ถูกกล่าวหาว่าไปฉ้อโกง คล้ายคดีครูจอมทรัพย์ตรงที่เลขทะเบียนรถเหมือนกัน ทำไงดี??

สวัสดีค่ะ ชื่ออ้อม-อุดมลักษณ์ นะคะ มีเรื่องกลุ้มใจอยากจะปรึกษาค่ะ

บ้านอ้อม(ป้า60ปี,แม่55ปี,พี่สาว35ปี) พึ่งโดนศาลชั้นต้น(จังหวัดธัญบุรี) ตัดสินแพ้คดี(ร่วมกันฉ้อโกงยาย3แสนบาท) ไปเมื่อวันพุธ ที่ 30/8/60(โทษจำคุกคนละ 3 ปี และต้องจ่ายชดใช้เงิน3แสน)ที่เขากล่าวหาอ้างว่าบ้านอ้อมไปหลอกเงินเค้ามา 3 แสนบาท

เหตุการณ์ที่ถูกกล่าวอ้างเกิดขึ้นช่วงสายๆวันจันทร์ ที่ 1/8/59 ยายคนหนึ่งอยู่แถวลำลูกกากล่าวหาว่าป้าอ้อมขับรถไปกับแม่และพี่สาวของอ้อม ขับรถไปหลอกยายคนนี้(ชื่อนางอุดม) หลอกให้ไปไถ่ที่ดินติดจำนอง ถ้าไถ่แล้วนำมาขายได้กำไรจะนำมาแบ่งเงินกัน จากนั้นก้อขับรถพายายไปเบิกเงินที่สหกรณ์การเกษตร สาขาลำลูกกาคลอง7 หลังจากได้เงินมาก้อพายายไปโลตัสเอ็กเพรสแถวนั้น เพื่อหลอกให้ยายลงไปซีร็อกบัตรประชาชน แล้วก้อทิ้งยายไว้ในนั้นและขับรถหนีไป

หลักฐานของยายมีใบเบิกเงิน 3 แสน ภาพยายจากกล้องในสหกรณ์ ภาพยายจากโลตัสเอ็กเพรส  และภาพรถคันสีดำที่เกิดเหตุซึ่งทะเบียนไม่ชัดค่ะ แต่ในภาพทั้งหมดที่กล่าวอ้างมาก็ไม่มีแม้แต่ญาติอ้อมซักคนเดียวเลยค่ะ

คดีเราคล้ายๆของครูจอมทรัพย์เลยค่ะ แต่ทั้ง 3 คนชื่ออยู่ทะเบียนบ้านหลังเดียวกันค่ะ และบ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่ ทะเบียนบ้านหลังนี้อยู่ปากซอยวัดบุคคโล ย่านเจริญนคร(ป้าปล่อยเช่า)
เรื่องมาจากทะเบียนรถเลขเดียวกันแต่รถป้าเราสีนง.(ซื้อจากเต๊นมาก่อนเกิดเหตุได้ประมาณ 1 ปีกว่าๆค่ะ) รถคันก่อเหตุเป็นสีดำ แต่ทำไมเค้าอ้างว่ารู้จักบ้านเราก็ไม่ทราบเลยค่ะ ตร.ให้การในชั้นศาลว่าสืบจากทะเบียนรถเป็นชื่อป้า และค้นในทะเบียนราษฎ์นำรูปคนในทะเบียนบ้านหลังเดียวกันมาให้ยายดูค่ะ

พฤหัส 25/8/59
ป้าได้รับหมายจากตร.สน.ลำลูกกาคลอง12 ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหากับพี่สาวในวันที่ 26/8/59 ป้าจึงโทรแจ้งแม่เราและแม่แจ้งพี่สาวเราอีกที ด้วยความตกใจ+งงอย่างแรงเลยรีบโทรกลับไปสอบถามป้า ทราบแค่มีหมายตร.คดีฉ้อโกงเท่านั้น

ศุกร์ 26/8/59
พี่สาวไปสน.ลำลูกกาคลอง12 เพื่อไปรับทราบข้อกล่าวหาและเซ็นปฏิเสธ+พิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อตรวจสอบข้อมูลว่าเคยทำผิดมั้ย พอไปถึงก็เจอคู่กรณีเข้ามาถ่ายรูปพี่สาวกัน และพี่สาวก็ได้โทรหาป้า(ซึ่งตอนนั้นทำงานบช.ตรงข้ามศาลอาญารัชดา) ก็ขับรถทะเบียนที่ถูกกล่าวหามาถึงสน.คลอง12 ก็ตกใจที่โดนเข้ามาถ่ายรูป เลยไม่ได้เซ็นรับทราบข้อกล่าว ตร.แจ้งว่ามีอีก 2 คนที่ต้องมาคือแม่กับน้องสาวเลยนัดมาอีก2วันถัดมา

อาทิตย์ 28/8/60
อ้อมพาแม่กับน้องสาวไปรับทราบข้อกล่าวหาและเซ็นปฏิเสธไป แต่น้องสาวอ่านสำนวนเสร็จจึงถามร้อยเวรกลับไปว่าในเหตุการ์ที่เค้ากล่าวหาซึ่งเป็นวันจันทร์ที่ 1/8/59 ไม่มีน้องสาวอยู่ในเหตุการณ์นะคะ ตร.ทำหน้าตกใจแล้วบอกว่าก็เค้าสงสัยว่าคุณมีส่วนก็เซ็นๆปฏิเสธไปแล้วไปสู้ในชั้นศาล

เสาร์ 3/9/59
หลังจากนั้นพี่สาว(ทำงานจัดซื้อฯถ.พระราม2) ได้นำหลักฐานใบสแกนนิ้วการเข้า-ออกที่ทำงานในวันดังกล่าว และนำรูปถ่ายจากกล้องวงจรปิดช่วงเวลาประมาณ 11 โมงไปยื่น และนำพยานบุคคลซึ่งเป็นคนที่อยู่ในรูปเป็นผู้รับเหมามาวางบิลในวันนั้นค่ะ
และน้องสาวเรียนอยู่ม.พระจอมเกล้าธนบุรี ได้นำหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของทางมหาวิทยาลัย ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนรถของทางมหาวิทยาลัยในช่วงสายๆมาเป็นพยานวัตถุ และพาเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์มาเป็นพยานบุคคลมาในชั้นสืบสวน
แต่ไม่มีใครมาเป็นพยานให้แม่ เพราะแม่ไม่ได้ทำงาน เลี้ยงหลาน3คน คือ4เดือน เลี้ยงอยู่บ้านและ(เช้า-บ่าย)ขี่มอเตอร์ไซค์ไปรับ-ส่งหลานอีก 2 คน(อายุ5ขวบ)ที่โรงเรียนอนุบาลเท่านั้นค่ะ
ส่วนป้าซึ่งทำงานอยู่ตรงข้ามศาลอาญารัชดา)ก็มีหลักฐานสัญญาณการใช้โทรศัพท์ และการรูดบัตรจ่ายสินค้าประมาณบ่ายโมงที่ห้างโลตัสเอ็กเพรสสาขารัชดาภิเษก และให้ผจก.ที่ห้างดังกล่าวที่อยู่ในเหตุการ์เซ็นรับรองสลิปดังกล่าว แต่ทนายไม่ได้ให้ผจก.ท่านนี้มาเป็นพยานขึ้นศาลให้ป้า แล้วป้าตั้งใจจะนำหลักฐานมายื่นในชั้นศาลเท่านั้นค่ะ

หลังจากคดียืดยาวมาจนขึ้นศาลครั้งแรก(31/10/59 และ 27/2/60) สืบพยานโจทย์(16-17/3/60)และพยานโจทย์มาไม่ครบ จนลากมาสืบพยานโจทย์-พยานจำเลย(ในวันที่4-6/7/60)
ซึ่งอัยการเป็นโจทย์ มีพยาน 5 ปาก
1.ยายเจ้าทุกข์ อายุ 70
2.ลูกสะใภ้
3.ลูกชายยาย
4.พยานที่มาซื้อกล้วยทอดในวันเกิดเหตุ
5.ร้อยเวรเจ้าของคดี(สภ.คลองสิบสอง)

ศาลถามโจทย์ว่าคนไม่เคยรู้จักกันทำไมถึงให้เงินมา 3 แสน ยาย(และพยาน)บอกเคยเจอ 2 ครั้งก่อนวันเกิดเหตุ คือช่วงสายวันเสาร์กลางเดือน และช่วงสายวันเสาร์ถัดมาอีก 1 สัปดาห์(ตรวจสอบแล้วคือเสาร์ที่ 16/7/59 และ เสาร์ 23/7/59)
ทางบ้านอ้อมพึ่งทราบว่าต้องหาหลักฐานเพิ่มของ2วันนี้(ซึ่งถ้าหาภาพจากกล้องวงจรปิด2วันนี้ก็ไม่ทันแล้วค่ะ)

หลักฐานวันเสาร์ที่ 16/7/59
โชคดีที่เป็นงานแต่งน้องชายของอ้อม ซึ่งแม่ พี่สาว และน้องสาวอ้อมเราไปเตรียมงานกันตั้งแต่วันศุกร์ที่ 15/7/59 ส่วนป้ามาถึงวันงาน เสาร์ 16/7/59 ค่ะ อ้อมนำหลักฐานคือการ์ดงานแต่ง(จัดที่ต.หนองกรด อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์) และรูปถ่ายงานจากกล้อง โชคดีที่กล้องไอโฟนมันจะขึ้นเสาในรูปเราค่ะ คือหนองกรดนั่นเอง บ้านอ้อมไปเตรียมงานตั้งแต่วันศุกร์ที่ 15/7/59(อ้อมขับรถออกมาจากถ.พระราม2 ตั้งแต่ตอนสายๆ เพราะช่วงนั้นเป็นวันหยุดใกล้วันอาสาคิดว่าออกมาเย็นรถติดแน่นอน) เราให้แม่ยายน้องชายมาเป็นพยานในวันนั้น โชคร้ายที่ตอนเบิกตัวจำเลยวันนั้นป้าหูอื้อ ตอนสาบานต่อหน้าศาลเสร็จป้าก็ยกมือบอกศาลว่าหูอื้อไม่ค่อยได้ยินรบกวนให้พูดดังๆ พอถึงคำถามที่ศาลถามว่างานแต่งป้าอ้อมไปวันไหน ป้าดันบอกว่าเค้าไปกันตั้งแต่วันที่ 15/7/59 เพื่อไปเตรียมงานแต่ง แล้วชี้มาทางแม่อ้อมที่นั่งอยู่ด้านหลัง ศาลจึงอัดเทปว่าข้าพเจ้า(ป้า)ไปงานแต่งตั้งแต่วันที่ 15/7/59 พอคำพิพากษาออกมาศาลบอกไหนบอกว่าไปด้วยกัน แต่รูปแห่ขันหมากตอน9โมงไม่มีป้าอ้อม

หลักฐานวันเสาร์ที่ 23/7/59
ป้าอ้อมนำหลักฐานการกดเงินสด(สลิป)จากตู้กสิกร(แต่บัตรเป็นของธนาคารกรุงไทยและให้เจ้าหน้าที่ธ.กรุงไทยเซ็นว่าได้กดไปจริง) ที่ข้ามฝั่งมากดตรงข้ามบ้านที่บุคคโล-เจริญนคร(ที่ปล่อยเช่า) มาจ่ายเงินผู้รับเหมาที่มาซ่อมบ้าน ตอนเบิกพยานป้าจะนำผู้รับเหมามาเป็นพยานขึ้นศาล แต่ทนายบอกไม่ต้อง หลักฐานการกดเงินเท่านี้เพียงพอแล้ว
ส่วนพี่สาวมาช่วยงานอ้อม ซึ่งทำบ.อสังหา พี่สาวหยุดเสาร์-อาทิตย์ มาช่วยอ้อมตรวจคอนโดแถวๆสโมสรทหารบก เส้นวิภาวดีค่ะ ซึ่งมีหลักฐานการเซ็นรับเงินในใบจ่ายเงินวันที่ 23-24/7/59 ค่ะ แล้วอ้อมนำใบรับเงินมาให้ผจก.อ้อมเซ็นกำกับ รวมทั้งเอกสารของผจก.ที่พึ่งได้เลื่อนตำแหน่งเพื่อยืนยันกทำงานอยู่ที่บริษัทนี้ค่ะ อ้อมได้แนบมาด้วย แต่เราพลาดที่ไม่ได้นำพยานบุคคลมายืนยันที่อยู่ของวันนั้น ศาลเลยสงสัยที่เราไม่นำพยานบุคคลมายืนยันทั้ง 2 คน(พยานบุคคลป้าและพี่สาว)
ส่วนแม่อ้อมไม่ได้ทำงานเลี้ยงหลาน 3 คนอยู่ที่บ้าน(สินทวี-พระราม2) จ-ศ.จะอุ้มหลาน 4 เดือนใส่เป้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งหลานอีก 2 คนที่อายุ 5 ขวบไปรับ/ส่งที่โรงเรียน เสาร์-อาทิตย์ก็เลี้ยงหลานอยู่ที่บ้าน ซึ่งคนแถวบ้านไม่มีใครมาเป็นพยานให้ แค่เค้ารู้ว่าเราโดนคดีฉ้อโกง เค้าก็ไม่ยุ่งแล้วค่ะ
น้องสาวก็มีพยานบุคคลมายืนยัน

**ลืมบอกค่ะ**
สรุปตร.ให้การศาลว่าไม่ส่งฟ้องน้องสาวในชั้นอัยการ
ศาลถาม ตร.บอกไม่ส่งฟ้องเพราะน้องสาวไม่อยู่ในที่เกิดเหตุคือวันจันทร์ที่ 1/8/59
พอศาลชั้นต้นพิพากษาเสร็จตร.ศาลก็มาใส่กุญแจมือทั้ง3คน(ป้า-แม่-พี่สาว) ลงไปห้องควบคุมตัว ทางลุงเขยได้นำโฉนดมายื่นประกันตัวทั้ง 3 คน ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ก็เอาเอกสารไปรับตัวออกมาจากห้องควบคุม และได้รับเอกสารพิมพ์ว่านัดมารายงานตัว วันที่ 2 ตุลาคม 2560(ถามทนายที่คนอื่นแนะนำให้ปรึกษามา เค้าบอกวันที่ 2/10/60 คือวันยื่นศาลอุทรณ์วันสุดท้าย)

ส่วนตอนนี้อ้อมกำลังรอเวลาไปคัดสำนวนคำพิพากษา ได้ปรึกษากับทนายที่มีคนแนะนำมา 4 คน เค้าบอกคำพิพากษาจากศาลจะเสร็จประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ เพื่อจะนำสำเนาสำนวนมาให้ทนายพิจารณาดูว่ามีโอกาสชนะคดีความมั้ยอ่าค่ะ)
ส่วนทนายคนเก่าเค้าอ้างว่าแพ้คดีเพราะเหตุผลอย่างอื่น เค้าพูดทำนองว่าต้องเปลี่ยนทนาย(ทนายรูจักกับลุงเขยเค้าพูดอะไรทางป้าและลุงเขยเชื่อทุกอย่างเลยค่ะ)
และป้าเคยเล่าให้ฟังว่าประมาณเดือน 6-7/59 ป้าโดนกระชากกระเป๋าที่บิ๊กซีน่าจะแถวๆราชดำริ ในนั้นมีเอกสารสำคัญด้วยค่ะ แล้วป้าไปแจ้งความแล้วด้วยค่ะ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับที่โดนคดีฉ้อโกงนี้หรือไม่ค่ะ

ระหว่างที่รอคัดสำนวน อ้อมสามารถร้องเรียนใครที่ไหนได้บ้างมั้ยคะ ขอบคุณมากๆค่ะ ที่รับฟังประชาชนธรรมดาคนนึง ที่ไม่รู้ว่าจะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของครอบครัวตนเองได้หรือไม่ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่