ประเดิมด้วยวันแรกกันก่อนเลยครับ 
ถ้าใครมีโอกาสได้มาเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ แล้วอยากไปไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัวแล้วล่ะก็
แนะนำให้มาวัดแห่งนี้เลยครับ

วัดสวนดอกในอดีต เป็นสวนดอกไม้(ต้นพยอม) ของเจ้านายฝ่ายเหนือใน ราชวงศ์เม็งราย วัดนี้ตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อยู่ตรงข้ามกับคณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถ้าเริ่มจากคูเมืองเมื่อถึงแยกประตูสวนดอกให้เลี้ยวซ้าย เข้ามาเส้นทางถนนสุเทพ มุ่งตรงมาหน้าโรงพยาบาลสวนดอก เลยโรงพยาบาลสวนดอกมาแค่นิดหน่อย ก็จะเจอวัดอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนทางขวามือจะเป็นคณะทันตแพทย์ครับ
แผนที่จาก Google map
ประวัติของวัดสวนดอกแบบย่อๆ
วัดสวนดอกสร้างขึ้นในภายในเวียงสวนดอก ซึ่งเป็นเขตพระราชอุทยานในสมัยราชวงศ์มังราย โดยในปี พ.ศ. 1914 (ศักราชนี้ถือตามหนังสือชินกาลมาลีปกรณ์ของพระรัตนปัญญาเกตุ) พระเจ้ากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่ง ราชวงศ์มังราย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็น "พระอารามหลวง" เพื่อให้เป็นที่จำพรรษาของ "พระมหาเถระสุมน" ผู้ประดิษฐานพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ ในแผ่นดินล้านนา และสร้างองค์พระเจดีย์เพื่อประดิษฐาน "พระบรมสารีริกธาตุ" 1 ใน 2 องค์ ที่ "พระมหาเถระสุมน" อัญเชิญมาจากสุโขทัย ในปี พ.ศ. 1912 (องค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ในพระเจดีย์ ใน วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร)
ในสมัย ราชวงศ์มังราย วัดสวนดอก มีความเจริญรุ่งเรืองมาก แต่หลังจากสิ้น ราชวงศ์มังราย บ้านเมืองตกอยู่ในอำนาจพม่า ทั้งเกิดจลาจลวุ่นวาย วัดนี้จึงกลายสภาพเป็นวัดร้างไป วัดสวนดอก ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่อีกครั้ง ในรัชสมัย พระเจ้าบรมราชาธิบดีกาวิละ แห่ง ราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ (เจ้าเจ็ดตน)และได้รับการทำนุบำรุงจาก เจ้านายฝ่ายเหนือ และประชาชนเชียงใหม่มาโดยตลอด
วัดสวนดอก ได้รับการบูรณะครั้งสำคัญ 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2450 พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญรวบรวมพระอัฐิ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และ พระประยูรญาติ มาประดิษฐานรวมกัน และต่อมาอีกครั้งหนึ่งในปี พ.ศ. 2475 เป็นการบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระวิหารโดย ครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา
พระเจ้าเก้าตื้อ พระประธานในพระอุโบสถวัดสวนดอก
ภายในวิหารกว้างมากครับ เงียบสงบ มีพระประทานองค์ใหญ่โดดเด่นประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ

ภาพภายในวิหารวัดสวนดอก
ภายในวัดมีบริเวณที่กว้างขวาง มีที่จอดรถสะดวกสบายครับ สิ่งแรกที่เข้ามาแล้วเห็นได้สะดุดตาเลยก็คือองค์พระเจดีย์สีทองอร่ามที่ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรดากู่ที่ใช้เก็บอัฐิของเจ้านายฝ่ายต่างๆ

กู่ของเจ้านายฝ่ายเหนือ ด้านหลังเป็นเจดีย์ประธานของวัดสวนดอก ซึ่งได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่เป็นสีทองสวยงาม (เดิมเป็นเจดีย์สีขาว)
บรรดากู่ที่ใช้เก็บอัฐิของเจ้านายฝ่ายต่างๆ

ภาพกู่บรรจุอัฐิของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี พระราชชายาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

อีกมุมหนึ่งของบรรดากู่ที่ใช้เก็บอัฐิของเจ้านายฝ่ายต่างๆ

ภาพสะท้อนจากกระเบื้องแท่งจุดเทียนของบรรดากู่ที่ใช้เก็บอัฐิของเจ้านายฝ่ายต่างๆ
ภาพอีกมุมหนึ่งของเจดีย์วัดสวนดอก ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากสุโขทัย
พระบรมสารีริกธาตุอีกส่วนหนึ่งได้แบ่งไปบรรจุที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ
จึงทำให้วัดสวนดอกและวัดพระธาตุดอยสุเทพเป็นวัดพี่วัดน้องกัน

ภาพบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินจากวัดสวนดอก

ภาพบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินจากวัดสวนดอก
บรรยากาศความสงบ และความสวยงามของสถาปัตยกรรมโบราณสถานเป็นอะไรที่เข้ากันและลงตัวมาก รับรองว่าใครที่ได้มีโอกาสมาเยือนวัดแห่งนี้ จะกลับบ้านไปด้วยความสุขรอยยิ้ม รู้สึกอิ่มบุญ และภาพสวยงามทุกคนแน่นอนครับ


ขอปิดท้ายด้วย บรรยากาศหน้าวัดสวนดอกตอนพระอาทิตย์ตกดินครับ
[CR] รีวิว "วัดดังเชียงใหม่วัดน่าไปสายบุญต้องห้ามพลาด"
ถ้าใครมีโอกาสได้มาเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ แล้วอยากไปไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัวแล้วล่ะก็
แนะนำให้มาวัดแห่งนี้เลยครับ
วัดสวนดอกในอดีต เป็นสวนดอกไม้(ต้นพยอม) ของเจ้านายฝ่ายเหนือใน ราชวงศ์เม็งราย วัดนี้ตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อยู่ตรงข้ามกับคณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถ้าเริ่มจากคูเมืองเมื่อถึงแยกประตูสวนดอกให้เลี้ยวซ้าย เข้ามาเส้นทางถนนสุเทพ มุ่งตรงมาหน้าโรงพยาบาลสวนดอก เลยโรงพยาบาลสวนดอกมาแค่นิดหน่อย ก็จะเจอวัดอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนทางขวามือจะเป็นคณะทันตแพทย์ครับ
ประวัติของวัดสวนดอกแบบย่อๆ
วัดสวนดอกสร้างขึ้นในภายในเวียงสวนดอก ซึ่งเป็นเขตพระราชอุทยานในสมัยราชวงศ์มังราย โดยในปี พ.ศ. 1914 (ศักราชนี้ถือตามหนังสือชินกาลมาลีปกรณ์ของพระรัตนปัญญาเกตุ) พระเจ้ากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่ง ราชวงศ์มังราย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็น "พระอารามหลวง" เพื่อให้เป็นที่จำพรรษาของ "พระมหาเถระสุมน" ผู้ประดิษฐานพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ ในแผ่นดินล้านนา และสร้างองค์พระเจดีย์เพื่อประดิษฐาน "พระบรมสารีริกธาตุ" 1 ใน 2 องค์ ที่ "พระมหาเถระสุมน" อัญเชิญมาจากสุโขทัย ในปี พ.ศ. 1912 (องค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ในพระเจดีย์ ใน วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร)
ในสมัย ราชวงศ์มังราย วัดสวนดอก มีความเจริญรุ่งเรืองมาก แต่หลังจากสิ้น ราชวงศ์มังราย บ้านเมืองตกอยู่ในอำนาจพม่า ทั้งเกิดจลาจลวุ่นวาย วัดนี้จึงกลายสภาพเป็นวัดร้างไป วัดสวนดอก ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่อีกครั้ง ในรัชสมัย พระเจ้าบรมราชาธิบดีกาวิละ แห่ง ราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ (เจ้าเจ็ดตน)และได้รับการทำนุบำรุงจาก เจ้านายฝ่ายเหนือ และประชาชนเชียงใหม่มาโดยตลอด
วัดสวนดอก ได้รับการบูรณะครั้งสำคัญ 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2450 พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญรวบรวมพระอัฐิ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และ พระประยูรญาติ มาประดิษฐานรวมกัน และต่อมาอีกครั้งหนึ่งในปี พ.ศ. 2475 เป็นการบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระวิหารโดย ครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา
ภายในวิหารกว้างมากครับ เงียบสงบ มีพระประทานองค์ใหญ่โดดเด่นประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ
ภายในวัดมีบริเวณที่กว้างขวาง มีที่จอดรถสะดวกสบายครับ สิ่งแรกที่เข้ามาแล้วเห็นได้สะดุดตาเลยก็คือองค์พระเจดีย์สีทองอร่ามที่ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรดากู่ที่ใช้เก็บอัฐิของเจ้านายฝ่ายต่างๆ
ภาพอีกมุมหนึ่งของเจดีย์วัดสวนดอก ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากสุโขทัย
พระบรมสารีริกธาตุอีกส่วนหนึ่งได้แบ่งไปบรรจุที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ
จึงทำให้วัดสวนดอกและวัดพระธาตุดอยสุเทพเป็นวัดพี่วัดน้องกัน
บรรยากาศความสงบ และความสวยงามของสถาปัตยกรรมโบราณสถานเป็นอะไรที่เข้ากันและลงตัวมาก รับรองว่าใครที่ได้มีโอกาสมาเยือนวัดแห่งนี้ จะกลับบ้านไปด้วยความสุขรอยยิ้ม รู้สึกอิ่มบุญ และภาพสวยงามทุกคนแน่นอนครับ
ขอปิดท้ายด้วย บรรยากาศหน้าวัดสวนดอกตอนพระอาทิตย์ตกดินครับ