จุดด้อยของศาสนาพุทธ ( นักฏิบัติธรรมชอบขัดแย้งกันซึ้งกันแหละกัน แต่ไม่ได้เข้าใจตามสภาพทางจิตใจ ) 
 คือ ( ความถือตัว )
    ( พอใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง )
    ( เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย )
  
ตามสภาพทางจิตใจ เป็นลำดับ
ความถือตัว นี้ทุกต้องย่อมมีกันทุกคน ลึกๆแล้วรู้ว่าผิดแต่ไม่ยอมรับ หรือพยายามหลีกหนีสิ่งนั้นๆที่รับรู้และพบเจอ
พอใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง คือ ทุกคนย่อมมีความพอใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ้งแน่นอนว่า ภูมิจิตภูมิธรรม ปัญญา แต่ละคนไม่เท่ากัน
เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย คือ พอมีความถือตัว และพอใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  ก็อาจเกิด ความขัดแย้งภายในจิตใจตัวเองและทางความคิดได้ จนบานปลายในที่สุด เยอะแยะสาระพัดตามมา ทางความคิด
  แต่นี้มันไม่เกี่ยว กับใครโกง ไม่ได้อยู่การกระทำนะ
แต่อยู่  สภาวะทาง จิตใจ ของผู้ปฏิบัติธรรมด้วยกัน  
( ที่ตั้งกะทู้ ก็เพราะเห็น คนปฏิบัติธรรมทะเลาะกัน 555+)  รวมทั้งพระด้วย
 จึงผมเริ่มอยู่นาน จนเกิด ปัญญาทางจิตใจ  
พอไม่เข้าใจซึ้งกันและกัน ก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย สืบต่อกันมั่วไปหมด  มีทั้งความพอใจ และ ความไม่พอใจ 
เหมือนว่า เพื่อนร่วมทุกข์ ร่วมสุข ประมาณนั้น
 ปัญญานั้นไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ เพียงอย่างเดียว 
 แต่ปัญญา คือ รวมเป็นหนึ่ง  การอธิบายคนอื่นให้เขาจิตใจสงบลงได้ ถือว่า เป็นบุญยิ่งใหญ่
 คือ ปาฏิหาริย์ทางปัญญา
 แต่ซึ้งเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ตามวาระ ตามเหตุการณ์
( นี้ไม่ใช่คำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นะครับ )
แต่เป็นสิ่งที่เห็น ถึง ความขัดแย้งที่ไม่จบไม่สิ้น																																	
  
							 
						
จุดด้อยของ ศาสนาพุทธ ขึ้นอยู่กับทุกๆคน
คือ ( ความถือตัว )
( พอใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง )
( เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย )
ตามสภาพทางจิตใจ เป็นลำดับ
ความถือตัว นี้ทุกต้องย่อมมีกันทุกคน ลึกๆแล้วรู้ว่าผิดแต่ไม่ยอมรับ หรือพยายามหลีกหนีสิ่งนั้นๆที่รับรู้และพบเจอ
พอใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง คือ ทุกคนย่อมมีความพอใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ้งแน่นอนว่า ภูมิจิตภูมิธรรม ปัญญา แต่ละคนไม่เท่ากัน
เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย คือ พอมีความถือตัว และพอใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็อาจเกิด ความขัดแย้งภายในจิตใจตัวเองและทางความคิดได้ จนบานปลายในที่สุด เยอะแยะสาระพัดตามมา ทางความคิด
แต่นี้มันไม่เกี่ยว กับใครโกง ไม่ได้อยู่การกระทำนะ
แต่อยู่ สภาวะทาง จิตใจ ของผู้ปฏิบัติธรรมด้วยกัน
( ที่ตั้งกะทู้ ก็เพราะเห็น คนปฏิบัติธรรมทะเลาะกัน 555+) รวมทั้งพระด้วย
จึงผมเริ่มอยู่นาน จนเกิด ปัญญาทางจิตใจ
พอไม่เข้าใจซึ้งกันและกัน ก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย สืบต่อกันมั่วไปหมด มีทั้งความพอใจ และ ความไม่พอใจ
เหมือนว่า เพื่อนร่วมทุกข์ ร่วมสุข ประมาณนั้น
ปัญญานั้นไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ เพียงอย่างเดียว
แต่ปัญญา คือ รวมเป็นหนึ่ง การอธิบายคนอื่นให้เขาจิตใจสงบลงได้ ถือว่า เป็นบุญยิ่งใหญ่
คือ ปาฏิหาริย์ทางปัญญา
แต่ซึ้งเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ตามวาระ ตามเหตุการณ์
( นี้ไม่ใช่คำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นะครับ )
แต่เป็นสิ่งที่เห็น ถึง ความขัดแย้งที่ไม่จบไม่สิ้น