จำได้ว่าเคยเขียนสิ่งที่ต้องเตรียมตัวมาก่อนมาเรียนที่เกาหลีไปเมื่อนานมาแล้ว
วันนี้มาเขียนเพิ่มเรื่องชีวิตในการเรียนในมหาวิทยาลัยในเกาหลีกันบ้าง
ก่อนอื่นขอบอกว่า เรามาเรียนโทที่เกาหลีเป็นระยะเวลาแค่ปีเดียวนะคะ
เป็นคอร์สซุปเปอร์เร่งรัด ปกติป.โท ต้องปีครึ่ง หรือ 2 ปี
เนื่องจากเป็นคอร์สสั้นมาก ปิดเทอมระยะยาวไม่มีเลย
อย่างมากก็แค่สองอาทิตย์เท่านั้น
คอร์สที่เราเรียนเป็น Global MBA ค่ะ เรียนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
แบ่งเป็น 6 modules module ละประมาณสองเดือน
ก่อนเริ่มเรียนจะมีต้องสอบ TOEIC speaking & writing ต้องได้เกือบเต็ม (จำไม่ได้ว่าเลเวลสูงสุดเท่าไหร่)
ถึงจะไม่ต้องเรียนคอร์สภาษาอังกฤษเพิ่ม หลังจากนั้นก็จะมีคอร์สปฐมนิเทศ ไป MT (รับน้องนิดๆหน่อยๆ) แล้วก็เปิดเทอมค่ะ
เราเป็นคนไทยคนเดียวในรุ่น แต่ก็มีชาติอีกอยู่ประมาณสิบกว่าคน คลาสแบ่งเป็น 2 sections section ละประมาณ 30 คน
จำได้ว่า มาแรกๆเราแบบเรียนชิว แบบเสาร์อาทิตย์ก็อยู่บ้าน หรือออกไปดูรอบๆโซลบ้าง ซึ่งเค้ากลายเป็นมองว่าเราไม่ตั้งใจเรียนค่ะ - -“
เพราะเสาร์อาทิตย์ที่นี่เค้าคือมามหาวิทยาลัยเพื่ออ่านหนังสือ
ถามว่าเรียนหนักมั้ย บอกเลยว่าหนักมากกกกกกกก คือคอร์สมันอัดๆกันหมด
รีบเรียนรีบจบ ต้องอ่าน Case Study ทุกวันเพื่อเอามาคุยกันวันรุ่งขึ้น โปรเจ็คมีทุกวิชาค่ะ นอนแบบตีสามตีสี่ สอบๆ ควิสๆ พรีเซ้นท์ๆ
ส่วนเพื่อนก็ไม่ได้สนิทมาก เพราะคุยเกาหลีไม่ค่อยได้
ประชุมงานไรกัน คุยเป็นเกาหลี เราก็ไม่รู้เรื่อง อยู่ที่ไทยมีเพื่อนที่เรียนมากมาย มีอะไรคุยได้หมด
เราไม่เคยเหงาเลย แต่อยู่นี่ มันเหมือนหาเพื่อนสนิทได้ค่อนข้างยาก ช่องว่างอายุมันก็ห่างกันเยอะเหมือนกัน
(มีตั้งแต่ 25 - 40 กว่ามาเรียนค่ะ) ชีวิตช่วงแรกคือแบบเหนื่อยมาก จนตอนแรกเราบอกที่บ้านจะลาออก จะกลับบ้านแล้ว ท้อมาก
แต่สิ่งที่พ่อเราตอบกลับมาว่า
//
ลูกก็ยังเป็นลูกรักของพ่อเหมือนเดิม หากไม่ไหวก็ไม่เป็นไร ก็ถือว่าได้พยามที่สุดแล้ว
ความสำเร็จของลูกเป็นหนึ่งในความภูมิใจของลูก ความสุขของลูกก็เป็นความสุขของพ่อ
สิ่งที่ลูกทำเป็นสิ่งที่เพิ่มจากที่ลูกได้มาแล้ว หากไม่ได้เพิ่มก็ไม่เป็นไร ความทุกข์ของลูก ก็คือความทุกข์ของพ่อด้วย
//
พออ่านแล้ว คือมันแบบ... ถึงที่บ้านเราไม่เคยว่าอะไร ในสิ่งที่เราเลือกและตัดสินใจ
แต่มันแบบ มันท้อไม่ได้อ่ะ ไม่ได้จริงๆ
ก็เลยเอาวะ กัดฟันเรียนต่อ ผ่านไปจน module 3 เค้าจะให้เราเลือกว่าเราจะจบเป็น concentration ไหน
มีให้เลือกคือ marketing , strategy , แล้วก็ finance ค่ะ เลือกอันไหนก็ได้ หรือเลือกทั้งหมด
หรือไม่เลือกเลยได้ ที่เราต้องทำคือ
ลงวิชาหลักของ concentration นั้นให้ครบหน่วยกิจที่เค้ากำหนด เราเลือก marketing กับ strategy ค่ะ finance ขอบาย 555
พอ module สุดท้ายจะมีให้ทำ project จบค่ะ คือไป consult บริษัท คือ strategy , marketing ต่างๆ พรีเซ้นท์เป็นอันจบ!!!
ตอนแรก คิดว่าตัวเองจะไม่จบๆ มาย้อนดูไปก็ผ่านมาได้ 555
ส่วนตัว เราไม่ค่อยแนะนำคอร์สมหาลัยที่มันเรียนแน่นขนาดนี้นะ
เรียนเร็วก็จริง แต่เราแทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่น เช่น ออกไปเที่ยวออกไปดูอะไรภายนอกเลยค่ะ
วนๆอยู่แต่แถวมหาลัย ห้องสมุด ไม่รู้จักย่านอื่นหรือไรเท่าไหร่เลย แทบไม่ได้รู้ชีวิตความเป็นอยู่
หรือการใช้ชีวิตของคนไรมากมาย จนมาเริ่มทำงานเนี่ย ><
ส่วนคนเกาหลีที่เรียน อยากจะบอกว่าอึดมากกกก บางวันมีสอบหรือมีงานส่งวันรุ่งขึ้นก็ยังจะไปกินเหล้ากันค่ะ
กินกันยันสว่าง แล้วก็ไปเรียนเลยก็มี ไม่รู้เอาพลังมาจากไหนกัน
ใครมาเรียนที่นี่ เราอยากให้เข้มแข็งนะคะ เหนื่อยหน่อย แต่ได้ประสบการณ์มากมาย ^^
ถึงจะสุขเศร้าเคล้าน้ำตายังไง ถ้าถามเรา เราว่าการตัดสินใจมากเรียนที่นี่ มันก็ยังเป็นการตัดสินใจที่ถูกสำหรับเราอยู่ดี
มีอะไรถามได้ เรื่องไหนพอจะทราบก็ยินดีตอบค่ะ
ใครมีคำถามหรืออยากอ่านรีวิวอะไรเก่าๆสามารถเข้าไปดูในเพจเราได้นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/seoulrendipity/
[CR] รีวิวชีวิตการเรียนในเกาหลี
วันนี้มาเขียนเพิ่มเรื่องชีวิตในการเรียนในมหาวิทยาลัยในเกาหลีกันบ้าง
ก่อนอื่นขอบอกว่า เรามาเรียนโทที่เกาหลีเป็นระยะเวลาแค่ปีเดียวนะคะ
เป็นคอร์สซุปเปอร์เร่งรัด ปกติป.โท ต้องปีครึ่ง หรือ 2 ปี
เนื่องจากเป็นคอร์สสั้นมาก ปิดเทอมระยะยาวไม่มีเลย
อย่างมากก็แค่สองอาทิตย์เท่านั้น
คอร์สที่เราเรียนเป็น Global MBA ค่ะ เรียนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
แบ่งเป็น 6 modules module ละประมาณสองเดือน
ก่อนเริ่มเรียนจะมีต้องสอบ TOEIC speaking & writing ต้องได้เกือบเต็ม (จำไม่ได้ว่าเลเวลสูงสุดเท่าไหร่)
ถึงจะไม่ต้องเรียนคอร์สภาษาอังกฤษเพิ่ม หลังจากนั้นก็จะมีคอร์สปฐมนิเทศ ไป MT (รับน้องนิดๆหน่อยๆ) แล้วก็เปิดเทอมค่ะ
เราเป็นคนไทยคนเดียวในรุ่น แต่ก็มีชาติอีกอยู่ประมาณสิบกว่าคน คลาสแบ่งเป็น 2 sections section ละประมาณ 30 คน
จำได้ว่า มาแรกๆเราแบบเรียนชิว แบบเสาร์อาทิตย์ก็อยู่บ้าน หรือออกไปดูรอบๆโซลบ้าง ซึ่งเค้ากลายเป็นมองว่าเราไม่ตั้งใจเรียนค่ะ - -“
เพราะเสาร์อาทิตย์ที่นี่เค้าคือมามหาวิทยาลัยเพื่ออ่านหนังสือ
ถามว่าเรียนหนักมั้ย บอกเลยว่าหนักมากกกกกกกก คือคอร์สมันอัดๆกันหมด
รีบเรียนรีบจบ ต้องอ่าน Case Study ทุกวันเพื่อเอามาคุยกันวันรุ่งขึ้น โปรเจ็คมีทุกวิชาค่ะ นอนแบบตีสามตีสี่ สอบๆ ควิสๆ พรีเซ้นท์ๆ
ส่วนเพื่อนก็ไม่ได้สนิทมาก เพราะคุยเกาหลีไม่ค่อยได้
ประชุมงานไรกัน คุยเป็นเกาหลี เราก็ไม่รู้เรื่อง อยู่ที่ไทยมีเพื่อนที่เรียนมากมาย มีอะไรคุยได้หมด
เราไม่เคยเหงาเลย แต่อยู่นี่ มันเหมือนหาเพื่อนสนิทได้ค่อนข้างยาก ช่องว่างอายุมันก็ห่างกันเยอะเหมือนกัน
(มีตั้งแต่ 25 - 40 กว่ามาเรียนค่ะ) ชีวิตช่วงแรกคือแบบเหนื่อยมาก จนตอนแรกเราบอกที่บ้านจะลาออก จะกลับบ้านแล้ว ท้อมาก
แต่สิ่งที่พ่อเราตอบกลับมาว่า
//
ลูกก็ยังเป็นลูกรักของพ่อเหมือนเดิม หากไม่ไหวก็ไม่เป็นไร ก็ถือว่าได้พยามที่สุดแล้ว
ความสำเร็จของลูกเป็นหนึ่งในความภูมิใจของลูก ความสุขของลูกก็เป็นความสุขของพ่อ
สิ่งที่ลูกทำเป็นสิ่งที่เพิ่มจากที่ลูกได้มาแล้ว หากไม่ได้เพิ่มก็ไม่เป็นไร ความทุกข์ของลูก ก็คือความทุกข์ของพ่อด้วย
//
พออ่านแล้ว คือมันแบบ... ถึงที่บ้านเราไม่เคยว่าอะไร ในสิ่งที่เราเลือกและตัดสินใจ
แต่มันแบบ มันท้อไม่ได้อ่ะ ไม่ได้จริงๆ
ก็เลยเอาวะ กัดฟันเรียนต่อ ผ่านไปจน module 3 เค้าจะให้เราเลือกว่าเราจะจบเป็น concentration ไหน
มีให้เลือกคือ marketing , strategy , แล้วก็ finance ค่ะ เลือกอันไหนก็ได้ หรือเลือกทั้งหมด
หรือไม่เลือกเลยได้ ที่เราต้องทำคือ
ลงวิชาหลักของ concentration นั้นให้ครบหน่วยกิจที่เค้ากำหนด เราเลือก marketing กับ strategy ค่ะ finance ขอบาย 555
พอ module สุดท้ายจะมีให้ทำ project จบค่ะ คือไป consult บริษัท คือ strategy , marketing ต่างๆ พรีเซ้นท์เป็นอันจบ!!!
ตอนแรก คิดว่าตัวเองจะไม่จบๆ มาย้อนดูไปก็ผ่านมาได้ 555
ส่วนตัว เราไม่ค่อยแนะนำคอร์สมหาลัยที่มันเรียนแน่นขนาดนี้นะ
เรียนเร็วก็จริง แต่เราแทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่น เช่น ออกไปเที่ยวออกไปดูอะไรภายนอกเลยค่ะ
วนๆอยู่แต่แถวมหาลัย ห้องสมุด ไม่รู้จักย่านอื่นหรือไรเท่าไหร่เลย แทบไม่ได้รู้ชีวิตความเป็นอยู่
หรือการใช้ชีวิตของคนไรมากมาย จนมาเริ่มทำงานเนี่ย ><
ส่วนคนเกาหลีที่เรียน อยากจะบอกว่าอึดมากกกก บางวันมีสอบหรือมีงานส่งวันรุ่งขึ้นก็ยังจะไปกินเหล้ากันค่ะ
กินกันยันสว่าง แล้วก็ไปเรียนเลยก็มี ไม่รู้เอาพลังมาจากไหนกัน
ใครมาเรียนที่นี่ เราอยากให้เข้มแข็งนะคะ เหนื่อยหน่อย แต่ได้ประสบการณ์มากมาย ^^
ถึงจะสุขเศร้าเคล้าน้ำตายังไง ถ้าถามเรา เราว่าการตัดสินใจมากเรียนที่นี่ มันก็ยังเป็นการตัดสินใจที่ถูกสำหรับเราอยู่ดี
มีอะไรถามได้ เรื่องไหนพอจะทราบก็ยินดีตอบค่ะ
ใครมีคำถามหรืออยากอ่านรีวิวอะไรเก่าๆสามารถเข้าไปดูในเพจเราได้นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้