มีปัญหาซื้อบ้านแต่เหมือนไม่ได้บ้าน (ซื้อบ้านพร้อมสัญญาเช่าร้านที่นอร์เวย์) จะทำยังไงดี

สวัสดีค่ะทุกคน
ก่อนอื่นเราขอชี้แจงก่อนว่า เรายืมไอดีเพื่อนมาเขียนกระทู้นี้นะคะ แล้วกระทู้นี้ก็เป็นกระทู้แรกด้วย หากมีเรื่องใดผิดพลาดหรือสะกดผิดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ช่วงนี้เบลอมากค่ะ

คือเรื่องมีอยู่ว่า เราแต่งงานแล้วย้ายมาอยู่ที่ประเทศนอร์เวย์ ทีนี้เรากับแฟนตัดสินใจหาซื้อบ้านด้วยกัน
ก่อนอื่นต้องชี้แจงนิดนึงว่าการซื้อบ้านที่ประเทศนี้จะเป็นแบบ การประมูลบ้านกัน ใครให้ราคาสูงสุดภายในเวลาก็จะได้บ้านไป

เรากับแฟนก็ไปเห็นบ้านประกาศขายในอินเตอร์เน็ต เราได้เดินทางเข้าไปดูบ้านวันที่เค้าเปิดบ้านให้ชม วันที่เราไปดูก็มีคนเข้าไปดูหลายครอบครัวอยู่เหมือนกันค่ะ (รวมทั้งลูกสาวของคนเช่าร้านข้างล่าง แต่เรามารู้ทีหลังว่าเป็นลูกสาวคนเช่า) วันนั้นพนักงานขายก็แจก เอกสารบ้าน พร้อมสัญญาเช่าร้าน และเอกสารขายที่ดิน ส่วนบนเขาให้กับรัฐบาล (เนื่องจากจะมีการสร้างถนนใหม่ตัดผ่านในที่ดินส่วนนั้น) ลักษณะบ้านเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น ด้านหน้าติดถนน ด้านหลังเป็นทะเล ชั้นล่างเป็นร้านค้าเหมือนร้านขายของชำบ้านเรา มีขายไส้กรอก เครื่องดื่ม ขนม ตามปกติ หลังจากสำรวจบ้านเสร็จ เราก็กลับบ้านแต่ไม่ได้มีการพูดคุยกับผู้เช่าบ้านด้านล่างแต่อย่างใด เนื่องจากเราต้องรีบไปขึ้นเรือข้ามฟากกลับบ้าน
ก่อนอื่นต้องขอชี้แจง ประวัติบ้านหลังนี้ก่อนนะคะจะได้ไม่ งง กันเนอะ คือบ้านนี้เปิดเป็นร้านค้ามาตั้งแต่ปี 1960 โดยเจ้าของบ้านเดิมเป็นคนเปิดร้านค้า แล้วเจ้าของบ้านได้ทำสัญญาเช่ากับผู้เช่าปัจจุบัน และเปิดร้าน เมื่อ 01/05/2014  และต่อมาเจ้าของบ้านเดิมเสียชีวิต ปี 2015 แล้วได้ยกบ้านให้กับสมาคมมะเร็งหลังจากเสียชีวิต หลังจากนั้นทางสมาคมมะเร็งก็ประกาศขายบ้าน ในเดือน มิ.ย. 2017

หลังจากที่กลับมาบ้านเรากับแฟนก็อ่านเอกสารบ้านทั้งหมดรวมถึงสัญญาเช่า ในสัญญาเช่าไม่ได้ระบุวันที่หมดสัญญา แต่ในสัญญาเช่าเขียนว่าเราสามารถยกเลิกเช่าได้โดยบอกล่วงหน้า 2 เดือน แต่ในใจเราก็ไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรเพราะว่าเราก็กะว่าจะให้เค้าเช่าต่อไปอยู่แล้ว และวันถัดมาเราก็เสนอราคาประมูลซึ่งก็มีคนประมูลกับเราเหมือนกัน (แต่คนเช่าด้านล่างไม่ได้เสนอราคาประมูลอันนี้เราถามจากพนักงานขายบ้านมานะคะ)  
สรุปเรากะแฟนก็ประมูลชนะบ้านหลังนี้มา แล้วหลังจากนั้นไม่นานสองวันสามวันได้เราก็เห็นหนังสือพิมพ์ของที่นี่ลงข่าวเรื่องบ้านที่เราพึ่งซื้อมา พร้อมรูปบ้านและผู้หญิงที่เช่าร้าน ตอนนั้นก็ช็อคเล็กน้อยว่าอะไรยังไง ซึ่งเนื้อหาในหนังสือพิมพ์เขียนประมาณว่า ทางผู้เช่าไม่มีโอกาสได้ซื้อบ้านเพราะยังทำเรื่องกู้ไม่ทัน รวมถึงเค้าอยากจะเช่าร้านต่อและทางสมาคมมะเร็งก็ต้องการที่จะยกเลิกสัญญาเช่าเช่นกัน แต่ว่าทางผู้เช่าไม่ยอม สุดท้ายเลยต้องขายบ้านพร้อมสัญญาเช่า ส่วนทางสมาคมมะเร็งก็แจ้งว่าเค้าได้ทำการติดต่อบอกกับผู้เช่าบ้านแล้วว่าจะขายบ้าน ซึ่งทางศูนย์มะเร็งได้ให้สิทธิ์ขายบ้านให้กับทางผู้เช่าก่อน ก่อนที่จะโพสประการขายทางอินเตอร์เน็ตด้วย แต่ทางเค้าไม่ได้รับการเสนอราคาใดๆ เรื่องจึงมาถึงเรานี่เอง -..-

ส่วนเราก็เข้าไปที่บ้าน ประมาณเดือน ก.ค. ในตอนนี้เรายังไม่ได้รับการโอนสิทธิ์ว่าเป็นเจ้าของบ้านเต็มตัวนะคะ แต่เราแวะเข้าไปดูก่อน เพื่อดูว่าเราจะปรับปรุงรีโนเวทยังไงได้บ้าง เนื่องจากบ้านที่ซื้อมาทำเลดีแต่ต้องการ การปรับปรุงอย่างมาก วันนั้นเป็นวันแรกที่เราได้เจอกับผู้เช่าด้านล่าง เค้าก็คุยกับสามีเราในเรื่องทั่วๆไปพร้อมเดินไปรอบๆบ้าน พอมาถึงจุดจอดรถสามีเราบอกว่าเราจะขอใช้ที่จอดรถตรงนี้นะ เนื่องจากว่ามันมีช่องจอดข้างๆบ้านไม่ต้องไปจอดรวมกับลูกค้าที่ขับรถเข้าออกตลอดเวลา คนเช่าก็บอกว่าตรงนั้นลูกชายเค้าที่มาทำงานจอดประจำ -.-? พอเดินมาถึงด้านในบริเวณทางขึ้นบันได เราก็บอกเค้าว่าจะแบ่งแยกในส่วนของร้านกับที่อาศัยด้านบนไม่ให้เกี่ยวข้องกัน เพื่อความปลอดภัยของเราเนื่องจากเราต้อยู่คนเดียวและสามีทำงานบนเรือ มันก็รู้สึกไม่ปลอดภัยถ้ามีใครก็ไม่รู้สามารถเดินขึ้นไปชั้นสองได้ตลอดเวลา คนเช่าก็บอกว่า ไม่ได้!!!!ชั้นต้องใช้ห้องเก็บของตรงนี้ คือว่าห้องเก็บของที่เป็นห้องเล็กๆอยู่บริเวณโถงบันได แล้วที่หนักกว่านั้นตอนที่สามีเราบอกนางว่าจะให้เช่า 1 ปี ก่อนแล้วดูว่าเราจะสามารถทำงานร่วมกันอยู่ด้วยกันได้ไหม เค้แต่นางบอกสามีเราว่าถ้าเค้าไม่ได้เช่า 6 ปี เค้าจะยื่นเรื่องฟ้องศาล O_0 ? แล้วถ้าเราไม่ให้เค้าเช่าต่อคนที่อยู่ระแวกนั้นจะไม่ต้อนรับเรา เค้าจะทำให้เราอึดอัดใจ รวมทั้งเค้าสามารถทำให้คนโชคร้ายตลอดชีวิตได้ถ้าเค้าต้องการ รวมทั้งที่บ้านมีผี ฯลฯ แล้วก็ทิ้งท้ายนางก็บอกว่าส่งเมลกลับมาหาชั้นด้วยคอนเฟริมว่ายังไงภายในวันนี้
หลังวันนั้นเราสองคนก็กลับบ้านมาแบบ งงๆ งงว่าไม่รู้ใครเช่าใครเจ้าของบ้าน เข้าใจเลยว่าซื้อบ้านแต่เหมือนไม่ได้บ้านเป็นยังไง ฮ่าๆๆๆ(หัวเราะแบบน้ำตาตกใน) เรากับสามีก็ไม่รู้จะทำยังไงดี แล้วเราก็ไม่อยากมีปัญหาให้มันใหญ่โต เลยส่งเมลกลับไปว่า โอเคเราจะให้คุณเช่า 6 ปี แต่ค่าเช่าจะเป็น 6500,- จาก 6000,- (เนื่องจากสามีเช็คราคาปัจจุบันเค้าปรับขึ้นแล้ว แต่จริงๆราคาเช่าที่พัก ย่านนั้นราคาเช่าอยู่ที่เดือนละ 8k-10k ค่ะ) แล้วในอีเมลเราระบุว่าส่วนรายละเอียดข้อตกลงอื่นๆเราจะระบุลงในสัญญา เนื่องจากตอนนี้เรายังไม่สามารถทำสัญญาเช่าได้ เรายังไม่ได้เป็นเจ้าของบ้านเลย

หลังจากนั้นคนเช่าก็ส่งเมลตอบกลับมาว่า ดีแล้วที่ตกลงระยะยาวจะดีกับทั้งสองฝ่าย แต่เค้าไม่โอเคที่จะเป็น 6500,- ควรจะเป็นแค่ 6250,- แล้วรวมถึงเค้าจะร่วมออกแบบสัญญาเช่า แล้วจะให้เราคอนเฟริมในอีเมลเรื่องระยะเวลาว่าจะเราต่อสัญญากับนางระยะยาว
เรากับสามีเริ่มตะหงิดใจในความเรื่องเยอะของผู้เช่า เลยส่งอีเมลตอบกลับไปภายในสองวันถัดไป บอกว่า เราไม่สามารถคอนเฟริมอะไรทั้งนั้นเรื่องระยะเวลาและข้อตกลงต่างๆเราต้องการเวลาตัดสินใจ แล้วเรายังไม่ได้สิทธิ์เจ้าของบ้านเลย หลังจากที่เราได้แล้วสิทธิ์แล้วเราจะแจ้งกลับไป คือทุกคนในครอบครัวเรากับสามีบอกว่าอย่าต่อสัญญากับนางเลย นางขู่เราตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แถมคนรอบข้างเราก็บอกรู้จักครอบครัวนี้เค้าว่าครอบครัวนี้แปลก คือเรากับสามีก็คิดหนักมากนะถึงผลกระทบที่จะตามมา แต่เราก็คิดว่าเราจะต้องเป็นบ้าแน่ๆถ้าให้นางเช่าต่อขนาดยังไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ยังเป็นแบบนี้ อีกอย่างที่สำคัญคือบ้านเราจะต้องปรับปรุงทั้งหลังรวมถึงภายนอกซึ่งมันทำไม่ได้ถ้าติดคนเช่าอยู่ด้านล่าง เรากับสามีจึงตัดสินใจที่จะไม่ต่อสัญญาเช่า

และแล้ววันนั้นก็มาถึง เราแจ้งอีเมลไปหานางว่าเราไม่ต้องการต่อสัญญากับนางแล้ว แต่ตามกฏหมาย ของที่นี่เค้าต้องให้เวลา 3 เดือนเป็นอย่างน้อย เราแจ้งไปตั้งแต่ 31 ก.ค. ว่าจะไม่ต่อสัญญาใหม่นะ เนื่องจาก 6 ปีมันนานเกินไปเราไม่สามารถให้ได้จริงๆ แล้วเราต้องใช้พื้นที่ในการปรับปรุงบ้าน วันที่ 1 ส.ค. นางส่งอีเมลกลับมาว่าไม่ต้อง 6ปีก็ได้ อันนั้นนางแค่หวังไว้ เรากับสามีแพลนว่าจะเอาเอกสารไปให้นางวันที่ 1 ส.ค. ซึ่งวันนั้นก็เป็นการพบกันครั้งที่2 ครั้งนี้เราอัดเสียงการคุยกันไว้เลย ฮ่าๆ เพื่อนางจะขู่อะไรอีก แต่ผิดคาดนางมาดีกว่าตอนแรกในบทสนทนารอบนี้มีลูกสาวนางคอยแปลเป็นอังกฤษให้เราตลอด รอบนี้นางบอกว่าเป็นปีนึงก็ได้แล้วเราค่อยมาดูกันว่าจะต่อสัญญาเพิ่มอีกทีได้ไหม แต่คือใจเรากับสามี คือไม่ได้แล้วอะคนมันเสียความรู้สึกไปแล้ว แต่เราก็บอกทางฝั่งนั้นไปว่าเราให้ได้เต็มที่ 6 เดือนเพราะเราก็เข้าใจว่าเค้าต้องการเวลาเคลียร์ของในร้านกับพนักงานในร้าน ทางนั้นก็ถามทำไมละๆตอนแรกยังบอกว่า 1ปีอยู่เลย ทำไมจะให้ตอนนี้ไม่ได้เราก็ไม่ตอบ ลูกสาวเค้าบอกเราว่าเนี่ยตอนนี้บ้านเป็นของเธอแล้วเธอจะทำอะไรก็ได้ แต่เราก็บอกลูกสาวเค้าว่าตอนแรกแม่เธอก็ไม่ได้พูดแบบนี้นะ แล้วเรื่องที่ห้องเก็บของเค้าก็บอกให้เราสร้างกำแพงใหม่เพื่อกั้นทางเดินให้เค้าสามารถใช้ห้องเก็บของเล็กๆนั้นได้ คือห้องมันไม่ได้ใหญ่นะคะเราคิดว่าของมันสามารถย้ายไปเก็บที่อื่นได้แต่เค้าก็ไม่ยอม บริเวณสีแดงคือห้องเก็บของค่ะ ตามภาพประกอบ


แต่สรุปสุดท้ายทางเค้าก็บอกว่า 6 เดือนมันน้อยไป เค้าต้องการ 1 ปี ยังไงให้เรากับสามีลองกลับไปคิดละพิจารณาดูนะ เพราะพนักงานจะไม่มีงานจะตกงานต้องเลี้ยงลูก บลาๆๆ  แล้วเค้าจะส่งสัญญาร่างมาให้เราดูว่าเราจะโอเคไหม  บอกตามตรงว่าสามีเราเริ่มใจอ่อน แต่เรายังไม่ให้คำตอบอะไรใดๆ วันถัดไป เค้าส่งสัญญาเช่า มาให้เรากับสามี ในสัญญาเขียนว่าระยะเวลา เช่า 2-3 ปี แล้วสามารถต่อสัญญา เพิ่มได้อีก 1 ปี =_=??? งงสิค่ะ งง แบบอ่าวเห้ยไม่เห็นเหมือนที่คุยกันไว้เลย

เราพยามคุยแล้วแต่เค้าไม่ตกลงข้อเสนออะไรที่ทางเราเสนอให้เลย เค้ามองแค่สิ่งที่เค้าต้องการจริงๆ เรากับสามีไม่ไหวจะเคลียร์แล้ว เรากับสามีจึงไปจ้างทนาย ให้เขียนเอกสารยกเลิกสัญญาเช่ากับนาง ซึ่งสัญญาจะ สิ้นสุดภายในวันที่ 30 พ.ย. ส่วนผู้เช่ามีสิทธิ์ในการที่จะไม่ยอมรับแล้วไปยื่นเรื่องกับศาล นางก็ส่งกับมาหาทนายเราว่านางไม่ยอมรับเนื่องจากเราเคยบอกว่าจะให้นางเช่า แล้วเรามีเหตุผล ไม่ดีพอในการยกเลิกสัญญาเช่า พร้อมขู่ทิ้งท้ายว่าเรื่องนี้ถ้าไปถึงศาลเราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะ ทางทนายเราก็ตอบอีเมลกลับไปว่า เรื่องที่เราเคยบอกว่าจะให้เช่านั้นใช้มาอ้างไม่ได้เนื่องเป็นการหาการตกลงระหว่างกัน ซึ่งยังไม่มีการตกลงที่แน่นอน และยังไม่มีการทำสัญญา หากนางยังยืนยันที่จะฟ้องศาลแล้วถ้านางแพ้นางต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมทั้งค่าทนายฝั่งเราด้วย นางมีเวลาคิด 7 วันว่าจะถอนเรื่องกลับหรือไม่
และแล้ว วันสุดท้ายวันที่ 7 นางส่งอีเมลมาหาทนายเราว่านางต้องการที่จะตกลงอีกครั้งนึง ว่าทางเค้าต้องการเวลานานกว่านั้นในการยกเลิกสัญญา รวมทั้ง อ้างว่าพนักงานจะตกงานและจะไม่เงินซื้อของขวัญปีใหม่ ถ้าพนักงานตกงานก่อน สิ้นปีนี้ สามีเราใจอ่อนอีกครั้ง แต่เราบอกสามีว่าขอเวลาคิดก่อนคือเราไม่อยากตัดสินใจอะไรสั้นๆอีก แล้วตกเย็นวันนั้น เพื่อนของนางก็โฟสเฟสบุ้ค เนื้อหาตามภาพ


อันนี้ใช้แปลจากภาษานอร์เวย์มาเป็นภาษาอังกฤษนะคะ อาจจะ งงๆนิดนึง แต่ถ้าแปลเป็นไทยจะ งง กว่านี้ค่ะ -*-
ตอนนี้ยอดแชร์ ปาไป 5 ร้อยกว่าแชร์แล้วค่ะรวมทั้งมีคนคอมเมนต์ต่างๆนานา คอมเมนต์ส่วนใหญ่บอกว่าต้องการให้มีร้านอยู่ต่อ เนื่องจากร้านมีมานานแล้ว เค้าแบบอยากอนุรักษ์ไว้อะไรทำนองนี้ บางคอมเมนต์บอกกว่าให้บอยคอร์ดเราละบอกคนอื่นไม่ต้องไปอุดหนุนร้านใหม่ไปเลยก็มี และก็มีคอมเมนต์นึงบอกว่าจะล่าลายเซ็นต์เพื่อที่ร้านจะได้เช่าต่อไป บางคนก็บอกว่าทำไมคนเช่าไม่ซื้อเอง...

มาจุดนี้ บอกตรงๆว่าเรากับสามียิ่งเฟลหนักมาก คือเรารู้สึกว่าโพสนี้มันมีผลกับเราทั้งส่วนตัวและเรื่องอนาคต เพื่อนสามี ครอบครัวก็โทรมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วหลังจากนี้ถ้าเราจะเปิดร้านเอง หรือมีผู้เช่ารายใหม่ มันก็จะกระทบกับธุรกิจ จากที่จะไม่ให้เรื่องใหญ่โต แต่มาโดนคนอื่นโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวทั้งที่เราก็ซื้อบ้านมาอย่างถูกกฏหมายทุกอย่าง ผ่อนบ้านก็แพง ค่าทนายก็แพง แต่เรากลับเป็นคนที่เข้าไปอยู่บ้านไม่ได้ เรานี่อยากจะคอมเมนต์ความจริงตอบกลับให้ทุกคนได้รู้ว่าสิ่งที่เราต้องเจอมาคืออะไร แต่มันก็เป็นเรื่องที่เราจะไปพูดก็ไม่ได้ว่าคนเช่าเค้าเป็นยังไง มันเป็นอะไรที่อึดอัดใจสุดๆY^Y

ตอนนี้ทนายเรายื่นขั้นสุดท้ายไป ว่าเป็นสิ้นเดือน กพ 2018 ให้เวลา 6 เดือน ถ้าภาย 3 วันนี้ นางไม่โอเคอีกคงต้องขึ้นศาลจริงๆแล้วค่ะ สรุปค่าเช่าที่ได้มาจ่ายค่าทนายหมดค่ะแถมจ่ายเพิ่ม แล้วไม่ได้อยู่บ้านตัวเองอีก เล่าละเศร้าค่ะT^T นางเคยบอกว่าร้านที่เปิดอยู่เนี่ยไม่สะอาดพอ เค้าบอกว่าถ้ามีใครโทรแจ้งเค้าอาจจะต้องปิดร้าน แต่คือเราก็ไม่อยากจะทำให้เค้ามีปัญหาเพราะคิดว่าถึงใครจะโทรแจ้งเอง ณ เวลานี้เค้าคงคิดไว้ก่อนว่ามาจากเราอยู่แล้ว V^V คนจะยิ่งมองเราร้ายไปอีก เราก็อยากจบกับเค้าถูกต้องตามกฏหมายแต่เรื่องก็ยืดเยื้อเหลือเกิน

อยากจะขอคำแนะนำ ว่าเราสามารถทำอะไรกับโพสนั้นได้ไหม แล้วพอจะมีทางไหนที่เราสามารถทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้บ้างคะ เราควรจะหาทางออกทางไหนดี มีกฏหมายไหนช่วยได้บ้าง

ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นและขอบคุณที่อ่านจบนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่