดก็ฟินแล้ววววววววว ♥
อ่ะ มาที่การเดินทางออกจากเชียงดาวกันก่อน
หลังจากเพื่อนเราตื่นแต่เช้า เช้ามากกกกกกกกก นางก็ปลุกให้มาดูภาพเชียงดาวตรงหน้า

บอกเลยว่าของจริงสวยมากกก

กินข้าวเช้า ไปพร้อมกับทะเลหมอกตรงหน้า

ก่อนจะกลับเราก็ถ่ายรูปเจ้าถิ่นไว้ซะหน่อย
จากนั้นประมาณ 9.00 น. คุณลุงที่รับเราขึ้นไปเมื่อวาน ก็มารับเรากลับลงไปที่ท่ารถเชียงดาวอีกครั้ง
คุณลุงชื่อลุงหนาม คุณลุงเป็นกันเองมาก ๆ น่ารักมาก และใจดีมากเช่นกัน
เมื่อถึงท่ารถเชียงดาว เราก็ซื้อตั๋วกลับมาที่ขนส่งช้างเผือกอีกครั้ง
จากนั้นก็ไปรับมอไซด์ที่ทำการจองไว้เมื่อนานนม (ประมาณเดือนนึง)
ที่พัก : สำหรับ 2 คืนที่เหลือนี้ เพื่อเราเป็นคนหาที่พัก เป็นที่พักที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้
เหมาะสำหรับคนที่จะเที่ยวข้างนอกแล้วเอาไว้กลับมานอนเฉย ๆ เป็นเหมือนอพาร์ทเม้น
ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับโรงเรียนสารสาสน์วิเทศ เชียงใหม่ (ราคาประมาณ 400 บาทต่อคืน)

แวะเติมพลังก่อนเข้าไปเก็บของที่ที่พัก ร้านชื่อ At ขัวเหล็ก

เมนูนี้อร่อยมากกกก ใครจะแวะไป แนะนำต้องไปลองง
ชื่อเมนูจะมีคำว่า ขัวเหล็กอยู่ด้วย ราคา รสชาติ และบรรยากาศถือว่าคุ้มมากก
หลังจากที่เติมพลังแล้วก็เข้าไปเก็บของที่ที่พักกันแล้ว
เวลาช่วงบ่ายก็เป็นช่วงที่เราไม่ได้แพลนไว้
และเพื่อใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด เรากับเพื่อนเลยตกลงกันว่า จะเข้าไปเที่ยวใน มช.
ขับรถวนเข้าไปสักพัก แลนด์มาร์กที่เดาไม่ยากว่าต้องไปก็คือ
อ่างแก้วนั่นเอง

อ่างแก้ว ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ได้มา 1 ภาพถ้วน 55555555555555
วันนี้ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ หลังออกจากมช
เราก็ยังเหลือเวลากว่าตลาดจะเปิด เราก็เลยเปิด google map
แล้วมุ่งหน้าไปต่อที่ อ.แม่ริม
และที่ที่เราไปก็คืออออออ..

เห็นความน่ารักจากภาพนี้ไหมคะ น่ารักมากจริง ๆ
ขออนุญาตบุคคลในภาพด้วยนะคะ

วิวจากม่อนแจ่ม
อ้อ บอกไว้นิดนึงนะคะ ทางขึ้นม่อนแจ่มค่อนข้างชัน แล้วก็โค้งไปโค้งมา
ใครที่ขี่รถขึ้นไปก็ระมัดระวังหน่อยเน้ออ

อันนี้คือสตอเบอรี่จากทางลงม่อนแจ่ม เอามากินเติมพลังก่อนไปเที่ยวต่อ
และเมื่อลงจากม่อนแจ่ม เราก็กลับมาเก็บของ กินข้าว แล้วก็เตรียมออกไปที่
..ถนนคนเดินวัวลาย..

นี่คือบรรยากาศที่ถนนคนเดินวัวลาย คนเยอะมากกกกกกก
ตอนที่ไป เราก็ไปตามทางที่ google map บอก ทางลัดเลาะจนคิดว่าจะไปไม่ถึงซะแล้ว555555555555
ขอพักกระทู้ไว้ที่วันที่ 3 ก่อนนะฮะ เดี๋ยววันที่ 4 ที่ไปบุก CANOPY WALKWAY จะตามมาเร็ว ๆ นี้
ใครที่กำลังแพลนจะไปเที่ยวเชียงใหม่หน้าหนาวปีนี้ ก็ลองเอาที่ที่เราไป เก็บไว้พิจารณาดูได้นะ
รับรองว่าคุ้มค่ากับการได้ไปเห็นแน่นอนนนนน ♥
-----------------------------------------------------
[CR] Chiangmai x Friend : 5 วัน 4 คืน เชียงใหม่หน้าหนาวกับ ...
เกริ่นก่อนเลยว่า ทริปครั้งนี้เป็นทริปที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ไป
เพราะเป็นการจองตั๋วข้ามปี แบบจองล่วงหน้า 1 ปีเลยจริง ๆ แล้วอุปสรรคก่อนที่จะไปก็เยอะม้ากกกกกก..
จนทำให้ในใจนี่ท้อแล้วว่า อดแล้วแน่ ๆ เลย เชียงใหม่ครั้งนี้
แต่.. คนจะไปก็ต้องไปอ่ะเนอะ
สุดท้ายแล้วทริปนี้ก็เกิดขึ้นจนได้
ทริป..
ที่มีผู้ร่วมเดินทางเพียง 1 คน
-----------------------------------------------------------
DAY1
RELAX'S DAY: วันของการพักผ่อน
เริ่มจากการเดินทางก่อนเลย เรากับเพื่อนเดินทางกันด้วยเครื่องบินสายการบินแดงขาว
โดยเดินทางออกจากดอนเมืองเวลา 11.35 น. ถึงเชียงใหม่เวลา 12.55 น.
สิ่งแรกที่ทำหลังจากมาถึงเลย ก็คือ
นั่งรถแดงไปที่สถานีขนส่งช้างเผือก ค่ารถแดงคนละ 40 บาท
พอไปถึงขนส่งช้างเผือก เราก็เดินไปข้างหลังสถานี
เพื่อไปที่คิวรถตู้ แล้วซื้อตั๋วโดยสารเพื่อไปฝางกันต่อเลย
คำแนะนำ
ถ้าใครเป็นคนเมารถง่ายก็อย่าลืมซื้อยาแก้เมารถติดกระเป๋าไปเผื่อด้วยนะคะ
วันแรกกว่าจะไปถึงฝางก็เย็น ๆ ค่ำ ๆ แล้ว
สิ่งที่ทำได้ก็คือ นอน แล้วค่อยว่ากันใหม่พรุ่งนี้เช้า..
ที่พักที่ฝาง : ได้รับความอนุเคราะห์จากญาติของเพื่อน เลยประหยัดได้ 1 คืน
------------------------------------------------------------
DAY2
FANG & CHIANGDAO: ฝาง & เชียงดาว
สถานที่ที่ไปที่แรกของฝาง
หลังนอนเอาแรง หลังจากเดินทางมานาน
คือ เขื่อนแม่มาว
ไม่รู้ว่าคนส่วนใหญ่เขาไปกันไหม
เพราะมันเป็นเขื่อนที่อยู่ในหมู่บ้านนึง ที่เรียกว่า ม่อนปื่น (ลองไปหาข้อมูลดูอีกที)
จะบอกว่าถ้าไปถูกจะเป็นอะไรที่คุ้มค่ากับภาพที่อยู่ตรงหน้ามากกกกกกก
แต่ข้อแม้ก็คือต้องตื่นเช้า ๆ เพื่อขี่รถขึ้นไปด้วยนะ
เพราะถ้าเลย 8.00 น. ไป พระอาทิตย์ก็จะส่องที่หัวทันทีเพราะเราอยู่บนดอย
พอเราออกจากเขื่อนแม่มาว ตรงหน้าของเราก็จะมีทางลาดลงไปที่
..ไร่ส้มธนาธร..
สำหรับคอละคร ชื่อไร่อาจจะฟังดูคุ้น ๆ เพราะ ไร่นี้เป็นไร่ที่ณเดชน์กับญาญ่ามาถ่ายละครนั่นเอง
ขอบอกว่าไปตอนเช้า ๆ นี่ฟินม้ากกกกกกกก
และเมื่อเราเที่ยวกันที่ฝางเรียบร้อยแล้ว ช่วงสาย ๆ เราก็กลับมาเตรียมตัว
เพื่อขึ้นรถตู้ไปลงที่ท่ารถของอ.เชียงดาวกันต่อ
คิวรถตู้ของอ.ฝางหาง่ายมาก เพราะอยู่ตรงกันข้ามกับโลตัสเลย
โดยที่ต่อไปที่เราจะไปก็คือ ที่ที่ขึ้นชื่อว่า ความเงียบเสียงดังที่สุด
..เชียงดาวนั่นเอง..
การเดินทางจากฝางมาเชียงดาว ก็คือ ขึ้นรถตู้ที่ฝางมาลงที่ท่ารถเชียงดาวได้เลย
โดยก่อนหน้านั้นทางโฮมสเตย์ที่เราจองไว้ก็จะโทรมาสอบถามก่อนเลยว่า เราจะขึ้นไปที่พักประมาณกี่โมง
เพราะเขาจะได้ให้รถมารับขึ้นไป ตอนคุยโทรศัพท์กับพี่เจ้าของโฮมสเตย์
บอกได้คำเดียวว่า
งงมากกกกกกกกกก
เป็นการคุยที่รู้สึกถึงภาษาเหนือมาก ๆ จนต้องถามย้ำอยู่หลายรอบกว่าจะเข้าใจกัน
โชคดีที่เพื่อนพอฟังภาษาเหนือออกบ้าง เวลาคุยอะไรก็เลยมีเพื่อนคอยช่วยแปล
และนี่ก็คือบรรยากาศช่วงเย็นที่เราไปถึงเชียงดาวกันแล้ว
อากาศดีมากกก ถึงคนจะเยอะ แต่ก็ไม่ได้เสียงดังอะไรมากมาย
สัญญาณโทรศัพท์บนนี้จะติด ๆ ดับ ๆ ถ้าใครอยากคุยหรือเล่นโทรศัพท์
ทางโฮมสเตย์ก็จะมีเคาน์เตอร์ส่วนกลางที่เหมือนจุดรวมสัญญาณไว้ให้ มีปลั๊กไว้ให้ชาร์จด้วย
แต่ทางที่ดี พกแบตสำรองไปเผื่อจะดีสุด จะได้ไม่ต้องไปแย่งหรือรอนาน
และเนื่องจากทริปนี้ทั้งเราและเพื่อนมีแค่กล้องจากโทรศัพท์ไป
ทำให้ไม่มีภาพดาวสวย ๆ ตอนกลางคืนมาให้ดูเลย
แต่บอกได้คำเดียวว่า "มองจากรูป ไม่ฟินเท่าไปสัมผัสด้วยตาตัวเอง"
ที่พัก : คืนนี้เราพักที่โฮมสเตย์ชื่อว่า ลีซูโฮม อาหารเย็นอร่อยมากกก
วิวทิวทัศน์ที่มองเห็นก็สวยมากเช่นกัน เห็นเขาอยู่ตรงหน้าเลยย
ค่าที่พักคิดต่อหัว คนละ 500 บาท (เราจองล่วงหน้าประมาณ 4-5 เดือน)
-----------------------------------------------------------------
DAY3
CHIANGMAI CITY: เที่ยวเมืองเชียงใหม่
หลังจากสองวันที่ผ่านมาเราได้ไปพักผ่อนเที่ยวชมธรรมชาติกันแล้ว
3 วันที่เหลือนี้เราสองคนเลยคิดว่าจะลงมาเที่ยวในเมืองให้สุด
และแน่นอนที่ที่เราอยากมามากที่สุดก็คือ ..ถนนคนเดิน..
ซึ่งวันที่เราลงมามันตรงกับเสาร์-อาทิตย์พอดี (วางแผนไว้แต่แรกแล้วว่าอยากไป)
ดังนั้นเสาร์ เราก็จะได้ไป ..ถนนคนเดินวัวลาย..
ส่วนวันอาทิตย์ เราก็จะได้ไป ..ถนนคนเดินท่าแพ..
แค่คิดก็ฟินแล้ววววววววว ♥
อ่ะ มาที่การเดินทางออกจากเชียงดาวกันก่อน
หลังจากเพื่อนเราตื่นแต่เช้า เช้ามากกกกกกกกก นางก็ปลุกให้มาดูภาพเชียงดาวตรงหน้า
จากนั้นประมาณ 9.00 น. คุณลุงที่รับเราขึ้นไปเมื่อวาน ก็มารับเรากลับลงไปที่ท่ารถเชียงดาวอีกครั้ง
คุณลุงชื่อลุงหนาม คุณลุงเป็นกันเองมาก ๆ น่ารักมาก และใจดีมากเช่นกัน
เมื่อถึงท่ารถเชียงดาว เราก็ซื้อตั๋วกลับมาที่ขนส่งช้างเผือกอีกครั้ง
จากนั้นก็ไปรับมอไซด์ที่ทำการจองไว้เมื่อนานนม (ประมาณเดือนนึง)
ที่พัก : สำหรับ 2 คืนที่เหลือนี้ เพื่อเราเป็นคนหาที่พัก เป็นที่พักที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้
เหมาะสำหรับคนที่จะเที่ยวข้างนอกแล้วเอาไว้กลับมานอนเฉย ๆ เป็นเหมือนอพาร์ทเม้น
ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับโรงเรียนสารสาสน์วิเทศ เชียงใหม่ (ราคาประมาณ 400 บาทต่อคืน)
ชื่อเมนูจะมีคำว่า ขัวเหล็กอยู่ด้วย ราคา รสชาติ และบรรยากาศถือว่าคุ้มมากก
หลังจากที่เติมพลังแล้วก็เข้าไปเก็บของที่ที่พักกันแล้ว
เวลาช่วงบ่ายก็เป็นช่วงที่เราไม่ได้แพลนไว้
และเพื่อใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด เรากับเพื่อนเลยตกลงกันว่า จะเข้าไปเที่ยวใน มช.
ขับรถวนเข้าไปสักพัก แลนด์มาร์กที่เดาไม่ยากว่าต้องไปก็คือ
อ่างแก้วนั่นเอง
อ่างแก้ว ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ได้มา 1 ภาพถ้วน 55555555555555
วันนี้ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ หลังออกจากมช
เราก็ยังเหลือเวลากว่าตลาดจะเปิด เราก็เลยเปิด google map
แล้วมุ่งหน้าไปต่อที่ อ.แม่ริม
และที่ที่เราไปก็คืออออออ..
ขออนุญาตบุคคลในภาพด้วยนะคะ
อ้อ บอกไว้นิดนึงนะคะ ทางขึ้นม่อนแจ่มค่อนข้างชัน แล้วก็โค้งไปโค้งมา
ใครที่ขี่รถขึ้นไปก็ระมัดระวังหน่อยเน้ออ
และเมื่อลงจากม่อนแจ่ม เราก็กลับมาเก็บของ กินข้าว แล้วก็เตรียมออกไปที่
..ถนนคนเดินวัวลาย..
ตอนที่ไป เราก็ไปตามทางที่ google map บอก ทางลัดเลาะจนคิดว่าจะไปไม่ถึงซะแล้ว555555555555
ขอพักกระทู้ไว้ที่วันที่ 3 ก่อนนะฮะ เดี๋ยววันที่ 4 ที่ไปบุก CANOPY WALKWAY จะตามมาเร็ว ๆ นี้
ใครที่กำลังแพลนจะไปเที่ยวเชียงใหม่หน้าหนาวปีนี้ ก็ลองเอาที่ที่เราไป เก็บไว้พิจารณาดูได้นะ
รับรองว่าคุ้มค่ากับการได้ไปเห็นแน่นอนนนนน ♥
-----------------------------------------------------