วันนี้ผมขอเล่าประสบการที่ผมพบเห็นนะครับ ซึ่งเรื่องนี้ผมได้แต่นั้งดูตาปริบ ๆ ทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้เลย ปล.ขอเซนเซอร์บริษัท เพื่อป้องกันการโดนฟ้องนะครับ
ผมขอกริ่นเรื่องก่อนนะครับ พ่อผมขับรถบรรทุกไปรษณีย์ไทย แต่ไปรษณีย์ไทย
ไม่ได้เป็นผู้ว่าจ้าง แต่เป็นบริษัทแห่งหนึ่งที่เข้ามาลงทุน ประมูลได้สัมปทาน ในการขนถุงเมลไปรษณีย์ไทย จาก ปณ.A ไป ปณ.B ไปรษณีย์ไทยก็จ่ายเงินให้บริษัทที่ได้รับสัมปทานเป็นค่าจ้าง คงจะนึกออกนะครับ
บริษัทที่พ่อผมทำงานชื่อค่อนข้างยาวมีอักษรนำหน้าว่า A แต่บริษัทย่อเหลือตัวอังกฤษ 3 ตัว แรกๆบริษัทไม่ได้ก่อปัญหา แต่หลัง ๆ จะหมดสัญญาปัญหาเริ่มเยอะ
ด้วยพ่อผมเป็นขยันงานเวอร์มาก(ความจริงจะใช้คำว่าบ้างานอยู่เหรอนะ)และเป็นคนปฏิเสธ ใครไม่เป็นด้วยงานใกล้ไกลยังรับ ขยันขับรถรับส่งตลอด แต่รู้ไหมเวลาเงินเดือนออกโดน บริษัทหักเงินเดือนกระจุย ให้เหตุผลว่าเบิกน้ำมันเกิน WTF พ่อเอารถบรรทุกไปแค่ทำงานตลอดไม่เอาไปทำเรื่องอย่างอื่นเลย
มีปัญหางานก็รับส่งให้ เบิลน้ำมันก็มีเบิลงานก็มีส่งไป ยังโดนหัก ไม่ใช่แค่พ่อผมโดนคนเดียวคนอื่น ๆ ก็โดน ยังมีเรื่องค่าซ่อมรถ(เงินประกันซ่อมรถ) พ่อผมขับรถจนพัง บริษัทบอกให้พ่อผมจ่ายก่อน ห่ะ!รถบรรทุกก็ของบริษัทก็ต้อง จ่ายดิว่ะเงินก็ตั้ง 20000 กว่า
ด้วยที่ว่ามันต้องเป็นรถที่ต้องใช้ทำงาน ไม่ทำงานก็ไม่เงินซื้อข้าวกิน ครอบครัวผมไม่ได้มีเงินแสน เงินล้านแบบชาวพันทิปอวดหรอกนะ ก็ต้องจ่ายซ่อมไปก่อน
จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้เลยครับเลื่อนแล้วเลื่อนอีก แถมยังมีหน้ามาบอกหักเงินคืน
50% ไม่บอกเหตุผลด้วย เงินซ่อมรถไม่ใช่พ่อผมคนเดียวคนอื่นก็โดน ค้างมันเป็นปีโดนจ่ายก่อนเหมือนกัน
พ่อผมโทรคุยกับสมมุติว่าชื่อว่าเจ๊ Fish (ป้องกันโดนฟ้องเช่นเคย)คนนี้เป็นพนักงานดูแล เรื่องต่างๆกับคนขับรถบรรทุก บอกเดียวจะได้ บ่ายเบี่ยงไปเรื่อย สร้างปัญหาทั้งคนขับรถ ทั้งพนักงานไปรษณีย์ไทย
ในกลุ่มคนขับรถบรรทุกลือกันว่า ที่หักเงินคนขับรถกันเพราะ บริษัทขาดทุนหนักมาก จึงทำให้ผมคิดได้ว่า เมื่อการประชุมพนักงานประมาณช่วงต้นปี เห็นบอกจะให้เงินโบนัสเมื่อหมดสัญญา คนขับ 50000 เด็กรถ 30000 ผมว่ามันเป็นเหรอ พนักงานรถขับรถก็มีตั้งเยอะรวม ๆ ก็เป็นเงิน ล้านบาท ถ้าบริษัทคิดจะจ่ายจริง คงจะจ่ายตั้งแต่ค่าซ่อมรถแล้ว
รู้ไหมผมคิดยังไง ผมคิดว่าบริษัทมันหลอกให้เราทำงานจนหมดสัญญาแล้วเอาเงินที่หักนี้และเงินค่าซ่อมรถล่ะมาจ่ายโบนัส แล้วบอกว่าหักรวมกับค่าซ่อมรถแล้ว
เรื่องผมจะเล่ามีเพียงเท่านี้ล่ะครับ ใครอยู่บริษัทดี ๆ ก็โชคดีไป ใครอยู่บริษัทไม่ดี ก็ซวยไป
พ่อผม ขับรถขนส่งไปรษณีย์ไทย โดนบริษัทผู้จ้างเอาเปรียบครับ!!! (แล้วเหมือนจะโดนโกงด้วย)
ผมขอกริ่นเรื่องก่อนนะครับ พ่อผมขับรถบรรทุกไปรษณีย์ไทย แต่ไปรษณีย์ไทย
ไม่ได้เป็นผู้ว่าจ้าง แต่เป็นบริษัทแห่งหนึ่งที่เข้ามาลงทุน ประมูลได้สัมปทาน ในการขนถุงเมลไปรษณีย์ไทย จาก ปณ.A ไป ปณ.B ไปรษณีย์ไทยก็จ่ายเงินให้บริษัทที่ได้รับสัมปทานเป็นค่าจ้าง คงจะนึกออกนะครับ
บริษัทที่พ่อผมทำงานชื่อค่อนข้างยาวมีอักษรนำหน้าว่า A แต่บริษัทย่อเหลือตัวอังกฤษ 3 ตัว แรกๆบริษัทไม่ได้ก่อปัญหา แต่หลัง ๆ จะหมดสัญญาปัญหาเริ่มเยอะ
ด้วยพ่อผมเป็นขยันงานเวอร์มาก(ความจริงจะใช้คำว่าบ้างานอยู่เหรอนะ)และเป็นคนปฏิเสธ ใครไม่เป็นด้วยงานใกล้ไกลยังรับ ขยันขับรถรับส่งตลอด แต่รู้ไหมเวลาเงินเดือนออกโดน บริษัทหักเงินเดือนกระจุย ให้เหตุผลว่าเบิกน้ำมันเกิน WTF พ่อเอารถบรรทุกไปแค่ทำงานตลอดไม่เอาไปทำเรื่องอย่างอื่นเลย
มีปัญหางานก็รับส่งให้ เบิลน้ำมันก็มีเบิลงานก็มีส่งไป ยังโดนหัก ไม่ใช่แค่พ่อผมโดนคนเดียวคนอื่น ๆ ก็โดน ยังมีเรื่องค่าซ่อมรถ(เงินประกันซ่อมรถ) พ่อผมขับรถจนพัง บริษัทบอกให้พ่อผมจ่ายก่อน ห่ะ!รถบรรทุกก็ของบริษัทก็ต้อง จ่ายดิว่ะเงินก็ตั้ง 20000 กว่า
ด้วยที่ว่ามันต้องเป็นรถที่ต้องใช้ทำงาน ไม่ทำงานก็ไม่เงินซื้อข้าวกิน ครอบครัวผมไม่ได้มีเงินแสน เงินล้านแบบชาวพันทิปอวดหรอกนะ ก็ต้องจ่ายซ่อมไปก่อน
จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้เลยครับเลื่อนแล้วเลื่อนอีก แถมยังมีหน้ามาบอกหักเงินคืน
50% ไม่บอกเหตุผลด้วย เงินซ่อมรถไม่ใช่พ่อผมคนเดียวคนอื่นก็โดน ค้างมันเป็นปีโดนจ่ายก่อนเหมือนกัน
พ่อผมโทรคุยกับสมมุติว่าชื่อว่าเจ๊ Fish (ป้องกันโดนฟ้องเช่นเคย)คนนี้เป็นพนักงานดูแล เรื่องต่างๆกับคนขับรถบรรทุก บอกเดียวจะได้ บ่ายเบี่ยงไปเรื่อย สร้างปัญหาทั้งคนขับรถ ทั้งพนักงานไปรษณีย์ไทย
ในกลุ่มคนขับรถบรรทุกลือกันว่า ที่หักเงินคนขับรถกันเพราะ บริษัทขาดทุนหนักมาก จึงทำให้ผมคิดได้ว่า เมื่อการประชุมพนักงานประมาณช่วงต้นปี เห็นบอกจะให้เงินโบนัสเมื่อหมดสัญญา คนขับ 50000 เด็กรถ 30000 ผมว่ามันเป็นเหรอ พนักงานรถขับรถก็มีตั้งเยอะรวม ๆ ก็เป็นเงิน ล้านบาท ถ้าบริษัทคิดจะจ่ายจริง คงจะจ่ายตั้งแต่ค่าซ่อมรถแล้ว
รู้ไหมผมคิดยังไง ผมคิดว่าบริษัทมันหลอกให้เราทำงานจนหมดสัญญาแล้วเอาเงินที่หักนี้และเงินค่าซ่อมรถล่ะมาจ่ายโบนัส แล้วบอกว่าหักรวมกับค่าซ่อมรถแล้ว
เรื่องผมจะเล่ามีเพียงเท่านี้ล่ะครับ ใครอยู่บริษัทดี ๆ ก็โชคดีไป ใครอยู่บริษัทไม่ดี ก็ซวยไป