DEATH NOTE (2017) Netflix
https://youtu.be/AjZ2RGcFZAk >>>> วีดีโอรีวิวความรู้สึกหลังดูจบทันที (พร้อมโชว์ฉากโหดๆแว้บๆ)
ไลท์ เทอเนอร์ ไอ้หนุ่มฉลาดแต่เก็บกด ชอบโดนรังแก ดันไปเก็บสมุดโน๊ตลึกลับได้ที่เขียนชื่อใครแล้วคนนั้นจะตายห่า เลยใช้สมุดนั้นเก็บคนชั่วปกป้องคนดี โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังโดนอำนาจมืดครอบงำ
ตอนดูจบแอบมีความรู้สึกว่าต้องมีการแบ่งเป็น 2 ฝั่งแน่นอน ระหว่างคนชอบกับคนไม่ชอบ ส่วนตัวเราอยู่ฝั่งชอบนะ รู้สึกว่าเป็นการตีความที่น่าสนใจมาก
ชอบการทำให้กลายเป็นหนังวัยรุ่นอเมริกันไปเลย และกันหนังวัยรุ่นแบบมี mood and tone แบบหนังเก่าๆเหมือนหนังยุค 90 หรือ 80 โดยที่จริงๆแล้วเป็นหนังเรื่องราวปัจจุบัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้กำกับคนนี้ขนาด เหมือนถ้าใครได้เคยดูเรื่อง You're Next และหนังเรื่อง The Guest ก็จะรู้ดีว่าโทนหนังเก่าๆของเขาออกมายังไง
ในขณะที่เราก็เข้าใจคนผิดหวังของคนที่ดูมังงะหรือแม้แต่เวอร์ชั่นหนังญี่ปุ่นก็ตาม เพราะเวอร์ชั่นการ์ตูนทั้งพระเอกตัวร้ายก็ฉลาดกันแบบสุขุม มีมาดมีฟอร์มกันคนละแบบ มีการเชือดเฉือนด้วยเล่ห์เหลี่ยม
แต่เวอร์ชั่นอเมริกัน ดูเป็นตัวละครหลงระเริงอำนาจมุทะลุ ตัวละครไม่เท่แบบของญี่ปุ่น เต็มไปด้วยความล่กลนลาน
แม้แต่ตัว L เองก็ดูกลายเป็นคนบ้าคลั่ง ใช้อารมณ์ตัดสิน หลุดจากกรอบโดยสิ้นเชิง ผิดกับเวอร์ชั่นญี่ปุ่นที่ L จะมีฟอร์มตลอด
ซึ่งจริงๆแล้วถ้าไม่อิงการ์ตูนที่คนชอบ มันก็เข้าท่านะมันดูเรียลลิสติกดี ดูตัวละครใช้อารมณ์มากขึ้น เข้าใกล้ความเป็นมนุษย์มากขึ้น อ่อนแอได้ ผิดกับเวอร์ชั่นมังงะที่ตัวละครเชือดเฉือนด้วย Logistic หลักเหตุหลักผล มากกว่า
พอหนังมันทรีทว่า กรูจะล่าด้วยความรู้สึก และอารมณ์ส่วนตัว เอาอารมณ์อยู่เหนือเหตุผลช่วงท้ายๆ แล้วแม่มมันสาสส
ดิบๆแบบนี้ เดือดๆแบบนี้แหละ กรูชอบ
นอกจากหนังสไตล์จะเก่าแล้ว สิ่งที่เก่าอีกอย่างคือเพลงประกอบเรื่อง ที่ขนเพลงเก่าๆเพราะๆในอดีตมาใส่ ทำให้หนังดูสไตล์ฉูดฉาดขึ้น เดินเรื่องไวต่างหาก ซึ่งมันก็เป็นสไตล์ส่วนตัวที่เราชอบ ทำให้เราชอบหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
ความรู้สึกหลังดู Death Note ฉบับอเมริกันจบ ...ฉีกรสจากเดิม (มาก) แล้วแต่คนชอบ
https://youtu.be/AjZ2RGcFZAk >>>> วีดีโอรีวิวความรู้สึกหลังดูจบทันที (พร้อมโชว์ฉากโหดๆแว้บๆ)
ไลท์ เทอเนอร์ ไอ้หนุ่มฉลาดแต่เก็บกด ชอบโดนรังแก ดันไปเก็บสมุดโน๊ตลึกลับได้ที่เขียนชื่อใครแล้วคนนั้นจะตายห่า เลยใช้สมุดนั้นเก็บคนชั่วปกป้องคนดี โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังโดนอำนาจมืดครอบงำ
ตอนดูจบแอบมีความรู้สึกว่าต้องมีการแบ่งเป็น 2 ฝั่งแน่นอน ระหว่างคนชอบกับคนไม่ชอบ ส่วนตัวเราอยู่ฝั่งชอบนะ รู้สึกว่าเป็นการตีความที่น่าสนใจมาก
ชอบการทำให้กลายเป็นหนังวัยรุ่นอเมริกันไปเลย และกันหนังวัยรุ่นแบบมี mood and tone แบบหนังเก่าๆเหมือนหนังยุค 90 หรือ 80 โดยที่จริงๆแล้วเป็นหนังเรื่องราวปัจจุบัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้กำกับคนนี้ขนาด เหมือนถ้าใครได้เคยดูเรื่อง You're Next และหนังเรื่อง The Guest ก็จะรู้ดีว่าโทนหนังเก่าๆของเขาออกมายังไง
ในขณะที่เราก็เข้าใจคนผิดหวังของคนที่ดูมังงะหรือแม้แต่เวอร์ชั่นหนังญี่ปุ่นก็ตาม เพราะเวอร์ชั่นการ์ตูนทั้งพระเอกตัวร้ายก็ฉลาดกันแบบสุขุม มีมาดมีฟอร์มกันคนละแบบ มีการเชือดเฉือนด้วยเล่ห์เหลี่ยม
แต่เวอร์ชั่นอเมริกัน ดูเป็นตัวละครหลงระเริงอำนาจมุทะลุ ตัวละครไม่เท่แบบของญี่ปุ่น เต็มไปด้วยความล่กลนลาน
แม้แต่ตัว L เองก็ดูกลายเป็นคนบ้าคลั่ง ใช้อารมณ์ตัดสิน หลุดจากกรอบโดยสิ้นเชิง ผิดกับเวอร์ชั่นญี่ปุ่นที่ L จะมีฟอร์มตลอด
ซึ่งจริงๆแล้วถ้าไม่อิงการ์ตูนที่คนชอบ มันก็เข้าท่านะมันดูเรียลลิสติกดี ดูตัวละครใช้อารมณ์มากขึ้น เข้าใกล้ความเป็นมนุษย์มากขึ้น อ่อนแอได้ ผิดกับเวอร์ชั่นมังงะที่ตัวละครเชือดเฉือนด้วย Logistic หลักเหตุหลักผล มากกว่า
พอหนังมันทรีทว่า กรูจะล่าด้วยความรู้สึก และอารมณ์ส่วนตัว เอาอารมณ์อยู่เหนือเหตุผลช่วงท้ายๆ แล้วแม่มมันสาสส
ดิบๆแบบนี้ เดือดๆแบบนี้แหละ กรูชอบ
นอกจากหนังสไตล์จะเก่าแล้ว สิ่งที่เก่าอีกอย่างคือเพลงประกอบเรื่อง ที่ขนเพลงเก่าๆเพราะๆในอดีตมาใส่ ทำให้หนังดูสไตล์ฉูดฉาดขึ้น เดินเรื่องไวต่างหาก ซึ่งมันก็เป็นสไตล์ส่วนตัวที่เราชอบ ทำให้เราชอบหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยาก