วันก่อน คุยกับเพื่อนเกาหลีคนหนึ่ง คุยกันสัพเพเหระเรื่องลูก เรื่องนู่นนี่นั่น เลยไปถึงเรื่องทำสมาธิและหัดวิปัสสนา
แล้วเธอก็เล่าเรื่อง Float Tank ให้ฟัง บอกว่า เธอเคยไปลองแล้ว เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก
เลยถามเธอว่าเป็นไง เธอเล่าให้ฟังว่า เข้าไปนอนลอยตัวอยู่ในอ่างน้ำใหญ่ มืดสนิท นอนนิ่ง ๆ พักผ่อนอยู่อย่างนั้นประมาณชั่วโมงหนึ่ง
เธอบอกว่า ในนั้นสงบและสบายมาก ทำให้ทำสมาธิได้ดี กลับมาแล้วหลับได้ลึกขึ้น
เราสนใจอย่างมาก เพราะในชีวิตนี้ คิดว่ามีประสบการณ์อยู่สองสามอย่างที่อยากลองคือ
๑. อยากลองไปลอยตัวอยู่ในทะเลสาบ Dead Sea สัมผัสความรู้สึกว่าการลอยอยู่ในน้ำ (แบบไม่ต้องออกแรง) ลอยแบบแทบไร้น้ำหนักเลยเป็นอย่างไร
๒. อยู่ในที่ที่เงียบและมืดสนิท (แต่ปลอดภัย) เป็นอย่างไร
๓. อยากลองจินตนาการว่าถ้ากลับไปอยู่ในท้องแม่อีกทีจะเป็นอย่างไร (ปลอดภัย เงียบ มืด ลอยตัว)
วันนี้ เลยได้ไปลองค่ะ เป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจทีเดียวเลยอยากลองเอามาแชร์ เผื่อเป็นตัวเลือกของคนที่ชอบทำสปา หรือชอบพักผ่อนแบบเงียบสนิท และผ่อนคลายสุด ๆ จริง ๆ
เราเข้าเว็บไปจองเวลาที่ www.bangkokfloatcenter.com นะคะ
เลือกเวลา และทำบุ๊คกิ้งได้
Bangkok Float Center ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 ของตึก Show DC
ตอนเราไปถึง ก็จะมีเจ้าหน้าที่อธิบายวิธีการใช้บริการอย่างละเอียด

บรรยากาศภายในสะอาดสะอ้าน หอมสดชื่น เจ้าหน้าที่ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส น่ารักมาก
คอนเซปต์ของอ่างลอยตัว คือ เป็นอ่างรูปไข่ มีน้ำขนาดประมาณฟุตกว่า ๆ เป็นน้ำที่มีความเข้มข้นของดีเกลือ (Epsom Salts) สูง (ประมาณ 600 กว่ากิโลกรัม) ดังนั้น เมื่อลงไปนอนในอ่าง ตัวจะลอยเหมือนนอนอยู่บนอะไรนิ่ม ๆ แต่ไร้น้ำหนัก
น้ำในอ่าง จะได้รับการกรองและฆ่าเชื้ออย่างสม่ำเสมอ
ผู้ที่มีประจำเดือน มีโรคติดต่อทางผิวหนัง หรือเพิ่งทำสีผมมาประมาณไม่เกินสามวัน จะไม่สามารถใช้บริการได้
เปิดเข้าไปจะเจอวิวนี้ค่ะ
ส่วนนี้เป็นบริเวณด้านนอก สำหรับเมื่อแช่น้ำเกลือครบแล้ว อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว อาจจะออกมาเป่าผม
ทาครีม หวีผม เช็ดหน้าเช็ดตาที่บริเวณด้านนอกนี้
ข้างในจะแบ่งออกเป็นห้องเล็ก ๆ อีกสามสี่ห้อง
เปิดประตูแต่ละห้องเข้าไปจะเจอห้องอาบน้ำ ก่อนลงอ่าง จะต้องอาบน้ำสระผมล้างเอาโลชั่น เจลต่าง ๆ ให้หมดจดก่อน

ส่วนเสื้อผ้า ข้าวของ วางตรงนี้ค่ะ

อ่างที่แช่จะเป็นแบบนี้ค่ะ

หลังจากเราเข้าห้องแล้ว เจ้าหน้าที่จะอธิบายวิธีการใช้งานว่า
๑. ตอนเราลงไปแช่ในอ่าง หากเป็นครั้งแรก จะใช้ที่อุดหูกันน้ำเข้าก็ได้ (หรือหากไม่ใช้ก็ไม่อันตราย) เราไม่ใช้ค่ะ
๒. ห้ามเอามือลูบหน้าเด็ดขาด เพราะน้ำดีเกลือมีความเข้มข้นสูง เผลอเอามาลูบหน้าถ้าเข้าตาจะแสบมาก
๓. หากน้ำเกลือกระเด็นเข้าตาจริง ๆ ให้ใช้ขวดสเปรย์ใส่น้ำสะอาดที่แขวนไว้มาฉีดตาทำความสะอาด แล้วเอาผ้าซับ
๔. ตอนเริ่มต้นชั่วโมง จะมีเพลงบรรเลงประมาณสิบนาที จากนั้นเพลงจะหายไป และก่อนจะหมดชั่วโมงสักห้านาที จะมีเพลงบรรเลงขึ้นมาอีกครั้ง
๕. ถ้ายังกลัวความมืดและกลัวที่แคบ ไม่จำเป็นต้องปิดฝาอ่าง และไม่จำเป็นต้องปิดไฟ แต่หากคุ้นแล้วให้ปิดฝาอ่าง และค่อย ๆ ลองปิดไฟดู จะได้บรรยากาศที่เงียบและมืดสนิท ปลอดภัยมาก ๆ
อธิบายจบ เจ้าหน้าที่ก็ออกจากห้องไป และจะให้เวลาเราประมาณห้านาที อาบน้ำสระผม
จากนั้น เราก็ปิดไฟและค่อย ๆ หย่อนตัวลงไปในอ่าง ลอยตัวไปในน้ำ มันลอยได้จริง ๆ นะค้าบท่านผู้โช้ม ลอยได้อย่างสบาย ๆ ด้วย
วางศีรษะไปบนน้ำได้เลย น้ำไม่เข้าหน้าแน่ ๆ
ห้านาทีแรก เราปิดฝาอ่าง แต่ยังไม่กล้าปิดไฟในอ่าง เสียงเพลงบรรเลงแบบแนวเคลติก (Celtic) จะค่อย ๆ เปิดคลอ ๆ ประมาณห้าถึงสิบนาที
พอเราคุ้นกับสภาพการลอยแล้ว เราก็เอื้อมมือไปปิดไฟ
สิบห้านาทีแรก เรากดปิด กดเปิดไฟ แล้วยกฝาอ่างเปิดดู เพื่อให้มั่นใจว่า ทุกอย่างปิดเปิดได้ง่ายดาย ก่อนจะวางใจค่อย ๆ ทอดตัวนอน
และปิดไฟ
มันมืดสนิท มืดชนิดที่ว่า หลับตาหรือลืมตาก็มืดเท่ากัน
เราค่อย ๆ สงบใจ สวดมนต์บทย่อย ๆ ดูลมหายใจ ฟังเสียงหัวใจเต้น อยู่นิ่ง ๆ กับตัวเอง ไม่คาดหวัง ไม่กังวล ไม่ฟุ้งซ่าน สุขสงบกับการลอยตัว
และคอยฟังแต่เสียงหายใจและเสียงหัวใจของตัวเอง อารมณ์คงเหมือนกำลังลอยตัวอยู่ในท้องแม่
เป็นภาวะที่สุข สงบ มาก ๆ ไม่หลับแต่ก็ไม่ตื่นเต็มที่ ไม่งัวเงีย ไม่ง่วง เวลาผ่านไปเท่าไร เราแทบไม่รู้ตัวเลย ตอนดนตรีปลุกอีกครั้งพอใกล้ครบชั่วโมง เรายังแปลกใจว่า ทำไมเวลาผ่านไปเร็วจัง
ออกมาแล้วเรารู้สึกดีมากเลยนะคะ เหมือนผ่อนคลาย
เพื่อนที่คุ้นเคยกับ การนอนแช่น้ำเกลือแบบนี้บอกเราว่า สำหรับเธอแล้ว ทำให้หลับลึกขึ้นมากด้วยค่ะ
เท่าที่เราหาข้อมูลมา อ่างบำบัดนี้ เรียกได้หลายชื่อ บางคนเรียก isolation tank
แต่ชื่อดั้งเดิมของมันคือ sensory deprivation tank หรือถังน้ำที่จำกัดผัสสะการรับรู้ (มองไม่เห็น ไม่ได้ยินเสียง อยู่ในสภาพไร้น้ำหนัก) บางคนอาจเรียกง่าย ๆ ว่า float tank หรือ flotation tank
อ่างแบบนี้ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1954 เพื่อทดสอบดูว่า หากเราลดผัสสะการรับรู้ลงจะเป็นอย่างไร
ผู้คิดค้นอ่างนี้คือ John C. Lily จิตแพทย์ด้านสมองแห่งสถาบันวิจัยสุขภาพจิตแห่งชาติสหรัฐอเมริกา
วิธีการวารีบำบัดแบบนี้ ได้รับความนิยมในยุโรปและอเมริกา และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการบำบัดลดเครียด
อ้อ... ลืมบอกค่าใช้จ่าย
ครั้งละ 2,100 บาทค่ะ
แต่ดูเหมือนจะมีโปรโมชั่นซื้อแบบแพคเกจด้วย ลองดูรายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บนะคะ
[CR] Bangkok Float Center เหมือนกลับเข้าไปอยู่ในท้องของแม่
แล้วเธอก็เล่าเรื่อง Float Tank ให้ฟัง บอกว่า เธอเคยไปลองแล้ว เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก
เลยถามเธอว่าเป็นไง เธอเล่าให้ฟังว่า เข้าไปนอนลอยตัวอยู่ในอ่างน้ำใหญ่ มืดสนิท นอนนิ่ง ๆ พักผ่อนอยู่อย่างนั้นประมาณชั่วโมงหนึ่ง
เธอบอกว่า ในนั้นสงบและสบายมาก ทำให้ทำสมาธิได้ดี กลับมาแล้วหลับได้ลึกขึ้น
เราสนใจอย่างมาก เพราะในชีวิตนี้ คิดว่ามีประสบการณ์อยู่สองสามอย่างที่อยากลองคือ
๑. อยากลองไปลอยตัวอยู่ในทะเลสาบ Dead Sea สัมผัสความรู้สึกว่าการลอยอยู่ในน้ำ (แบบไม่ต้องออกแรง) ลอยแบบแทบไร้น้ำหนักเลยเป็นอย่างไร
๒. อยู่ในที่ที่เงียบและมืดสนิท (แต่ปลอดภัย) เป็นอย่างไร
๓. อยากลองจินตนาการว่าถ้ากลับไปอยู่ในท้องแม่อีกทีจะเป็นอย่างไร (ปลอดภัย เงียบ มืด ลอยตัว)
วันนี้ เลยได้ไปลองค่ะ เป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจทีเดียวเลยอยากลองเอามาแชร์ เผื่อเป็นตัวเลือกของคนที่ชอบทำสปา หรือชอบพักผ่อนแบบเงียบสนิท และผ่อนคลายสุด ๆ จริง ๆ
เราเข้าเว็บไปจองเวลาที่ www.bangkokfloatcenter.com นะคะ
เลือกเวลา และทำบุ๊คกิ้งได้
Bangkok Float Center ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 ของตึก Show DC
ตอนเราไปถึง ก็จะมีเจ้าหน้าที่อธิบายวิธีการใช้บริการอย่างละเอียด
คอนเซปต์ของอ่างลอยตัว คือ เป็นอ่างรูปไข่ มีน้ำขนาดประมาณฟุตกว่า ๆ เป็นน้ำที่มีความเข้มข้นของดีเกลือ (Epsom Salts) สูง (ประมาณ 600 กว่ากิโลกรัม) ดังนั้น เมื่อลงไปนอนในอ่าง ตัวจะลอยเหมือนนอนอยู่บนอะไรนิ่ม ๆ แต่ไร้น้ำหนัก
น้ำในอ่าง จะได้รับการกรองและฆ่าเชื้ออย่างสม่ำเสมอ
ผู้ที่มีประจำเดือน มีโรคติดต่อทางผิวหนัง หรือเพิ่งทำสีผมมาประมาณไม่เกินสามวัน จะไม่สามารถใช้บริการได้
เปิดเข้าไปจะเจอวิวนี้ค่ะ
ส่วนนี้เป็นบริเวณด้านนอก สำหรับเมื่อแช่น้ำเกลือครบแล้ว อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว อาจจะออกมาเป่าผม
ทาครีม หวีผม เช็ดหน้าเช็ดตาที่บริเวณด้านนอกนี้
ข้างในจะแบ่งออกเป็นห้องเล็ก ๆ อีกสามสี่ห้อง
เปิดประตูแต่ละห้องเข้าไปจะเจอห้องอาบน้ำ ก่อนลงอ่าง จะต้องอาบน้ำสระผมล้างเอาโลชั่น เจลต่าง ๆ ให้หมดจดก่อน
ส่วนเสื้อผ้า ข้าวของ วางตรงนี้ค่ะ
อ่างที่แช่จะเป็นแบบนี้ค่ะ
หลังจากเราเข้าห้องแล้ว เจ้าหน้าที่จะอธิบายวิธีการใช้งานว่า
๑. ตอนเราลงไปแช่ในอ่าง หากเป็นครั้งแรก จะใช้ที่อุดหูกันน้ำเข้าก็ได้ (หรือหากไม่ใช้ก็ไม่อันตราย) เราไม่ใช้ค่ะ
๒. ห้ามเอามือลูบหน้าเด็ดขาด เพราะน้ำดีเกลือมีความเข้มข้นสูง เผลอเอามาลูบหน้าถ้าเข้าตาจะแสบมาก
๓. หากน้ำเกลือกระเด็นเข้าตาจริง ๆ ให้ใช้ขวดสเปรย์ใส่น้ำสะอาดที่แขวนไว้มาฉีดตาทำความสะอาด แล้วเอาผ้าซับ
๔. ตอนเริ่มต้นชั่วโมง จะมีเพลงบรรเลงประมาณสิบนาที จากนั้นเพลงจะหายไป และก่อนจะหมดชั่วโมงสักห้านาที จะมีเพลงบรรเลงขึ้นมาอีกครั้ง
๕. ถ้ายังกลัวความมืดและกลัวที่แคบ ไม่จำเป็นต้องปิดฝาอ่าง และไม่จำเป็นต้องปิดไฟ แต่หากคุ้นแล้วให้ปิดฝาอ่าง และค่อย ๆ ลองปิดไฟดู จะได้บรรยากาศที่เงียบและมืดสนิท ปลอดภัยมาก ๆ
อธิบายจบ เจ้าหน้าที่ก็ออกจากห้องไป และจะให้เวลาเราประมาณห้านาที อาบน้ำสระผม
จากนั้น เราก็ปิดไฟและค่อย ๆ หย่อนตัวลงไปในอ่าง ลอยตัวไปในน้ำ มันลอยได้จริง ๆ นะค้าบท่านผู้โช้ม ลอยได้อย่างสบาย ๆ ด้วย
วางศีรษะไปบนน้ำได้เลย น้ำไม่เข้าหน้าแน่ ๆ
ห้านาทีแรก เราปิดฝาอ่าง แต่ยังไม่กล้าปิดไฟในอ่าง เสียงเพลงบรรเลงแบบแนวเคลติก (Celtic) จะค่อย ๆ เปิดคลอ ๆ ประมาณห้าถึงสิบนาที
พอเราคุ้นกับสภาพการลอยแล้ว เราก็เอื้อมมือไปปิดไฟ
สิบห้านาทีแรก เรากดปิด กดเปิดไฟ แล้วยกฝาอ่างเปิดดู เพื่อให้มั่นใจว่า ทุกอย่างปิดเปิดได้ง่ายดาย ก่อนจะวางใจค่อย ๆ ทอดตัวนอน
และปิดไฟ
มันมืดสนิท มืดชนิดที่ว่า หลับตาหรือลืมตาก็มืดเท่ากัน
เราค่อย ๆ สงบใจ สวดมนต์บทย่อย ๆ ดูลมหายใจ ฟังเสียงหัวใจเต้น อยู่นิ่ง ๆ กับตัวเอง ไม่คาดหวัง ไม่กังวล ไม่ฟุ้งซ่าน สุขสงบกับการลอยตัว
และคอยฟังแต่เสียงหายใจและเสียงหัวใจของตัวเอง อารมณ์คงเหมือนกำลังลอยตัวอยู่ในท้องแม่
เป็นภาวะที่สุข สงบ มาก ๆ ไม่หลับแต่ก็ไม่ตื่นเต็มที่ ไม่งัวเงีย ไม่ง่วง เวลาผ่านไปเท่าไร เราแทบไม่รู้ตัวเลย ตอนดนตรีปลุกอีกครั้งพอใกล้ครบชั่วโมง เรายังแปลกใจว่า ทำไมเวลาผ่านไปเร็วจัง
ออกมาแล้วเรารู้สึกดีมากเลยนะคะ เหมือนผ่อนคลาย
เพื่อนที่คุ้นเคยกับ การนอนแช่น้ำเกลือแบบนี้บอกเราว่า สำหรับเธอแล้ว ทำให้หลับลึกขึ้นมากด้วยค่ะ
เท่าที่เราหาข้อมูลมา อ่างบำบัดนี้ เรียกได้หลายชื่อ บางคนเรียก isolation tank
แต่ชื่อดั้งเดิมของมันคือ sensory deprivation tank หรือถังน้ำที่จำกัดผัสสะการรับรู้ (มองไม่เห็น ไม่ได้ยินเสียง อยู่ในสภาพไร้น้ำหนัก) บางคนอาจเรียกง่าย ๆ ว่า float tank หรือ flotation tank
อ่างแบบนี้ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1954 เพื่อทดสอบดูว่า หากเราลดผัสสะการรับรู้ลงจะเป็นอย่างไร
ผู้คิดค้นอ่างนี้คือ John C. Lily จิตแพทย์ด้านสมองแห่งสถาบันวิจัยสุขภาพจิตแห่งชาติสหรัฐอเมริกา
วิธีการวารีบำบัดแบบนี้ ได้รับความนิยมในยุโรปและอเมริกา และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการบำบัดลดเครียด
อ้อ... ลืมบอกค่าใช้จ่าย
ครั้งละ 2,100 บาทค่ะ
แต่ดูเหมือนจะมีโปรโมชั่นซื้อแบบแพคเกจด้วย ลองดูรายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บนะคะ