เชิญร่วมเสวนาหนังสือเรื่อง "องค์รวมอันแฝงเร้น" A Hidden Wholeness Wholeness : The Journey Toward an Undivided Life

มีใครเป็นแฟนหนังสือของ Parker J. Palmer บ้างคะ ?
อมยิ้ม01อมยิ้ม04อมยิ้ม17

มี 2 เล่มที่น่าสนใจ เล่มแรก คือ เรื่อง "กล้าที่จะสอน" และเล่มที่สองคือ "องค์รวมอันแฝงเร้น -- การเดินทางสู่ชีวิตที่ไม่แบ่งแยก"
ทั้งสองเล่มเขียนโดยนักเขียนคนเดียวกันคือ พาร์เกอร์ เจ. พาล์เมอร์ และได้รับการแปลโดยนักแปลฝีมือละเมียดอย่างคุณ พินทุสร ติวุตานนท์
ใครเป็นแฟนหนังสือปรัชญาพุทธแนววัชรยานอาจคุ้น ๆ กับชื่อของเธอคนนี้ในฐานะนักแปล

เล่มล่าสุดของเธอคือ องค์รวมอันแฝงเร้น เป็นเรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องค่ะ

สนใจเรียนเชิญมาร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยน หรือนั่งฟังเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ เกี่ยวกับเนื้อหาปรัชญาของหนังสือเล่มนี้ได้ท
ในวันอาทิตย์ที่ ๑๗ กันยายนนี้
ตั้งแต่ 11:30 - 15:30 น. ที่ร้าน Steel Rose ถ.ศรีนครินทร์  
ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายนะคะ  จะ walk in หรือกันเหนียวสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ 099 251 1035

11:45 น. ลงทะเบียน
12:00 น. รับประทานอาหารร่วมกัน
13:00 น. ร่วมพูดคุย และค้นหา องค์รวมที่แฝงเร้นในตัวเรา

อะไรคือองค์รวมอันแฝงเร้น
ลองหาคำตอบจากคำถามด้านล่างนี้นะคะ

เคยติดอยู่กับคำถามที่เฝ้าวนถามตัวเองไหม ว่าจะเลือกอะไรดี ระหว่าง “จะคงไว้ซึ่งความเป็นมืออาชีพ หรือจะใส่จิตวิญญาณรอยประทับของเรา”ในตัวเนื้องาน

เราขัดแย้งกับตัวเองที่ต้องเลือกไม่เอาความรู้สึกส่วนตัว หรือเศษเสี้ยวของความเป็นตัวเองเข้าไปพัวพันกับการงานหรือบทบาทของตัวเอง งาน คือ งาน ทุกอย่างต้องตามหลักการเท่านั้น ความรู้สึกส่วนตัว ความเห็นส่วนตัว ความเป็นตัวเรา ควรถูกถอดออก เพราะนี่คืองาน ที่ต้องมุ่งหวังไปที่ประสิทธิภาพสูงสุด และความมีประสิทธิภาพเท่านั้นคือสิ่งที่เราให้ความสนใจ บ่อยครั้ง เรามักปฏิเสธการใส่ความรู้สึกลงไป ปัจเจกจะคิดอย่างไร มีความเห็นอย่างไร มีหลักคิดหรือจุดยืนทางศีลธรรมส่วนตัวอย่างไร หรือจะใส่ความเป็นตัวเองลงไปในงานนั้นเป็นเรื่องไม่เหมาะสม

มีทางใดบ้างไหม ที่เราสามารถจะเรียนรู้ที่จะรักษาความเป็นตัวเองในฐานะปัจเจกที่มีจุดยืนบางอย่าง ในขณะเดียวกันก็สามารถกลมกลืนเนียนไปกับสังคมและชุมชน รักษาไว้ซึ่งจุดยืนและการฟังเสียงภายในของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็สงบ มีสันติสุขกับวงสังคมได้อย่างไม่มีข้อขัดแย้งทั้งกับภายในใจเราเองและทั้งกับสังคมคนรอบข้าง

จำเป็นไหมที่เราต้องต้อง “แบ่งแยก” ตัวตนของเราเป็นส่วน ๆ ไปตามจำนวนสังคมที่เราติดต่อเกี่ยวพันด้วย ?

ธุรกิจ ศีลธรรม การรักษาสิ่งแวดล้อม ศาสนา การรักษาสภาวะจิตใจที่สงบสุข สามารถที่จะเชื่อมร้อยเข้าด้วยกันเป็นภาพต่อที่สมบูรณ์และกลมกลืนได้หรือไม่ ?

จำเป็นไหม ที่เราต้องทนทุกข์กับความรู้สึก “แบ่งแยก” “ไม่เป็นตัวเอง” อาการอาจจะหนักไปจนถึงขั้น “เสแสร้ง” และท้ายที่สุดลงเอยด้วยการหมดพลังชีวิตและล้มเหลวทางจิตใจ ?

เราจะสร้าง “วงกลมแห่งความเชื่อใจ” ได้อย่างไร วงกลมที่เป็นการรวมกลุ่มของคนสองสามคนขึ้นไป ที่เรียนรู้วิธีที่จะสร้างและปกป้องพื้นที่สำหรับจิตวิญญาณเพื่อหาคำตอบ และหนทางแก้ไขข้อคับข้องใจร่วมกัน

ในการก่อตั้ง “วงกลมแห่งความเชื่อใจ” เราต้องทำอะไรบ้างในเมื่อ “การแก้ไข การปกป้อง การแนะนำ การจัดการ” เป็นสิ่งต้องห้าม การพูดความจริงของเราออกไป และฟังความจริงจากผู้อื่นอย่างยอมรับและไม่ด่วนตัดสิน ทำให้สัมพันธภาพดีขึ้นจริง ๆ น่ะหรือ ?

ในเมื่อความจริงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เราจะตั้งคำถามอย่างไรให้ได้ความจริง ควรจะจับประเด็นปัญหาอย่างไร ทำอะไรและไม่ควรทำอะไรในกระบวนการสร้างวงกลมแห่งความเชื่อใจ

ความเงียบและเสียงหัวเราะมีบทบาทสำคัญอย่างไรในกระบวนการเรียนรู้นี้

มาร่วมอภิปราย ถกประเด็น นิ่งเงียบเพื่อฟังกันและกันอย่างตั้งใจ ตั้งคำถาม พูดคุย หัวเราะและสร้างมิตรภาพขึ้น เพื่อปูพื้นฐานของวงกลมแห่งความเชื่อใจกันได้ บนเวทีที่ทุกเสียงที่แตกต่าง ทุกความเป็นตัวคุณ จะได้รับการฟังและยอมรับ ความเห็นต่าง ความเห็นเหมือน จะร้อยเรียงกันเป็นองค์รวมที่แฝงเร้นถึงความเป็นปัจเจกของทุกคน


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่