
หลังจากโพสต์เรื่องครบรอบ 50 ปีของอัลบั้ม Sgt. Pepper’s Lonely Hearts Club Band ของ The Beatles ไปแล้ว หากจะไม่พูดถึงเรื่องราวของคู่นักแต่งเพลงที่ดีที่สุดคู่หนึ่งในประวัติศาสตร์วงการเพลงอย่าง Lennon-McCartney ก็คงจะกระไรอยู่ครับ
สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เวลาพูดถึง The Beatles คือมนต์เสน่ห์ของเพลงที่เกิดจากความร่วมมือกันระหว่าง John Lennon และ Paul McCartney แม้ว่าหลังจากแยกวงกันแล้ว ทั้งคู่จะยังสามารถผลิตผลงานเพลงเดี่ยวคุณภาพดีออกมาได้อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับผลงานตอนที่ยังเป็น The Beatles เราลองมาดูกันครับว่าอะไรคือที่มาของความพิเศษซึ่งเกิดจากความร่วมมือกันของทั้งคู่
ในแง่ของการแต่งทำนองเพลง John จะมีสไตล์ที่ค่อนข้างราบเรียบ ไม่มีการเปลี่ยนระดับเสียง (pitch) มากเหมือนกับ Paul จนบางคนบอกว่าบางครั้งฟังเหมือนกำลังบ่นๆอยู่ ส่วนหนึ่ง อาจจะมาจากการที่ John ให้ความสำคัญกับเนื้อร้องมากเป็นพิเศษ เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาต้องการให้เนื้อเพลงของเขาเป็นเหมือนบทกวีที่สมบูรณ์ในตัวของมันเอง ซึ่งก็สะท้อนตัวตนของ John ที่รักการแต่งโคลงกลอนมาตั้งแต่ยังเด็ก ดังจะเห็นได้จากเพลง Strawberry Fields Forever, In My Life, Across the Universe, Norwegian Wood, I Am the Walrus
ต่างกับ Paul ที่มีพรสวรรค์ด้านการคิดทำนองเพลง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่าเมโลดี้ของ Paul เป็นไปตามทฤษฎีดนตรีมากกว่า คือจะมีการเรียบเรียงเสียงประสาน (harmonization) ที่เป็นไปตามหลักการทางดนตรี ทำให้ทำนองที่ออกมาฟังรื่นหูและติดหูง่ายกว่า ตัวอย่างเช่นเพลง Here, There and Everywhere, The Long and Winding Road, Eleanor Rigby, The Fool on the Hill, Penny Lane
สำหรับด้านเนื้อร้อง John มักจะเล่าเรื่องราวจากมุมมองบุคคลที่หนึ่ง เพราะส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่เขาต้องการสื่อจากประสบการณ์ชีวิตหรือความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง กามารมณ์ และการเรียกร้องสันติภาพ เขาชอบการเล่นคำและสำบัดสำนวน ชอบใช้คำพูดเสียดสีที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน
ส่วน Paul ชอบแต่งเพลงจากมุมมองบุคคลที่สามโดยมักเป็นเรื่องรักๆใคร่ๆ จากจินตนาการเป็นส่วนใหญ่ เพลงของ Paul เป็นเพลงที่มองโลกในแง่ดี เขาชอบให้เพลงมีดราม่าและสร้างอารมณ์ให้กับผู้ฟัง ในขณะที่เพลงของ John จะทีเล่นทีจริงและใช้อารมณ์ขันในเชิงเสียดสี
จากการผสมผสานกันอย่างลงตัวของความแตกต่างกันของทั้งคู่นี้เองที่เพิ่มมนต์เสน่ห์ให้กับผลงานร่วม Lennon-McCartney ดังความเห็นของ John ในการให้สัมภาษณ์นิตยสาร Playboy เมื่อปี 1980 ที่ว่า "He provided a lightness, an optimism, while I would always go for the sadness, the discords, the bluesy notes…”
(เขานำเสนอด้านสว่าง การมองโลกในแง่ดี ในขณะที่ผมชอบที่จะพูดถึงความเศร้า ความขัดแย้ง ใช้ตัวโน้ตนอก scale ในสไตล์ดนตรี blues…)
เมื่อคารมคมคายและทัศนคติ-ดันของ John ที่แสดงออกมาในรูปแบบดนตรีผสมผสานเข้ากับความละมุนละไมและทำนองเสนาะหูของ Paul สิ่งที่ได้ก็คือผลงานการประพันธ์เพลงซึ่งคงเอกลักษณ์ที่ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของแฟนเพลงแม้จะผ่านมากว่าครึ่งศตวรรษแล้วก็ตาม
ลิงก์เพลง Strawberry Fields Forever
(
https://www.youtube.com/watch?v=tdbTOaRh79U)
ลิงก์ Across the Universe
(
https://www.youtube.com/watch?v=snHbpUFBFHY)
ลิงก์ Here, There and Everywhere
(
https://www.youtube.com/watch?v=mT-BRsxOtz8)
ลิงก์ The Long and Winding Road (ขอเลือกเวอร์ชันที่ได้ใช้เป็นต้นฉบับในอัลบั้ม Let It Be…Naked เพราะ Paul ไม่ชอบเวอร์ชันจากอัลบั้ม Let It Be ที่มีวงออร์เครสตราเล่นแบ็คอัพ สำหรับรายละเอียดในเรื่องนี้ เชิญอ่านได้จาก blog ส่วนตัวของผมที่ใช้ชื่อว่า “The Beatles เหนือกาลเวลา” ครับ)
(
https://www.youtube.com/watch?v=cWpRY0flS2U)
Lennon-McCartney คู่นักแต่งเพลง หยิน-หยาง ของวง The Beatles
หลังจากโพสต์เรื่องครบรอบ 50 ปีของอัลบั้ม Sgt. Pepper’s Lonely Hearts Club Band ของ The Beatles ไปแล้ว หากจะไม่พูดถึงเรื่องราวของคู่นักแต่งเพลงที่ดีที่สุดคู่หนึ่งในประวัติศาสตร์วงการเพลงอย่าง Lennon-McCartney ก็คงจะกระไรอยู่ครับ
สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เวลาพูดถึง The Beatles คือมนต์เสน่ห์ของเพลงที่เกิดจากความร่วมมือกันระหว่าง John Lennon และ Paul McCartney แม้ว่าหลังจากแยกวงกันแล้ว ทั้งคู่จะยังสามารถผลิตผลงานเพลงเดี่ยวคุณภาพดีออกมาได้อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับผลงานตอนที่ยังเป็น The Beatles เราลองมาดูกันครับว่าอะไรคือที่มาของความพิเศษซึ่งเกิดจากความร่วมมือกันของทั้งคู่
ในแง่ของการแต่งทำนองเพลง John จะมีสไตล์ที่ค่อนข้างราบเรียบ ไม่มีการเปลี่ยนระดับเสียง (pitch) มากเหมือนกับ Paul จนบางคนบอกว่าบางครั้งฟังเหมือนกำลังบ่นๆอยู่ ส่วนหนึ่ง อาจจะมาจากการที่ John ให้ความสำคัญกับเนื้อร้องมากเป็นพิเศษ เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาต้องการให้เนื้อเพลงของเขาเป็นเหมือนบทกวีที่สมบูรณ์ในตัวของมันเอง ซึ่งก็สะท้อนตัวตนของ John ที่รักการแต่งโคลงกลอนมาตั้งแต่ยังเด็ก ดังจะเห็นได้จากเพลง Strawberry Fields Forever, In My Life, Across the Universe, Norwegian Wood, I Am the Walrus
ต่างกับ Paul ที่มีพรสวรรค์ด้านการคิดทำนองเพลง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่าเมโลดี้ของ Paul เป็นไปตามทฤษฎีดนตรีมากกว่า คือจะมีการเรียบเรียงเสียงประสาน (harmonization) ที่เป็นไปตามหลักการทางดนตรี ทำให้ทำนองที่ออกมาฟังรื่นหูและติดหูง่ายกว่า ตัวอย่างเช่นเพลง Here, There and Everywhere, The Long and Winding Road, Eleanor Rigby, The Fool on the Hill, Penny Lane
สำหรับด้านเนื้อร้อง John มักจะเล่าเรื่องราวจากมุมมองบุคคลที่หนึ่ง เพราะส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่เขาต้องการสื่อจากประสบการณ์ชีวิตหรือความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง กามารมณ์ และการเรียกร้องสันติภาพ เขาชอบการเล่นคำและสำบัดสำนวน ชอบใช้คำพูดเสียดสีที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน
ส่วน Paul ชอบแต่งเพลงจากมุมมองบุคคลที่สามโดยมักเป็นเรื่องรักๆใคร่ๆ จากจินตนาการเป็นส่วนใหญ่ เพลงของ Paul เป็นเพลงที่มองโลกในแง่ดี เขาชอบให้เพลงมีดราม่าและสร้างอารมณ์ให้กับผู้ฟัง ในขณะที่เพลงของ John จะทีเล่นทีจริงและใช้อารมณ์ขันในเชิงเสียดสี
จากการผสมผสานกันอย่างลงตัวของความแตกต่างกันของทั้งคู่นี้เองที่เพิ่มมนต์เสน่ห์ให้กับผลงานร่วม Lennon-McCartney ดังความเห็นของ John ในการให้สัมภาษณ์นิตยสาร Playboy เมื่อปี 1980 ที่ว่า "He provided a lightness, an optimism, while I would always go for the sadness, the discords, the bluesy notes…” (เขานำเสนอด้านสว่าง การมองโลกในแง่ดี ในขณะที่ผมชอบที่จะพูดถึงความเศร้า ความขัดแย้ง ใช้ตัวโน้ตนอก scale ในสไตล์ดนตรี blues…)
เมื่อคารมคมคายและทัศนคติ-ดันของ John ที่แสดงออกมาในรูปแบบดนตรีผสมผสานเข้ากับความละมุนละไมและทำนองเสนาะหูของ Paul สิ่งที่ได้ก็คือผลงานการประพันธ์เพลงซึ่งคงเอกลักษณ์ที่ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของแฟนเพลงแม้จะผ่านมากว่าครึ่งศตวรรษแล้วก็ตาม
ลิงก์เพลง Strawberry Fields Forever
(https://www.youtube.com/watch?v=tdbTOaRh79U)
ลิงก์ Across the Universe
(https://www.youtube.com/watch?v=snHbpUFBFHY)
ลิงก์ Here, There and Everywhere
(https://www.youtube.com/watch?v=mT-BRsxOtz8)
ลิงก์ The Long and Winding Road (ขอเลือกเวอร์ชันที่ได้ใช้เป็นต้นฉบับในอัลบั้ม Let It Be…Naked เพราะ Paul ไม่ชอบเวอร์ชันจากอัลบั้ม Let It Be ที่มีวงออร์เครสตราเล่นแบ็คอัพ สำหรับรายละเอียดในเรื่องนี้ เชิญอ่านได้จาก blog ส่วนตัวของผมที่ใช้ชื่อว่า “The Beatles เหนือกาลเวลา” ครับ)
(https://www.youtube.com/watch?v=cWpRY0flS2U)