สวัสดีค่ะเพื่อนๆขาวพันทิปทุกท่าน วันนี้เรามีเรื่องอยากมาแบ่งปันให่เพื่อนๆฟังซึ่งเรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องของเรากับแม่
มีอยู่ว่า แม่เราทำงานแม่บ้านให้เจ้าของอู่ซ่อมรถเป็นแม่บ้านมา7ปี ได้เงินวันละ310บาท ซึ่งอยู่มานานขนาดนี้ เขาเพิ่มเงินให้วันละ10บาทจากค่าแรงขั้นต่ำ เราก็เห็นว่าแม่เราทำงานหนักมาก ใจเราอยากให้แม่พักอยากให้แม่สบาย แต่ตัวเราก็เอาตัวไม่รอดเลย ยังไม่มีงานเป็นหลักเป็นแหล่ง ก็ช่วยอะไรแม่ไม่ค่อยได้
เรารู้จักกับพี่คนนึงสมมุติชื่อ เอ ซึ่งทำงานด้วยกันแต่นานแล้ว ซึ่งต่างก็แยกกันไปทำงานที่อื่นแล้วแต่ยังติดต่อกันอยู่ ซึ่งพี่เอเค้าเป็นคนที่เราสนิทและไว้ใจมากพอสมควร เราก็บอกกับพี่เอว่า แม่หนูเป็นแม่บ้านในอู่ แต่ก็โดนคนขับรถในอู่ ชน จนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่เขาไม่เคยช่วยไรนอกจากให้เงินแม่2000และบอกว่าห้ามแจ้งความเพราะรถที่ไปซ่อมนั้นเป็นของลูกค้ากลัวเรื่องจะใหญ่โตแต่ระหว่างการซ่อม จะมีเจ้าหน้าที่ไปขับเพื่อทดสอบรถ และเจ้าหน้าที่คนนั้นก็เป็นญาติกับเจ้าของรถ ซึ่งเขาถอยหลังมาเร็วโดยที่ไม่ดูแม่หนูเลย ทำให้แม่หนูได้รับบาดเจ็บไม่สามารถทำงานที่ต้องมานั่งทำได้ เช่นพวกตัดหญ้า พวกซักผ้า ที่ต้องนั่งยองๆ เป็นตั้งแต่นั้นมา ส่วนค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลแม่มีประกันอุบัติเหตุที่ทำกับอู่อยู่แล้ว แต่หนูก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมเจ้านายแม่ต้องมาหักเงินอีกเดือนละพัน แต่ก็ไม่ได้ถามแม่ว่าหักกี่เดือน แม่เพียงแต่บอกหนูว่า ไปโรงพยาบาลที่ไม่มีสิทธิ์กับตัวประกันโดยตรงเจ้าของอู่เลยจ่ายออกให้ไปเบื้องต้น และเขาจะมาหักเงินทีหลัง
เราเล่าให้พี่เอฟังเรื่องแม่ ซึ่งเขาก็สงสารแม่เรา เลยแนะนำบ้านคุณท่านซึ่งแม่ของพี่เอเป็นแม่บ้านอยู่ที่นั่น พี่เอก็เล่าว่า เจ้านายหรือคุณท่านใจดีมาก และงานที่นั่นก็ไม่หนัก ไม่ได้ทำทั้งวัน เหนื่อยก็พัก แม่ของพี่เอก็เป็นคนใจบุญ เราก็เลยรู้สึกดี และคิดว่า นี่คงถึงเวลาที่แม่เราจะได้เจอเจ้านายดีซะทีนึง เราเลยให้แม่ลาออกไปอยู่ที่นั่น
แม่ทำได้เดือนนึง พี่ก็ได้เล่าความในใจทั้งหมดที่แม่อยากระบายให้เราฟัง แม่บอกว่า พี่บี (แม่พี่เอ)พูดจาแทงใจดำเขาสารพัด แม่เราต้องตื่นตั้งแต่ตี5 แต่แม่กลัวพี่บีว่า ก็ตื่นแต่ตี4 แต่ก็ยังโดนว่าเรื่องไม่เป็นเรื่อง อย่างเช่น ไปเปิดกรงหมา พี่บีบอกตอนตื่นมาก็เปิดกรงเลยนะ แต่พอวันถัดมาแม่ไปเปิดตอนตี5ก็โดนเขาว่า จะรีบเปิดทำไม มันจะไปรบกวนคนอื่น แม่หนูก็งงมาก ที่นั่นแม่บ้านแทบไม่มีเลย เพราะเขาพากันลาออก ซึ่งสาเหตุเราก็ไม่ทราบเพราะอะไร ซึ่งแม่เจอเยอะกว่านั้น แต่ไม่ขอเล่า เพราะเหตุการณ์ต่างๆเราไม่ได้อยู่ด้วย และก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่แม่บอกว่า แม่โดนนายเก่าด่า เขาด่าแปปเดียวก็หยุด แต่พี่บี ซึ่งไม่ใช่เจ้านาย เป็นแม่บ้านเหมือนกัน แต่อยู่มานานแล้วเขาว่าและว่าไม่หยุดทั้งวัน จุกจิกสารพัด และเรื่องของคุณท่านหรือเจ้านายที่แสนดีเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะดีจริงไหม แม่บอกว่าเขาดี แต่.. เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย คือ มันเกิดอะไรซักอย่างนึงและไม่ถูกใจคุณท่าน เขาว่าแม่หนู่ว่า ไม่มีสมองคิดเองหรือไง... แม่เล่าให้หนูฟังแม่บอกว่า สิ่งที่แม่เจอมาสารพัด แม่เสียใจ เมื่อวานแม่บอกว่า นอนร้องไห้ทั้งคืน แม่บอกว่าคิดถึงหนู ซึ่งเราเสียใจมากที่ได้ยินคำนี้ออกมา เราคิดว่า นี่จะเป็นสิ่งที่ดี แม่เราโชคดี แต่ไม่เลย เราพาแม่มาทุกข์ หนักกว่าเดิม และสิ้นเดือนหน้าแม่บอกว่าจะลาออกจากที่นั่น ซึ่งเราคิดว่ามันก็ดี
แม่บอกว่า แม่ขอไปทำงานที่อื่น แม่หางานใหม่ได้ แม่ไม่อยากอยู่ที่นี่ ซึ่งเราก็เห็นด้วยแต่ปัญหาของแม่คือ แม่เราอายุ55ปี ซึ่งไม่มีงานไหนรับรองแล้ว เราไม่อยากให้แม่ทำงาน เราอายุ20แล้ว ซึ่งเราเสียใจมาก ที่ทำให้แม่ยังสบายไม่ได้ แต่พอได้ยินว่าแม่ร้องไห้มะวาน เรารู้สึกสะอื้นในใจ และเราจะพยายามทำให้แม่เราสบายให้ได้ ซึ่งก็ไม่รู้เมื่อไหร่ ความยากจนมันทรมานเหลือเกินนะคะ ทุกคนคิดอย่างไรดีคะ ว่าเรื่องนี้ควรแก้ไขยังไง เราขอยุติการพูดเรื่องราวของเราไว้แค่นี้ ขอบคุณค่ะ
ฝากงานให้แม่
มีอยู่ว่า แม่เราทำงานแม่บ้านให้เจ้าของอู่ซ่อมรถเป็นแม่บ้านมา7ปี ได้เงินวันละ310บาท ซึ่งอยู่มานานขนาดนี้ เขาเพิ่มเงินให้วันละ10บาทจากค่าแรงขั้นต่ำ เราก็เห็นว่าแม่เราทำงานหนักมาก ใจเราอยากให้แม่พักอยากให้แม่สบาย แต่ตัวเราก็เอาตัวไม่รอดเลย ยังไม่มีงานเป็นหลักเป็นแหล่ง ก็ช่วยอะไรแม่ไม่ค่อยได้
เรารู้จักกับพี่คนนึงสมมุติชื่อ เอ ซึ่งทำงานด้วยกันแต่นานแล้ว ซึ่งต่างก็แยกกันไปทำงานที่อื่นแล้วแต่ยังติดต่อกันอยู่ ซึ่งพี่เอเค้าเป็นคนที่เราสนิทและไว้ใจมากพอสมควร เราก็บอกกับพี่เอว่า แม่หนูเป็นแม่บ้านในอู่ แต่ก็โดนคนขับรถในอู่ ชน จนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่เขาไม่เคยช่วยไรนอกจากให้เงินแม่2000และบอกว่าห้ามแจ้งความเพราะรถที่ไปซ่อมนั้นเป็นของลูกค้ากลัวเรื่องจะใหญ่โตแต่ระหว่างการซ่อม จะมีเจ้าหน้าที่ไปขับเพื่อทดสอบรถ และเจ้าหน้าที่คนนั้นก็เป็นญาติกับเจ้าของรถ ซึ่งเขาถอยหลังมาเร็วโดยที่ไม่ดูแม่หนูเลย ทำให้แม่หนูได้รับบาดเจ็บไม่สามารถทำงานที่ต้องมานั่งทำได้ เช่นพวกตัดหญ้า พวกซักผ้า ที่ต้องนั่งยองๆ เป็นตั้งแต่นั้นมา ส่วนค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลแม่มีประกันอุบัติเหตุที่ทำกับอู่อยู่แล้ว แต่หนูก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมเจ้านายแม่ต้องมาหักเงินอีกเดือนละพัน แต่ก็ไม่ได้ถามแม่ว่าหักกี่เดือน แม่เพียงแต่บอกหนูว่า ไปโรงพยาบาลที่ไม่มีสิทธิ์กับตัวประกันโดยตรงเจ้าของอู่เลยจ่ายออกให้ไปเบื้องต้น และเขาจะมาหักเงินทีหลัง
เราเล่าให้พี่เอฟังเรื่องแม่ ซึ่งเขาก็สงสารแม่เรา เลยแนะนำบ้านคุณท่านซึ่งแม่ของพี่เอเป็นแม่บ้านอยู่ที่นั่น พี่เอก็เล่าว่า เจ้านายหรือคุณท่านใจดีมาก และงานที่นั่นก็ไม่หนัก ไม่ได้ทำทั้งวัน เหนื่อยก็พัก แม่ของพี่เอก็เป็นคนใจบุญ เราก็เลยรู้สึกดี และคิดว่า นี่คงถึงเวลาที่แม่เราจะได้เจอเจ้านายดีซะทีนึง เราเลยให้แม่ลาออกไปอยู่ที่นั่น
แม่ทำได้เดือนนึง พี่ก็ได้เล่าความในใจทั้งหมดที่แม่อยากระบายให้เราฟัง แม่บอกว่า พี่บี (แม่พี่เอ)พูดจาแทงใจดำเขาสารพัด แม่เราต้องตื่นตั้งแต่ตี5 แต่แม่กลัวพี่บีว่า ก็ตื่นแต่ตี4 แต่ก็ยังโดนว่าเรื่องไม่เป็นเรื่อง อย่างเช่น ไปเปิดกรงหมา พี่บีบอกตอนตื่นมาก็เปิดกรงเลยนะ แต่พอวันถัดมาแม่ไปเปิดตอนตี5ก็โดนเขาว่า จะรีบเปิดทำไม มันจะไปรบกวนคนอื่น แม่หนูก็งงมาก ที่นั่นแม่บ้านแทบไม่มีเลย เพราะเขาพากันลาออก ซึ่งสาเหตุเราก็ไม่ทราบเพราะอะไร ซึ่งแม่เจอเยอะกว่านั้น แต่ไม่ขอเล่า เพราะเหตุการณ์ต่างๆเราไม่ได้อยู่ด้วย และก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่แม่บอกว่า แม่โดนนายเก่าด่า เขาด่าแปปเดียวก็หยุด แต่พี่บี ซึ่งไม่ใช่เจ้านาย เป็นแม่บ้านเหมือนกัน แต่อยู่มานานแล้วเขาว่าและว่าไม่หยุดทั้งวัน จุกจิกสารพัด และเรื่องของคุณท่านหรือเจ้านายที่แสนดีเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะดีจริงไหม แม่บอกว่าเขาดี แต่.. เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย คือ มันเกิดอะไรซักอย่างนึงและไม่ถูกใจคุณท่าน เขาว่าแม่หนู่ว่า ไม่มีสมองคิดเองหรือไง... แม่เล่าให้หนูฟังแม่บอกว่า สิ่งที่แม่เจอมาสารพัด แม่เสียใจ เมื่อวานแม่บอกว่า นอนร้องไห้ทั้งคืน แม่บอกว่าคิดถึงหนู ซึ่งเราเสียใจมากที่ได้ยินคำนี้ออกมา เราคิดว่า นี่จะเป็นสิ่งที่ดี แม่เราโชคดี แต่ไม่เลย เราพาแม่มาทุกข์ หนักกว่าเดิม และสิ้นเดือนหน้าแม่บอกว่าจะลาออกจากที่นั่น ซึ่งเราคิดว่ามันก็ดี
แม่บอกว่า แม่ขอไปทำงานที่อื่น แม่หางานใหม่ได้ แม่ไม่อยากอยู่ที่นี่ ซึ่งเราก็เห็นด้วยแต่ปัญหาของแม่คือ แม่เราอายุ55ปี ซึ่งไม่มีงานไหนรับรองแล้ว เราไม่อยากให้แม่ทำงาน เราอายุ20แล้ว ซึ่งเราเสียใจมาก ที่ทำให้แม่ยังสบายไม่ได้ แต่พอได้ยินว่าแม่ร้องไห้มะวาน เรารู้สึกสะอื้นในใจ และเราจะพยายามทำให้แม่เราสบายให้ได้ ซึ่งก็ไม่รู้เมื่อไหร่ ความยากจนมันทรมานเหลือเกินนะคะ ทุกคนคิดอย่างไรดีคะ ว่าเรื่องนี้ควรแก้ไขยังไง เราขอยุติการพูดเรื่องราวของเราไว้แค่นี้ ขอบคุณค่ะ