ขอออกตัวก่อนว่าปกติแล้วเราเป็นคนติดโทรศัพท์มากๆ เรียกได้ว่าต้องนั่งเฉยๆโดยไม่เปิดดูนั่นดูนี่ไม่เป็นเลย แต่ด้วยความที่ไปเที่ยวคราวนี้ เราตั้งใจไปพักผ่อนจริงๆจังๆ การเที่ยวแบบ offline เลยเป็นทางที่เราเลือก
วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์การไปเที่ยวแบบไม่คาดหวังที่ Budapest เมืองหลวงของ Hungary
ที่บอกว่าไม่คาดหวังเนื่องจากว่าข้อมูลในหัวเราเกี่ยวกับ Budapest น้อยมาก เราเลยเลือกอยู่ที่นี่แค่ 2 วันเท่านั้น ถ้าเป็นประเทศอื่นๆที่กล่าวมาข้างต้น เราก็ยังจะพอนึกสไตล์หรือความเป็นอยู่ของบ้านเมิองเค้าออก แต่กับ Budapest ในหัวเรามีแต่คำว่าเมืองสองฝั่งที่ตั้งขนาบแม่น้ำดานูบที่เคยได้ยินมาตั้งเเต่สมัยเป็นนักเรียน
เราเริ่มจากการนั่งแท็กซี่ออกจาก ที่พักที่เวียนนาเพื่อที่จะไปใช้เวลาที่ Budapest อีก 2 คืนข้างหน้า ระหว่างทางก็ได้แต่คิดว่าจริงๆเราก็ชอบความเก๋ของเวียนนาเอามากอยู่ มากี่ครั้งก็ยังประทับใจเหมือนเดิม อาลัยอาวรณ์อยู่พอประมาณ
การข้ามพรมแดนครั้งนี้เราเลือกที่จะไปโดยรถไฟ สถานี ÖBB-Wien Hauptbahnhof ก็ดูใหญ่โต สะอาดสะอ้าน มีร้าน retail ดีๆเต็มไปหมด ไปถึงได้ไม่นานก็ต้องกระโดดขึ้นรถไฟเลย รถไฟคันที่เราขึ้นก็ดีงามตามประสาสายยุโรป แล้วก็มี on board restaurant ด้วย
ร้านขนมที่เป็น signature ของเวียนนา
พอรถไฟเริ่มออกจากเขต Austria สภาพบ้านเมืองก็เริ่มจะเปลี่ยนๆไป ไม่เนี้ยบเหมือนใน Austria แต่ออกจะทึมๆหน่อย สไตล์ชนบท เหมือนบ้านเมืองที่ผ่านสงครามมาแต่ไม่ได้ฟื้นฟูดีนัก พาลคิดไปถึงเรื่องราวของประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่เคยผ่านหูผ่านตาจากหนังสือเรียนหรือสารคดี สมัยก่อนบูดาเปสต์ยังเป็นเมืองหนึ่งในอาณาจักรออสเตรีย-ฮังการี ก่อนที่จะแยกตัวออกมาเป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการีในภายหลัง
ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึง Budapest Keleti pályaudvar (Budapest main railway station) หน้าตามันก็จะ น่าตกใจเล็กน้อย จริงๆแล้วรูปทรงของอาคาร สวยใช้ได้เลย เพื่อนเรายังบอกว่ามันเหมือนสถานี Southsea ที่ Portsmouth เหมือนกันนะ มาถึงก็มึนๆหน่อย เนื่องจากว่า Vienna มันค่อนข้างจะศิวิไลซ์มาก แต่ตัวสถานี Keleti ที่ว่านี่มันค่อนข้างจะเก่า และโทรมหน่อย พาลทำให้เราคิดว่า Main station ยังขนาดนี้แล้วส่วนที่เหลือของเมืองจะเป็นยังไงกันนะ
และเนื่องจากว่าที่นี่เค้าไม่ใช้เงินสกุลยูโร เราเลยต้องแลก Hungarian forint ไว้หน่อย เราก็ต้องเดินไปแลกเงินด้วยความระมัดระวังสุดริด เสร็จแล้วก็ลากกระเป๋าผ่านหน้าวนิพกพเนจรไปโบกแท็กซี่ แท็กซี่ที่นี่ก็มีมาตรฐาน(สำหรับนักท่องเที่ยวมั้ง)เลยว่า มา 4 คนมีกระเป๋าใหญ่ ก็เหมาแล้วกัน คิดแล้วก็ราวๆ 9 EUR ไม่ได้แพงอะไร นั่งรถผ่านอาคารบ้านเมืองฝั่งเมืองใหม่ ข้าม Szechenyi Chain Bridge(Budapest Chain Bridge) จากฝั่ง Pest ไป พักที่ฝั่ง Buda ประเทศ 15 นาทีก็ถึงโรงแรม เหมือนเขตเมืองเค้าก็ไม่ได้ใหญ่โตนะคะ ใช่เวลาจากที่นึงไปอีกที่นึงไม่นาน ซึ่งเราเลือกที่จะนอนในฝั่งเมืองเก่าหรือที่เรียกวาส Buda เพราะเราอยากสัมผัสความคลาสสิกนั่นเองและโชคดีที่ โรงแรมที่เราเลือกอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำมาก แบบว่าเดิน 5 นาทีข้ามถนนก็เจอวิว Parliament of Budapest แล้ว
เมืองริมน้ำ
ตอนแรกเราตั้งใจจะซื้อซิมการ์ดใส่แล้วก็ใช้ระหว่างเที่ยว แต่เอาเข้าจริงเชื่อมั้ยเราก็อยู่ได้โดยที่ไม่มี internet ไว้เซิร์ชหาที่เที่ยว คาเฟ่สวยๆร่านแนะนำ หรือ ใช้เปิด google map หาเส้นทางเลย ตั้งแต่เวียนนา โทรศัพท์เราเอาไว้ใช้ถ่ายรูปเท่านั้น ส่วนแผนที่เราหยิบเอาตามที่เค้าแจกฟรีแล้วก็เปิดๆ เอาปากกาโน้ต แล้วก็เดินตามแมพนี่แหละ ร้านอาหารก็ดูจากบรรยากาศเอาเลย บางทีการใช้เครื่องมือแบบคลาสสิกๆ มันก็ทำให้เราโฟกัสกับอะไรที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้นนะ แถมเราได้ของที่ระลึกกลับไปบ้านก็ไอ้แมพประจำเมืองนี่แหละ เราได้มาไม่ต่ำกว่า 4-5 อันเลยจากแต่ละเมือง ทั้ง guide book เอย แผนที่เอย เราเป็นคนบ้าสะสมมาก
นอกจากแผนที่ที่ต้องพกแล้ว สิ่งจำเป็นที่สุดคือตั๋วคมนาคมระหว่างที่เราอยู่ในประเทศนี้ เดิมทีเราตั้งใจจะซื้อตั๋วรถที่ใช้ได้ 48 ชั่วโมงพร้อมทั้งสามารถเข้าดูพิพิธภัณฑ์ได้หลายๆที่อะไรแบบนั้น เราพยายามจะถามซื้อจากคนขายตั๋วแต่ด้วยความที่ป้าแกไม่เข้าใจภาษาอังกฤษใดๆเลย เราเลยต้องกดตู้ซื้อตั๋ว day-pass เอาครบ 24 ชั่วโมงก็มากดซื้อใหม่ ไอ้ตั๋วนี่ก็ใช้ขึ้น tram ได้ นั่งรถไฟใต้ดินก็ได้ ค่อนข้างสะดวกทีเดียว
Tram ที่ใช้กันเป็นหลัก คลาสสิคดีค่ะ
เราใช้เวลาบ่ายที่เหลือเริ่มเดินเลาะริมแม่น้ำไปเรื่อยๆ โดยเนวิเกเตอร์ของเรานอกจากแผนที่ถือติดมือตลอดเวลาแล้วก็คนบูดาเปสต์นี่แหละ ที่นี่คนวัยรุ่นสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีเลยทีเดียวค่ะ สอบถามได้ไม่ยุ่งยาก
ในเมืองจะเห็นจักรยานมากกว่ารถยนต์นะคะ
Bike lane สีแดงสด
มีคนแอบมอง

ราง tram เข้าถึงทุกที่ เราชอบมาก เดินทางสบายๆ เลนใครเลนมัน ทำไมบ้านเราไม่ทำแบบนี้บ้าง

แวะซื้อกาแฟแก้หนาว
ดื่มกาแฟพร้อมฟังเสียงดนตรีจากลำโพงไฮเอน B&O
ด้วยความที่คุณพ่อเราชอบเดินตลาดมาก ไปที่ไหนต้องไป local market ที่นั่น แต่น่าเสียดายวันนี้ตลาดเค้าปิด
เห็นแต่หลังคา

เสร็จแล้วเดินเข้าไปดู city centre บ้าง คาเฟ่ริมทางน่านั่งดีค่ะ
ใน shopping street
ร้านอาหาร local วันนี้เราเลือกทานมื้อเย็นกันในเมือง
ศาสนสถานค่ะ
ร้านอาหารน่านั่งเยอะเลยค่ะ
ทานข้าวเสร็จก็ใช้เวลาเรื่อยเปื่อยในเมือง
โชคดีวันนี้มาเจอตลาดในเมือง คล้ายๆ Chrismast market มีอาหาร เบียร์ ไวน์พื้นเมือง เซรามิคของแฮนด์คราฟทั้งหลาย เป็นเมือง friendly ดีนะคะ
เดินจนตลาดเค้าเริ่มเก็บจิบเครื่องดื่มไปเล็กน้อย แล้วก็เดินมาขึ้นรถไฟใต้ดิน เค้าซ่อนอยู่ใต้ตลาดนี่แหละค่ะ
รถไฟนี้วิ่งลอดใต้แม่น้ำดานูบข้ามไปอีกฝั่งของเมืองนะคะ เพราะเราต้องกลับไปนอนฝั่งเมืองเก่า
ข้ามฝั่งมาแล้วกำลังเดินกลับห้อง มองเห็นรัฐสภาอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ คืนนี้ฝันดีแล้ว
เริ่มต้นวันใหม่ วันนี้จะไปดูหลายอย่างเลย
เช้าวันนี้หลังทานมื้อเช้า เราก็นั่ง tram มาต่อรถไฟฟ้าขึ้นมาบนเขาที่เป็นเขตพระราชวังเก่า บนนี้มองเห็นทั้งเมืองเลย สวยมากๆเลยค่ะ
มุมประทับใจของครอบครัว
ในบริเวณพระราชวังจะมี National Museum ด้วยค่ะ ใช่เวลาบ่ายๆเพลิน ได้เสียเงินซื้อของสวยๆไปประมาณนึง บนนี้ก็จะมีคนแก่ขับรถเก๋งเอาขนมที่เค้าทำเองมาขายด้วยค่ะ บรรยากาศดีมากๆ
หมู่บ้านชาวประมงในเขตเมืองเก่า ขึ้นมาเห็นเมืองบนนี้สวยดีค่ะ คุณแม่บ่นว่าทำไมไม่จองที่พักบนนี้ แม่ชอบ
ร้านขายของพื้นเมืองแม่เหล็กดูดคุณแม่
เย็นวันนี้มีอีกกิจกรรมที่จะไปทำหลังจากลงมาจากเขตเมืองเก่า กลับไปที่แม่น้ำกัน
พระอาทิตย์กำลังจะตก
เราซื้อตั๋วเพื่อล่องเรือ คุณพ่อพูดถึงแม่นำ้ดานูบให้ฟังตั้งแต่เด็ก แกชอบดูชอบอ่านสารคดีค่ะ กิจกรรมนี้ยังไงก็ห้ามลืมเด็ดขาดเรามาที่นี่เพื่อการนี้โดยเฉพาะ
ฟ้าเริ่มมืดสนิทเเล้ว
มาถึงหน้ารัฐสภาแล้ว กลางวันสวยยังไงกลางคืนสวยมากกว่าเดิมไปอีก อยากหยุดเวลาไว้เลย คืนนี้ฝันดีแล้วเนอะ
คงปิดท้ายด้วยการล่องเรือนะคะ จริงๆเมืองๆรายละเอียดเยอะมาก 2 วันยังน้อยไป ไว้มีโอกาศคงได้มาเเบ่งปันกันอีกนะ ขอบคุณที่สละเวลามาดูนะคะ หวังว่าคงจะทำใครหลายคนอยากรู้จักบูดาเปสต์มากขีนนะคะ
พอถึงเวลาต้องจากมันก็จะมีบรรยากาศความอาลัยอาวรณ์เข้ามาอีกแล้ว เมื่อ 48 ชั่วโมงที่แล้วบูดาเปสต์ยังเป็นเมืองที่เราแทบไม่รู้จักเลยสักนิด สิ่งที่บูดาเปสต์มอบให้เราคงเป็นความทรงจำอันมีค่า เมืองที่สวย เหงาแต่ก็อบอุ่นพิลึก ไม่เหมือนใครเลยนะที่นี่ เราไม่รู้หรอกว่าจะได้ย้อนกลับมาที่นี่อีกเมื่อไร แต่ที่นี่ที่เราจะจำไปบอกใครๆได้ว่า...สงสัยจะตกหลุมรัก
[CR] Offline traveler : เที่ยวแบบ offline ไม่ง้อ google map ที่ Budapest เมืองที่เราแทบไม่รู้จัก
วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์การไปเที่ยวแบบไม่คาดหวังที่ Budapest เมืองหลวงของ Hungary
ที่บอกว่าไม่คาดหวังเนื่องจากว่าข้อมูลในหัวเราเกี่ยวกับ Budapest น้อยมาก เราเลยเลือกอยู่ที่นี่แค่ 2 วันเท่านั้น ถ้าเป็นประเทศอื่นๆที่กล่าวมาข้างต้น เราก็ยังจะพอนึกสไตล์หรือความเป็นอยู่ของบ้านเมิองเค้าออก แต่กับ Budapest ในหัวเรามีแต่คำว่าเมืองสองฝั่งที่ตั้งขนาบแม่น้ำดานูบที่เคยได้ยินมาตั้งเเต่สมัยเป็นนักเรียน
เราเริ่มจากการนั่งแท็กซี่ออกจาก ที่พักที่เวียนนาเพื่อที่จะไปใช้เวลาที่ Budapest อีก 2 คืนข้างหน้า ระหว่างทางก็ได้แต่คิดว่าจริงๆเราก็ชอบความเก๋ของเวียนนาเอามากอยู่ มากี่ครั้งก็ยังประทับใจเหมือนเดิม อาลัยอาวรณ์อยู่พอประมาณ
การข้ามพรมแดนครั้งนี้เราเลือกที่จะไปโดยรถไฟ สถานี ÖBB-Wien Hauptbahnhof ก็ดูใหญ่โต สะอาดสะอ้าน มีร้าน retail ดีๆเต็มไปหมด ไปถึงได้ไม่นานก็ต้องกระโดดขึ้นรถไฟเลย รถไฟคันที่เราขึ้นก็ดีงามตามประสาสายยุโรป แล้วก็มี on board restaurant ด้วย
พอรถไฟเริ่มออกจากเขต Austria สภาพบ้านเมืองก็เริ่มจะเปลี่ยนๆไป ไม่เนี้ยบเหมือนใน Austria แต่ออกจะทึมๆหน่อย สไตล์ชนบท เหมือนบ้านเมืองที่ผ่านสงครามมาแต่ไม่ได้ฟื้นฟูดีนัก พาลคิดไปถึงเรื่องราวของประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่เคยผ่านหูผ่านตาจากหนังสือเรียนหรือสารคดี สมัยก่อนบูดาเปสต์ยังเป็นเมืองหนึ่งในอาณาจักรออสเตรีย-ฮังการี ก่อนที่จะแยกตัวออกมาเป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการีในภายหลัง
ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึง Budapest Keleti pályaudvar (Budapest main railway station) หน้าตามันก็จะ น่าตกใจเล็กน้อย จริงๆแล้วรูปทรงของอาคาร สวยใช้ได้เลย เพื่อนเรายังบอกว่ามันเหมือนสถานี Southsea ที่ Portsmouth เหมือนกันนะ มาถึงก็มึนๆหน่อย เนื่องจากว่า Vienna มันค่อนข้างจะศิวิไลซ์มาก แต่ตัวสถานี Keleti ที่ว่านี่มันค่อนข้างจะเก่า และโทรมหน่อย พาลทำให้เราคิดว่า Main station ยังขนาดนี้แล้วส่วนที่เหลือของเมืองจะเป็นยังไงกันนะ
และเนื่องจากว่าที่นี่เค้าไม่ใช้เงินสกุลยูโร เราเลยต้องแลก Hungarian forint ไว้หน่อย เราก็ต้องเดินไปแลกเงินด้วยความระมัดระวังสุดริด เสร็จแล้วก็ลากกระเป๋าผ่านหน้าวนิพกพเนจรไปโบกแท็กซี่ แท็กซี่ที่นี่ก็มีมาตรฐาน(สำหรับนักท่องเที่ยวมั้ง)เลยว่า มา 4 คนมีกระเป๋าใหญ่ ก็เหมาแล้วกัน คิดแล้วก็ราวๆ 9 EUR ไม่ได้แพงอะไร นั่งรถผ่านอาคารบ้านเมืองฝั่งเมืองใหม่ ข้าม Szechenyi Chain Bridge(Budapest Chain Bridge) จากฝั่ง Pest ไป พักที่ฝั่ง Buda ประเทศ 15 นาทีก็ถึงโรงแรม เหมือนเขตเมืองเค้าก็ไม่ได้ใหญ่โตนะคะ ใช่เวลาจากที่นึงไปอีกที่นึงไม่นาน ซึ่งเราเลือกที่จะนอนในฝั่งเมืองเก่าหรือที่เรียกวาส Buda เพราะเราอยากสัมผัสความคลาสสิกนั่นเองและโชคดีที่ โรงแรมที่เราเลือกอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำมาก แบบว่าเดิน 5 นาทีข้ามถนนก็เจอวิว Parliament of Budapest แล้ว
ดื่มกาแฟพร้อมฟังเสียงดนตรีจากลำโพงไฮเอน B&O
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น