ห้องเพลง**คนรากหญ้า**พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสีไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียง 27/8/2560 - 20 สถานที่สยอง ตอนที่ 5

กระทู้คำถาม

สวัสดีครับอมยิ้ม17 สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันอาทิตย์ MC แอ๊ด (WANG JIE) เข้าประจำการ อีก 1 วันครับ อมยิ้ม36

วันนี้นำเรื่องสถานที่สยอง มาเล่าต่อจากอาทิตย์ที่แล้วครับ

สถานที่สุดสยองแห่งที่ 8 : เมืองคนฝาแฝด ปอร์ติโก้ (หรือ ปอร์โต้) คานดิโด้ โกดอย (Portico Candido Godoi) ประเทศบราซิล ฝีมือของหมอจอมโหดจากค่ายเอ๊าท์สวิทช์ของพวกนาซี ???

เมืองแห่งนี้มีอัตราการเกิดของ คู่แฝด มากกว่าที่อื่นๆบนโลกถึง 18 เท่าตัว โดยถึงทุกวันนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดถึงเป็นแบบนี้ . . . คนท้องถิ่นกล่าวว่า “ปรากฎการณ์ที่มีคู่แฝดเกิดมามากมายแบบนี้” เกิดขึ้นตั้งแต่ โจเซฟ เม็งเกเล่ (Josef Mengele) หมอรักษาโรคในสงครามจากโซเวียต หนีมาหลบอยู่ที่นี่หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยที่นาย Josef Mengele นั้น มีประวัติในเรื่องความผิดปกติทางจิต ที่เขาคลั่งไคล้เป็นอันมากมากในเรื่อง มนุษย์คู่แฝด . . . ซึ่งไม่มีใครรู้กระจ่าง ว่าเรื่องที่มีอัตราการเกิดของคู่แฝด ที่เยอะขนาดนี้ เกี่ยวข้องกับนาย Josef อย่างไร แต่มันก็เป็นข้อสันนิษฐานที่น่าสยองอยู่ไม่น้อย เพราะหมอคนนี้ เกี่ยวข้องกับการทดลองสร้างคู่แฝดในค่ายกักกัน เอ๊าต์สวิทช์ ของพวกนาซีอันโด่งดังในเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่ 2

เว็บไซต์ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลเรื่องราวของหมอโจเซฟคนนี้ มีการติดป้ายคำเตือนผู้ชมเว็บด้วย ดังนี้

"คำเตือน : ข้อมูลเรื่องราวต่อไปนี้อาจรบกวนจิตใจสำหรับบางคน นี่ไม่ใช่การวัดความสยอง แต่มันคือประวัติศาสตร์ เรื่องเหล่านี้เคยเกิดขึ้นจริง ขอบคุณ"

เทพมรณะ

โจเซฟ เม็งเกเล่ เกิดเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 1911 เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตไปกับการศึกษาค้นคว้ายา ซึ่งทำให้เขาได้กลายเป็นนักเรียนที่ได้รับการยกย่องอย่างไรก็ตาม ความสนใจหลักของเขาคือความคิดเรื่อง "ยูจีนิคส์ (Eugenics)" คือความคิดที่ว่า จะสามารถปรับปรุงคุณภาพทางพันธุกรรมของชาวเผ่าอารยันได้ ความสนใจที่แท้จริงของเขาในด้านพันธุกรรมและวิวัฒนาการที่เกิดขึ้นตรงกับแนวความคิดการพัฒนามนุษย์ ซึ่งต้องทนทุกข์ทรมานจาก 'ความผิดปกติ' (ซึ่งเป็นผลลัพธ์-MC ผู้แปล) ไม่สมควรที่จะทำซ้ำอีก แม้เพื่อจะมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ตาม


เมื่อเกิดสงครามขึ้น เม็งเกเล่ เป็นทหารที่ได้รับการยอมรับนับถือเป็นอย่างมาก และได้รับตำแหน่งที่เรียกว่า "อุนเทร์ชตรวมฟือร์เรอร์" (Untersturmführer) คือ "รองผู้หมวด" สำหรับหน่วย Waffen SS อย่างรวดเร็ว ความสัมพันธ์และระดับของเขาทำให้เขาได้รับตำแหน่งกัปตันและหัวหน้าแพทย์ของค่ายเอ๊าต์สวิทช์ ที่นี่ เขาเป็นคนที่จะตัดสินใจว่าใคร (หมายถึงคนที่ถูกจับมา) ที่จะมีชีวิตอยู่หรือจะต้องตาย เมื่อออกมาจากรถไฟ (ที่ขนคนพวกนั้นมา) เขาจะชี้ด้วยไม้เท้าของเขาไปที่แต่ละคน และสั่งพวกเขาด้วยคำๆเดียวว่า "ขวา" หรือ "ซ้าย"... ดูเหมือนเขาจะสนุกกับมัน

งานแรกสำหรับธุรกิจของเขาคือการหายาฆ่าเชื้อเป็นจำนวนมากสำหรับ "เผ่าพันธุ์ที่ด้อยกว่าที่ถูกคุมขังล่าสุด" พวกเขาลงมือทดลองกับนักโทษหลายร้อยคน พยายามฉายแสงเอ็กซ์เรย์ รังไข่ของสตรีถูกถอดออก (ในขณะที่หล่อนยังมีชีวิตอยู่และไม่มียาสลบให้ด้วย!) เพื่อตรวจร่างกาย

ก่อนหน้านี้เม็งเกเล่ได้เริ่มต้นทดลองเรื่องประหลาดพิสดารมาแล้ว ในความพยายามของเขาที่จะ "ทำคนเยอรมันให้สมบูรณ์แบบ" โดยการดูว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนสีของดวงตาได้หรือไม่ โดยการฉีดสารพัดสีที่แตกต่างกันย้อมเข้าไป พอทำเสร็จครั้งหนึ่งแล้ว เขาก็จะควักดวงตาทั้งสองข้างออกมา และแขวนมันไว้บนผนัง "ตรึงไว้เหมือนกับตรึงผีเสื้อไว้ดูเล่น"

"ฉันคิดว่าฉันตายไปแล้วและกำลังมีชีวิตอยู่ในนรก" ผู้ช่วยชาวยิวคนหนึ่งเล่าให้ฟัง ความหลงใหลที่ใหญ่สุดของเขาในอีกไม่ไกลคือ ทำกับฝาแฝด !!! เขาเชื่อว่า นี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่จะมี "การควบคุมได้" และมีการทดสอบเพื่อเปรียบเทียบผลของการทดลองทั้งหลายของเขา อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือถ้าคนหนึ่งตาย อีกคนหนึ่งก็จะถูกฆ่าตายไปด้วย ฝาแฝดทั้งหลายอาศัยอยู่หน่วย 14 ของค่าย F ซึ่งมีชื่อเล่นว่า "สวนสัตว์"

จำนวนของฝาแฝดของหมอเม็งเกเล่ที่ใช้ในการทดลองพุ่งขึ้นไปถึง 3 พันคน ส่วนใหญ่ที่ตกเป็นเหยื่อของเขา ต้องตายไปในหลาย ๆ การทดลองที่ไร้ซึ่งจุดหมาย เม็งเกเล่จะผสมผสานความเมตตาที่ไม่ธรรมดากับความโหดร้ายทารุณเข้าด้วยกัน เพียงเพื่อผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น "วันหนึ่ง เม็งเกเล่ นำช็อคโกแลตและเสื้อผ้าพิเศษมาให้ ... วันรุ่งขึ้น,คนของหน่วย SS ก็พาลูกสองคนออกไป ... คนหนึ่งหลังค่อม ... สองสามวันต่อมา ... คนหลังค่อมถูกเย็บหลังติดกับหลังของอีกคนหนึ่ง ข้อมือของพวกเขาก็พลิกงอกลับด้านอีกด้วย มีกลิ่นเน่าเหม็นอย่างร้ายกาจ แผลผ่าตัดสกปรกและเด็กก็ร้องไห้ทุกคืน" อีกรายหนึ่ง เด็กเจ็บแผลในปาก เม็งเกเล่ใช้เวลายาวนานสุดๆเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของเด็ก หลังจากเวลาผ่านไป เด็กก็หายเจ็บ และถูกส่งไปที่ห้องแก๊สทันที

บางครั้ง เม็งเกเล่ไปจัดการสังหารหมู่ด้วยวิธีการจริง ไม่มีทฤษฎีอะไรทั้งนั้น และไม่มีประโยชน์ทางวิชาการอะไรที่จะได้รับ เขาบังคับให้เด็กฝาแฝดสองคู่มีเพศสัมพันธ์กัน ซึ่งมีคำพูดว่า "พวกเขาเป็นนักโทษ และห้ามพูดเรื่องนี้" เคสที่เลวร้ายที่สุด (อย่างน้อยก็มีการบันทึกไว้), เม็งเกล เอารถบรรทุก 10 คันรถขนเด็กๆ จำนวน 300 คน และให้ขับหมุนวนรอบรถพ่นไฟคันใหญ่ รถบรรทุกถูกทิ้งแล้วเด็ก 300 คนถูกเผาทั้งเป็น เจ้าหน้าที่จะเดินไปรอบ ๆ คอยเอาไม้ผลักดันเด็กที่หลบหนีให้กลับเข้าไป ทั้งหมดนั้นมีอายุต่ำกว่า 5 ปี

หนังสือเล่มนี้เป็นการหวนระลึกถึงเรื่องการทดลองหลายอย่างของหมอเม็งเกเล่ เช่น ก้าวเหยียบลงบนท้องของหญิงตั้งครรภ์จนกว่าพวกหล่อนจะคลอด, ทำให้ฝาแฝดชาวยิปซีหลายร้อยคนติดโรคไข้รากสาดใหญ่ บังคับให้มีการถ่ายเลือดกับคนตาบอด และฉีกแบ่งร่างกายคนเป็นๆ ออกเป็นชิ้นๆ อย่างโหดเหี้ยม โดยไม่มีเหตุผลว่าทำไปทำไม และอื่น ๆ อีกมากมาย

เนื่องจากลักษณะการทดลองเป็นการสุ่ม และมีความไม่สอดคล้องต้องกัน การทดลองของเขาจึงไร้ผลที่เป็นประโยชน์ มันไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง หลังจากสงคราม เม็งเกเล่ หนีไปที่ประเทศบราซิล อเมริกาใต้ เขาอาศัยอยู่จนถึงปี 1979 เขามีโรคหลอดเลือดสมองและจมน้ำตาย

เขาไม่เคยถูกลงโทษจากอาชญากรรมที่เขาก่อ....

และ อาจเป็นไปได้ ที่เขาเป็นผู้ทำให้เมืองปอร์ติโก้ (หรือ ปอร์โต้) คานดิโด้ โกดอย เต็มไปด้วยฝาแฝด อย่างผิดธรรมชาติ!!

เครดิตข้อมูลจากเว็บต่างประเทศภาษาอังกฤษ = http://imgur.com/gallery/bduTI
MC แปลเอง (แปลเสร็จก็กดส่งเลยครับ เลยช้าไปหน่อย)

พบกันใหม่ วันเสาร์/อาทิตย์หน้าครับอมยิ้ม04หัวใจดอกไม้

แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
เกาะฮาชิมะ..เกาะเรือรบ อาถรรพ์เมืองบนเกาะร้าง

เรื่องโดย : The 29th Ronin www.marumura.com

ประเทศญี่ปุ่นมีลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นเกาะที่แยกตัวออกมาจากแผ่นดินใหญ่  วางตัวตั้งแต่เหนือจรดใต้ด้วยความยาวกว่า 3,000 กิโลเมตร  ประกอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยกว่า 6,800 เกาะ  ซึ่งถ้าสังเกตให้ดีก็จะมีรูปร่างหน้าตาคล้าย “ม้าน้ำ”  ซึ่งมีส่วนหัวของม้าน้ำเป็นเกาะฮอกไกโด และส่วนลำตัวยาว ๆ เป็นเกาะฮอนชู   มีส่วนหางและครีบเป็นเกาะชิโกกุและเกาะคิวชู โดยชื่อเกาะที่กล่าวมาทั้ง 4 เกาะ ถือว่าเป็นเกาะหลักที่มีผู้คนอาศัยอยู่เยอะที่สุด  แต่จะมีใครเชื่อบ้างว่าญี่ปุ่นก็มีเกาะร้างที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เหมือนกันกว่า  500 เกาะ  และหนึ่งในนั้นก็มีเรื่องเล่าถึงความลี้ลับความน่ากลัวเกี่ยวกับอาถรรพ์  เหมือนต้องคำสาปแห่งท้องทะเลให้เป็นเกาะร้างมาจนถึงปัจจุบัน เกาะแห่งนั้นมีชื่อว่า “เกาะฮาชิมะ はしま”  

เกาะฮาชิมะ เป็นเกาะที่ตั้งอยู่นอกชายฝั่งห่างจากเมืองนางาซากิ ประมาณ 15 กิโลเมตร  สมัยที่เกาะฮาชิมะรุ่งเรืองมันถูกตั้งชื่อว่า Battleship Island หรือ เกาะเรือรบเกาะแห่งนี้โดดเด่นในด้านอุตสาหกรรมถ่านหิน และจุดประสงค์ของการสร้างเกาะ ก็เพราะต้องการใช้แร่ถ่านธรรมชาติ เพื่อนำขึ้นใช้งานและส่งออก  ดังนั้นการทำแร่ถ่านหินจึงเกิดขึ้น แน่นอนว่าสิ่งสำคัญในการทำงานก็ต้องมีแรงงาน ผู้คนเริ่มเข้ามาอยู่ ตั้งถิ่นฐานอาศัยทำมาหากินเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งครอบครัวของคนงานจนเริ่มหนาแน่น  ต่อมาในปี 1890 บริษัท Mitsubishi เห็นแววว่าเกาะนี้น่าจะสร้างรายได้มหาศาล จึงตัดใจซื้อเกาะแห่งนี้มันซะเลย โดยมีโครงการว่าจะขุดถ่านหินจากทะเลขึ้นมา

ปี 1916 โครงสร้างคอนกรีตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ได้ถูกสร้างขึ้นที่เกาะฮาชิมะนี้ เพื่อช่วยปกป้องผู้ที่อยู่อาศัยจากพายุไต้ฝุ่นและคลื่นลมทะเล ในปี 1959 เกาะแห่งนี้ทำสถิติมีประชากรอาศัยอยู่ถึง 1,391 คน ต่อพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร เป็นความหนาแน่นที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ในโลก  และเพื่อตอบสนองความต้องการของคนบนเกาะนี้  ได้มีการสร้างโรงเรียน โรงแรม โรงพยาบาล ร้านอาหาร รวมไปถึงบาร์และร้านเหล้าอยู่ภายในเกาะด้วย


เกาะฮาชิมะ เป็นเกาะที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยเช่นกัน มีเยาวชนญี่ปุ่นจำนวนมากถูกเกณฑ์ไปสนามรบ และสิ่งหนึ่งที่น่าเศร้าคือ มีผู้คนจำนวนมากอดอยากปากแห้ง เนื่องจากสภาวะขาดอาหารจนเสียชีวิต บางคนก็มีอาการเจ็บป่วย เหนื่อยล้าเพราะถูกใช้งานจนหมดเรี่ยวแรง บางคนที่ทนไม่ไหวก็ลงโดดทะเลฆ่าตัวตายตัดปัญหาก็มี

เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการเปลี่ยนแปลงจุดประสงค์ของเกาะฮาชิมะใหม่ คือการนำถ่านหินของฮาชิมะหลอมเป็นเครื่องมือ และทำเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเรือรบ และปืนใหญ่ เพื่อกู้คืนจากความรู้สึกที่อัปยศ และความพ่ายแพ้จากสงครามทำให้เป็นช่วงเวลาทองแห่งความมั่งคั่งและความเจริญเติบโต

แต่ช่างน่าเสียดาย เมื่อเวลาเปลี่ยน อะไรหลายๆ อย่างมันก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เกิดยุคที่ถ่านหินเริ่มล้าสมัย -เจ้าน้ำมันนี่สิมันดันมาแรงแซงทางโค้งในปี 1960 เจ้าถ่านหินเลยกลายเป็นลูกเมียน้อยตกกระป๋องไปตามระเบียบ  บริษัท Mitsubishi ก็โบกมือลาเกาะแห่งนี้ และปิดเกาะมันซะเลย ผู้คนที่อาศัยก็ต้องอพยพไปหาที่แห่งใหม่ จากเกาะเรือรบที่มีผู้คนอาศัยอย่างหนาแน่น กลายเป็นเกาะร้างที่ไม่มีผู้มาอาศัยอย่างน่าใจหาย


นี่คือรูปถ่ายบนลานของโรงเรียนบนเกาะฮาชิมะ ซึ่งเหล่านักเรียนได้จัดแถวเป็นอักษรคำว่า “サヨナラ ハシマ” ซึ่งแปลว่า “ลาก่อน ฮาชิมะ”

คลื่นน้ำทะเลยังคงซัดสาด แต่ชุมชนที่เคยมีชีวิตชีวา กลายสภาพเป็นที่ร้าง หญ้ารกสูง ซากตึกสูงสง่ามีสภาพผุกร่อน  และแตกร้าว สนามเทนนิสที่ไร้ตาข่ายกั้น ทุกพื้นที่กลายเป็นป่ารกน้อย ไปถึงขั้นรกสูง เสียงวู๊ดลมทะเลนั้น เหมือนกับเสียงร่ำไห้ของเกาะที่ต้องการจะบอกว่า ที่แห่งนี้มันเหงาเหลือเกิน กลิ่นชื้นเหม็นอับผสมกับกลิ่นเกลือทะเลยังคงพัดโชยมาตามสายลม ชักชวนคนลองดีมาสัมผัสกับบรรยากาศผีๆ ชาวประมงที่ได้แล่นเรือผ่านเกาะแห่งนี้ ได้แต่ขนลุกสยองเกล้าและตั้งฉายาอีกฉายาหนึ่งว่า Ghost Islands เกาะผี แต่เกาะผีนี้ก็มีชาวต่างชาติแวะมาเยี่ยมเยือน ถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศที่ไม่ค่อยพบเห็นในชีวิตเท่าไรนัก ผู้ใดที่มาเยือนต่างกล่าวขานอย่างมั่นใจว่าที่แห่งนี้คงจะมีอะไรบางอย่างอยู่ด้วย จนไม่กล้าที่จะสัมผัสสิ่งของใดๆ บนเกาะเพราะกลัวว่า เจ้าของเค้าจะไม่พอใจ เพียงถ่ายรูปพร้อมกับขนแขนที่ลุก และโบกมือ บายๆ ลาก่อนเกาะผีเรือรบ แต่ไม่ว่ามันจะมีความน่ากลัวสักขนาดไหน ผู้คนก็ให้ความสนใจ และเข้าไปเยี่ยมชมอยู่เรื่อยๆ  


ปี 2003 เกาะฮาชิมะ ได้ถูกทำเป็นสถานที่ถ่ายภาพยนตร์เรื่อง Battle Royale (เกมนรก โรงเรียนพันธุ์โหด) ด้วยน่ะ สงสัยว่าผู้กำกับคงเห็นแววความน่ากลัวของเกาะฮาชิมะ และนักแสดงทีมงานก็โดนฮาชิมะเล่นงาน โดยกล่าวกันว่า อยู่ดีดีกล้องก็ถ่ายไม่ได้ขึ้นมาซะงั้น หรือมีใครก็ไม่รู้ (ไม่ใช่ทีมงานด้วยน่ะ) เดินผ่านกล้อง หรือไม่ก็ติดอยู่ในฉากมาด้วย และนักแสดงบางคนก็แสดงอาการคลุ้มคลั่งเหมือนว่าโดนอะไรบางอย่างเข้าสิง


ส่วนวีดีโอนี้ เป็นวีดีโอหนึ่งที่คนญี่ปุ่นคนนี้ได้กลับมาที่เกาะฮาชิมะ เกาะที่เค้าเคยอาศัยอยู่ในสมัยที่ฮาชิมะรุ่งเรือง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ขอบคุณเด็กดีดอทคอมด้วยนะครับ

สำหรับภาพยนต์สยองขวัญของไทยก็เคยนำเสนอเรื่องที่เกี่ยวกับเกาะนี้มาเช่นกัน

ตัวอย่าง ฮาชิมะ โปรเจกต์ - Hashima Project [Official Trailer HD]

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่