Holy 101 : ศักดิ์สิทธิ์วิทยา101 ทำให้ศักดิ์สิทธิ์เองก็ได้ ง่ายจัง!

วันนี้เรามาพบกันกับ บทความHow To สบายๆ เบรคความเครียดในบทความก่อนๆของบล็อกเรานะครับ

เรื่องในวันนี้ ได้รับแรงบัลดาลใจมาจาก แอดมินเพจดังเพจหนึ่ง ที่อ้างไม่มีคำว่าศักดิ์สิทธิ์ในพจนานุกรมของเขา ผมเห็นว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจ จึงไปศึกษาค้นคว้าว่า ไอ้เจ้า “ความศักดิ์สิทธิ์” นี่มันคืออะไรกันแน่? มีที่มาจากใหน และทำไมทุกคนชอบอ้างศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า พระมหากษัตริย์ กฏหมาย ดินแดน และอีกมากมาย..



ก่อนหน้านี้ ผมยอมรับว่าเคยเป็นแบบแอดมินท่านนั้น ที่บางครั้งหงุดหงิดกับธรรมเนียมที่ต้องเคารพ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” ทั้งหลาย จนนานไปกลายเป็นแอนตี้และเกลียดไปเลย มันช่างดูไร้เหตุผลที่ต้องจุดธูปไหว้รูปปั้นที่ทำจากอิฐ หิน ปูน ทราย ทำไมต้องกราบคนหัวโล้นที่เราไม่รู้จัก ทำไมต้องฟังเทศน์ด้วยภาษาโบราณที่เราไม่เข้าใจ คนพวกนี้ช่างเหมือนโดนล้างสมองและอยู่ในกะลาของความศักดิ์สิทธิ์ หลายคำถามที่พยายามค้นหาคำอธิบาย เช่น


- ทำไมบางสิ่งในโลกถึงศักดิ์สิทธิ์ ในขณะที่บางสิ่งไม่ศักดิ์สิทธิ์?
- สิ่งที่ไม่เกี่ยวกับศาสนา หรือเรื่องเหนือธรรมชาติ สามารถศักดิ์สิทธิ์ได้หรือไม่?
- ความศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นสากลและจุดร่วมในแต่ละวัฒนธรรมหรือไม่?
- ความศักดิ์สิทธิ์สามารถสร้าง เพิ่ม ลด เปลี่ยนแปลงได้หรือไม่?
- อะไรเป็นต้นธารของความศักดิ์สิทธิ์?
- ความศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่อยู่ในสิ่งของ หรือบรรยากาศ หรืออารมณ์เรากันแน่?


สิ่งที่ผมพบคือ ข้อสรุปหลังพยายามจะจำแนกคุณลักษณะความศักดิ์สิทธิ์ออกมา โดยการแยกส่วนประกอบที่ใช้ “ผลิต” ความศักดิ์สิทธิ์  โดยสิ่งใดก็ตามจะมีความศักดิ์สิทธิ์ได้โดยมีวัตถุดิบดังนี้




ประเด็นของเราวันนี้



1. มีความเกี่ยวข้องกับการให้กำเนิด

แต่ละวัฒนธรรมในโลกนั้นมีการให้คุณค่ากับสิ่งต่างๆแตกต่างกันไป แต่สิ่งที่เป็นจุดร่วมของมนุษย์ทุกๆคนที่เกิดมาบนโลกนี้คือ คนๆนั้นเกิดออกมากจากท้องของแม่อย่างแน่นอน

เพราะฉะนั้นเกือบทุกวัฒนธรรมบนโลกจึงให้คุณค่ากับ “การให้กำเนิด” เป็นอย่างมาก ไม่ว่าอะไรที่อยากจะศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องโหนให้เกี่ยวข้องให้การกำเนิดนี้ให้ได้ เช่น พ่อแม่ศักดิ์สิทธิ์เพราะเป็นผู้ให้กำเนิดเรา พระเจ้าศักดิ์สิทธิ์เพราะเป็นผู้ให้กำเนิดจักรวาล ปฐมกษัตริย์มักมีความศักดิ์สิทธิ์มากกว่ากษัตริย์องค์ถัดมา ชาวจีนถือว่าบรรพบุรุษคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อเรื่องหินตาหินยาย ชาวอินเดียบูชาศิวลึงค์และโยนี อาดัมกับอีวา พระพรหม ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่อิงต่อการให้กำเนิด เพื่อสร้างความชอบธรรมในการศักดิ์สิทธิ์ของสิ่งนั้น รวมถึงเรื่องเล่าการกำเนิดจักรวาลแบบต่างๆก็เป็นตัวอย่างของการอ้างต้นธารของความศักดิ์สิทธิ์นี้ด้วย

นั่นรวมถึงการเกี่ยวพันกับการกำเนิดของตัวเราเอง เช่นวันเกิด พ่อแม่ อัฐิบรรพบุรุษ ล้วนศักดิ์สิทธิ์ได้จากหยิบยืมพลังของการกำเนิดทั้งนั้นครับ




รูปสลักศิวลึงค์พบบูชาทั่วไป




รูปสลักโยนีก็เป็นของศักดิ์สิทธิ์




อาดัม กับ อีวา ต้นกำเนิดมนุษย์



2. มีความแท้ (Authentic)

เคยใหมครับ ที่เวลาฟังเพลงคัฟเวอร์ของเพลงที่เราชอบมากๆ แต่ฟังยังงัยก็ชอบของต้นฉบับมากกว่าทุกที

ผมชอบเพลงBridge over troubled water ของSimon and Garfunkel มากจนไม่ว่าจะมีศิลปินรุ่นใหม่Coverออกมา ซึ่งก็เป็นเพลงที่ดี ซาวด์ดี เล่นเนี๊ยบ เสียงเพราะกว่าของเก่ามากมาย แต่ผมก็ยังชอบของเก่า ทั้งๆที่เป็นเพลงแสนเก่า อัดเสียงก็ห่วย(เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีปัจจุบัน) อันนี้พลังคือความ “แท้” (Authentic) หรือ ความ “ต้นตำรับ” (Original) ซึ่งก็มีความเกี่ยวพันกับการให้กำเนิดอีกแล้ว

ความแท้เป็นคุณลักษณะหนึ่งของความศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญ แต่ของที่ไม่แท้ก็ยังศักดิ์สิทธิ์ได้ โดยใช้Holy Logicที่ว่าด้วยกฏการกระจายตัวของความศักดิ์สิทธิ์(Distribution of Holiness) ซึ่งเป็นโดยหลักการเดียวกับส่งต่อความศักดิ์สิทธิ์โดยการแตะหลังคนอื่นตอนกรวดน้ำนั่นแหละครับ อย่าเถียงผมนะว่าคุณไม่ได้คิดว่าคนกรวดจะได้ใกล้ชิดความศักดิ์สิทธิ์ (หรือได้รับบุญ) มากที่สุด?

หลักการเดียวกันนี้ ทำให้การมอบอำนาจ(Delegation)ของห่วงโซ่คามศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้น พระเจ้าส่งต่อให้พระเยซูศักดิ์สิทธิ์ พระเยซูส่งต่อให้จอกและผ้าคลุมศพตัวเองศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงส่งให้สาวกตัวเองศักดิสิทธิ์ และการส่งต่อนั้นผ่านมือต่อมือมาเรื่อยๆราวกับน้ำประปาที่ใหลมาตามท่อจนถึงคุณผู้ที่ศักดิ์สิทธิ์น้อยที่สุด!



เทคโนโลยีการสวดผ่านเครือข่ายกระจายบุญผ่านทางสายสิญจ์
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่