[SR] [Review] PlayBoy (and the gang of cherry) (2017)



คิดไว้อยู่แล้วว่าต้องมีคนเกลียดหนังมาก แม้กระทั่งตัวเราเองก็แอบทำใจไว้ด้วยเหมือนกันว่า “เราอาจจะเกลียดหนัง” แต่ก็กลายเป็นว่า เราโอเคกับ PlayBoy (and the gang of cherry) มากนะ และในขณะเดียวกันก็เข้าใจฝั่งที่เกลียดหนังด้วยว่าเพราะอะไร

.
หนังออกตัวไว้ก่อนแล้วว่า เป็นงานคารวะหนังตระกูล Pink Film หรือหนังโป๊ญี่ปุ่นในยุค 60 ที่เต็มไปด้วยความรุนแรง วิปริตผิดเพี้ยน แต่ก็มีมิติและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ โดย PlayBoy (and the gang of cherry) เลือกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงในตึกร้างที่สว่างจ้าด้วยแสงแดด เมื่อ “เชอรี่” หญิงสาวไบโพลาร์ออกมาอาละวาดตามล่าหาของที่หายไปจาก “เจมส์” และ “เพลย์บอย” โดยที่ฝ่ายแรกอาจกำลังวางแผนทำอะไรบางอย่างอยู่ ส่วนฝ่ายหลังก็กำลังเพลิดเพลินกับเซ็กส์สไตล์ S&M กับหนุ่มผมทองอีกคน โดยที่เราไม่มีทางรู้เลยว่า กลุ่มคนที่เหมือนไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะเหล่านี้ จะพาเรื่องราวไปจบลงที่ตรงไหน

.
หนังเต็มไปด้วยความอึดอัดและเคร่งเครียด ทั้งจากตัวละครที่ดู “จิต” กันทุกตัวคน บทสนทนาที่เต็มไปด้วยคำหยาบคายหรือการตะเบ็งตะโกน การแช่ภาพเนิ่นนาน ความรุนแรง หรือแม้แต่ฉากเซ็กส์ก็ยังทำให้เรากระวนกระวายใจ เพราะทุกตัวละครมันคาดเดาไม่ได้เลยว่าจะคิดหรือจะทำอะไร กระนั้น เราก็ชอบการไปสุดทางของหนังมาก เหมือน “อุ้มพล กิติกัมรา” ผู้กำกับจะรู้ดีว่าตัวเองทำอะไรอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น นักแสดงทุกคนก็เชื่อมั่นในตัวผู้กำกับมาก มันไม่ใช่แค่การเปิดเปลือยหรือเล่นฉากเซ็กส์ แต่ในทุกๆ ฉาก เราสัมผัสได้เลยว่า นักแสดงเชื่อในสิ่งที่ทำและเชื่อใจผู้กำกับมากแค่ไหน จนมันทำให้หนังก้าวข้ามหนังเกย์ไทยที่ขายความโป๊เปลือยเรื่องอื่นๆ ไปได้แบบสบายๆ เลย

.
ชอบการแสดงของ “ไตเติ้ล คริษฐ์” มาก คือบทมันเอื้อให้ตัวละครนี้เปล่าประโยชน์นอกจากเป็น “ของเล่น” มากเลยนะ แต่การแสดงที่เต็มไปด้วยภาวะอารมณ์อันบอบช้ำสับสนภายใน โดยไม่มีบทพูด มันดีงามมาก เช่นเดียวกับการแสดงของ “แม็ค สตีเว่น” ที่บทเอื้อให้โชว์ศักยภาพของการเป็นนักแสดงและเปิดเผยด้านมืดภายในออกมาแบบหมดเปลือก แล้วแม็คก็ทำได้ดี ไม่มีตรงไหนให้ติเลย ส่วน “กัน อรรถพันธ์” รายนี้เราเชื่อมือการแสดงของเค้าอยู่แล้ว ชอบเวลากันต้องแสดงบทดาร์กๆ หม่นๆ แบบนี้ที่สุด และแน่นอน “สายน้ำ” กับบทเชอรี่ ต้องยอมรับว่ารูปลักษณ์ภายนอกและการดีไซน์ตัวละครของสายน้ำทำให้ตัวละครนี้โดดเด่น มีเสน่ห์ แม้ตัวละครมันจะมีความอัปลักษณ์ภายในมากแค่ไหนก็ตาม

.
แต่ก็นั่นแหละ ก็ต้องยอมรับว่า หนังมันไม่ได้เป็นมิตรกับคนดูเลย (และก็ไม่แคร์ด้วย) เช่นเดียวกับการเลือกไม่สั่งสอนศีลธรรมอะไรเลย มันก็ทำให้คนดูที่พยายามค้นหา “นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า” หาทางลงให้บทสรุปของหนังไม่เจอ และผิดหวังเมื่อไม่ได้คำตอบว่า หนังเรื่องนี้กำลังบอกอะไรกับเรา แต่เราว่า ถ้าหาดีๆ ก็เจออะไรบางอย่างอยู่นะ...

.
สำหรับเราเอง เราชอบมากที่หนังเล่นประเด็น “ผู้กระทำ/ผู้ถูกกระทำ” หรือ “ซาดิสม์/มาโซคิสม์” ได้น่าสนใจ ในขณะที่ตัวละครเพลย์บอยมีรสนิยมเป็นมาโซคิสม์ (ผู้ถูกกระทำ) (ชอบถูกทำร้ายร่างกายก่อนหรือระหว่างมีเซ็กส์) แต่เค้าก็เป็นฝ่าย “รุก” (ผู้กระทำ) และในฉากแรกๆ เราก็ได้เห็นเลยว่า เด็กหนุ่มผมทองที่เป็นฝ่าย “รับ” (ผู้ถูกกระทำ) ให้กับเพลย์บอย ก็มีท่าทีอึดอัดลำบากใจที่จะต้องเป็นมาสเตอร์หรือฝ่ายทำร้ายร่างกายเพลย์บอย และหลังจากนั้น เราก็ได้เห็นการเล่นสนุกของการเปลี่ยนถ่ายขั้วอำนาจระหว่างการเป็นผู้กระทำและผู้ถูกกระทำในตัวละครต่างๆ อย่างต่อเนื่อง (ไม่ใช่แค่เรื่องเซ็กส์ แต่รวมถึงเรื่องอำนาจในสถานะต่างๆ ของตัวละคร ไปจนถึงอำนาจของการมีปืนในมือ)

.
วนลูปกลับมาในช่วงท้ายของเรื่อง เมื่อฉากเซ็กส์ของเพลย์บอยปรากฏอีกครั้งกับตัวละครใหม่ เราก็ได้เห็นว่าสุดท้ายแล้ว แม้เพลย์บอยยังคงเล่นเกมส์กับเซ็กส์ในตำแหน่งมาโซคิสม์เช่นเดิม แต่เค้าก็ไม่ใช่ผู้ถูกกระทำอีกนั่นแหละ และตัวละครเด็กน้อยคนนั้นก็อาจจะได้เริ่มสัมผัสอำนาจของการเป็นผู้กระทำบ้างแล้วก็ได้ แม้ว่าเค้าจะไม่ได้ยินดีกับมันเลยก็ตาม...

อ่านบทความอื่นๆ ได้ที่ เพจ ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
ชื่อสินค้า:   PlayBoy (and the gang of cherry)
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่