เมื่อผมจีบ"นักศึกษาพยาบาล"><

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกๆท่านในพันทิป วันนี้ผมมีประสบการณ์ส่วนตัวที่เกิดขึ้นเอง โดยผมSec² ซึ่งเรื่องที่ผมจะเล่าเป็นเพียงสิ่งที่ผมได้ประสบมากับตัวเอง มิได้มีเจตนาจะพาดพิงอิงแอบว่าเธอหรือคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องในวิชาชีพหรือคณะนี้ไม่ดีแต่อย่างใด
ถ้าหากว่าทำให้ใครต้องขุ่นข้องหมองหม่นใจ ผมก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ^^
...ผมเป็นเด็กวิศวะต๋อกต๋อยคนนึง ที่หลงไหลใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กๆว่า"อยากมีแฟนเป็นพยาบาลจัง><" ด้วยความที่ภาพผมในวัยเด็ก พยาบาลเคยดูแลผมเมื่อตอนที่โดนรถชนตอนประถม จึงเป็นสิ่งฝังใจว่า.."พยาบาลคือผู้ดูแลที่ดีที่สุดเท่าที่ผมได้เจอมา"
และยิ่งผมได้ดูหนังเรื่องpearl harbor ก็เห็นว่าจะมีแฟนเป็นพยาบาลได้ ต้องเป็นทหาร!!
แต่เมื่อโตมา...สอบ นตท.ไม่ติด จ่าอากาศไม่ติด นายสิบไม่ติด เลยจำต้องหันเหไปทางวิศวกรรมแทน(อนิจจาชีวิต555) และผม...ก็ได้รู้จักกับนักศึกษาพยาบาลคนหนึ่งทางFacebook เธอเพิ่มเพื่อนผมมาตั้งแต่ผมอยู่ปี1เทอม2 แต่เพิ่งได้คุยกันช่วงผมเรียนภาคฤดูร้อนที่ผ่านมานี้เอง โดยเธอนั้นเป็นคนทักมาก่อน เธอเป็นคนคุยเก่งมากกก สรรหาเรื่องมาเล่าได้ตลอด บ่อยครั้งที่โทรคุยกัน ก็ยาวนานนับชั่วโมง พูดคุยกันเหมือนคนที่รู้จักกันมานาน มีอะไรพูดหมดไม่มีกั๊กเลยทีเดียว ไปไหนก็ชอบถ่ายรูปส่งมาให้ผมดูว่าตอนนั้นตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ ผมเองด้วยความที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนคุยด้วยแบบนี้มาตั้งแต่มัธยมปลาย ผมจึงรู้สึกหลงไหลได้ปลื้มในตัวเธอได้อย่างไม่ยากเย็นนัก(ใจง่ายจริงเรา555) บ่อยครั้งที่เธอมักหลงๆลืมๆ หรือแสดงความบ้าๆบอๆออกมา แต่ก็ดูน่ารักมากเลยในสายตาผม ผมชอบส่งเพลงไปให้เธอฟัง และเธอก็ชอบอัดเสียงที่เธอร้องเพลงที่ผมส่งไป โดยเฉพาะเพลง"ใจให้ไป"ของโอ้ เสกสรร เธอชอบมากเพราะเห็นบอกว่ารู้สึกเหมือนPoppy loveว่ะซั่น555 และวันหนึ่งเธอเล่าว่า"แฟนเก่าจะมาขอคืนดีด้วย" ผมก็บอกว่า"แล้วไงเอ่ย?"
เธอก็ตอบว่า"เราเลือกไม่ถูกอ่า แกก็คุยดีถูกใจเรามากๆเลยนะ ส่วนแฟนเก่าเราก็ดีแต่ชอบมาๆหายๆ เฮ้อออคนสวยก็เงี้ยเลือกไม่ถูก555" ผมก็ตอบว่า"เบ๋ยยย~!555"
แล้วบอกว่า"แกจะกลับไปคบกับเขาก่อนก็ได้ เราให้เวลา6เดือน ถ้าใน6เดือนนี้เขาหายไปหรือทิ้งแก แกต้องกลับมาเป็นแฟนเรานะ ตกลงมั้ย?"
เธอก็ตอบว่า"ว้าว555 ไม่ต้องหรอกยังไงเราก็จะคุยกับแกอยู่ดีนั่นแหละเพราะเราว่าแกคือคนที่ใช่สำหรับเราแล้วล่ะ><"จนเมื่อเราสองคนคุยกันได้ประมาณ20วัน ผมจึงจะหาโอกาสเจอตัวจริง โดยการพาเธอไปดูหนังเรื่อง"ฉลาดเกมส์โกง" เธอก็เห็นดีด้วยเพราะอยากดูเรื่องนี้อยู่ อ่านรีวิวมาว่าน่าดู
ผมจึงนัดแนะว่าวันเสาร์นะ เดี๋ยวเราไปรอที่ธนาคารแล้วเรานั่งรถสองแถวไปด้วยกันดีมั้ย เธอก็ตอบตกลงตามที่ผมบอก จนถึงวันดังกล่าว ผมก็ออกไปรอตามที่นัดไว้ทั้งเวลาและสถานที่ เธอก็ถ่ายรูปมาตลอดทางตั้งแต่เธอออกจากบ้านถึงจุดที่ผมรอ
และผมก็ได้เจอเธอตัวเป็นๆ แม่เจ้า~! คือเป๋นตาซังจั่งซี่ล่ะน้อ อีนางเอ้ย~>< เธอจำหน้าผมได้จึงโบกมือทักทายผม แต่ผมยังติดสตั้นอยู่ จากนั้นผมจึงบอกว่าไปกันเธอก็อืมๆ^^ แต่แปลก...เธอแตกต่างจากที่คุยกันในแชทอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นคนเงียบ จะพูดหรือหัวเราะก็ต่อเมื่อผมหยอกหรือเล่นมุกแซว แม้แต่ตอนไปดูหนัง ก็เงียบ ได้แต่มองหน้ากันแล้วยิ้มแหยๆให้ จนกระทั่งเราดูหนังจบ ออกจากโรงมาเธอก็ขอตัวเข้าห้องน้ำสักครู่ สักพักเธอก็มา ผมจึงรวบรวมความกล้าที่จะถ่ายรูปคู่กับเธอสักรูปเป็นที่ระลึก เธอก็ยอมถ่ายกับผมโดยดี จากนั้นจึงไปกินข้าวกัน ด้วยความที่เงียบกันทั้งคู่ ไอ้ผมก็ยากที่จะเดาว่าจะเล่นอะไรกับเธอดีเพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างแบบนี้ แต่เธอก็รีบกินเร็วมาก~! ผมจึงแซวว่าป้าดโธ้~! กินเร็วจัง เธอก็ตอบว่าใช่สิ ฝึกไว้เวลาที่ต้องทำงานจริงจะได้ชินไงล่ะแกร^^
ผมก็จ้าๆ>< และเธอก็บอกว่าพาไปดูกระโปรงนักศึกษาหน่อย ผมก็อะได้ๆ เธอก็เดินดูกระโปรงโดยผมเดินตามอยู่ห่างๆ และเธอก็จัดกระโปรงคลุมเข่าสีดำทรงเอมา1ตัว แต่เธอขาดเงินอีก20บาท ผมจึงออกช่วยให้20บาทโดยที่เธอกำลังจะหันหลังมาเอ่ยปากขอผมพอดี เธอก็บอกขอบใจจ้า^^ จากนั้นเมื่อเดินไปสักพัก เธอจึงบอกว่าขอตัวกลับก่อนนะ ขอบใจนะที่ช่วยออก20 ผมก็บอกว่าไม่เป็นไรคนกันเอง เธอก็555จ้าๆ งั้นเรากลับก่อนนะ ต่างฝ่ายต่างโบกมือลากัน ในใจผมตอนแรกว่าจะไปรอรถเป็นเพื่อนเธอ แต่ดูท่าทางแล้วเหมือนเธอจะอยากรอคนเดียวมากกว่า ผมจึงนั่งเล่นตากแอร์ในห้างอยู่สักพักใหญ่ๆแล้วกลับบ้าน ผมก็ส่งรูปที่ถ่ายไปให้เธอ พร้อมกับบอกว่าขอบคุณนะที่มาดูหนังเป็นเพื่อนกันในวันนี้ แกน่ารักกว่าที่เราคิดอีกนะเนี่ย~ เมื่อเธออ่านก็ตอบว่าจ้า~^^ หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้คุยกับผมอีกเลย...
จนกระทั่ง2-3วันต่อมา ผมก็ทักเธอไปอีกครั้งว่า"หายไปไหนน้ออออ~!"  เธอก็อ่านแล้วตอบว่า"ยังอยู่ดีๆ^^"
ผมจึงหยิบคำถามพลีชีพขึ้นมาว่า "วันนั้นแกเห็นเราดูเป็นไงบ้าง?" เธอก็ตอบอย่างรวดเร็วว่า "จะให้ตอบปลอบใจหรือเอาจริงๆดีล่ะ?" ผมก็ตอบแบบติดตลกว่า "เอาจริงแหล่ว นี่คนจริง2017นะ5555" เธอก็อ่าน
สักพักเธอก็ตอบมาว่า "เรารู้สึกเฉยๆมากนะ นึกว่าจะตื่นเต้นกว่านี้ อุตส่าห์เตรียมใจมา แต่ก็ขอบใจนะ ที่พยายามทำให้เราตลกบ้าง แต่เราก็รู้สึกเฉยๆกับแกอยู่ดี" ผมก็หน้าชาหน่อยนึง ก่อนจะบอกว่า"ไม่ว่ากันๆ เราก็ขอบใจแกเหมือนกันนะที่มาดูหนังด้วยกัน" เธอก็"อืมจ้า~!"...นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ผมและเธอคุยกัน ผมจึงมานั่งพิจารณาตัวเอง เราสร้างความประทับใจแรกได้แย่มากๆๆๆๆ หรือเราหน้าไม่โดน...ก็แหงล่ะ ตัวดำตั้งแต่เรียน รด.มาตั้งแต่ ม.ปลายแถมเรียนในสาขาที่ต้องตากแดดส่องกล้องวัดมุมกลางแดดอยู่ตลอด แต่ก็พยายามที่จะดูแลตัวเองอย่างน้อยๆก็ให้ผิวหน้าผิวกายใสสะอาดไว้ก่อน ผิวดำมันคงทำอะไรไม่ได้(จะสแครชหรือสครับมันคงไม่ออก555) แต่เธอก็คุยกับผมอยู่บ้างแต่ไม่มากเหมือนแต่ก่อน ผมก็เริ่มรู้ชะตากรรมแล้วล่ะว่าจะเป็นยังไงต่อไป...
จนไม่นานนักผมเห็นรูปเธอแต่ถ่ายคู่กับใครอีกคนลงในFacebookผมรับรู้ได้ทันทีว่านี่คงเป็นแฟนเก่าของเธอเป็นแน่แท้ และเขาได้กลับมาทวงผู้หญิงของเขาคืน แต่ผมก็ไม่รู้สึกเจ็บอะไรมากนัก เพราะผมไม่ได้ฝากฝังคำว่ารักอะไรให้เธอ เพราะผมจะพูดคำว่ารักกับใครสักคนได้นั้น มันต้องมั่นใจกันทั้งเขาและเรา ผมจึงไม่รู้สึกผูกใจเจ็บอะไรเมื่อเห็นเธอกลับไปคบกับคนเก่า เพราะผมไม่ได้บอกรักกับเธอ...
เรื่องเล่าของผมก็มีเพียงเท่านี้ มันอาจจะสั้นไปนัก เพราะผมบีบอัดเนื้อหาปลีกย่อยลง ไปเน้นที่เนื้อหาจริงๆเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้เร็วและง่ายที่สุด แต่ถึงแม้ว่าผมจะกินแห้วกับ นศ.พยาบาลคนนี้ อาจจะรู้สึกว่าเหมือนผมเป็นหมาคั่นเวลาในคราเหงาของเธอ แต่ผมมองว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับผมในการพูดคุย เข้าหา และทำความเข้าใจในชีวิตของ นศ.พยาบาลคนหนึ่งว่าพวกเธอแม้จะเป็นพยาบาลแต่ก็ยังเป็นมนุษย์คนนึงที่มีหัวใจ เข้าหาง่าย คุยดี อยากมีคนรักคนดูแลเหมือนอาชีพหรือคณะสาขาวิชาอื่นๆเช่นกัน อย่ากลัวเลยครับที่จะคุย หรือทักทายกับสาวๆในกลุ่มนี้ อย่าเพิ่งตัดพ้อตัดกำลังใจตัวเองว่าเขาจะคุยกับเราเหรอวะ คุยก่อนทักก่อนไปเลยครับไม่เสียหายอะไร ไม่นับ1แล้วจะไป2-3-4ต่อได้ยังไงล่ะเนอะ ไม่จำเป็นต้องไปแอบอ้างว่าเป็นทหารแล้วมาจีบ(อย่าได้ทำเชียวนะครับเดี๋ยวได้ไปค้างคืนที่ฮ่องกง) ขนาดบักลอดยังจีบหมอปลาวาฬได้ทำไมเราจะทำแบบนั้นไม่ได้!!(อ้าวก็นั่นมันหนังนี่หว่าไอ้ชาย!!) ขอแค่คุณกล้าที่จะทักทายกันแค่นั้นพอครับ หลังจากนั้นก็สเต็ปใครสเต็ปมันไปเลยยยยย และด้วยความที่เขาเป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกับเรา เธอก็ต้องการคนที่ใช่สำหรับเธอด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ใครก็ได้จะมาเป็นคนรักของเธอ เพราะคนพิเศษนั้น..มันมีได้แค่คนเดียวเท่านั้น ฉะนั้นถ้าคิดจะจีบ อย่าลืมหาเบาะรองหรือร่มชูชีพเวลาผิดหวังร่วงตกลงมาดาเด้อสู!! คิดซะว่าได้เพื่อน พี่ หรือน้องสาวที่น่ารักเพิ่มมา1คน^^
และส่วนตัวผมเองนั้น ก็ยังไม่ลดละความพยายามที่จะจีบ นศ.พยาบาลหรอก5555 #ไม่ยอมแพ้!!
...วันหนึ่งสมองของผมมันก็ยกมือถามหัวใจว่า"ตกลงคุณรักที่เขาเป็นพยาบาลหรือรักเพราะเขาเป็นตัวของตัวเองกันแน่?"
ในใจผมมันตอบสมองไปว่า...เรารักที่เขาเป็นตัวเขาเองที่มีใจในการดูแลปรนนิบัติผู้ป่วยหรือคนไข้ด้วยใจเมตตาจริงๆ จนลืมดูแลตัวเองและครอบครัว เราจึงอยากที่จะเป็นฝ่ายดูแลเขาเพื่อแบ่งเบาภาระไปได้บ้าง มิใช่รักเพียงเพราะวิชาชีพที่เขาเป็นหรือเครื่องแบบที่เขาสวมใส่ ถึงแม้ว่าวันหนึ่งเธอจะไม่เป็นพยาบาลแล้ว แต่เธอก็ยังมีจิตวิญญาณในการเป็นพยาบาลที่จะติดตัวอยู่ตลอดไป และเราก็จะยังดูแลเธอเหมือนเดิมอย่างที่เคยทำให้กันมาตลอด...
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับการกระทำอยู่ดี พูดน่ะใครก็พูดได้ แต่ใครกันล่ะที่จะทำได้ จริงมั้ยครับ^^
ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาอ่านเรื่องราวเล็กๆน้อยๆของผมในวันนี้ ขอให้ทุกคนที่รอหรือตามหาความรักอยู่ก็ขอให้ได้พบในเร็ววัน คนที่รักกันอยู่ก็ขอให้จับมือกันก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคไปจนพบความสุขที่หวังและฝันใฝ่ร่วมกันนะครับ~^^
~สวัสดีครับ~
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่