ทริปจักรยานสะท้านฟ้า ท้าผีที่น้ำตก 9 โจน...

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า เจ้าของกระทู้เป็นคนที่เชื่อในวิทยาศาสตร์ แต่ทำไงได้เมื่อเกิดมาแล้วบังเอิญเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น ได้สัมผัสเเละเรียนรู้ในศาสตร์ที่คนอื่นคิดว่ามันสาปสูญจากโลกใบนี้หรือเป็นแค่เรื่องงมงานเท่านั้น และเรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียวที่ จขท ประสบพบเจอ แต่มันเป็นครั้งแรกที่ มีพยาน มีคนเห็นและสัมผัสเหตุการณ์นี้ เกือบๆสิบคน ภาษาที่ใช้อาจจะแปลกๆนิดเพราะเป็นคำที่บัญญัติเองจากการศึกษาพฤติกรรมเอาเอง 5555 เชิญดำดิ่ง....

*คำจำกัดความ*
เงาขาว  =  วิญญาณ หรือ พลังงานแสงอ่อน ที่ตามตำราคือวิญญาณหรือพลังงานที่พึ่งตายใหม่ หรือเป็นพลังงานที่มีความบริสุทธิสูง
เงาดำ   =  วิญญาณ หรือ พลังงานแสงอ่อน ที่ตามตำราคือ วิญญาณเร่ร่อนที่อยู่ค้างบนโลกที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน และเงาดำยังสามารถแบ่งออกไปได้อีกหลายประเภท แต่ขอละไว้ในฐานที่ไม่เข้าใจ
อสูร   =   พลังงานแสงอ่อน ที่ตามที่ได้หาข้อมูลมาคือ วิญญาณของคนที่ทำการเล่นไสยดำแล้วถูกจองจำด้วยวิชาของตนเอง พลังงานชนิดนี้จะมีความสตรองมาก สามารถทำให้ผู้คนรับรู้ได้ทันที(มั้ง แต่ขนาดไม่เห็น จขท ยังรู้สึกว่าอยู่แถวนี้)

ณ  มหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งย่านรางบัวจังหวัดราชบุรี

ตอนนั้นผมพึ่งเรียนปี 1 ย้ายจากเชียงใหม่มาเรียนในมหาลัยประจำที่พึ่งเปิดใหม่ในราชบุรี ใกล้ๆสวนผึ้ง  ตอนนั้นชอบปั่นจักรยานมาก จึงเข้าชมรมปั่นจักรยานกับเพื่อนเเล้วออกทริปกันประจำ พอนานวันเข้าทริปของชมรมก็เริ่มไกลขึ้นเรื่อยๆ จนวันหนึ่งได้ตกลงกันว่าจะทำทริปที่ระยะทางไกลที่สุดเท่าที่เคยมีมานั้นคือการปั่นจากมหาวิทยาลัยไปยังน้ำตก 9 โจน หรือน้ำตก 9 ชั้นที่อำเภอสวนผึ้ง ราชบุรี ระยะทางขาไปประมาน 40 km กว่าๆ รวมไปกลับก็เกือบ 100 km. เมื่อนัดวัน จำนวนคนได้แล้วก็รอเวลา....

9 มกราคม 2558 วันก่อนการเดินทาง เวลาประมานดึกๆ

ในขณะที่เตรียมของสำหรับวันพรุ่งนี้อยู่ดีๆ เซนส์ก็พุ่งปรี๊ดขึ้นมา
"อย่าไป อย่าไป อย่าไป ไปไม่ได้นะ ไปไม่ได้นะ อยู่ห้องเถอะ"
ดังก้องอยู่ในหัว จนอารมณ์รื่นเริงหม่นเทาไปหมด โดยปกติแล้ว เวลามีความรู้สึกถึงอะไรแบบนี้ ผมจะฟังแล้วก็ทำตามตลอด แต่ครั้ง ใจมันขัด มันเรียกร้อง อยากไปเที่ยว อยากไปปั่นจักรยาน อยากไประบายอารมณ์ หลังจากเรียนหนักๆ ที่ผ่านมา จึงดื้อดึงต่อเซนส์ตัวเองครั้งแรก และขอสาบานว่าจะเป็นครั้งเดียวที่ดื้อ.....

10 มกราคม 2558

เช้าวันเดินทาง ตื่นกันตั้งแต่ตีห้า อาบน้ำแต่งตัว เตรียมอุปกรณ์ในการเดินทาง กำลังจะเดินออกห้อง...
จิ๊ส์ จิ๊ส์ จิ๊ส์ ๆๆๆๆๆๆ
อีจิ้งจกในห้อง ร้อยวันพันปี ตั้งแต่มาอยู่สาบานได้ว่ามันไม่เคยร้อง มาร้องทักหน้าห้อง ปกติผมไม่สนใจเรื่องจิ้กจกทักอยู่แล้ว จึงวิ่งผ่านมันไป เพราะผมกลัวจิ้กจก กลัวมันโดดใส่หัว พอวิ่งออกห้องมา กำลังเดินไปตามทางเดินขอหอพัก ที่เป็นทางยาวๆ พอนึกภาพออกนะครับ มืดๆ ไม่มีแสงเพราะพึ่งจะตีห้า เสียงจิ้กจกดังมาอีกครั้ง ไม่รู้มันมาจากไหน แต่เสียงมันดังก้องทางเดิน ดังมาก ดังเกินกว่าจะเป็นเสียงจิ้งจกตัวเท่านิ้ว ผมพยายามมองหาแหล่งที่มาแต่ก็ไม่เห็น มันเงียบไปแล้ว...  พอเดินลงมาถึงบันไดวน ผมลงบันไดไปจนถึงชานพัก ผมรู้สึกมีอะไรบางอย่างอยู่ข้างหลัง พอหันกลับไป ผมเห็นเงาดำ ของผู้หญิง ซึ่งเป็นผีประจำบ้าน  เอ่ย ผีประจำหอพัก ซึ่งผมกับเค้าเนี่ยเห็นกันบ่อยละ สนิทกัน 5555555 ปกติแล้วเนี่ย เธอจะไม่มาหาใกล้ขนาดนี้ แต่วันนี้เธอเดินมาส่งใช่ครับ เดินมา นึกภาพตามนะครับ เงาสีดำๆ รูปร่างเป็นผู้หญิง ผมยาวครึ่งหลัง เดินกำลังมาหาคุณที่บันได คุณอยุ่ตรงชานพัก เขาอยุ่บันไดขั้นบนสุด เขาหยุดเดินมองลงมา แสยะยิ้ม ยิ้มแห้ง ไร้ชีวิต มองแล้วลึก เหมือนโดนสูบลงห้วงที่ดำมืด... แล้วเธอก็เดินหายไป  เป็นครั้งแรกเลยครับที่เห็นยิ้มแบบนั้น ยิ้มที่น่ากลัวที่สุดในโลก ตอนนั้นผมเริ่มรุ้สึกไม่ดีแล้วครับ แต่ก็ไม่กล้าบอกเพื่อน กลัวเพื่อนจะกลัวกัน พอลงหอเสด ก็ปั่นจักรยานไปห้องชมรม เพื่อตรวจเช็คจักรยานให้พร้อมสำหรับการเดินทางไกล พอไปถึงห้องก็ทักทายเพื่อนปกติ แต่ตอนนั้นผมบอกเพื่อนไปคนนึงเรื่องเหตุการณ์จิ้งจกทัก เธอเป็นผู้หญิง ชื่อ หมาย(นามสมมติ) หมายก้บอกผมว่าเธอก็รู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนกัน พอคุยเสร็จ ก็คิดว่าคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง ไม่คิดมาก ไปเที่ยว ไปมันส์ไปสนุกกันดีกว่า พอเตรียมของเสร็จก็ออกเดินทางครับ วันนั้นไปกัน 10 คนพอดีเปะ ไม่มีอาจารย์ หรือขบวนนำทางใดๆทั้งสิ้น แบ่งเป็น หญิง 2 ชาย 8
(หญิง - หมาย, กบ)(ชาย - เมพ(ผมเอง), จุม, ชาย, เฉียบ, ชิท, โชติ, ชโด และ สุโกะ) ล้วนเป็นนามสมมติ ที่มีคัวตนจริงๆ

แล้วการเดินทางก็เริ่มขึ้น เวลาออกจากมหาลัยประมาณ หกโมงครึ่ง การเดินทางช่วงแรกไปด้วยดีครับ ราบรื่นมาก สนุก เหนื่อย ตรงไหนสวยๆ เราก็จอดรถถ่ายรูปกันครับ สบายๆ พอถึงครึ่งทาง ประมาณเกือบๆสิบโมง ผมจำไม่ค่อยได้ เราไปพักกันที่สถานที่ท่องเที่ยวมีชื่ออีกแห่งหนึ่งของสวนผึ้ง นั่นก็คือ บ้านหอมเทียนครับ แวะเที่ยว กินน้ำถ่ายรูปตามประสาคนออกทริป ก็มีคนซื้อของฝากของที่ระลึก ใครจะไปนึกล่ะครับ ว่าแค่ของที่ระลึกชิ้นเล็กๆ จะเป็นต้นเหตุของเรื่องราวที่จะตามมา.....

ไปเรียนก่อนครับ กลับบ้านเดียวเล่าต่อ นี่ไม่ตั้งใจเรียนเพื่อมาเล่าเลยนะเนี่ย 55555 เด็กๆอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่