http://www.share2trade.com/index.php?route=content/content&path=10&content_id=1361[url]
บทความนำมาจาก
http://www.stockquadrant.com/news-detail.php?id=19
1.มีประเด็นบวกถึงขั้นพื้นฐานเปลี่ยนฉับพลัน หรือมีการประกาศแจกของ
พื้นฐานดีย่อมเป็นให้หุ้นที่เคยถูกมองข้ามกลับมาเป็นดาวเด่นได้เสมอ แม้บ่อยครั้งจะเป็นประเด็นที่แค่คาดว่าจะเกิดขึ้นก็ตาม แต่ถ้ามันมีความเป็นไปได้มากพอ ราคาก็พร้อมจะตอบสนองล่วงหน้าอย่างรวดเร็ว โดยประเด็นยอดนิยมมีดังนี้โดนเทคเวอร์, ไปเทคโอเวอร์กิจการ, มีกำไรพิเศษก้อนโต, งบการเงินพลิกจากขาดทุนเป็นกำไรอย่างมีนัย, มีนโยบายภาครัฐเอื้อต่อการทำธุรกิจ, ได้สัมปทานหรือชนะประมูลงานใหญ่, เปลี่ยนธุรกิจไปสู่ธุรกิจที่มีอนาคตกว่า, ประกาศปันผลพิเศษ, แตกพาร์เพิ่มสภาพคล่อง, แจกวอแรนต์ฟรี ฯลฯ
2.เคยราคาร่วงต่อเนื่อง จากความหวาดกลัวมากเกินจริง
บางครั้งข่าวลือในทางลบก็เป็นโอกาสสร้างกำไรมหาศาลได้เมื่อหุ้นนั้นๆ ตกหนักเกินความเป็นจริง
ในตลาดหุ้นไทยมีอยู่คำกล่าวหนึ่งคือ "3 ฟลอร์ 1 ลิ่ง" อันหมายถึงเมื่อหุ้นตกหนักราว 30% ต่อเนื่อง 3 วัน วันที่ 4 มักจะดีดตัวได้แรง ซึ่งสูตรนี้ถึงจะไม่ได้เป็นจริงทุกๆ ครั้ง แต่ก็ใกล้เคียงกับสิ่งที่มักเกิดขึ้น
ในอีกบางกรณี หุ้นที่มีอาการซึมลงช้าๆ ยาวนานเป็น เดือนเป็นหลายๆ ไตรมาส แต่ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เลวร้ายอะไร ครั้นเวลามีแรงซื้อกลับเข้ามาก็มักดีด Ceiling ได้ง่ายๆ เช่นกัน
3.เป็นหุ้นที่ปกติ สภาพคล่องต่ำ แทบจะไม่มีการซื้อขาย
หุ้นประเภทนี้ ปกติช่องราคาฝั่ง Bid กับ Offer มักจะห่างกันมาก การซื้อไม่กี่ไม้ด้วยเงินเล็กน้อยก็ทำให้หุ้นบวกแรงจัดได้ แต่ก็มีความเสี่ยงเช่นกันที่ซื้อได้แล้วจะขายออกยากมาก ไม่มีใครสนใจจะมารับซื้อไม้ต่อ
ในอีกมุมหนึ่งหุ้นประเภทนี้มักไม่ได้รับการสนใจว่าพื้นฐานที่แท้จริงราคาควรอยู่ตรงไหน ครั้นเมื่อมีนักลงทุนตาดีมาเห็นเข้าและประเมินว่าคุ้มพอก็พร้อมจะไล่ซื้อรวดเดียวโดยไม่ตั้ง Bid ให้เสียเวลา การเหวี่ยงขึ้นของราคาจึงเร็วมาก
4.มีกลุ่มทุน, นักธุรกิจชื่อดัง, นักลงทุนรายใหญ่ หรือเจ้าของกิจการ จงใจเก็บหุ้นจำนวนมากเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง
ชื่อที่มีอิทธิพลมักเป็นกลุ่มเจ้าสัวต่างๆ ที่ระยะหลังได้ยินค่อนข้างบ่อยคือเสี่ยเจริญเบียร์ช้าง ซึ่งมีบารมีมากพอเสกให้หุ้นธรรมดากลายเป็นดาวเด่นได้ชั่วพริบตา ส่วนนักลงทุนรายใหญ่ถ้ามีการทุ่มเข้าซื้อหุ้นตัวเล็กๆ ก็สามารถทำให้หุ้นขึ้นแรงได้เช่นกัน แต่ที่จะทำให้หุ้นขึ้นได้ถึง Ceiling ได้รวดเร็วที่สุดก็คือการกว้านซื้อจากเจ้าของ หรือผู้ที่จงใจจะแย่งเก็บหุ้นเพื่อเป็นเจ้าของกิจการชุดใหม่ ซึ่งถ้าไม่ได้ทำการดีลกันผ่านกระดานบิ๊กล็อตแล้ว กลไกตลาดจะผลักให้หุ้นขยับสูงได้รวดเร็วเป็นพิเศษ
5.มี Market Maker จงใจสร้างราคา
กรณีสุดท้ายนี้ บางคนก็เรียกว่าการปั่นหุ้น ซึ่งก็แล้วแต่คำนิยาม ในยุคปัจจุบันกระบวนการสร้างราคามีความพิสดารไปกว่าอดีตเล็กน้อย ซึ่งในอดีตจะใช้การโยนหุ้นกันไปมาเพื่อให้ราคาสูงขึ้น ทว่าในยุคโซเชี่ยลมีเดียแค่มีการให้ข้อมูลดีๆ มีการซื้อโชว์สร้างสัญญาณเทคนิคให้สวย รายย่อยผู้เป็นสาวกก็พร้อมจะแห่ซื้อตามได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งเป็นหุ้นตัวเล็กๆ ราคาต่อหุ้นต่ำๆ ฟรีโฟลตน้อยๆ การวิ่งขึ้นก็ยิ่งง่าย ฉะนั้นหาก Market Maker สนใจหุ้นตัวไหนอยู่ละก็ วันดีคืนดี Ceiling อาจปรากฏให้เห็นก็เป็นได้
5 เคล็ดลับ จับตาหุ้นซิลลิ่ง (Ceiling)
http://www.share2trade.com/index.php?route=content/content&path=10&content_id=1361[url]
บทความนำมาจาก
http://www.stockquadrant.com/news-detail.php?id=19
1.มีประเด็นบวกถึงขั้นพื้นฐานเปลี่ยนฉับพลัน หรือมีการประกาศแจกของ
พื้นฐานดีย่อมเป็นให้หุ้นที่เคยถูกมองข้ามกลับมาเป็นดาวเด่นได้เสมอ แม้บ่อยครั้งจะเป็นประเด็นที่แค่คาดว่าจะเกิดขึ้นก็ตาม แต่ถ้ามันมีความเป็นไปได้มากพอ ราคาก็พร้อมจะตอบสนองล่วงหน้าอย่างรวดเร็ว โดยประเด็นยอดนิยมมีดังนี้โดนเทคเวอร์, ไปเทคโอเวอร์กิจการ, มีกำไรพิเศษก้อนโต, งบการเงินพลิกจากขาดทุนเป็นกำไรอย่างมีนัย, มีนโยบายภาครัฐเอื้อต่อการทำธุรกิจ, ได้สัมปทานหรือชนะประมูลงานใหญ่, เปลี่ยนธุรกิจไปสู่ธุรกิจที่มีอนาคตกว่า, ประกาศปันผลพิเศษ, แตกพาร์เพิ่มสภาพคล่อง, แจกวอแรนต์ฟรี ฯลฯ
2.เคยราคาร่วงต่อเนื่อง จากความหวาดกลัวมากเกินจริง
บางครั้งข่าวลือในทางลบก็เป็นโอกาสสร้างกำไรมหาศาลได้เมื่อหุ้นนั้นๆ ตกหนักเกินความเป็นจริง
ในตลาดหุ้นไทยมีอยู่คำกล่าวหนึ่งคือ "3 ฟลอร์ 1 ลิ่ง" อันหมายถึงเมื่อหุ้นตกหนักราว 30% ต่อเนื่อง 3 วัน วันที่ 4 มักจะดีดตัวได้แรง ซึ่งสูตรนี้ถึงจะไม่ได้เป็นจริงทุกๆ ครั้ง แต่ก็ใกล้เคียงกับสิ่งที่มักเกิดขึ้น
ในอีกบางกรณี หุ้นที่มีอาการซึมลงช้าๆ ยาวนานเป็น เดือนเป็นหลายๆ ไตรมาส แต่ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เลวร้ายอะไร ครั้นเวลามีแรงซื้อกลับเข้ามาก็มักดีด Ceiling ได้ง่ายๆ เช่นกัน
3.เป็นหุ้นที่ปกติ สภาพคล่องต่ำ แทบจะไม่มีการซื้อขาย
หุ้นประเภทนี้ ปกติช่องราคาฝั่ง Bid กับ Offer มักจะห่างกันมาก การซื้อไม่กี่ไม้ด้วยเงินเล็กน้อยก็ทำให้หุ้นบวกแรงจัดได้ แต่ก็มีความเสี่ยงเช่นกันที่ซื้อได้แล้วจะขายออกยากมาก ไม่มีใครสนใจจะมารับซื้อไม้ต่อ
ในอีกมุมหนึ่งหุ้นประเภทนี้มักไม่ได้รับการสนใจว่าพื้นฐานที่แท้จริงราคาควรอยู่ตรงไหน ครั้นเมื่อมีนักลงทุนตาดีมาเห็นเข้าและประเมินว่าคุ้มพอก็พร้อมจะไล่ซื้อรวดเดียวโดยไม่ตั้ง Bid ให้เสียเวลา การเหวี่ยงขึ้นของราคาจึงเร็วมาก
4.มีกลุ่มทุน, นักธุรกิจชื่อดัง, นักลงทุนรายใหญ่ หรือเจ้าของกิจการ จงใจเก็บหุ้นจำนวนมากเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง
ชื่อที่มีอิทธิพลมักเป็นกลุ่มเจ้าสัวต่างๆ ที่ระยะหลังได้ยินค่อนข้างบ่อยคือเสี่ยเจริญเบียร์ช้าง ซึ่งมีบารมีมากพอเสกให้หุ้นธรรมดากลายเป็นดาวเด่นได้ชั่วพริบตา ส่วนนักลงทุนรายใหญ่ถ้ามีการทุ่มเข้าซื้อหุ้นตัวเล็กๆ ก็สามารถทำให้หุ้นขึ้นแรงได้เช่นกัน แต่ที่จะทำให้หุ้นขึ้นได้ถึง Ceiling ได้รวดเร็วที่สุดก็คือการกว้านซื้อจากเจ้าของ หรือผู้ที่จงใจจะแย่งเก็บหุ้นเพื่อเป็นเจ้าของกิจการชุดใหม่ ซึ่งถ้าไม่ได้ทำการดีลกันผ่านกระดานบิ๊กล็อตแล้ว กลไกตลาดจะผลักให้หุ้นขยับสูงได้รวดเร็วเป็นพิเศษ
5.มี Market Maker จงใจสร้างราคา
กรณีสุดท้ายนี้ บางคนก็เรียกว่าการปั่นหุ้น ซึ่งก็แล้วแต่คำนิยาม ในยุคปัจจุบันกระบวนการสร้างราคามีความพิสดารไปกว่าอดีตเล็กน้อย ซึ่งในอดีตจะใช้การโยนหุ้นกันไปมาเพื่อให้ราคาสูงขึ้น ทว่าในยุคโซเชี่ยลมีเดียแค่มีการให้ข้อมูลดีๆ มีการซื้อโชว์สร้างสัญญาณเทคนิคให้สวย รายย่อยผู้เป็นสาวกก็พร้อมจะแห่ซื้อตามได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งเป็นหุ้นตัวเล็กๆ ราคาต่อหุ้นต่ำๆ ฟรีโฟลตน้อยๆ การวิ่งขึ้นก็ยิ่งง่าย ฉะนั้นหาก Market Maker สนใจหุ้นตัวไหนอยู่ละก็ วันดีคืนดี Ceiling อาจปรากฏให้เห็นก็เป็นได้