---------------------------------
"It - โผล่จากนรก" (8/10)
---------------------------------

สวัสดีครับเพื่อนชาว Pantip ทุกท่านวันนี้เพจหนัง "Movies Feedback" ขอเสนอความเห็นหลังชม "It - โผล่จากนรก" ทางไปเพจผมครับ -->
https://www.facebook.com/FeedbackMovies
เป็นอีกครั้งที่เรื่องราวจากนิยายของ "สตีเฟ่น คิงส์" ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ นับจากการรีเมค "Carrie" หนังพลังจิตสังหารที่ได้สาวน้อย "โคลอี้ เกรซ มอเรซ" มารับบทนำ จนถึงวันนี้ที่ "IT" ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวอันน่ากลัวของมนุษย์ตัวตลก "เพนนีไวส์" ก็ถูกนำกลับมารีเมคเช่นกัน หลังจากที่เคยสร้างความระทึกขวัญผ่านรูปแบบมินิซีรีส์ทางทีวีความยาว 192 นาทีมาแล้วเมื่อ "27 ปีที่แล้ว"
สำหรับเวอร์ชั่นนี้ทางผู้ถือลิขสิทธิ์หนังอย่าง "นิวไลน์ ซีนีม่า" มีแผนจะแบ่งเรื่องราวนี้ออกเป็น 2 ภาคตามช่วงอายุของตัวละคร โดยในภาคแรกที่กำลังเข้าฉายอยู่ในขณะนี้ จะพูดถึงเรื่องราวสุดพิศวงที่เกิดกับเด็กๆในเมืองเดอร์รี่ ที่ในช่วงต้นของหนังถูกเล่าเรื่องผ่านเหตุการณ์ในแนวขนานกันระหว่างตัวละครเด็ก 7 คนที่ต้องพบกับความกลัวที่แตกต่างกันออกไป แต่ทว่าเด็กๆทั้งหมดกลับมีอย่างหนึ่งที่เหมือนกันคือการเป็นเด็ก "ไร้พวกพ้อง" ที่มักถูกมองข้ามความสำคัญและถูกกลั่นแกล้งจากพวกวัยรุ่นเจ้าถิ่นที่แสนเกเรและขี้อันธพาลอยู่เรื่อยไป สลับสับเปลี่ยนกับฉากการเผชิญหน้ากันกับความกลัวที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นจนสามารถแปลงเป็นใครบางคนในร่างของปีศาจ ที่ซึ่งเด็กๆได้เพียงแต่เรียกพวกเขาว่า "มัน (It)" ในทุกๆครั้งที่เอ่ยถึง
จากความกลัวที่เกิดขึ้นในช่วงต้น หนังค่อยๆเล่าช่วงการก้าวพ้นวัย (Coming of Age) ของเด็กๆไปสู่ความกล้าหาญที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นจากความเป็นเพื่อนภายใต้ชื่อที่พวกเขาเรียกกันเองว่า "The Losers' Club (กลุ่มขี้แพ้)" สายสัมพันธ์อันเหนียวแน่นของพวกเขาแปรเปลี่ยนเป็นพลัง การร่วมแรงร่วมใจช่วยสร้างเกราะกำบังภัยร้ายจากเหตุการณ์สุดระทึก การเสียสละขจัดความกลัวสู่ความกล้าหาญ จนกระทั่งเด็กๆทั้ง 7 พร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับเจ้า "เพนนีไวส์" เพื่อหยุดยั้งวงจรการฆ่าครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นทุกๆ 27 ปี แต่ทว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะเมื่อเย็นวันหนึ่งขณะที่ฝนกำลังตกอย่างหนัก เด็กชายผู้โชคร้ายกำลังวิ่งไล่จับเจ้าเรือกระดาษที่กำลังไหลลงไปในท่อระบายน้ำริมถนน และที่นั้นเองที่หนูน้อยคนนั้นได้พบกับตัวตลกเพนนีไวส์กำลังแสยะยิ้มทักทายออกมา
จะว่าไปผมอาจเป็นเพียงผู้ชมกลุ่มเล็กๆที่มองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นหนังสยองขวัญที่น่ากลัวซักเท่าไหร่ ซึ่งแม้เจ้าตัวตลกเพนนีไวส์จะแปลงกายออกมาหลอกหลอนเด็กๆในร่างใดก็ตาม มันก็ไม่สามารถสร้างความสยองให้กับอารมณ์ในภาพรวมของหนังได้ดีเท่าที่ควร ผมมองว่าปัญหาหลักน่าจะมาจากความไม่ต่อเนื่องทางอารมณ์ที่เดี๋ยวระทึก เดี๋ยวตลก สลับกันไปแบบที่นี้แทบทั้งเรื่อง ส่วนตัวยอมรับว่าเมื่อหนังถึงฉากระทึก มันก็ถูกนำเสนอออกมาได้ตื่นเต้นและน่าติดตามจริง แต่ในส่วนของฟีลลิ่งในภาพรวมผมไม่ได้รู้สึกสยองอะไรมากมาย เพราะเมื่ออารมณ์กำลังดำดิ่งไปสู่ความน่ากลัวและหวาดระแวง จู่ๆมันก็ถูกตัดบทไปเน้นกับเรื่องราวความสัมพันธ์ของเด็กๆ จนเส้นเรื่องหลักจริงๆของหนังไม่น่าจะใช่แนวสยองขวัญอีกต่อไป ซึ่งจากที่ผมได้ชม ผมขออนุญาตจำกัดความหนังเรื่องนี้ใหม่ว่าเป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวการก้าวผ่านช่วงอายุ (Coming of Age) ของตัวละครที่ทำออกมาได้ดีเรื่องหนึ่ง เพียงแต่หนังมีความพิเศษที่มีการหยิบยกประเด็นเรื่องการเอาชนะความกลัวของตนเองและความตื่นเต้นระทึกขวัญใส่ลงไปด้วย
ตัวตลกเพนนีไวส์เปรียบเสมือนตัวกลางในการเชื่อมความกลัวของเด็กทุกคนเข้าไว้ด้วยกัน มันคอยแฝงเข้ามาหลอกหลอนในรูปลักษณ์ที่น่าหวาดกลัวตามจิตใต้สำนึกของเด็กแต่ละคน และในขณะที่หนังกำลังดำเนินเรื่องเพื่อสร้างความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อน ก็จะมีช่วงตื่นเต้นที่หนังจะแทรกความสยองที่แต่ละคนพบเจอเข้าไปเป็นระยะๆ จนถึงท้ายเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างร่วมมือกันเข้าไปกำจัดความกลัวที่ต้นตอ นั้นคือการบุกเข้าไปในถิ่นของตัวตลกเพนนีไวส์ การร่วมกันต่อสู้เพื่อจำกัดเจ้าตัวตลกมิอาจทำลายมันลงได้ทันตา แต่หนังกลับแสดงให้เห็นว่าส่วนหนึ่งแล้วเราต้องรวบรวมความกล้าและเอาชนะความกลัวของตนเองให้ได้ ซึ่งความกล้าหาญนี้เองที่จะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เอาชนะศัตรู (ที่ไม่ใช่เพียงตัวตลกเพนนีไวส์) ลงได้
ฉากจบของเรื่องยังไม่ได้ใส่จุดเชื่อมโยงไปยังพาร์ทถัดไปมากเท่าไหร่นัก ส่วนหนึ่งคงเพราะตอนถ่ายทำอาจจะยังไม่มั่นใจในเรื่องของตัวเลขรายรับ แต่จะว่าไปตอนที่ผมเขียนรีวิวอยู่ในขณะนี้ หนังก็เก็บเรียบทุกสถิติรายได้ในแบบที่แรงเกินคาดคิด ขึ้นชาร์ตอันดับ 3 หนังทำเงินเปิดตัวสูงสุดของปีนี้ไปเป็นที่เรียบร้อย แถมด้วยการกลายเป็นหนังที่ทำรายได้เปิดตัวเดือนกันยายนสูงสุดตลอดกาล และสถิติอื่นๆที่ผมไม่ขอพูดถึงในรีวิวนี้อีกเยอะแยะ จนในที่สุดก็มีข่าวออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่า "IT Part 2" จะมีขึ้นให้ผู้ชมทั่วโลกได้ดูกันแน่นอน ซึ่งตอนนี้ทางผู้สร้างกำลังเขียนบทอยู่ และแน่นอนว่าเรื่องราวในพาร์ทถัดมานี้ คงจะเล่าเรื่องราวตอนที่เด็กๆในแก๊งค์ขี้แพ้โตขึ้นมากลายเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งผมคาดว่าน่าจะเล่าเรื่องในอีก 27 ปีถัดจากเรื่องราวในภาคแรก นั่นก็หมายความว่ามันจะพอดีกับช่วงเวลาที่เจ้าเพนนีไวส์จะกลับมาปรากฏตัวในเมืองนี้อีกครั้ง
ในภาพรวมของ "IT" เวอร์ชั่นใหม่นี้จึงออกมาในลักษณะที่ให้อารมณ์เหมือนภาพยนตร์ไทยอย่าง "แฟนฉัน" ในเวอร์ชั่นที่ดูโตขึ้นมานิดและใส่เรื่องราวสั่นประสาทเข้าไป ความเป็นหนังสยองขวัญน่าจะดูเป็นตัวเสริมเข้าไปจากเส้นเรื่องที่ให้อารมณ์คล้ายหนังผจญภัยและการก้าวพ้นวัยของตัวละคร ตัวตลกเพนนีไวส์ทำออกมาได้หลอนแบบติดตาผมไปอีกหลายชั่วโมง ตัวละครเด็กๆก็น่ารักมีเสน่ห์กันไปคนละแบบ โดยสรุปแล้ว ผมถือว่าหนังโอเคอยู่สำหรับการนำมารีเมคใหม่ในครั้งนี้ครับ
เพื่อนๆสามารถเข้าไปกดไลก์และติดตามการรีวิวหนังกันได้ที่
https://www.facebook.com/FeedbackMovies
[CR] รีวิว "It - โผล่จากนรก" : หนังที่เส้นเรื่องหลักเน้นไปที่ประเด็น Coming of Age ผสมผสานความสยองที่ยังดูไม่ค่อยต่อเนื่อง
"It - โผล่จากนรก" (8/10)
---------------------------------
สวัสดีครับเพื่อนชาว Pantip ทุกท่านวันนี้เพจหนัง "Movies Feedback" ขอเสนอความเห็นหลังชม "It - โผล่จากนรก" ทางไปเพจผมครับ --> https://www.facebook.com/FeedbackMovies
เป็นอีกครั้งที่เรื่องราวจากนิยายของ "สตีเฟ่น คิงส์" ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ นับจากการรีเมค "Carrie" หนังพลังจิตสังหารที่ได้สาวน้อย "โคลอี้ เกรซ มอเรซ" มารับบทนำ จนถึงวันนี้ที่ "IT" ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวอันน่ากลัวของมนุษย์ตัวตลก "เพนนีไวส์" ก็ถูกนำกลับมารีเมคเช่นกัน หลังจากที่เคยสร้างความระทึกขวัญผ่านรูปแบบมินิซีรีส์ทางทีวีความยาว 192 นาทีมาแล้วเมื่อ "27 ปีที่แล้ว"
สำหรับเวอร์ชั่นนี้ทางผู้ถือลิขสิทธิ์หนังอย่าง "นิวไลน์ ซีนีม่า" มีแผนจะแบ่งเรื่องราวนี้ออกเป็น 2 ภาคตามช่วงอายุของตัวละคร โดยในภาคแรกที่กำลังเข้าฉายอยู่ในขณะนี้ จะพูดถึงเรื่องราวสุดพิศวงที่เกิดกับเด็กๆในเมืองเดอร์รี่ ที่ในช่วงต้นของหนังถูกเล่าเรื่องผ่านเหตุการณ์ในแนวขนานกันระหว่างตัวละครเด็ก 7 คนที่ต้องพบกับความกลัวที่แตกต่างกันออกไป แต่ทว่าเด็กๆทั้งหมดกลับมีอย่างหนึ่งที่เหมือนกันคือการเป็นเด็ก "ไร้พวกพ้อง" ที่มักถูกมองข้ามความสำคัญและถูกกลั่นแกล้งจากพวกวัยรุ่นเจ้าถิ่นที่แสนเกเรและขี้อันธพาลอยู่เรื่อยไป สลับสับเปลี่ยนกับฉากการเผชิญหน้ากันกับความกลัวที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นจนสามารถแปลงเป็นใครบางคนในร่างของปีศาจ ที่ซึ่งเด็กๆได้เพียงแต่เรียกพวกเขาว่า "มัน (It)" ในทุกๆครั้งที่เอ่ยถึง
จากความกลัวที่เกิดขึ้นในช่วงต้น หนังค่อยๆเล่าช่วงการก้าวพ้นวัย (Coming of Age) ของเด็กๆไปสู่ความกล้าหาญที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นจากความเป็นเพื่อนภายใต้ชื่อที่พวกเขาเรียกกันเองว่า "The Losers' Club (กลุ่มขี้แพ้)" สายสัมพันธ์อันเหนียวแน่นของพวกเขาแปรเปลี่ยนเป็นพลัง การร่วมแรงร่วมใจช่วยสร้างเกราะกำบังภัยร้ายจากเหตุการณ์สุดระทึก การเสียสละขจัดความกลัวสู่ความกล้าหาญ จนกระทั่งเด็กๆทั้ง 7 พร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับเจ้า "เพนนีไวส์" เพื่อหยุดยั้งวงจรการฆ่าครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นทุกๆ 27 ปี แต่ทว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะเมื่อเย็นวันหนึ่งขณะที่ฝนกำลังตกอย่างหนัก เด็กชายผู้โชคร้ายกำลังวิ่งไล่จับเจ้าเรือกระดาษที่กำลังไหลลงไปในท่อระบายน้ำริมถนน และที่นั้นเองที่หนูน้อยคนนั้นได้พบกับตัวตลกเพนนีไวส์กำลังแสยะยิ้มทักทายออกมา
จะว่าไปผมอาจเป็นเพียงผู้ชมกลุ่มเล็กๆที่มองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นหนังสยองขวัญที่น่ากลัวซักเท่าไหร่ ซึ่งแม้เจ้าตัวตลกเพนนีไวส์จะแปลงกายออกมาหลอกหลอนเด็กๆในร่างใดก็ตาม มันก็ไม่สามารถสร้างความสยองให้กับอารมณ์ในภาพรวมของหนังได้ดีเท่าที่ควร ผมมองว่าปัญหาหลักน่าจะมาจากความไม่ต่อเนื่องทางอารมณ์ที่เดี๋ยวระทึก เดี๋ยวตลก สลับกันไปแบบที่นี้แทบทั้งเรื่อง ส่วนตัวยอมรับว่าเมื่อหนังถึงฉากระทึก มันก็ถูกนำเสนอออกมาได้ตื่นเต้นและน่าติดตามจริง แต่ในส่วนของฟีลลิ่งในภาพรวมผมไม่ได้รู้สึกสยองอะไรมากมาย เพราะเมื่ออารมณ์กำลังดำดิ่งไปสู่ความน่ากลัวและหวาดระแวง จู่ๆมันก็ถูกตัดบทไปเน้นกับเรื่องราวความสัมพันธ์ของเด็กๆ จนเส้นเรื่องหลักจริงๆของหนังไม่น่าจะใช่แนวสยองขวัญอีกต่อไป ซึ่งจากที่ผมได้ชม ผมขออนุญาตจำกัดความหนังเรื่องนี้ใหม่ว่าเป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวการก้าวผ่านช่วงอายุ (Coming of Age) ของตัวละครที่ทำออกมาได้ดีเรื่องหนึ่ง เพียงแต่หนังมีความพิเศษที่มีการหยิบยกประเด็นเรื่องการเอาชนะความกลัวของตนเองและความตื่นเต้นระทึกขวัญใส่ลงไปด้วย
ตัวตลกเพนนีไวส์เปรียบเสมือนตัวกลางในการเชื่อมความกลัวของเด็กทุกคนเข้าไว้ด้วยกัน มันคอยแฝงเข้ามาหลอกหลอนในรูปลักษณ์ที่น่าหวาดกลัวตามจิตใต้สำนึกของเด็กแต่ละคน และในขณะที่หนังกำลังดำเนินเรื่องเพื่อสร้างความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อน ก็จะมีช่วงตื่นเต้นที่หนังจะแทรกความสยองที่แต่ละคนพบเจอเข้าไปเป็นระยะๆ จนถึงท้ายเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างร่วมมือกันเข้าไปกำจัดความกลัวที่ต้นตอ นั้นคือการบุกเข้าไปในถิ่นของตัวตลกเพนนีไวส์ การร่วมกันต่อสู้เพื่อจำกัดเจ้าตัวตลกมิอาจทำลายมันลงได้ทันตา แต่หนังกลับแสดงให้เห็นว่าส่วนหนึ่งแล้วเราต้องรวบรวมความกล้าและเอาชนะความกลัวของตนเองให้ได้ ซึ่งความกล้าหาญนี้เองที่จะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เอาชนะศัตรู (ที่ไม่ใช่เพียงตัวตลกเพนนีไวส์) ลงได้
ฉากจบของเรื่องยังไม่ได้ใส่จุดเชื่อมโยงไปยังพาร์ทถัดไปมากเท่าไหร่นัก ส่วนหนึ่งคงเพราะตอนถ่ายทำอาจจะยังไม่มั่นใจในเรื่องของตัวเลขรายรับ แต่จะว่าไปตอนที่ผมเขียนรีวิวอยู่ในขณะนี้ หนังก็เก็บเรียบทุกสถิติรายได้ในแบบที่แรงเกินคาดคิด ขึ้นชาร์ตอันดับ 3 หนังทำเงินเปิดตัวสูงสุดของปีนี้ไปเป็นที่เรียบร้อย แถมด้วยการกลายเป็นหนังที่ทำรายได้เปิดตัวเดือนกันยายนสูงสุดตลอดกาล และสถิติอื่นๆที่ผมไม่ขอพูดถึงในรีวิวนี้อีกเยอะแยะ จนในที่สุดก็มีข่าวออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่า "IT Part 2" จะมีขึ้นให้ผู้ชมทั่วโลกได้ดูกันแน่นอน ซึ่งตอนนี้ทางผู้สร้างกำลังเขียนบทอยู่ และแน่นอนว่าเรื่องราวในพาร์ทถัดมานี้ คงจะเล่าเรื่องราวตอนที่เด็กๆในแก๊งค์ขี้แพ้โตขึ้นมากลายเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งผมคาดว่าน่าจะเล่าเรื่องในอีก 27 ปีถัดจากเรื่องราวในภาคแรก นั่นก็หมายความว่ามันจะพอดีกับช่วงเวลาที่เจ้าเพนนีไวส์จะกลับมาปรากฏตัวในเมืองนี้อีกครั้ง
ในภาพรวมของ "IT" เวอร์ชั่นใหม่นี้จึงออกมาในลักษณะที่ให้อารมณ์เหมือนภาพยนตร์ไทยอย่าง "แฟนฉัน" ในเวอร์ชั่นที่ดูโตขึ้นมานิดและใส่เรื่องราวสั่นประสาทเข้าไป ความเป็นหนังสยองขวัญน่าจะดูเป็นตัวเสริมเข้าไปจากเส้นเรื่องที่ให้อารมณ์คล้ายหนังผจญภัยและการก้าวพ้นวัยของตัวละคร ตัวตลกเพนนีไวส์ทำออกมาได้หลอนแบบติดตาผมไปอีกหลายชั่วโมง ตัวละครเด็กๆก็น่ารักมีเสน่ห์กันไปคนละแบบ โดยสรุปแล้ว ผมถือว่าหนังโอเคอยู่สำหรับการนำมารีเมคใหม่ในครั้งนี้ครับ
เพื่อนๆสามารถเข้าไปกดไลก์และติดตามการรีวิวหนังกันได้ที่ https://www.facebook.com/FeedbackMovies