[หนังโรงเรื่องที่ 198] What Happened To Monday : พีคสุดด้วยลูกบ้า สาแก่ใจด้วยความโหด ; (Tommy Wirkola, 2017)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A++++ (จากสเกล D-A)
*มีฉากเห็นบาดแผล เลือด และเรือนร่างเปลือย ไม่เหมาะกับการพาบุตรหลานหรือครอบครัวไปดู
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : เหตุเกิดในอนาคตอีกหลายสิบปีข้างหน้า เมื่อโลกต้องเผชิญกับวิกฤติประชากรล้นโลกซึ่งส่งผลให้ทรัพยากรโลกถูกใช้ไปอย่างรวดเร็วจนไปถึงจุดที่ธรรมชาติเริ่มเสื่อมโทรมอย่างหนัก จึงมีการผลักดันให้ "กฏหมายจัดสรรบุตร" ออกมาบังคับใช้ ซึ่งกฏหมายที่ว่าก็คือครอบครัวหนึ่งสามารถมีบุตรได้เพียงหนึ่งคนเท่านั้น หากมีจำนวนเกินมาไม่ว่าจะด้วยเหตุใดๆก็ตาม เด็กคนนั้นจะต้องถูกควบคุมตัวโดยสำนักงานฯ เพื่อนำตัวไปเข้าสู่กระบวนการแช่แข็ง เพื่อรอที่จะฟื้นคืนชีพอีกครั้งในยุคที่วิกฤตโลกผ่านไปแล้ว
... แต่ความยุ่งยากก็เกิดขึ้นเมื่อ "เทอร์เรนซ์ เซ็ตต์แมน" (Willem Dafoe) ผู้เป็นตา ได้รับอุปการะลูกสาวแฝดเจ็ดอันเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวมาอย่างลับๆ และเพื่อที่จะปกปิดความลับของหลานๆเอาไว้ เขาจึงตัดสินใจสร้างตัวตนของ "คาเรน เซ็ตต์แมน" (Noomi Rapace) ขึ้นมาและให้หลานๆของตัวเองสวมบทบาทกันคนละหนึ่งวันต่อสัปดาห์ ไล่ตามลำดับชื่อของพวกเธอตามชื่อที่ถูกตั้งขึ้น ตั้งแต่ มันเดย์, ทิวส์เดย์ จนไปถึงซันเดย์ ... แล้วจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ "มันเดย์" กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จนพี่น้องที่เหลือทั้งหกต้องร่วมมือกันค้นหาเธอให้เจอ
.
.
โอเค ตอนที่เห็นตัวอย่างก็คาดหวังไว้อยู่แล้วนะว่าหนังมันต้องพีคแน่ๆ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะสามารถถ่ายทอดออกมาได้สนุกขนาดนี้ เพราะถ้าพูดถึงจริงๆแล้วหนังมีศักยภาพที่จะเฟลสูงมากด้วยความพยายามที่จะเอานักแสดงคนเดียวมาเล่นเป็นตัวละครถึง 'เจ็ดคน' แถมยังเข้าฉากพร้อมๆกันทุกคนอีก! ให้ดิ้นตาย ... แต่ปรากฏว่าด้วยลีลาการกำกับที่แพรวพราวก็ช่วยพลิกมันกลับมาให้กลายเป็นหนังแอคชั่นเท่ๆมันส์ๆได้อย่างน่าชื่นชมจริงๆ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้หนังโดดเด่นเป็นที่พูดถึงในวงกว้างก็คือความที่มันเป็น Rate R ที่เหมือนจะช่วยปลดล็อคเสน่ห์ที่แท้จริงของมันออกมาผ่าน "ความรุนแรง" ที่เต็มพิกัดแบบไม่เกรงใจใคร โดยเฉพาะฉาก "การเสียสละ" ของพี่น้องทั้งเจ็ดที่มีส่วนช่วยที่สำคัญมากในการสร้างบรรยากาศ "ความน่าเชื่อถือ" ของเรื่องในเวลาต่อๆมา และไม่ว่าจะเป็นบรรดาฉากแอคชั่นก็ดีที่ถูกออกแบบมาได้ดิบ-เถื่อนสะใจให้อารมณ์เอาตัวรอดมากๆ ซึ่งในส่วนของผู้กำกับก็ปล่อยลูกบ้าในมือมาแบบไม่กั๊กจริงๆ อาทิเช่น "ฉากยิงปืนกลในห้องน้ำ" ผู้เขียนนี่แบบชอบมากกกกกกกกกก มันมีความสดของสถานการณ์นั้นๆอยู่สูงมาก จนทำฉากแอคชั่นที่ธรรมดาๆ มันดูพิเศษมากขึ้นเยอะ

อีกหนึ่งจุดเด่นและอาจจะเป็นจุดด้อยไปพร้อมๆกันก็คือ "จังหวะของหนัง" ที่ค่อนข้างรวดเร็วมาก! คือหนังใช้เวลาอินโทรดิ้วซ์พล็อตของแฝดทั้งเจ็ดและระบอบการปกครองของการจัดสรรบุตรให้เราฟังแค่ประมาณ 15-20 นาทีเท่านั้น--แล้วก็ตัดเข้าสู่ฉากแอคชั่นและการเสียชีวิตของตัวละครหลักอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นก็จะเป็นฉากแอคชั่นสลับกับฉากดำเนินเรื่องบ้างแบบต่อเนื่องไม่มีพักแล้ว ซึ่งโดยส่วนตัวก็คิดว่ามันก็เป็นจุดดีที่ทำให้หนังมันไม่ยืดยาดจนหลงทาง ... แต่ข้อเสียก็คือเราจะไม่มีเวลาได้รู้จักตัวละครเท่าที่ควรหรอก โดยเฉพาะถ้าตัวละครไหนถูกวางคิวไว้ให้ตายตั้งแต่เนิ่นๆนี่จบเลย แต่ก็เข้าใจว่าตัวผู้กำกับเองก็อยากจะให้ characters pool ของนางเอกเรามันน้อยลงด้วย ไม่งั้นถ้าต้องควงเจ็ดบทตลอดสองชั่วโมงนี่ เกรงว่าจะตายเอาเสียก่อน (หัวเราะ)
น่าเสียดายนิดหน่อยในส่วนของไคลแม็กซ์ของท้ายเรื่องที่ส่วนตัวรู้สึกว่ามัน underwhelming มากๆ ถ้าเทียบกับช่วงแรกๆของเรื่อง ทั้งวิธีการที่จะแทรกซึมตัวเองเข้าไปในองค์กรมหาอำนาจก็ดี หรือจะเป็นวิธีกำจัดตัวร้ายก็ดี มันก็ยังไม่ค่อยมีน้ำหนักเท่าไรนัก และในส่วนของโจทย์ของการแก้ไขปัญหาประชากรล้นโลกนั้นหนังก็ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนอยู่ดี แต่พอคำนึงว่ามันเป็นหนังที่ตั้งใจจะขายแอคชั่นแล้ว พล็อตแค่นี้ก็ถือว่าน่าประทับใจมากแล้วล่ะ และที่สำคัญคืออารมณ์ขันที่สอดแทรกเข้ามามันก็โอเคไม่แพ้กันด้วยนะ บทจะขำก็ขำกันจริงจังเลยทีเดียว

"นูมี ราเพซ" ทำผลงานได้อย่างน่าทึ่ง กับการรับบทบาทเป็นเจ็ดพี่น้องเซตต์แมน-เจ็ดคน-เจ็ดอัตลักษณ์ด้วยตัวคนเดียว! คืออย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าหนังทำนองใช้นักแสดงเล่นหลายตัวละครเนี่ย ถ้าไม่ระมัดระวังให้ดีมันก็จะพังไปเลย แต่แม่นางเอกสาวของเราก็หาได้ยี่หระใดๆไม่ คือเธอสามารถใส่ความเป็นตัวตนให้กับตัวละครทุกตัว (ที่สำคัญกับพล็อต) ได้อย่างโดดเด่นและทั่วถึง รวมไปถึงการเปลี่ยนสำเนียง น้ำเสียง หรือกระทั่งภาษากายต่างๆ ที่ชัดเจนมาก ... สำหรับผู้เขียนแล้วตัวละครที่ชื่นชอบที่สุดก็คงเป็นสาวทอมบอยอย่าง "เธิร์สเดย์" นี่แหละ ที่ครบเครื่องทุกมิติตัวละครที่สุดแล้วล่ะ
.
.
สรุปแล้ว What Happened To Monday ถือว่าเป็นหนังที่มาแรงที่สุดในตอนนี้ ด้วยความกล้าบ้าบิ่นของผู้กำกับที่กล้าได้กล้าเสียใส่ความดุเดือดบ้าคลั่งเข้ามาในหนังเข้ามาเต็มที่ จนในที่สุดหนังก็ 'นำพา' ตัวเองเข้าไปในความรู้สึกของคนดูในที่สุดได้ ยังไงก็ไม่ควรพลาดด้วยประการใดๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หากชื่นชอบรีวิวรบกวนช่วยไลค์ช่วยแชร์เพื่อให้กำลังใจหรือติดตามผลงานได้ที่เพจ https://www.facebook.com/expensivemovie/ นะครับ!
[หนังโรงเรื่องที่ 198] What Happened To Monday : พีคสุดด้วยลูกบ้า สาแก่ใจด้วยความโหด by ตั๋วหนังมันแพง
[หนังโรงเรื่องที่ 198] What Happened To Monday : พีคสุดด้วยลูกบ้า สาแก่ใจด้วยความโหด ; (Tommy Wirkola, 2017)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A++++ (จากสเกล D-A)
*มีฉากเห็นบาดแผล เลือด และเรือนร่างเปลือย ไม่เหมาะกับการพาบุตรหลานหรือครอบครัวไปดู
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : เหตุเกิดในอนาคตอีกหลายสิบปีข้างหน้า เมื่อโลกต้องเผชิญกับวิกฤติประชากรล้นโลกซึ่งส่งผลให้ทรัพยากรโลกถูกใช้ไปอย่างรวดเร็วจนไปถึงจุดที่ธรรมชาติเริ่มเสื่อมโทรมอย่างหนัก จึงมีการผลักดันให้ "กฏหมายจัดสรรบุตร" ออกมาบังคับใช้ ซึ่งกฏหมายที่ว่าก็คือครอบครัวหนึ่งสามารถมีบุตรได้เพียงหนึ่งคนเท่านั้น หากมีจำนวนเกินมาไม่ว่าจะด้วยเหตุใดๆก็ตาม เด็กคนนั้นจะต้องถูกควบคุมตัวโดยสำนักงานฯ เพื่อนำตัวไปเข้าสู่กระบวนการแช่แข็ง เพื่อรอที่จะฟื้นคืนชีพอีกครั้งในยุคที่วิกฤตโลกผ่านไปแล้ว
... แต่ความยุ่งยากก็เกิดขึ้นเมื่อ "เทอร์เรนซ์ เซ็ตต์แมน" (Willem Dafoe) ผู้เป็นตา ได้รับอุปการะลูกสาวแฝดเจ็ดอันเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวมาอย่างลับๆ และเพื่อที่จะปกปิดความลับของหลานๆเอาไว้ เขาจึงตัดสินใจสร้างตัวตนของ "คาเรน เซ็ตต์แมน" (Noomi Rapace) ขึ้นมาและให้หลานๆของตัวเองสวมบทบาทกันคนละหนึ่งวันต่อสัปดาห์ ไล่ตามลำดับชื่อของพวกเธอตามชื่อที่ถูกตั้งขึ้น ตั้งแต่ มันเดย์, ทิวส์เดย์ จนไปถึงซันเดย์ ... แล้วจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ "มันเดย์" กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จนพี่น้องที่เหลือทั้งหกต้องร่วมมือกันค้นหาเธอให้เจอ
.
โอเค ตอนที่เห็นตัวอย่างก็คาดหวังไว้อยู่แล้วนะว่าหนังมันต้องพีคแน่ๆ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะสามารถถ่ายทอดออกมาได้สนุกขนาดนี้ เพราะถ้าพูดถึงจริงๆแล้วหนังมีศักยภาพที่จะเฟลสูงมากด้วยความพยายามที่จะเอานักแสดงคนเดียวมาเล่นเป็นตัวละครถึง 'เจ็ดคน' แถมยังเข้าฉากพร้อมๆกันทุกคนอีก! ให้ดิ้นตาย ... แต่ปรากฏว่าด้วยลีลาการกำกับที่แพรวพราวก็ช่วยพลิกมันกลับมาให้กลายเป็นหนังแอคชั่นเท่ๆมันส์ๆได้อย่างน่าชื่นชมจริงๆ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้หนังโดดเด่นเป็นที่พูดถึงในวงกว้างก็คือความที่มันเป็น Rate R ที่เหมือนจะช่วยปลดล็อคเสน่ห์ที่แท้จริงของมันออกมาผ่าน "ความรุนแรง" ที่เต็มพิกัดแบบไม่เกรงใจใคร โดยเฉพาะฉาก "การเสียสละ" ของพี่น้องทั้งเจ็ดที่มีส่วนช่วยที่สำคัญมากในการสร้างบรรยากาศ "ความน่าเชื่อถือ" ของเรื่องในเวลาต่อๆมา และไม่ว่าจะเป็นบรรดาฉากแอคชั่นก็ดีที่ถูกออกแบบมาได้ดิบ-เถื่อนสะใจให้อารมณ์เอาตัวรอดมากๆ ซึ่งในส่วนของผู้กำกับก็ปล่อยลูกบ้าในมือมาแบบไม่กั๊กจริงๆ อาทิเช่น "ฉากยิงปืนกลในห้องน้ำ" ผู้เขียนนี่แบบชอบมากกกกกกกกกก มันมีความสดของสถานการณ์นั้นๆอยู่สูงมาก จนทำฉากแอคชั่นที่ธรรมดาๆ มันดูพิเศษมากขึ้นเยอะ
อีกหนึ่งจุดเด่นและอาจจะเป็นจุดด้อยไปพร้อมๆกันก็คือ "จังหวะของหนัง" ที่ค่อนข้างรวดเร็วมาก! คือหนังใช้เวลาอินโทรดิ้วซ์พล็อตของแฝดทั้งเจ็ดและระบอบการปกครองของการจัดสรรบุตรให้เราฟังแค่ประมาณ 15-20 นาทีเท่านั้น--แล้วก็ตัดเข้าสู่ฉากแอคชั่นและการเสียชีวิตของตัวละครหลักอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นก็จะเป็นฉากแอคชั่นสลับกับฉากดำเนินเรื่องบ้างแบบต่อเนื่องไม่มีพักแล้ว ซึ่งโดยส่วนตัวก็คิดว่ามันก็เป็นจุดดีที่ทำให้หนังมันไม่ยืดยาดจนหลงทาง ... แต่ข้อเสียก็คือเราจะไม่มีเวลาได้รู้จักตัวละครเท่าที่ควรหรอก โดยเฉพาะถ้าตัวละครไหนถูกวางคิวไว้ให้ตายตั้งแต่เนิ่นๆนี่จบเลย แต่ก็เข้าใจว่าตัวผู้กำกับเองก็อยากจะให้ characters pool ของนางเอกเรามันน้อยลงด้วย ไม่งั้นถ้าต้องควงเจ็ดบทตลอดสองชั่วโมงนี่ เกรงว่าจะตายเอาเสียก่อน (หัวเราะ)
น่าเสียดายนิดหน่อยในส่วนของไคลแม็กซ์ของท้ายเรื่องที่ส่วนตัวรู้สึกว่ามัน underwhelming มากๆ ถ้าเทียบกับช่วงแรกๆของเรื่อง ทั้งวิธีการที่จะแทรกซึมตัวเองเข้าไปในองค์กรมหาอำนาจก็ดี หรือจะเป็นวิธีกำจัดตัวร้ายก็ดี มันก็ยังไม่ค่อยมีน้ำหนักเท่าไรนัก และในส่วนของโจทย์ของการแก้ไขปัญหาประชากรล้นโลกนั้นหนังก็ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนอยู่ดี แต่พอคำนึงว่ามันเป็นหนังที่ตั้งใจจะขายแอคชั่นแล้ว พล็อตแค่นี้ก็ถือว่าน่าประทับใจมากแล้วล่ะ และที่สำคัญคืออารมณ์ขันที่สอดแทรกเข้ามามันก็โอเคไม่แพ้กันด้วยนะ บทจะขำก็ขำกันจริงจังเลยทีเดียว
"นูมี ราเพซ" ทำผลงานได้อย่างน่าทึ่ง กับการรับบทบาทเป็นเจ็ดพี่น้องเซตต์แมน-เจ็ดคน-เจ็ดอัตลักษณ์ด้วยตัวคนเดียว! คืออย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าหนังทำนองใช้นักแสดงเล่นหลายตัวละครเนี่ย ถ้าไม่ระมัดระวังให้ดีมันก็จะพังไปเลย แต่แม่นางเอกสาวของเราก็หาได้ยี่หระใดๆไม่ คือเธอสามารถใส่ความเป็นตัวตนให้กับตัวละครทุกตัว (ที่สำคัญกับพล็อต) ได้อย่างโดดเด่นและทั่วถึง รวมไปถึงการเปลี่ยนสำเนียง น้ำเสียง หรือกระทั่งภาษากายต่างๆ ที่ชัดเจนมาก ... สำหรับผู้เขียนแล้วตัวละครที่ชื่นชอบที่สุดก็คงเป็นสาวทอมบอยอย่าง "เธิร์สเดย์" นี่แหละ ที่ครบเครื่องทุกมิติตัวละครที่สุดแล้วล่ะ
.
สรุปแล้ว What Happened To Monday ถือว่าเป็นหนังที่มาแรงที่สุดในตอนนี้ ด้วยความกล้าบ้าบิ่นของผู้กำกับที่กล้าได้กล้าเสียใส่ความดุเดือดบ้าคลั่งเข้ามาในหนังเข้ามาเต็มที่ จนในที่สุดหนังก็ 'นำพา' ตัวเองเข้าไปในความรู้สึกของคนดูในที่สุดได้ ยังไงก็ไม่ควรพลาดด้วยประการใดๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้