ชันสูตร(หนัง)สยอง | IT..โผล่จากนรก | DEVA HELLBLAZER


CHAPTER 1: ประสบการณ์สัมผัสขุมนรก


    ปี 2008 'อังเดร มุสเชติ' ได้ปล่อยหนังสั้นความยาวไม่ถึง 3 นาทียลสายตาแก่ผู้ชมในโลกออนไลน์ โดยเนื้อหาของหนังสั้นเรื่องนั้น เล่าถึงการเอาชีวิตรอดของสองสาวพี่น้อง ที่ถูกคุกคามโดย บางอย่าง และด้วยบรรยากาศและโทนของความแฟนตาซีกึ่งสยองขวัญของหนังสั้นเรื่องนั้น ได้ไปสะดุดตา 'กิลเลอโม เดล โทโร' ผู้กำกับที่เคยฝากผลงานดาร์คแฟนตาซีชิ้นโบว์แดงให้ยลสายตาชาวโลกมาแล้วอย่าง Mimic ,Blade II ,Pan’s Labyrinth ,Hellboy ทั้ง 2 ภาค และ Pacific Rim จน เดล โทโร ถึงกับเสนอทุนถึง 20 ล้านเหรียญ ให้มุสเชติ ได้มีโอกาสนำหนังสั้นเรื่องนั้นไปพัฒนาต่อสู่หนังยาวฉายโรงในกระแสตลาดด้วยชื่อเดียวกันคือ.. 'MAMA' (ผีหวงลูก)


    ทว่าภายหลังจาก MAMA ได้ออกยลสู่สายตาชาวโลกแล้วในปี 2013 กลับได้รับคำวิจารณ์เพียงครึ่งๆ กลางๆ ด้วยสไตล์การดำเนินเรื่องที่ตรงไปตรงมาจนเกินไป ไม่มีเทคนิคการเล่าเรื่องที่ชวนหวือหวาใดๆ รวมไปถึงจังหวะการปรากฏตัวของผีร้ายในเรื่องก็ไม่ได้สร้างความตื่นตาได้เท่าๆ กับหนังสยองขวัญอีก 2 เรื่อง ที่เข้ามาตีตลบท้ายในช่วงท้ายในปีเดียวกันอย่าง The Conjuring (คนเรียกผี) และ INSIDIOUS 2 (วิญญาณยังตามติด)

    แต่ถึงอย่างนั้น..คำวิจารณ์ที่ครึ่งๆ กลางๆ ของ MAMA ก็ไม่ใช่อุปสรรคในการเดินทางพิชิตโลกคนทำหนัง เมื่อรายได้ที่ MAMA นั้นกอบโกยไปได้อย่างงดงามถึง 71 ล้านเหรียญ และด้วยโทนดาร์คแฟนตาซีที่เคยสร้างสรรค์ไว้ใน MAMA อังเดร มุสเชติ จึงได้รับโอกาสแก้ตัวใหม่ ที่ต้องแลกมาด้วยความกดดันยิ่งกว่าเดิม ภายใต้การควบคุมการสร้างของ ‘เซ็ธ-แกรห์ม สมิธ’ เพราะถึงแม้ว่าโอกาสแก้ตัวใหม่ของเขา จะได้กำกับหนังประเภทดาร์ค-แฟนตาซี ที่มีความแฟนตาซีมากขึ้นกว่า MAMA ขึ้นมาอีก แต่ก็เป็นหนังดาร์ค-แฟนตาซี ที่เคยยลสู่สายตาของชาวโลกมาแล้วในปี 1990 ในรูปแบบของมินิซีรีส์ 2 ตอนจบ และได้กลายเป็นบรมครูของหนังสยองขวัญรุ่นถัดมากว่าครึ่งค่อนโลก..

“มินิซีรีส์เรื่องนั้น ชื่อว่า..
IT (อสุรกายขุมนรก)”


    ทั้งนี้ทั้งนั้น ถึงแม้ว่า ITจะเคยมีเวอร์ชั่นทีวีซีรีส์มาก่อนในปี 1990 แต่ทางทีมผู้สร้าง ก็ได้ประกาศว่า “นี่คือหนัง IT เรื่องแรก ที่จะได้ลงฉายในโรงภาพยนตร์”เพราะจะเป็นการตีความใหม่จากต้นฉบับในนวนิยายของ สตีเฟน คิง โดยตรง ไม่ใช่การยึดเค้าโครงของทีวีซีรีส์เป็นหลัก และหนัง IT เองก็ไม่เคยฉายในโรงภาพยนตร์มาก่อน

    โดยหัวใจสำคัญที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้าง IT ของ สตีเฟน คิง ก็คือโรค ‘Coulrophobia’ หรือ โรคกลัวตัวตลก ที่แพร่กระจายอย่างมากในจิตใต้สำนึกของเด็กๆ ดังนั้น วายร้ายหลักของเรื่อง จึงมาในรูปแบบของตัวตลกชื่อ ‘เพนนีไวส์’ บวกกับความต้องการที่ สตีเฟน คิง เคยคิดจะทำให้ IT กลายเป็นนวนิยายที่อลังการที่สุดเท่าที่เขาเขียนมา จึงออกแบบให้ เพนนีไวส์ มีความสามารถในการสร้างภาพมายา และเปลี่ยนร่างเป็นสิ่งที่เหยื่อหวาดกลัวได้ ดังนั้น IT จึงเป็นนวนิยายที่เต็มไปด้วยความกลัวที่หลากรูป ตัวละครที่หลากหลาย จนกลายเป็นนวนิยายที่มีความยาวกว่า 1,300 หน้า ด้วยช่วงชีวิตของตัวละครหลักที่นอกจากจะมีถึง 7 คนแล้ว เรื่องราวยังเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก จนถึงวัยกลางคน การดัดแปลงนวนิยาย IT ให้มาโลดแล่นในโลกภาพยนตร์นั้น จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างให้จบภายในภาคเดียว ซึ่งเวอร์ชั่นหนังเอง ก็ถูกแบ่งออกเป็นสองภาคเช่นกัน โดยภาคแรก จะเป็นเรื่องราวของ ‘The Loser’s Club’ ตัวละครหลักในวัยเด็ก และภาค 2 คือ The Loser’s Club ในวัยกลางคน


    ทว่าการตีความของ IT ในเวอร์ชั่นหนังโรงนี้ ได้เปลี่ยนช่วงเวลาเกิดเหตุในเรื่อง จากยุค 50s เป็นยุค 80s ความกลัวของตัวละครต่างๆ ในเรื่อง จึงต้องแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัย จากเดิมในแรงบันดาลใจที่เคยสร้างความกลัวให้แก่ตัวละครนั้น จะมาจากปัจจัยที่เรียบง่าย อย่างสภาพสังคม โรคประจำตัว หรือแม้แต่สัตว์ประหลาดจากในหนัง ทว่ายุคสมัยที่ใหม่ขึ้น ความกลัวของตัวละคร จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ดำดิ่งดาร์คลงยิ่งกว่าเดิม สู่บาดแผลจากห้วงลึกในจิตใจ

IT ในเวอร์ชั่นฉายโรงปี 2017 จึงกลายเป็นเรื่องราวการเผชิญหน้าของเด็กๆ กับความกลัวที่จะมาพร้อมกับความอำมหิตอย่างเต็มสูบ ด้วยการคาดเรท R (18+) ไว้ที่หน้าหนัง ดังนั้น มันจึงกลายเป็น “หนังเด็กที่เด็กห้ามดูเป็นอันขาด” เพราะถึงแม้ว่าหลายเสียงส่วนหนึ่งอาจจะพูดถึงว่า “ยังใช้เรท R ไม่คุ้ม” จึงอยากให้ลองจินตนาการอีกครั้งถึงมุมมองที่เราต้องเป็นเด็กประถม แต่ต้องเผชิญกับปีศาจพันธุ์อำมหิตจากขุมนรก  ซึ่งชัดเจนมากตั้งแต่ “การตายของจอร์จี้” อันเป็นฉากเปิดของเรื่อง ที่มีการอาศัยเทคโนโลยีโลกมายา บันดาลให้ความโหดจากมินิซีรีส์ได้ทวีคูณมากขึ้นกว่าเท่าตัว

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่นอกจากความโหดสยองที่หลายคนอาจจะมองว่าหนังยังพาไปไม่ถึงในจุดเดียวกับจักรวาลผีบางจักรวาล.. ITในภาคนี้ ยังมีในส่วนของตัวละคร ‘The Loser’s Club’ ทั้ง 7 ที่บทของหนังนั้นค่อนข้างจะทำให้เราจำเป็นต้องศึกษาและทำความเข้าใจกับเหล่าตัวละคร ดังนั้น หากใครกำลังคิดว่า ความโหดของหนังอาจจะไม่สามารถสนองความอำมหิตในเบื้องลึกในจิตใจของทุกท่านได้ อยากให้ทุกท่านได้ลองคิดว่า ภาคนี้เป็นเพียงการปูตัวละครให้ทุกท่านได้รู้จักกันก่อน ซึ่งมั่นใจว่า ต่อให้หนังจะโหดไม่พอ แต่เอกลักาณ์ที่เด่นชัดของแต่ละตัวละคร ต้องเป็นที่จดจำของทุกท่านไปอีกนานแสนนานอย่างแน่นอน ไม่ต่างอะไรจากการให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกับ 'แก๊งค์แฟนฉัน' ที่ต้องมาเผชิญหน้ากับความสยองจากอสุรกายขุมนรก..ใน IT: Chapter 1
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่