สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 38
ผมแนะนำนะพี่อย่างเพิ่งสร้างเครื่องใหม่นะ พี่ต้องเปลี่ยนแนวคิดก่อนว่าทำสินค้าออกมาแล้วหาความต้องการ เปลี่ยนเป็นหาความต้องการก่อนแล้วทำสินค้า ผมแนะนำว่าพี่ไม่ควรทำเครื่องแล้วไปตั้งเองเก็บเองเป็นของตัวเอง แต่ควรขาดขาดเอาเงินก้อน เพราะสถานะการเงินของพี่ตอนนี้มันแย่ พี่ต้องมีเงินก้อนเพื่อต่อยอดก่อน
วิธีที่พี่จะปิดความเสี่ยงได้ด้วยการลงทุนที่น้อยกว่าการสร้างเครื่องใหม่ คือหาออเดอร์ก่อน ให้พี่แต่งตัวดีๆ ปริ้นโบร์ชัวร์สวยๆ เดินเข้าไปที่ร้านที่ขายน้ำมันขวด แล้วก็ขายเลยครับ
พี่ลองนึกว่าถ้ามีคนเดินมาขายเครื่องนี้กับพี่ พี่จะคิดยังไง
พี่ก็จะเริ่มคิดว่าวันนึงขายได้เท่าไหร่ สมมติ 20 ขวด กำไรขวดละ 5 บาท วันนึงกำไร 100 บาท ปีนึงกำไร 36500 บาท แล้วเครื่องมันต้องราคาเท่าไหร่ถึงจะคุ้ม ถ้าพี่เปิดราคาเครื่องไป 40,000 พี่ว่าเค้าจะซื้อมั้ย หรือถ้าพี่เปิดราคา 5,000 เค้าจะซื้อมั้ย ตรงนี้ต้องเป็นการบ้านของพี่ที่ต้องไปทำ
วิธีจะขายให้ผ่านคือพี่ต้องชี้ผลประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ เค้าจะสะดวกขึ้นแค่ไหน เค้าจะกำไรเท่าไหร่ถ้าเค้าซื้อแล้วเอาไปตั้งหลายๆจุด แจกแจงตัวเลขออกมาให้ลูกค้าเห็นว่าเค้าจะรวยแค่ไหนถ้าได้ตู้นี้ไป ถ้าขายไม่ผ่านก็จดไว้ว่าลูกค้าบอกว่ายังไง แพงไป หรือไม่จำเป็น
ถ้าผ่านก็ให้เค้าเซ็นใบจองเครื่องไว้ แล้วเอาใบจองตรงนี้ไปเป็นตัวยื่นกู้ธนาคาร มันจะดีกว่ามีแต่แผนธุรกิจที่คิดขึ้นมาในหัวแต่ไม่เคยสำรวจความต้องการจริงๆ
ที่เหลือก็ขอให้โชคดีครับ
วิธีที่พี่จะปิดความเสี่ยงได้ด้วยการลงทุนที่น้อยกว่าการสร้างเครื่องใหม่ คือหาออเดอร์ก่อน ให้พี่แต่งตัวดีๆ ปริ้นโบร์ชัวร์สวยๆ เดินเข้าไปที่ร้านที่ขายน้ำมันขวด แล้วก็ขายเลยครับ
พี่ลองนึกว่าถ้ามีคนเดินมาขายเครื่องนี้กับพี่ พี่จะคิดยังไง
พี่ก็จะเริ่มคิดว่าวันนึงขายได้เท่าไหร่ สมมติ 20 ขวด กำไรขวดละ 5 บาท วันนึงกำไร 100 บาท ปีนึงกำไร 36500 บาท แล้วเครื่องมันต้องราคาเท่าไหร่ถึงจะคุ้ม ถ้าพี่เปิดราคาเครื่องไป 40,000 พี่ว่าเค้าจะซื้อมั้ย หรือถ้าพี่เปิดราคา 5,000 เค้าจะซื้อมั้ย ตรงนี้ต้องเป็นการบ้านของพี่ที่ต้องไปทำ
วิธีจะขายให้ผ่านคือพี่ต้องชี้ผลประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ เค้าจะสะดวกขึ้นแค่ไหน เค้าจะกำไรเท่าไหร่ถ้าเค้าซื้อแล้วเอาไปตั้งหลายๆจุด แจกแจงตัวเลขออกมาให้ลูกค้าเห็นว่าเค้าจะรวยแค่ไหนถ้าได้ตู้นี้ไป ถ้าขายไม่ผ่านก็จดไว้ว่าลูกค้าบอกว่ายังไง แพงไป หรือไม่จำเป็น
ถ้าผ่านก็ให้เค้าเซ็นใบจองเครื่องไว้ แล้วเอาใบจองตรงนี้ไปเป็นตัวยื่นกู้ธนาคาร มันจะดีกว่ามีแต่แผนธุรกิจที่คิดขึ้นมาในหัวแต่ไม่เคยสำรวจความต้องการจริงๆ
ที่เหลือก็ขอให้โชคดีครับ
ความคิดเห็นที่ 66
สวัสดีครับ ผมชื่อบาสนะครับ จริงๆผมไม่ได้เล่นพันทิพนานแล้ว แต่ตั้งใจมาตอบกระทู้นี้เลยครับ
ผมขอพูด 3 เรื่องครับ
1. Journey ของท่านกับของผมมีความคล้ายกันมากนะครับ ผมรวบรวมเงินก้อนสุดท้ายมาตามหาความฝันของผม มาด้วยทักษะเดียวที่มีคือการประดิษฐ์ แต่ผมคงไม่เล่านะครับว่าชีวิตมันยากลำบากแค่ไหน เพราะผมไม่เคยเห็นว่าคนฟังจะช่วยอะไรผมเพราะความสงสาร มีแต่จะมองว่าเราเป็นมือสมัครเล่นซะมากกว่า สิ่งที่อาจจะเป็นประโยชน์กับท่านคือ แรกๆผมหาเงินด้วยการประกวดนวัตกรรมตามเวทีประกวดต่างๆครับ และด้วยทักษะที่ท่านมีผมว่าไม่ยากที่จะหาเงินจากเวทีพวกนี้ได้ ยิ่งตอนนี้ทั้งประเทศกำลังเทิดทูนนวัตกรกันมากกว่าสมัยผมเข้าวงการเยอะแยะ มีเวทีประกวดมากกว่าตอนนั้นนับสิบเท่า ผมว่าไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถในการค้นหาของท่านนะครับ
2. Business นอกจากการฝึกทักษะการประดิษฐ์แล้ว สิ่งที่ผมเน้นมากกว่าคือการฝึกทักษะทางด้านการทำธุรกิจครับ เพราะตั้งแต่ต้นผมไม่รู้อะไรเลย แต่ข้อดีคือผมรู้ตัวครับ และผมเห็นความสำคัญของทักษะนี้ว่ามันอาจสำคัญกว่าทักษะการประดิษฐ์มากมายหลายเท่า ปัญหาก็คือผมไม่มีเงินครับ ดังนั้นผมจึงมองหาเวทีประกวดนวัตกรรมที่มีคอร์สอบรมเรื่องการทำธุรกิจด้วยในตัว ตอนนี้จะมีเยอะนะครับ มีมาเรื่อยๆเลย แต่เวทีที่ผมชอบที่สุดคือ เถ้าแก่น้อยนวัตกรรรมของ สวทช. หรือ Young Technopreneur ครับ ลองศึกษาดู นอกจากได้เรียนรู้เรื่องแผนธุรกิจแล้ว ยังมีโอกาสได้เงินด้วย
3. No one man show นักประดิษฐ์ที่เก่งที่สุดในโลกคือ นิโคล่า เทสล่า ครับ และนักประดิษฐ์ที่อาภัพที่สุดในโลกก็คือเขาเหมือนกัน แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่เก่งครับ แต่ปัญหาคือเขาชอบทำงานคนเดียว ที่ผมจะบอกคือ บางครั้งท่านอาจไม่ต้องพยายามเก่งไปทุกเรื่อง หรือทำเองมันทุกเรื่องหรอกครับ เพราะเราไม่มีทางทำได้ ถ้าเป็นไปได้ลองหาเพื่อน หาคนรอบตัว หรือไปคุยกับคนไม่รู้จักให้มาช่วยในบางเรื่องให้เราครับ ถ้าท่านไม่เก่งเรื่องขาย เรื่องการตลาด ท่านก็หิ้วไอเดียกับโปรไฟล์ไปคุยกับคนที่เขาทำธุรกิจด้านนี้ดูครับว่าเขาจะช่วยขายให้ได้ไหม หรือควรปรับปรุงอย่างไร ไม่ต้องกลัวที่จะไปคุยครับ เพราะต่อให้โอกาสน้อย แต่ถ้าไม่คุย โอกาส 0% แน่นอน
4. Vending ช่วงนึงของผม เคยช่วยเพื่อนทำบริษัท Vending Machine ครับ แต่หลักๆเราจะเอาตู้มือสองญี่ปุ่นมา Refurbish จากประสบการณ์ผมคิดว่าตลาดที่น่าสนใจของน้ำมันขวดคือ คนต่างด้าว ครับ เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ค่อยชอบเข้า Shop ที่มีพนักงานเป็นคนไทย จะชอบซื้อของจากตู้มากกว่า แต่นี่แค่เป็นความคิดเห็นผมเฉยๆ ที่ผมพอทำให้ได้คือถ้าสนใจผมอาจแนะนำเพื่อนผมให้ได้ เผื่อเขาจะแนะนำหรือต่อยอดอะไรให้ท่านได้ครับ ถ้าสนใจก็หลังไมค์มาหาผมแล้วกันครับ
5. Innovation ทักษะการประดิษฐ์ของพี่ไม่ธรรมดาครับ แต่เนื่องจากพี่ไม่มีพื้นฐานทางธุรกิจและการผลิตนั่นเป็นจุดที่พี่ควรพัฒนาต่อไปครับ ผมแนะนำ 2 เรื่อง
5.1 Cost สูงสุดของธุรกิจ Vending คือการเติมสินค้าครับ นั่นแปรว่าถ้าตู้ท่านมีความจุน้อย ต้นทุนพวกนี้จะสูงมากๆครับ มันจะยิ่งสูงเป็นทวีคุณเมื่อมีการวางตู้เยอะๆเข้า
5.2 Parts ปัญหาใหญ่สุดของนวัตกรไทยคือทำของที่ Reproductivity ได้ยากครับ นั่นคือผลิตซ้ำยาก เพราะไม่ได้คำนึงถึงว่าถ้าไม่ใช้เราแล้วคนอื่นจะผลิตตามได้ไหม ดังนั้นการเลือกชิ้นส่วน วิธีการประกอบ จึงสำคัญทั้งหมด ผมขอยกตัวอย่างเครื่องปล่อยมาม่าที่ผมทำให้บริษัทเพื่อนครับ

ระบบอันนี้ปล่อยมาม่าคัพได้เรื่อยๆตราบใดที่มันตั้งตรงขึ้นไป มีการใช้พลาสติก 6 ชิ้น สายพาน 1 เส้น และ Pulling Solenoid ตัวเดียว ซึ่งสามารถเอาอะไหล่เดิมจากตู้ญี่ปุ่นมาใช้ได้เลย นั่นแปลว่าระบบนี้เอาไปติดตั้งกับตู้ญี่ปุ่นได้ทันทีโดยไม่ต้องมีการแก้ไขโปรแกรมอะไรข้อตู้ทั้งนั้นครับ เพราะตัวตู้ญี่ปุ่นมือสองนั้นถูกและเสถียรมากๆ การ Refurbish ตู้นี้เป็นอะไรที่คุ้มที่สุดแล้ว
สุดท้ายผมเป็นกำลังใจให้ครับ เส้นทางของนวัตกรบ้านเรานั้นยากเย็นมากๆ ทุกวันนี้ผมยังหันไปทำซอฟแวร์เป็นหลัก แต่ผมคิดว่าลู่ทางในตอนนี้เปิดกว้างกว่าเมื่อก่อนเยอะแล้ว ยังไงก็อย่าท้อและสู้ต่อไปครับ ถ้าวิธีที่ทำอยู่มันไม่ดีขั้น ก็ลองเปลี่ยนวิธีดูบ้างครับ มันคงไม่มีผลลัพท์ใหม่ๆจากวิธีการเดิมๆหรอกครับ
ผมขอพูด 3 เรื่องครับ
1. Journey ของท่านกับของผมมีความคล้ายกันมากนะครับ ผมรวบรวมเงินก้อนสุดท้ายมาตามหาความฝันของผม มาด้วยทักษะเดียวที่มีคือการประดิษฐ์ แต่ผมคงไม่เล่านะครับว่าชีวิตมันยากลำบากแค่ไหน เพราะผมไม่เคยเห็นว่าคนฟังจะช่วยอะไรผมเพราะความสงสาร มีแต่จะมองว่าเราเป็นมือสมัครเล่นซะมากกว่า สิ่งที่อาจจะเป็นประโยชน์กับท่านคือ แรกๆผมหาเงินด้วยการประกวดนวัตกรรมตามเวทีประกวดต่างๆครับ และด้วยทักษะที่ท่านมีผมว่าไม่ยากที่จะหาเงินจากเวทีพวกนี้ได้ ยิ่งตอนนี้ทั้งประเทศกำลังเทิดทูนนวัตกรกันมากกว่าสมัยผมเข้าวงการเยอะแยะ มีเวทีประกวดมากกว่าตอนนั้นนับสิบเท่า ผมว่าไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถในการค้นหาของท่านนะครับ
2. Business นอกจากการฝึกทักษะการประดิษฐ์แล้ว สิ่งที่ผมเน้นมากกว่าคือการฝึกทักษะทางด้านการทำธุรกิจครับ เพราะตั้งแต่ต้นผมไม่รู้อะไรเลย แต่ข้อดีคือผมรู้ตัวครับ และผมเห็นความสำคัญของทักษะนี้ว่ามันอาจสำคัญกว่าทักษะการประดิษฐ์มากมายหลายเท่า ปัญหาก็คือผมไม่มีเงินครับ ดังนั้นผมจึงมองหาเวทีประกวดนวัตกรรมที่มีคอร์สอบรมเรื่องการทำธุรกิจด้วยในตัว ตอนนี้จะมีเยอะนะครับ มีมาเรื่อยๆเลย แต่เวทีที่ผมชอบที่สุดคือ เถ้าแก่น้อยนวัตกรรรมของ สวทช. หรือ Young Technopreneur ครับ ลองศึกษาดู นอกจากได้เรียนรู้เรื่องแผนธุรกิจแล้ว ยังมีโอกาสได้เงินด้วย
3. No one man show นักประดิษฐ์ที่เก่งที่สุดในโลกคือ นิโคล่า เทสล่า ครับ และนักประดิษฐ์ที่อาภัพที่สุดในโลกก็คือเขาเหมือนกัน แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่เก่งครับ แต่ปัญหาคือเขาชอบทำงานคนเดียว ที่ผมจะบอกคือ บางครั้งท่านอาจไม่ต้องพยายามเก่งไปทุกเรื่อง หรือทำเองมันทุกเรื่องหรอกครับ เพราะเราไม่มีทางทำได้ ถ้าเป็นไปได้ลองหาเพื่อน หาคนรอบตัว หรือไปคุยกับคนไม่รู้จักให้มาช่วยในบางเรื่องให้เราครับ ถ้าท่านไม่เก่งเรื่องขาย เรื่องการตลาด ท่านก็หิ้วไอเดียกับโปรไฟล์ไปคุยกับคนที่เขาทำธุรกิจด้านนี้ดูครับว่าเขาจะช่วยขายให้ได้ไหม หรือควรปรับปรุงอย่างไร ไม่ต้องกลัวที่จะไปคุยครับ เพราะต่อให้โอกาสน้อย แต่ถ้าไม่คุย โอกาส 0% แน่นอน
4. Vending ช่วงนึงของผม เคยช่วยเพื่อนทำบริษัท Vending Machine ครับ แต่หลักๆเราจะเอาตู้มือสองญี่ปุ่นมา Refurbish จากประสบการณ์ผมคิดว่าตลาดที่น่าสนใจของน้ำมันขวดคือ คนต่างด้าว ครับ เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ค่อยชอบเข้า Shop ที่มีพนักงานเป็นคนไทย จะชอบซื้อของจากตู้มากกว่า แต่นี่แค่เป็นความคิดเห็นผมเฉยๆ ที่ผมพอทำให้ได้คือถ้าสนใจผมอาจแนะนำเพื่อนผมให้ได้ เผื่อเขาจะแนะนำหรือต่อยอดอะไรให้ท่านได้ครับ ถ้าสนใจก็หลังไมค์มาหาผมแล้วกันครับ
5. Innovation ทักษะการประดิษฐ์ของพี่ไม่ธรรมดาครับ แต่เนื่องจากพี่ไม่มีพื้นฐานทางธุรกิจและการผลิตนั่นเป็นจุดที่พี่ควรพัฒนาต่อไปครับ ผมแนะนำ 2 เรื่อง
5.1 Cost สูงสุดของธุรกิจ Vending คือการเติมสินค้าครับ นั่นแปรว่าถ้าตู้ท่านมีความจุน้อย ต้นทุนพวกนี้จะสูงมากๆครับ มันจะยิ่งสูงเป็นทวีคุณเมื่อมีการวางตู้เยอะๆเข้า
5.2 Parts ปัญหาใหญ่สุดของนวัตกรไทยคือทำของที่ Reproductivity ได้ยากครับ นั่นคือผลิตซ้ำยาก เพราะไม่ได้คำนึงถึงว่าถ้าไม่ใช้เราแล้วคนอื่นจะผลิตตามได้ไหม ดังนั้นการเลือกชิ้นส่วน วิธีการประกอบ จึงสำคัญทั้งหมด ผมขอยกตัวอย่างเครื่องปล่อยมาม่าที่ผมทำให้บริษัทเพื่อนครับ

ระบบอันนี้ปล่อยมาม่าคัพได้เรื่อยๆตราบใดที่มันตั้งตรงขึ้นไป มีการใช้พลาสติก 6 ชิ้น สายพาน 1 เส้น และ Pulling Solenoid ตัวเดียว ซึ่งสามารถเอาอะไหล่เดิมจากตู้ญี่ปุ่นมาใช้ได้เลย นั่นแปลว่าระบบนี้เอาไปติดตั้งกับตู้ญี่ปุ่นได้ทันทีโดยไม่ต้องมีการแก้ไขโปรแกรมอะไรข้อตู้ทั้งนั้นครับ เพราะตัวตู้ญี่ปุ่นมือสองนั้นถูกและเสถียรมากๆ การ Refurbish ตู้นี้เป็นอะไรที่คุ้มที่สุดแล้ว
สุดท้ายผมเป็นกำลังใจให้ครับ เส้นทางของนวัตกรบ้านเรานั้นยากเย็นมากๆ ทุกวันนี้ผมยังหันไปทำซอฟแวร์เป็นหลัก แต่ผมคิดว่าลู่ทางในตอนนี้เปิดกว้างกว่าเมื่อก่อนเยอะแล้ว ยังไงก็อย่าท้อและสู้ต่อไปครับ ถ้าวิธีที่ทำอยู่มันไม่ดีขั้น ก็ลองเปลี่ยนวิธีดูบ้างครับ มันคงไม่มีผลลัพท์ใหม่ๆจากวิธีการเดิมๆหรอกครับ
แสดงความคิดเห็น
ขอปรึกษาแนวทางธุรกิจ เกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ ต็อกต๋อย ของคนไทยด้วยครับ
ก่อนหน้านี้ผมลองไปปรึกษา กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมในโคราชมาแล้วครับ ของผมไม่เข้าข่าย ผมต้องกลับไปทำกล้วยฉาบ ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม สินค้า OTOP ถึงจะเข้าข่ายให้การส่งเสริม และคำปรึกษา
ผมขอเล่า Story เกี่ยวกับตัวผมสักนิดครับ ซึ่งแค่จะบอกว่า ผมจนตรอก และเหลือเงินก้อนสุดท้าย และทำไมผมจึงสร้างสิ่งนี้ขึ้นมา แค่นั้น สามารถข้ามไปได้เลยครับ
ผมขอเล่าย่อๆนะครับ
ชีวิตผมตกต่ำสุดๆตอนอายุ 35 มีเงินติดตัวก้อนสุดท้ายประมาณ 20K กับคอม 1 เครื่อง ไม่มีทีซุกหัวนอน จึงขอเช่าห้องเก็บของด้านหลังร้านเน็ตของเพื่อน เพราะต้องการใช้เน็ต ไม่ได้สนใจว่าห้องจะเป็นอย่างไร เพื่อนที่แสนดีก็ ให้เช่า เดือนละ 1000 บาท พร้อมกับให้ผมใช้เน็ตได้ฟรี ซึ่งต้องขอบคุณเพื่อนคนนั้นมากๆ เมื่อได้ที่ซุกหัวนอน กับที่ทำงานแล้ว ก็สู้ต่อครับจะรออะไร เนื่องจากผมมีความรู้แค่เขียนโปรแกรม จึงกะจะหาเงินจากการทำ เว็ปไซด์ เพื่อติดadsense กับเขียนแอฟ เกมส์[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ และ youtube ตอนนั้นคิดได้แค่นั้น หากเงินหมดก็กะจะไปรับจ้างส่งแก็สที่ร้านเพื่อนอีกคนที่เป็นร้านส่งแก็สเป็นแผน 2 ครับ
บางครั้งน้องที่เฝ้าร้านมีธุระ ก็จะวานฝากร้านไว้กับผม ผมก็จะมาเฝ้าร้านให้ พอบ่อยๆ เพื่อนผมก็ตกลงกับผมว่า สนใจไหมหากเฝ้าร้าน ตั้งแต่ 1 ทุ่ม จนถึง เที่ยงคืน โดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่า ผมก็ตกลงทันทีครับ เพราะยืดชีวิตการเป็นเด็กส่งแก๊สของผมออกไปอีก
ต่อมาธุรกิจร้านเน็ตก็ถึงช่วงขาลง รายได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนน้องที่เฝ้าร้านขอลาออกเพื่อไปหางานใหม่ เพื่อนผมจึงจ้างผมแทน แต่ผมเป็นลูกจ้างร้านเน็ตได้ แค่ 3 เดือน ฟ้าก็เมตตาทนไม่ได้ที่เห็นคนอย่างผมเป็นแค่ลูกจ้าง เพื่อนผมเสนอ ยกร้านเน็ตให้ (เพื่อนผมเปิดร้านนี้มาแล้ว 5 ปี ) พร้อมเครื่องซักผ้าหยอด เหรียญ 3 เครื่อง โดยต้องจ่ายค่าเช่าเดือนละ 10,000 บาท ไม่ต้องเซ้งร้าน ซึ่งในตอนนั้นร้านยังพอมีรายได้ประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท ผมก็พอจะรู้ตัวนะครับ ว่าแนวโน้มในวันข้างหน้า ผมจะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า เพราะลูกค้าจะหายไปเรื่อยๆ ทุกวันนี้ผมก็ยังอยู่ที่ร้านเน็ตครับ คอมเหลือแค่ 8 เครื่องจาก 18 เครื่อง รายได้ร้านเน็ตตอนนี้จ่ายค่าเช่าหมดครับ ที่พออยู่ได้ผมได้จากเครื่องซักผ้า ที่ผมหามาเพิ่มอีก 2 เครื่องเป็น 5 เครื่อง
ในระหว่างที่ได้เป็นเจ้าของกิจการ ผมหาวิธีเพิ่มรายได้ จากการขายบัตรเติมเงิน เติมโทรศัพท์ ขายน้ำมันขวด จากที่เคยขายมาม่าถ้วย ก็ตัดออกเพราะกำไรน้อย ขายเป็นมาม่าทรงเครื่องแทน พูดถึงน้ำมันขวดเนื่องจากต้องคอย ยกชั้นขายน้ำมันขวดเข้าๆออกๆ ทำให้บางวันลืมครับ ก็มีหายบ้าง ไม่หายสิแปลก หลังๆลืมบ่อย ก็จะเขียนไว้ที่ห้องนอนว่า อย่าลืมเก็บน้ำมันขวด จะเลิกขายก็ไม่ได้ เพราะผมใช้กำไรจากการขายน้ำมันขวด จ่ายค่าเน็ตได้ ผมจึงเปรียบเทียบกับเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ว่า น่าจะทำให้มันขายน้ำมันได้ จะได้ไม่ต้องคอย ยกเข้ายกออก แถมยังสามารถขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงอีก
ตู้น้ำมันหยอดเหรียญมีอยู่แล้ว ทำไมไม่ซื้อมาขาย ? บ้างเจ้าสามารถผ่อนตู้ได้ ผมมีปัญหาเรื่องการเติมน้ำมันใส่ตู้มากกว่าครับ เพราะผมไม่มีรถกระบะ หรือจะให้รถขนน้ำมันมาเติมก็ ไม่เหมาะ เนื่องจากติดร้านส้มตำ เวลาโหลดน้ำมันใส่ตู้ เหม็นน้ำมันเข้าไปอีกพาลจะมีปัญหากันได้ แถมสำรวจแล้วไม่มีที่ติดตั้ง ผมจึงคิดจะทำตู้เอง ให้หยอดเหรียญแล้วออกมาเป็นขวดน้ำมันเลย เนื่องจากไม่มีทุนผมจึง ผมกำหนดเงินที่ต้องใช้ในการประดิษฐ์ตู้ขายน้ำมันขวดไว้แต่ละเดือนไม่เกิน 1,000 บาท ไม่มีความรู้ อีเล็กทรอนิกส์ เลย มาศึกษาใหม่ล้วนๆ
ช่วงแรกๆ ที่ผมได้แนวทางการสร้างตู้แล้ว ผมซื้อ แต่อะไหล่มือสอง สั่งของจาก จีนเพราะราคาถูกถึงจะรอของนาน ก็ยังดีกว่าซื้อมาแล้วใช้ไม่ได้ ช่วงเวลาที่ผมรอของจากจีน ผมก็จะศึกษาเรื่องอีเล็กทรอนิกส์ จาก youtube และ google
ทุกอย่างไม่ได้ง่าย และ ไม่ได้ยากเกินไปครับ หากพยายามทำทุกวัน ผมใช้เวลาทำประมาณ 3 ปี ตอนนี้วางขายที่ข้างร้านมาเกือบเดือนแล้วครับ ยังไม่เจอปัญหาอะไร
ลงมือทำครั้งแรก แบบไม่รู้อะไรเลย
ศึกษาและลงมือทำวันแล้ว วันเล่า โดยอดทนอดกลั่น ต่อคำพูดของผู้หวังดี จนหลังๆเวลามีคนมาถาม ว่าผมกำลังทำอะไรผมก็จะตอบว่ากำลังต่อ เครื่อง print 3d แทน ซึ่งดูจะถูกใจคนอื่นๆ มากกว่าๆ ที่บอกว่าผม กำลังทำเครื่องขายน้ำมันขวด หยอดเหรียญ
ตู้แรกขายได้ 2 วัน ไม่รอดครับ ล้มเหลว
ผมหยุดไปประมาณ 1 เดือนกว่าๆเพื่อตัดสินใจว่า จะทำต่อ หรือไปทำอย่างอื่นๆ สุดท้ายผมขอสู่ต่อครับ
และใช้เวลาอีกประมาณ 1 ปีในการสะสางเรื่องนี้ให้จบครับ
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นครับ ตอนนี้ถือว่าเสร็จก็ได้ เพราะผมตั้งมาจะเดือนแล้วยังสามารถขายให้ผมได้ทุกวันครับ