It : Chapter One - (9/10)
_____________________
.
"มัน ว่าที่หนังสยองขวัญแห่งปีที่มีมากกว่าแค่ความน่ากลัว"

.
ต้องยอมรับก่อนเลยว่ากระแส It มาแรงมากๆตั้งแต่เข้าโรง แต่ว่าก็แอบหวั่นๆเหมือนกัน เพราะจริงๆ It ในเวอชั่น 90 ก็ไม่ได้รู้สึกพีคอะไรขนาดนั้น ซึ่งกลับมาครั้งนี้หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ว่า It ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ภาคด้วยกัน ซึ่งChapter 1 จะเล่าถึงเหตุการณ์ในวัยเด็กของเหล่าแก้งค์ The Losers' club โดยหลังจากที่ได้ดูแล้วต้องบอกได้แค่ว่า

โคตรเจ๋ง ดีกว่าต้นฉบับมากๆ เคารพหนังสือมากๆ
.
It เปิดเริ่มเรื่องมาได้น่าสนใจมากๆ และดำเนินเรื่องไปอย่างเรียบเนียนจนไม่ได้รู้สึกเบื่อเลยทั้งๆที่หนังยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง กลับรู้สึกว่าหนังน่าสนใจมากขึ้นๆเรื่อยๆด้วยซะอีก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากกับหนังสยองขวัญ เพราะเรามักจะเดาทางออกตั้งแต่ครึ่งเรื่องแรกแล้ว ช่วงที่คิดว่าน่าสนใจที่สุดคือช่วงที่มีบทพูดของตัวตลก Pennywise กับเด็กๆ มันเหมือนการหยั่งชั้นเชิงกันว่าจะหลอกหรือจะหนีอะไรยังไงกันแน่ ทำให้รู้สึกว่าซีนมีเสน่ห์และน่าจับตามองมากๆ งานภาพโดยรวมถทอว่าดีมาก นึกถึง Stranger Things, Channel Zero หรือ Super 8 (ถึงแม้ว่า It จะเป็นต้นฉบับของทั้งหมดก็ตาม)
.
It ไม่ได้เป็นแค่หนังสยองขวัญ แต่มันเล่าถึงเรื่องราวมิตรภาพของเหล่าเด็กๆ การปลุกความกล้าในตัวเพื่อที่จะชนะความกลัวในใจออกไปได้ ทำให้หนังมีความพิเศษมากกว่าหนังตุ้งแช่ทั่วไป มีชั้นเชิงในการจบซีนได้คมคาย รู้สึกอมยิ้มได้ทุกครั้งที่ได้เห็นแก้งค์ Losers ดำเนินเรื่อง ในวัยเด็กเป็นช่วงที่มีอารมณ์หลายๆอย่างผสมเข้าด้วยกัน และหนังเชื่อมมันทั้งหมดได้อย่างไร้ที่ติ ถ้าหากพูดถึงเรื่องคอนเซ็ปของหนังและผลลัพธ์ที่ได้ออกมาก็คงต้องบอกว่าให้ A+ เลยทีเดียว เหมือนงานสถาปัตยกรรมในยุคโมเดิร์นที่เราไม่สามารถเพิ่มหรือลดองค์ประกอบใดๆของตัวหนังลงไปได้เลย เพราะมันสมบูรณ์แบบในตัวมันเองแล้ว แต่หนังก็มีอยู่อย่างนึงที่รู้สึกไม่ชอบ ตรงที่ Pennywise ในเวอชั่นนี้ดูโหดมากๆ มากกว่าเวอชั่นเก่าพอสมควรกับฉากเปิดตัว แต่ก็คิดว่ามันก็จำเป็นที่ต้องใส่มาเพื่อให้ Pennywise ดูน่ากลัวจริงๆ
.
27 ปีที่หายไป Pennywise กลับมาเพื่อหลอกหลอนพวกเราทุกคน และ มัน ช่างเป็นสิ่งที่สมบูรณ์แบบจริงๆ แรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมาจากตัวเราเอง ในบางครั้งการที่เราจะเอาชนะความกลัวได้ ก็อาจต้องอาศัยความเศร้า ความทุกข์ และความสุข มาเป็นแรงผลักดันตัวเอง อย่างที่ Charles เคยกล่าวกับ Magneto ใน X-Men : First Class ไว้ว่า "True power lies between rage and serenity"
สามารถติดตามต่อได้ที่ เพจ Facebook : โต๊ะดราฟตัวนั้น
https://www.facebook.com/TheDraftingTable/
[CR] It (9/10) - มัน...ว่าที่หนังสยองขวัญแห่งปีที่มีมากกว่าแค่ความน่ากลัว
_____________________
.
"มัน ว่าที่หนังสยองขวัญแห่งปีที่มีมากกว่าแค่ความน่ากลัว"
ต้องยอมรับก่อนเลยว่ากระแส It มาแรงมากๆตั้งแต่เข้าโรง แต่ว่าก็แอบหวั่นๆเหมือนกัน เพราะจริงๆ It ในเวอชั่น 90 ก็ไม่ได้รู้สึกพีคอะไรขนาดนั้น ซึ่งกลับมาครั้งนี้หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ว่า It ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ภาคด้วยกัน ซึ่งChapter 1 จะเล่าถึงเหตุการณ์ในวัยเด็กของเหล่าแก้งค์ The Losers' club โดยหลังจากที่ได้ดูแล้วต้องบอกได้แค่ว่า
.
It เปิดเริ่มเรื่องมาได้น่าสนใจมากๆ และดำเนินเรื่องไปอย่างเรียบเนียนจนไม่ได้รู้สึกเบื่อเลยทั้งๆที่หนังยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง กลับรู้สึกว่าหนังน่าสนใจมากขึ้นๆเรื่อยๆด้วยซะอีก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากกับหนังสยองขวัญ เพราะเรามักจะเดาทางออกตั้งแต่ครึ่งเรื่องแรกแล้ว ช่วงที่คิดว่าน่าสนใจที่สุดคือช่วงที่มีบทพูดของตัวตลก Pennywise กับเด็กๆ มันเหมือนการหยั่งชั้นเชิงกันว่าจะหลอกหรือจะหนีอะไรยังไงกันแน่ ทำให้รู้สึกว่าซีนมีเสน่ห์และน่าจับตามองมากๆ งานภาพโดยรวมถทอว่าดีมาก นึกถึง Stranger Things, Channel Zero หรือ Super 8 (ถึงแม้ว่า It จะเป็นต้นฉบับของทั้งหมดก็ตาม)
.
It ไม่ได้เป็นแค่หนังสยองขวัญ แต่มันเล่าถึงเรื่องราวมิตรภาพของเหล่าเด็กๆ การปลุกความกล้าในตัวเพื่อที่จะชนะความกลัวในใจออกไปได้ ทำให้หนังมีความพิเศษมากกว่าหนังตุ้งแช่ทั่วไป มีชั้นเชิงในการจบซีนได้คมคาย รู้สึกอมยิ้มได้ทุกครั้งที่ได้เห็นแก้งค์ Losers ดำเนินเรื่อง ในวัยเด็กเป็นช่วงที่มีอารมณ์หลายๆอย่างผสมเข้าด้วยกัน และหนังเชื่อมมันทั้งหมดได้อย่างไร้ที่ติ ถ้าหากพูดถึงเรื่องคอนเซ็ปของหนังและผลลัพธ์ที่ได้ออกมาก็คงต้องบอกว่าให้ A+ เลยทีเดียว เหมือนงานสถาปัตยกรรมในยุคโมเดิร์นที่เราไม่สามารถเพิ่มหรือลดองค์ประกอบใดๆของตัวหนังลงไปได้เลย เพราะมันสมบูรณ์แบบในตัวมันเองแล้ว แต่หนังก็มีอยู่อย่างนึงที่รู้สึกไม่ชอบ ตรงที่ Pennywise ในเวอชั่นนี้ดูโหดมากๆ มากกว่าเวอชั่นเก่าพอสมควรกับฉากเปิดตัว แต่ก็คิดว่ามันก็จำเป็นที่ต้องใส่มาเพื่อให้ Pennywise ดูน่ากลัวจริงๆ
.
27 ปีที่หายไป Pennywise กลับมาเพื่อหลอกหลอนพวกเราทุกคน และ มัน ช่างเป็นสิ่งที่สมบูรณ์แบบจริงๆ แรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมาจากตัวเราเอง ในบางครั้งการที่เราจะเอาชนะความกลัวได้ ก็อาจต้องอาศัยความเศร้า ความทุกข์ และความสุข มาเป็นแรงผลักดันตัวเอง อย่างที่ Charles เคยกล่าวกับ Magneto ใน X-Men : First Class ไว้ว่า "True power lies between rage and serenity"
สามารถติดตามต่อได้ที่ เพจ Facebook : โต๊ะดราฟตัวนั้น
https://www.facebook.com/TheDraftingTable/