เมื่อเข้าสู่วัยมนุษย์เงินเดือนโตเต็มวัย สิ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะเจอคือจะมีวงจรชีวิตที่คล้ายๆ กัน ซึ่งมีไม่ถึง 10 เปอเซ็นต์เทจ ที่สามารถหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ของการเป็นมนุษย์เงินเดือนได้ มาดูกันว่ามีวงจรอะไรบ้างที่มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ถูกวงจรนี้กลืนกินเข้าไป แล้วมารู้สึกตัวอีกที่ก็สายไปเสียแล้ว
1.วงจรอุบาทว์แห่งการบ้าผ่อน
เป็นเรื่องแรกๆ ที่อยู่ในหัวของมนุษย์เงินเดือน แทบจะเรียกว่าเมื่อเริ่มเข้าทำงานได้รับเงินเดือน เดือนแรกเลยก็ว่าได้ ผ่อนวัตถุเล็กๆ ไปจนถึง ผ่อนวัตถุใหญ่ๆ ผ่อน ผ่อน ผ่อน แล้วก็ผ่อน พอผ่อนตัวนี้หมด ความคิดที่จะหาอะไรมาผ่อนใหม่ก็จะผุดขึ้นมาเป็นกิเลสอนันต์ไม่มีที่สิ้นสุดจนเกินความจำเป็น มือถือรุ่นเก่าไปรุ่นใหม่มาเปลี่ยนใช้เป็นดั่งกางเกงในบ็อกเซ่อร์กันเลยทีเดียว และส่วนใหญ่ก็ผ่อนจนเกินกำลังตัวเองจนต้องอมและแบกภาระหนี้สินรายจ่ายมโหฬารเดือนชนเดือน อาทิ ผ่อน รถยนต์ ผ่อนบ้าน ที่ไม่ดูรายได้ตัวเองว่ารับไหวหรือไม่ บางคนเงินเดือนสามหมื่นห้าหมื่น ดูเหมือนรายได้จะดูดี แต่ดันไปผ่อนบ้านราคาห้าล้านสิบล้านยาวนานสามสิบปีดอกบานไม่รู้โรย จึงเป็นเหตุผลแกมบังคับว่ามนุษย์เงินเดือนต้องหง๋อนายจ้างอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่สามารถออกจากงานหรือขยับไปไหนได้เลย ก้มหน้าทำงานตามสั่ง ยอมโดนด่าต่อว่ากล้ำกลืนฝืนทนแบบขมขื่นต่อไปไม่มีข้อโต้แย้ง เพราะภาระชนักติดหลังเป็นเงาตามตัว
2.วงจรอุบาทว์แห่งความหน้าใหญ่ จมไม่ลง โชว์รวย
มนุษย์เงินเดือน เป็นสิ่งมืชีวิตที่คิดว่ารายได้ประจำปัจจุบัน เป็นเรื่องที่แน่นอนสุดๆ คิดว่าไม่มีความเสี่ยง กินอาหารหรูห้าร้อยพันขนหน้าแข้งไม่ร่วง ขี้โม้โอ้อวดโชว์รวยในที่ทำงานข่มลูกจ้างในบริษัทที่เดียวกัน ซึ่งตรรกะง่ายๆ ว่าถ้ารวยจริงเหตุใดใยถึงไม่เป็นเจ้าของธุรกิจ ใยถึงมาเป็นลูกจ้างบริษัท อวดรวยเพื่ออะไร ได้อะไรจากการขี้โมโอ้อวดในที่ทำงาน
3.วงจรอุบาทว์แห่งความย่ามใจ ดั่งคนนอนตากแดดบนชายหาดในวันที่สึนามิกำลังจะมา
มนุษย์เงินเดือน ส่วนใหญ่ไม่มีความเตรียมพร้อมเหมือนลูกเสือสามัญที่ว่า "จงเตรียมพร้อม" ไม่ได้คิดว่าสามปี ห้าปี สิบปี ข้างหน้า เราจะสามารถสร้างรายได้ได้ด้วยตนเองโดยไม่พึ่งเงินเดือนปัจจุบันเลยได้หรือไม่ ถ้าไม่มีเงินเดือนให้เป็นที่พึ่งพาแล้วในอนาคต ไม่มีการคิดวางแผนระยะยาวเพื่อเตรียมการไว้ก่อนเลยว่า ทำอย่างไรให้สามารถสร้างอาณาจักรธุรกิจของตัวเองเพื่อเป็นอู่ข้าวอู่น้ำเป็นท่อน้ำเลี้ยงในอนาคต มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดในเรื่องนี้ คิดสั้นๆ แค่ว่า สินเดือนไปกินอะไรแพงๆ สุดสัปดาห์นี้ไปเที่ยวไหนดี แต่ไม่เคยคิดว่า ถ้าพรุ่งนี้ฉันโดนไล่ออกหล่ะ ถ้าพรุ่งนี้บริษัทที่ฉันทำงานเจ๊งหล่ะ ถ้าพรุ่งนี้วงจรเศรษฐกิจโลกครบรอบวงจรวิกฤติหายนะมาถึงพอดีหล่ะ ถ้าเรื่องพวกนี้เกิดพรุ่งนี้ฉันจะเอาอะไรแด๊ก ปัจจุบันฉันมีท่อน้ำเลี้ยงรายได้สำรองหรือไม่ ฉันตกงานพรุ่งนี้ฉันสามารถไปเกาะท่อน้ำเลี้ยงสำรองเลี้ยงชีพได้ที่ไหน หรือฉันต้องเข้าป่าไปหางู นก หนู สะกั๊ง ตัวเฮ้ กินแบบแบร์กริล
4.วงจรอุบาทว์แห่งการบริโภค มากกว่าการออกล่ารายได้เสริมเพิ่มเติมจากรายได้ประจำ
มนุษย์เงินเดือน มีจิตใจฝักใฝ่ในการใช้จ่ายเงินอยู่ตลอดเวลา กำเงินหรือมีเงินอยู่กับตัวหรือในบัญชีได้ไม่นาน เป็นเหมือนของร้อนที่ต้องรีบเอาออกมาใช้ การเก็บหรือถือครองเงินสดเป็นเรื่องที่มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่มักจะห้ามใจไม่ได้ ดั่งกอลั่มที่ครองแหวนเดอะลอร์ด ของรักของข้า แฮ่ เหมือนถูกครอบงำจิดใจให้กระทำพฤติกรรมผิดวิสัยอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่คิดถึงว่ามีเงินสดแล้วจะทำอย่างไรมีวิธีไหนที่สามารถสร้างเป็นต้นทุนสร้างรายได้เพิ่มได้อีก ศึกษาไอเดียต่อยอดเป็นท่อน้ำเลี้ยงได้อีกทางหลังจากที่ไม่มีรายได้ประจำให้เกาะกินอีกแล้ว
4 วงจรอุบาทว์ของมนุษย์เงินเดือน เมื่อเข้าสู่วงจรนี้แล้วจะหง๋อกลายเป็นทาสนายจ้างเกือบทั้งชีวิตทันที
1.วงจรอุบาทว์แห่งการบ้าผ่อน
เป็นเรื่องแรกๆ ที่อยู่ในหัวของมนุษย์เงินเดือน แทบจะเรียกว่าเมื่อเริ่มเข้าทำงานได้รับเงินเดือน เดือนแรกเลยก็ว่าได้ ผ่อนวัตถุเล็กๆ ไปจนถึง ผ่อนวัตถุใหญ่ๆ ผ่อน ผ่อน ผ่อน แล้วก็ผ่อน พอผ่อนตัวนี้หมด ความคิดที่จะหาอะไรมาผ่อนใหม่ก็จะผุดขึ้นมาเป็นกิเลสอนันต์ไม่มีที่สิ้นสุดจนเกินความจำเป็น มือถือรุ่นเก่าไปรุ่นใหม่มาเปลี่ยนใช้เป็นดั่งกางเกงในบ็อกเซ่อร์กันเลยทีเดียว และส่วนใหญ่ก็ผ่อนจนเกินกำลังตัวเองจนต้องอมและแบกภาระหนี้สินรายจ่ายมโหฬารเดือนชนเดือน อาทิ ผ่อน รถยนต์ ผ่อนบ้าน ที่ไม่ดูรายได้ตัวเองว่ารับไหวหรือไม่ บางคนเงินเดือนสามหมื่นห้าหมื่น ดูเหมือนรายได้จะดูดี แต่ดันไปผ่อนบ้านราคาห้าล้านสิบล้านยาวนานสามสิบปีดอกบานไม่รู้โรย จึงเป็นเหตุผลแกมบังคับว่ามนุษย์เงินเดือนต้องหง๋อนายจ้างอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่สามารถออกจากงานหรือขยับไปไหนได้เลย ก้มหน้าทำงานตามสั่ง ยอมโดนด่าต่อว่ากล้ำกลืนฝืนทนแบบขมขื่นต่อไปไม่มีข้อโต้แย้ง เพราะภาระชนักติดหลังเป็นเงาตามตัว
2.วงจรอุบาทว์แห่งความหน้าใหญ่ จมไม่ลง โชว์รวย
มนุษย์เงินเดือน เป็นสิ่งมืชีวิตที่คิดว่ารายได้ประจำปัจจุบัน เป็นเรื่องที่แน่นอนสุดๆ คิดว่าไม่มีความเสี่ยง กินอาหารหรูห้าร้อยพันขนหน้าแข้งไม่ร่วง ขี้โม้โอ้อวดโชว์รวยในที่ทำงานข่มลูกจ้างในบริษัทที่เดียวกัน ซึ่งตรรกะง่ายๆ ว่าถ้ารวยจริงเหตุใดใยถึงไม่เป็นเจ้าของธุรกิจ ใยถึงมาเป็นลูกจ้างบริษัท อวดรวยเพื่ออะไร ได้อะไรจากการขี้โมโอ้อวดในที่ทำงาน
3.วงจรอุบาทว์แห่งความย่ามใจ ดั่งคนนอนตากแดดบนชายหาดในวันที่สึนามิกำลังจะมา
มนุษย์เงินเดือน ส่วนใหญ่ไม่มีความเตรียมพร้อมเหมือนลูกเสือสามัญที่ว่า "จงเตรียมพร้อม" ไม่ได้คิดว่าสามปี ห้าปี สิบปี ข้างหน้า เราจะสามารถสร้างรายได้ได้ด้วยตนเองโดยไม่พึ่งเงินเดือนปัจจุบันเลยได้หรือไม่ ถ้าไม่มีเงินเดือนให้เป็นที่พึ่งพาแล้วในอนาคต ไม่มีการคิดวางแผนระยะยาวเพื่อเตรียมการไว้ก่อนเลยว่า ทำอย่างไรให้สามารถสร้างอาณาจักรธุรกิจของตัวเองเพื่อเป็นอู่ข้าวอู่น้ำเป็นท่อน้ำเลี้ยงในอนาคต มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดในเรื่องนี้ คิดสั้นๆ แค่ว่า สินเดือนไปกินอะไรแพงๆ สุดสัปดาห์นี้ไปเที่ยวไหนดี แต่ไม่เคยคิดว่า ถ้าพรุ่งนี้ฉันโดนไล่ออกหล่ะ ถ้าพรุ่งนี้บริษัทที่ฉันทำงานเจ๊งหล่ะ ถ้าพรุ่งนี้วงจรเศรษฐกิจโลกครบรอบวงจรวิกฤติหายนะมาถึงพอดีหล่ะ ถ้าเรื่องพวกนี้เกิดพรุ่งนี้ฉันจะเอาอะไรแด๊ก ปัจจุบันฉันมีท่อน้ำเลี้ยงรายได้สำรองหรือไม่ ฉันตกงานพรุ่งนี้ฉันสามารถไปเกาะท่อน้ำเลี้ยงสำรองเลี้ยงชีพได้ที่ไหน หรือฉันต้องเข้าป่าไปหางู นก หนู สะกั๊ง ตัวเฮ้ กินแบบแบร์กริล
4.วงจรอุบาทว์แห่งการบริโภค มากกว่าการออกล่ารายได้เสริมเพิ่มเติมจากรายได้ประจำ
มนุษย์เงินเดือน มีจิตใจฝักใฝ่ในการใช้จ่ายเงินอยู่ตลอดเวลา กำเงินหรือมีเงินอยู่กับตัวหรือในบัญชีได้ไม่นาน เป็นเหมือนของร้อนที่ต้องรีบเอาออกมาใช้ การเก็บหรือถือครองเงินสดเป็นเรื่องที่มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่มักจะห้ามใจไม่ได้ ดั่งกอลั่มที่ครองแหวนเดอะลอร์ด ของรักของข้า แฮ่ เหมือนถูกครอบงำจิดใจให้กระทำพฤติกรรมผิดวิสัยอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่คิดถึงว่ามีเงินสดแล้วจะทำอย่างไรมีวิธีไหนที่สามารถสร้างเป็นต้นทุนสร้างรายได้เพิ่มได้อีก ศึกษาไอเดียต่อยอดเป็นท่อน้ำเลี้ยงได้อีกทางหลังจากที่ไม่มีรายได้ประจำให้เกาะกินอีกแล้ว