จบไปแล้วกับเล่ห์ลับสลับร่าง
ละครคู่กันเรื่องที่ 5 ของณเดชน์ญาญ่า
ละครที่เราเป็นแฟนคลับเอง ยังแอบหวั่นลึกๆว่าช่วงเวลาที่ต้องสลับร่างกัน น้องทั้งคู่จะเอาอยู่ไหม
ไม่ใช่เพราะสงสัยในฝีมือน้องหรืออะไร แต่บทที่ชายเล่นเป็นหญิง หญิงเล่นเป็นชายนี้ ถ้าเล่นใหญ่หรือเล่นน้อยไปนิดเดียว คนดูอย่างเรารู้สึกได้แน่นอน
พอเวลาสลับร่างมาถึงจริงๆ แต่ละฉากที่ผ่านไป น้องสองคนทำให้ตัวเราเชื่อได้ ว่าอีกคนอยู่ในร่างของอีกคน
เภตราที่มั่นใจ เหวี่ยงวีน โอเวอร์ และหักจริตสุดๆในแบบที่ญาญ่าเล่นไว้ พอมาอยู่ในร่างรามิล และต้องเจอเรื่องเหลือเชื่อกับชีวิตตัวเอง ยังคงมีความโอเวอร์ หักจริต เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความอ่อนแอ เพราะต้องมาเจอกับเรื่องวุ่นวายสารพัด ตั้งแต่มาอยู่ในร่างรามิล
ณเดชน์กับบทเภตรา ทำให้เราเชื่อได้ว่า นี่คือผู้หญิงตัวเล็กๆที่พยายามทำทุกอย่างให้ดีในบทบาทของผู้ชาย เพื่อให้คนรอบตัวเชื่อว่านี่คือรามิล แต่สุดท้าย ข้างในเธอคือผู้หญิงคนนึงที่พร้อมจะอ่อนแอได้เสมอ

ณเดชน์เล่นเป็นผู้หญิงได้พอดีๆ ไม่รู้สึกว่าเหมือนกะเทย ถึงบางครั้งชุดจะพาไป

รามิลที่เก่งกาจ เข้มแข็ง มั่นใจ กะล่อน เจ้าชู้กรุ้มกริ่มในแบบที่ณเดชน์เล่นไว้ พอมาอยู่ในร่างเภตรา ความเก่ง เข้มแข็ง มั่นใจ ยังอยู่ครบ บวกกับความเจ้าชู้กรุ้มกริ่มที่ไม่หายไป
ญาญ่ากับบทรามิล ทำให้เราเชื่อได้ว่านี่คือผู้ชายที่แข็งแรง เข้มแข็ง สามารถปกป้องคนอื่นได้ แม้จะอยู่ในร่างที่บอบบางของเภตรา

ญาญ่าเล่นเป็นผู้ชายได้พอดีๆ ที่เราไม่รู้สึกว่านี่คือทอม หรือผู้หญิงห้าว

และคำที่เห็นบ่อยๆหลังจากหลายคนได้ดูคู่นี้เล่นคือคำว่า ก๊อปเกรด A
รามิล
เภตรา
และถ้าณเดชน์ญาญ่าจะมีเคมี.... อะไรก็ตาม กับนักแสดงคนอื่นที่เล่นคู่กันในละครเรื่องต่างๆที่ผ่านมา สำหรับเรา ณเดชน์ญาญ่าเรื่องนี้ มันคือเคมีแบบที่เราไม่เคยรู้สึกมาก่อน เห็นชัดจากฉากนี้
เป็นเคมีแบบผู้ใหญ่ มีความอีโรติคปนอยู่ แค่บทพูด สายตา และท่าทาง เราเขินฉากนี้มาก ทั้งๆที่สุดท้ายคือการจูบแบบมุมกล้อง
ไม่รู้ว่านิยามเคมีสองคนนี้คืออะไร แต่เป็นเคมีที่เราไม่เคยรู้สึกเวลาดูน้องแสดงกับคนอื่น อาจจะเป็นเคมีเฉพาะ ที่เกิดขึ้นเฉพาะณเดชน์ญาญ่า
จุดนี้ขอชื่นชมกับผู้กำกับ ผู้จัด นักแสดงนำ ที่ดีไซน์คาแรคเตอร์ตัวละสองตัวไว้แบบนี้ หาจุดที่พอดีในการสลับร่างเจอ และถ่ายทอดออกมาได้ดี มีมุมมองที่ดี ที่ทำให้ตัวละครสองตัวนี้ประสบความสำเร็จ
ขอบคุณและชื่นชมณเดชน์ญาญ่า ที่ทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อที่จะเข้าถึงความเป็นเภตราและรามิล เมื่อถึงเวลาที่ต้องสลับร่างกัน
ในฐานะแฟนคลับ ไม่ว่าละครจะติดขัดไป(มาก)บ้างในเรื่องอะไรก็ตาม แต่เราภูมิใจในฝีมือการแสดงของน้องทั้งสองคนมาก ความกังวลที่มีในตอนแรก กลายเป็นความดีใจ ที่น้องพัฒนาฝีมือไปอีกก้าว และบทนี้มันต้องสองคนนี้จริงๆ
บางคนอาจจะมองว่าสองคนนี้คือคู่จิ้น เล่นละครด้วยกันบ่อยๆ เดี๋ยวก็ณเดชน์ญาญ่าอีกแล้ว
แต่เราว่าถ้าบทเหมาะ แสดงแล้วใช่ ดูแล้วเชื่อว่านี่คือตัวละครที่เขาได้รับ คำว่าจับคู่แสดงด้วยกันบ่อยเพราะเป็นคู่จิ้น,เรียกกระแสแฟนคลับ บลาๆๆ ... เราว่าคุณกำลังมองข้ามฝีมือณเดชน์ญาญ่าไป
สำหรับเรา ณเดชน์ญาญ่าไม่ใช่คู่จิ้น
(แฟนคลับไม่มีใครชอบคำว่าคู่จิ้นที่ช่องและสื่อยัดเยียดให้ อยากให้เลิกใช้สักที)
สำหรับเรา ณเดชน์ญาญ่าคือนักแสดง ที่พร้อมจะเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ และพร้อมจะพัฒนาตัวเองไปให้ถึงจุดมุ่งหมายของทุกผลงาน
สุดท้าย เรื่องนี้น้องสองคนเก่งมากจริงๆ 👏🏻👏🏻👏🏻👏🏻
ณเดชน์ ญาญ่า กับฝีมือการแสดงที่ไปไกลกว่าคำว่าคู่จิ้น
ละครคู่กันเรื่องที่ 5 ของณเดชน์ญาญ่า
ละครที่เราเป็นแฟนคลับเอง ยังแอบหวั่นลึกๆว่าช่วงเวลาที่ต้องสลับร่างกัน น้องทั้งคู่จะเอาอยู่ไหม
ไม่ใช่เพราะสงสัยในฝีมือน้องหรืออะไร แต่บทที่ชายเล่นเป็นหญิง หญิงเล่นเป็นชายนี้ ถ้าเล่นใหญ่หรือเล่นน้อยไปนิดเดียว คนดูอย่างเรารู้สึกได้แน่นอน
พอเวลาสลับร่างมาถึงจริงๆ แต่ละฉากที่ผ่านไป น้องสองคนทำให้ตัวเราเชื่อได้ ว่าอีกคนอยู่ในร่างของอีกคน
เภตราที่มั่นใจ เหวี่ยงวีน โอเวอร์ และหักจริตสุดๆในแบบที่ญาญ่าเล่นไว้ พอมาอยู่ในร่างรามิล และต้องเจอเรื่องเหลือเชื่อกับชีวิตตัวเอง ยังคงมีความโอเวอร์ หักจริต เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความอ่อนแอ เพราะต้องมาเจอกับเรื่องวุ่นวายสารพัด ตั้งแต่มาอยู่ในร่างรามิล
ณเดชน์กับบทเภตรา ทำให้เราเชื่อได้ว่า นี่คือผู้หญิงตัวเล็กๆที่พยายามทำทุกอย่างให้ดีในบทบาทของผู้ชาย เพื่อให้คนรอบตัวเชื่อว่านี่คือรามิล แต่สุดท้าย ข้างในเธอคือผู้หญิงคนนึงที่พร้อมจะอ่อนแอได้เสมอ
ณเดชน์เล่นเป็นผู้หญิงได้พอดีๆ ไม่รู้สึกว่าเหมือนกะเทย ถึงบางครั้งชุดจะพาไป
รามิลที่เก่งกาจ เข้มแข็ง มั่นใจ กะล่อน เจ้าชู้กรุ้มกริ่มในแบบที่ณเดชน์เล่นไว้ พอมาอยู่ในร่างเภตรา ความเก่ง เข้มแข็ง มั่นใจ ยังอยู่ครบ บวกกับความเจ้าชู้กรุ้มกริ่มที่ไม่หายไป
ญาญ่ากับบทรามิล ทำให้เราเชื่อได้ว่านี่คือผู้ชายที่แข็งแรง เข้มแข็ง สามารถปกป้องคนอื่นได้ แม้จะอยู่ในร่างที่บอบบางของเภตรา
ญาญ่าเล่นเป็นผู้ชายได้พอดีๆ ที่เราไม่รู้สึกว่านี่คือทอม หรือผู้หญิงห้าว
และคำที่เห็นบ่อยๆหลังจากหลายคนได้ดูคู่นี้เล่นคือคำว่า ก๊อปเกรด A
รามิล
เภตรา
และถ้าณเดชน์ญาญ่าจะมีเคมี.... อะไรก็ตาม กับนักแสดงคนอื่นที่เล่นคู่กันในละครเรื่องต่างๆที่ผ่านมา สำหรับเรา ณเดชน์ญาญ่าเรื่องนี้ มันคือเคมีแบบที่เราไม่เคยรู้สึกมาก่อน เห็นชัดจากฉากนี้
เป็นเคมีแบบผู้ใหญ่ มีความอีโรติคปนอยู่ แค่บทพูด สายตา และท่าทาง เราเขินฉากนี้มาก ทั้งๆที่สุดท้ายคือการจูบแบบมุมกล้อง
ไม่รู้ว่านิยามเคมีสองคนนี้คืออะไร แต่เป็นเคมีที่เราไม่เคยรู้สึกเวลาดูน้องแสดงกับคนอื่น อาจจะเป็นเคมีเฉพาะ ที่เกิดขึ้นเฉพาะณเดชน์ญาญ่า
จุดนี้ขอชื่นชมกับผู้กำกับ ผู้จัด นักแสดงนำ ที่ดีไซน์คาแรคเตอร์ตัวละสองตัวไว้แบบนี้ หาจุดที่พอดีในการสลับร่างเจอ และถ่ายทอดออกมาได้ดี มีมุมมองที่ดี ที่ทำให้ตัวละครสองตัวนี้ประสบความสำเร็จ
ขอบคุณและชื่นชมณเดชน์ญาญ่า ที่ทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อที่จะเข้าถึงความเป็นเภตราและรามิล เมื่อถึงเวลาที่ต้องสลับร่างกัน
ในฐานะแฟนคลับ ไม่ว่าละครจะติดขัดไป(มาก)บ้างในเรื่องอะไรก็ตาม แต่เราภูมิใจในฝีมือการแสดงของน้องทั้งสองคนมาก ความกังวลที่มีในตอนแรก กลายเป็นความดีใจ ที่น้องพัฒนาฝีมือไปอีกก้าว และบทนี้มันต้องสองคนนี้จริงๆ
บางคนอาจจะมองว่าสองคนนี้คือคู่จิ้น เล่นละครด้วยกันบ่อยๆ เดี๋ยวก็ณเดชน์ญาญ่าอีกแล้ว
แต่เราว่าถ้าบทเหมาะ แสดงแล้วใช่ ดูแล้วเชื่อว่านี่คือตัวละครที่เขาได้รับ คำว่าจับคู่แสดงด้วยกันบ่อยเพราะเป็นคู่จิ้น,เรียกกระแสแฟนคลับ บลาๆๆ ... เราว่าคุณกำลังมองข้ามฝีมือณเดชน์ญาญ่าไป
สำหรับเรา ณเดชน์ญาญ่าไม่ใช่คู่จิ้น
(แฟนคลับไม่มีใครชอบคำว่าคู่จิ้นที่ช่องและสื่อยัดเยียดให้ อยากให้เลิกใช้สักที)
สำหรับเรา ณเดชน์ญาญ่าคือนักแสดง ที่พร้อมจะเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ และพร้อมจะพัฒนาตัวเองไปให้ถึงจุดมุ่งหมายของทุกผลงาน
สุดท้าย เรื่องนี้น้องสองคนเก่งมากจริงๆ 👏🏻👏🏻👏🏻👏🏻