กฎระเบียบพอเข้าใจได้ แต่บางทีก็ต้องใช้ดุลยพินิจกันบ้างนะครับ ธนาคารกสิกรไทย.

กระทู้คำถาม
วันนี้ผมไปทำเรื่องโอนเงินที่สาขาย่อย จากบัญชีพ่อของผม โอนเข้ามายังบัญชีของผม ซึ่งเป็นของธนาคารกสิกรไทยทั้งคู่
ซึ่งพ่อของผมได้มอบฉันทะให้ผมไปดำเนินการ โดยจะมีให้กรอกข้อมูลผู้มอบฉันทะ และผู้รับมอบฯ อยู่ด้านหลังของใบคำขอถอนเงิน
ซึ่งด้านหลังนั้นพ่อของผมจะลงชื่อโดยใช้ลายเซ็น ในขณะที่ด้านหน้าในช่อง"ลายมือชื่อ ผู้ขอถอนเงิน(เจ้าของบัญชี)" พ่อผมเขียนชื่อ
และนามสกุลจริง(ไม่ใช่ลายเซ็น) แต่เมื่อผมไปทำเรื่องที่สาขา กลับไม่สามารถดำเนินการให้ได้ ทางเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่า
ลายเซ็นไม่เหมือน ผมก็บอกว่าจะไม่เหมือนได้อย่างไรครับ ก็ในเมื่อพ่อผมเซ็นให้เองกับมือ สรุปก็คือว่า ที่ไม่เหมือนในที่นี้ก็คือ
ในด้านหน้าที่พ่อผมเขียนเป็นลายมือชื่อ-นามสกุลจริง ที่ถูกต้องคือต้องเป็นลายเซ็นเหมือนที่เซ็นไว้ด้านหลัง เท่านั้นเอง

กระทู้นี้นอกจากกระผมจะขอฝากเรื่องความยืดหยุ่น และการใช้ดุลยพินิจกับกฎระเบียบต่างๆแล้ว ยังจะขอฝากเรื่องความชัดเจน
ของการใช้คำระหว่าง "ลายมือชื่อ" กับ "ลายเซ็น" ด้วยนะครับ ซึ่งข้อนี้เห็นส่วนใหญ่ก็เป็นเหมือนกันหมด ไม่ใช่กสิกรไทยเพียงแห่งเดียว
หรือแม้แต่บริษัทหลักทรัพย์ก็เช่นกัน ประเด็นหลักๆ ผมจึงขอฝากเรื่องการใช้ดุลยพินิจกับกฏระเบียบต่างๆตามหัวข้อเลยนะครับ

สรุปก็คือว่าผมต้องกลับบ้าน โดยที่ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้เลย เพียงเพราะว่า ไม่ใช้ลายเซ็น ในช่องให้กรอกลายมือชื่อ
ทั้งๆที่ลายเซ็นด้านหลังก็มีนิครับ แล้วบัตรประชาชนก็มีทั้งของผมและของพ่อผม ซึ่งมีที่อยู่ที่เดียวกันด้วย เล่มแบงค์ก็สมบูรณ์ดี
ให้เบอร์โทรศัพท์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่โทรคุยกับพ่อของผม(ซึ่งข้อมูลก็มีอยู่ในฐานข้อมูลอยู่แล้ว) ก็บอกไม่มีนโยบาย โอ้ยย จะต้อง
ยึดกฎระเบียบอะไรขนาดนั้นครับ เข้าใจดีนะครับเรื่องการทำตามกฏ ทำตามนโยบาย แต่บางทีก็ต้องมีข้อยกเว้นกันบ้าง หรือที่เรา
รู้จักกันว่าการใช้ดุลยพินิจเป็นรายบุคคลไป กรณีเดียวกันนี้ ผมสามารถทำได้กับธนาคารออมสินมาแล้วนะครับ ไม่ใช่ว่าธนาคารออมสิน
หละหลวมกับข้อกฏระเบียบนะครับ แต่เป็นเพราะเค้ารู้จักความยืดหยุ่นในการใช้กฎระเบียบต่างหาก ซึ่งตรงนี้ผมก็ขอชมเชยกับทาง
แบงค์ออมสินด้วย จึงอยากขอฝากเรื่องนี้กับทางธนาคารกสิกรไทยด้วยนะครับ หากเรื่องลายเซ็นด้านหน้า แต่ไปเขียนเป็นชื่อ-นามสกุลจริง
หากมีลายเซ็นด้านหลัง ก็ควรใช้ลายเซ็นด้านหลังมาประกอบการพิจารณาแทน หากไม่ได้ เมื่อทางผู้รับมองฉันทะให้เบอร์โทรฯ
เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่โทรไปสอบถามกับเจ้าของบัญชีเองโดยตรง ก็ควรจะดำเนินการตามนั้น ไม่ใช่ให้เหตุผลว่าไม่มีนโยบายแบบนั้น
คืออะไรหากเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า ทำได้ก็ทำเถอะครับ อย่าไปยึดติดกับกฏระเบียบอะไรให้มากนักเลย ลงนโยบายไปเลยว่า
ให้เจ้าหน้าที่สามารถใช้ดุลยพินิจกับลูกค้าเป็นรายบุคคลได้ ไม่ใช่นโนบายห้ามนั่นห้ามนี่ จนเจ้าหน้าที่ไม่กล้าจะทำอะไรกันเลยนะครับ
เพราะคนที่ลำบากก็คือลูกค้าครับ ต้องเสียเวลาเดินทางไปๆมาๆ ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย จึงอยากขอฝากเรื่องนี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ.

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่